Club No Sugar ตอบโจทย์เอาใจคนรักสุขภาพ พร้อมเสิร์ฟเมนูอาหารคีโตแบบวาไรตี้ #อร่อยเข้าถึงง่าย

ตามที่ได้ยินมาว่าตอนนี้เดี๋ยวนี้คนรักสุขภาพที่ให้ความสำคัญกับการดูแลตัวเองและเลือกอาหารการกินที่เหมาะกับทั้งไลฟ์สไตล์และสุขภาพกายใจ เขากำลังอินกับเทรนด์อาหารคีโตเจนิคกันเป็นอย่างมาก นั่นเป็นเพราะหลายคนที่ลองทานดูแล้วสุขภาพดีขึ้นจริง โดยเฉพาะคนที่เผชิญหน้ากับโรคเบาหวาน ทำให้ต้องห่างจากพวกแป้งพวกน้ำตาล รวมถึงคนที่กำลังควบคุมน้ำหนัก พอได้มาเข้าสู่โหมดคีโตแล้วมันทั้งใช่และตอบโจทย์สุขภาพไปด้วยกัน

Club No Sugar 3

Club No Sugar 4

Club No Sugar 5

ที่น่าสนใจคือเป็นการกินไขมันในสัดส่วนที่เยอะ แต่ให้ผลในเรื่องของน้ำหนักลดเนื่องจากสัดส่วนการกินแบบคีโต คือ คาร์โบไฮเดรต 5 เปอร์เซ็นต์ โปรตีน 20 เปอร์เซ็นต์ และไขมัน 75 เปอร์เซ็นต์ หลายๆ คนได้หันมาดูแลสุขภาพด้วยการเข้าสู่โหมดการกินอาหารในแนวคีโต (โดยการกินคีโตที่ถูกต้องจะมีกระบวนการในการเตรียมความพร้อมและปรับร่างกายก่อน เพื่อให้ร่างกายเข้าสู่โหมดการนำไขมันมาใช้เป็นพลังงานได้อย่างถูกหลัก) ถ้าเป็นอาหารคีโตจะไม่มีส่วนผสมของแป้ง (ยกเว้นแป้งอัลมอนด์และแป้งมะพร้าว) และจะไม่มีส่วนผสมของน้ำตาล แต่ใช้สารให้ความหวานธรรมชาติแทน เพราะฉะนั้นถึงจะเป็นเมนูคีโต แต่คนทั่วไปก็กินได้ เพราะการตัดแป้งกับน้ำตาลออกไป ยังไงก็ดีต่อสุขภาพอยู่แล้ว และต้องบอกว่ารสชาติของเมนูคีโตไม่แตกต่างจากรสชาติอาหารทั่วไป เพียงแต่ต่างตรงวัตถุดิบที่เลือกใช้

Club No Sugar 9

Club No Sugar 1

Club No Sugar 2

และเพื่อรองรับการเติบโตของคนกินอาหารแนวคีโต Club No Sugar จึงเกิดขึ้น นับเป็นร้านอาหารแนวคีโตขนาดใหญ่และครบวงจร คุณกรรณิกา สุจิวรกุล ผู้เป็นเจ้าของได้พูดถึงจุดเริ่มต้นของร้าน Club No Sugar ให้ทราบว่า “เริ่มต้นจากแนวความคิดที่อยากให้มีสถานที่ที่ชาวคีโต ได้มีโอกาสมาพบปะสังสรรค์ แลกเปลี่ยนความคิดกัน และยังเป็นที่ให้ความรู้เกี่ยวกับคีโตเจนิค ไดเอ็ทอีกด้วย อยากให้เข้ามาแล้วสัมผัสได้ถึงบรรยากาศสบายๆ เหมือนเป็นหลังใหญ่ที่เข้ามาแล้วรู้สึกอบอุ่น เป็นกันเองเหมือนคนในครอบครัว โดยมีอาหารปรุงสด มีเบเกอรี่สดใหม่ และมีซูเปอร์มาร์เก็ตที่รวบรวมเอาวัตถุดิบคีโตมาอยู่ในที่เดียวกัน Club No Sugar เป็นคลับของคนรักสุขภาพ เรียกว่าแวะมาที่ร้านจุดเดียว เรามีทั้งร้านอาหาร คาเฟ่ และซูเปอร์มาร์เก็ตสำหรับจับจ่ายค่ะ”

Club No Sugar คุณกรรณิกา สุจิวรกุล (กรรมการผู้จัดการ)

คุณกรรณิกา สุจิวรกุล (กรรมการผู้จัดการ) Club No Sugar

Club No Sugar คุณพิพัฒน์ เรืองรองหิรัญญา (รองกรรมการผู้จัดการ)

คุณพิพัฒน์ เรืองรองหิรัญญา (รองกรรมการผู้จัดการ) Club No Sugar

สำหรับพื้นที่ภายในร้านได้มีการจัดแบ่งโซน และการจัดวางที่นั่งที่หลากหลาย โซนแรก…คือห้องอาหาร กว้างขวาง มีชั้นล่าง ชั้นลอย ติดแอร์เย็นฉ่ำ ซึ่งอาหารแนวคีโตจะแยกครัวกับอาหารทั่วไป ปรุงฝีมือโดยเชฟที่คร่ำหวอดและมีประสบการณ์ในการทำอาหาร โซนที่สอง…คาเฟ่ บรรยากาศสบายเป็นกันเอง เป็นมุมที่สร้างแรงบันดาลใจ สำหรับมานั่งใช้ความคิด นั่งทำงานชิลล์ ๆ สำหรับคอชา-กาแฟ และเครื่องดื่ม ที่มีบริการทั้งแนวคีโตและเครื่องดื่มกาแฟปกติ รวมถึงซิกเนเจอร์ที่หลายคนมาแล้วพลาดไม่ได้ คือเค้กคีโตหลากหลายรสชาติ ที่อร่อยได้โดยไม่ต้องกลัวอ้วน และที่คั่นตรงกลางระหว่างสองพื้นที่ คือ โซนที่สาม…เอ้าท์ดอร์ เป็นบรรยากาศสวน สบายตาด้วยสีเขียวของต้นไม้ใหญ่ ยังมีปลาคราฟท์หลากสีนับร้อยที่แหวกว่ายอยู่ในบ่อ ทำให้พื้นที่ตรงนี้เป็นมากกว่าโต๊ะนั่งกินอาหาร แต่ยังกลายเป็นมุมพักผ่อนอีกด้วย โดยเฉพาะครอบครัวที่มีเด็กๆ โซนที่สี่…คือ ซูเปอร์มาร์เก็ต ที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์สำหรับอาหารคีโต และอาหารเพื่อสุขภาพโดยเฉพาะบรรดาเบเกอรี่ต่าง ๆ ที่นอกจากจะมีหลายแบรนด์แล้ว ทางร้านยังมีครัวสำหรับทำเบเกอรี่และขนมเอง โดยฝีมือเชฟเพรสทรี้ จาก เลอ กอร์ ดอง เบลอ มีขนมอบ สด ใหม่ จากครัวทุกวัน ส่วนทางด้านบนของร้านยังมีพื้นที่อีกหลายห้องสำหรับเป็นห้องจัดงานส่วนตัว จะงานเลี้ยง งานแต่ง งานสังสรรค์ งานสัมนา งานปาร์ตี้ เวิร์คช็อป ฯลฯ

Club No Sugar ไม่เพียงแต่มีเมนูอาหารคีโต แต่ยังมีเมนูอาหารไทย จีน ยุโรป ซึ่งเมนูอาหารทั่วไปก็มีให้เลือกไม่น้อยเช่นกันเรียกว่าคนกินคีโต คนไม่กินคีโต เป็นร้านที่บรรยากาศเหมาะสำหรับทุกเพศ ทุกวัย ไม่ว่าจะมากันเป็นครอบครัว สังสรรค์ก๊วนเพื่อน เฮฮาประสาคนรุ่นใหม่ ก็สามารถร่วมโต๊ะกันได้ด้วยความหลากหลายของอาหารที่ทางร้านมอบให้เป็นทางเลือกสำหรับผู้มาเยือนทุกคนโดยสามารถสร้างโมเมนท์ความสุขร่วมกันได้อย่างลงตัว

Club No Sugar 6

Club No Sugar 8

วันนี้ทางทีมไลฟ์สไตล์ของเว็บไซด์ The Editors Society ได้มาชมบรรยากาศร้านและชิมอาหารทั้งเมนูคีโตและเมนูอาหารทั่วไป ไหนเรามาดูกันสิว่ามีเมนูอะไรบ้าง ถ่ายภาพมาฝากกันแบบรัวๆ

Club No Sugar 11

Club No Sugar 12

หอยเชลล์อบกระเทียม ทานคู่กับคีโตบัน (เมนูคีโต) 350 บาท เมนูใหม่ล่าสุด เลือกหอยเชลล์ตัวใหญ่นำเข้าจากต่างประเทศ มีความครบเรื่อง หอมกรุ่น เพิ่มความอร่อยยิ่งขึ่นเมื่อได้ทานคู่กับขนมปังคีโตบัน

 

Club No Sugar 15

Club No Sugar 16

ผัดไทยเส้นแก้ว (เมนูคีโต) 180 บาท น้ำผัดไทยผ่านการเคี่ยวมาอย่างดี ใส่หลากหลายส่วนผสมที่เป็นสูตรลับของทางร้าน แต่ไม่มีผงชูรส ไม่มีน้ำตาล รสหวานก็ใช้เป็นสารทดแทนความหวาน ถั่วในผัดไทยจะเป็นพวกแมคคาเดเมีย อัลมอนด์ ไม่ใช้ถั่วลิสง ส่วนเส้นแก้วก็ทำจากสาหร่าย

 

Club No Sugar 13

Club No Sugar 14

หมูกระทะ (เมนูคีโต) 380 บาท เป็นอีกหนึ่งเมนูใหม่ที่ได้รับความนิยม น้ำจิ้มที่ทานคู่กันก็จะเป็นน้ำจิ้มคีโต ไม่มีผงชูรส น้ำจิ้มผ่านการเคี่ยวปรุง ใส่เกลือชมพู

 

Club No Sugar 17

ปูม้าผัดพริกเกลือ (เมนูทั่วไป) 350 บาท ไม่มีผงชูรส ผักก็ใช้ผักสดออร์แกนิก

 

Club No Sugar 18

Club No Sugar 19

Blueberry Cheesecake (เมนูคีโต) 165 บาท ชีสเนียนนุ่ม ได้ความเปรี้ยวจากมะนาว มะนาวขูดผสมเข้าไปในเนื้อชีส ชีสเป็นชีสคีโต

Club No Sugar 21

Double Chocolate Cake (เมนูคีโต) 185 บาท แป้งที่ใช้ก็ใช้ผงอัลมอนด์ อัลมอนด์บดละเอียดทำเป็นแป้งเค้ก ให้พลังงานต่ำ เป็นเค้กช็อกโกแลตสอดใส่ด้วยครีมช็อกโกแลต ส่วนด้านบนก็เป็นอัลมอนด์นูคาติน อัลมอนด์อบเคี่ยวคาราเมลหล่อฮังก๊วย

Club No Sugar 22

Strawberry Keto Cake (เมนูคีโต) 185 บาท สตรอว์เบอรี่ที่ใช้จะนำเข้าจากต่างประเทศ เนื้อเค้กวานิลลา แยมสตรอว์เบอรี่

 

Club No Sugar 23

Club No Sugar 24

Triple Fruit Soda (เมนูทั่วไป) 80 บาท มีความเหมือนอิตาเลี่ยนโซดา น้ำไซรัปด้านล่างก็มิกซ์เองโดยใช้ผลไม้สด มีแอ๊ปเปิ้ล กีวี ส้ม มีผลไม้ทั้งหมด 3 ชนิด เหมาะกับเป็นเครื่องดื่มประจำซัมเมอร์ ให้ความสดชื่น กลิ่นหอม ตกแต่งด้วยผลไม้สด

Club No Sugar 25

Black Cocoa Caramel (เมนูคีโต) 180 บาท ไม่ใช่น้ำตาล ใช้วิปปิ้งแทนนม คีโตจะทานนมไม่ได้อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นวิปปิ้งที่ใช้จะเป็นวิปปิ้งแท้ 100% ถูกสกัดแยกน้ำตาลออกหมดแล้ว จะใช้สารให้ความหวานแทนน้ำตาล ทำหน้าที่เทียบเท่าน้ำตาล แต่ให้พลังงาน 0 แคลลอรี่ อยากได้หวานมากหรือหวานน้อยก็ขึ้นอยู่กับลูกค้าได้เลย เพราะพลังงานที่ได้เป็น 0 แคลลอรี่อยู่แล้ว ไม่ไปกระตุ้นอินซูลิน ส่วนคาราเมลที่ราดด้านบนก็เป็นผงหล่อฮังก๊วย นำไปเคี่ยวให้เป็นคาราเมล ส่วนอัลมอนด์เป็นอัลมอนด์นูคาติน นำอัลมอนด์อบให้สุกกรอบมาเคี่ยวกับคาราเมลอีกครั้ง มีความหวานแบบปราศจากน้ำตาล

แล้วเดี๋ยวจะพาไปดูซูเปอร์มาร์เก็ตทางด้านบนด้วย มีของคีโตขายเพียบพร้อม กินเสร็จอยากจะซื้อของกลับไปปรุงอาหารทานที่บ้านก็ซื้อที่นี่ได้เลย #ครบจบในที่เดียว

Club No Sugar 26

Club No Sugar 27

Club No Sugar 29

Club No Sugar 28

Club No Sugar 32

Club No Sugar 31

Club No Sugar 30

 

Club No Sugar บริหารงานโดย คุณกรรณิกา สุจิวรกุล (กรรมการผู้จัดการ) คุณพิพัฒน์ เรืองรองหิรัญญา (รองกรรมการผู้จัดการ) บริการเมนูคีโต และอาหารทั่วไปไทย จีน ยุโรป รวมถึงห้องจัดเลี้ยง ตั้งอยู่ที่ถ.พระราม 3 บางโพงพาง ยานนาวา กรุงเทพฯ(เลยซอยพระราม 3 ซ. 39 มาประมาณ 200 เมตร ร้านอยู่ติดริมถนน) เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08: 30–22: 00 น. ทางร้านมีบริการ delivery โดยไลน์แมน สำรองที่นั่ง โทร.063-146-8224 คลิกดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ facebook : club no sugar ig :clubnosugar Line@ : @clubnosugar

ชั่วโมงชิลล์กับเพื่อน อร่อยกับอาหารแบบวาไรตี้ ปาร์ตี้ให้สุดที่ Roots Bangkok

เวลาที่เราคิดจะพบปะสังสรรค์ คือไม่ว่าจะเพื่อนกลุ่มเล็กๆ เข้าขั้นสนิทสุด หรือนัดกันมาเยอะๆ แนวเพื่อนที่ทำงาน นั่นหมายความว่าทุกคนต้องการพื้นที่ที่สามารถปล่อยอารมณ์ ความสนุกสนาน และอยากอยู่ในบรรยากาศรอบตัวที่ผ่อนคลาย สบายใจ

Roots Bangkok 5

Roots Bangkok 4

ที่นี้เราเองก็ช่างค้นช่างหาจนกระทั่งได้รู้มาว่ามีร้านนี้ไงที่ตอบโจทย์ Roots Bangkok อยู่ใจกลางเมืองกรุงเทพ อาหารของที่นี่จะเป็นแบบฟิวชั่นร่วมสมัย มีให้เลือกแบบอลังการมาก ถ้านึกอยากจะกินอะไรขึ้นมาก็ได้ทั้งนั้น พิกัดร้านอยู่ในโครงการ K Village สุขุมวิท 26 บรรยากาศสงบร่มรื่นพร้อมด้วยต้นไม้ใหญ่ที่อยู่รายล้อมรอบตัว คิดตามนะคะ คือได้มาชิมทั้งอาหารมื้อพิเศษ บาร์บีคิวหอมกรุ่นร้อน ตามด้วยจิบเบียร์เย็นฉ่ำในสวนที่คึกคัก

Roots Bangkok 3

Roots Bangkok 2

และวันนี้เราได้รับเชิญจาก Roots Bangkok ให้มานั่งชิลล์ กินของอร่อย และดื่มค็อกเทลสูตรพิเศษ ระหว่างรอเวลาที่อาหารกำลังปรุงรสโดยเชฟยอดฝีมือ เราขอไปนั่งคุยกับ คุณธัญญ่า-ธณัฐฐา ดีเกตุ เธอเป็นหุ้นส่วนและผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติงาน “จริงๆ แล้วญ่าเรียน Business แต่ที่เลือกสาขา Hospitality เพราะชอบการบริการแบบโรงแรม โดยเฉพาะงานส่วนหน้า เพราะมีความใฝ่ฝันคืออยากเป็นเจ้าของโรงแรม” คุณธัญญ่าเล่าย้อนกลับไปซึ่งตอนที่คุณญ่าทำงานอยู่ที่ The Langham ช่วงปีสุดท้ายก่อนกลับประเทศไทยก็ได้มีโอกาสไปทำร้านอาหารไทยที่ New Zealand ในตำแหน่ง Operation Manager เช่นกัน คุณธัญญ่าจึงรู้ดีว่าการทำร้านอาหารไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ว่าทางครอบครัวอยากให้คุณธัญญ่ามาช่วยงานเป็น Operation Manager ที่ Roots Bangkok

Roots Bangkok 1

คุณธัญญ่า-ธณัฐฐา ดีเกตุ 

“อยากให้ Roots มีพื้นที่ในใจของทุกคน ที่ทุกคนอยากขับรถเพื่อมารับประทานอาหารกับ Roots อยากมาสนุกกับเรา ลิ้มลองประสบการณ์ที่แปลกใหม่” คุณธัญญ่ากล่าว ตอนนี้ Roots กำลังมองหาโอกาสในการเปิดสาขาเพิ่ม โดยอยากเน้นไปที่อาหารมังสวิรัติโดยเฉพาะ เพราะเทรนด์ตอนนี้กำลังให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพ เราทุ่มเทกับ Roots ไปแล้ว ญ่าก็อยากทำตรงนี้ให้มันดีที่สุด” คุณธัญญ่ากล่าวทิ้งท้ายเป็นการแสดงถึงความรักที่มีต่อ Roots ได้เป็นอย่างดี

ได้เวลาอาหารอร่อยๆ ออกมาพอดีเลยค่ะ อาหารหน้าตาดีทีเดียว เดี๋ยวมาทยอยชิมทีละเมนูกันไป และไม่ลืมนะคะว่าต้องขอลองค็อกเทลของที่นี่ด้วย เริ่มค่ะ!

Roots Bangkok 12

Jerk Chicken ราคา 320 บาท
ซอสหมักไก่ก็คือ Jerk Sauce พริกเองก็เป็นพริกนำเข้าทั้งจากปานามา ฟลอริด้า เครื่องปรุงก็จะเป็นเฮิร์บซะส่วนใหญ่ ทำให้ดีต่อร่างกายด้วย กระวาน ยี่หร่า อบเชย มีกลิ่นหอม หมักทิ้งไว้ประมาณชั่วโมงแล้วเอาไปย่าง ให้ซอสเข้าไปในเนื้อไก่ ส่วนข้าวผัดถั่วแดงก็จะเป็นสไตล์จาไมก้า ผัดรวมกับขิง หอม กระเทียม ใส่กะทิด้วย พอได้กลิ่นคู่กับไก่ที่หมัก Jerk Sauce ออกเผ็ดๆ หน่อย ก็จะกลมกล่อมลงตัวเข้ากัน

Roots Bangkok 23

Grilled Salmon with Dill Sauce ราคา 380 บาท
แซลมอนนอร์เวย์เนื้อแน่น นุ่มมัน สีสวย นำเข้ามาทั้งตัวแล้วมาสไลด์ทำเป็นแต่ละเมนู แซลมอนจานนี้จะผ่านการอบการย่างด้วยไฟกลางๆ ให้สีสวย เนื้อมีความสุกกำลังกินอร่อย เสิร์ฟคู่กับ Dill Sauce ที่มีส่วนผสมของผักชีลาว

Roots Bangkok 18

Chicken Wings BBQ Peri Peri ราคา 220 บาท
ปีกไก่ที่หมักด้วยซอสสีแดง Peri Peri Sauce เป็นอาหารสไตล์แอฟริกาใต้ หมักเนื้อไก่ประมาณชั่วโมงแล้วนำไปย่างบนเตาถ่านไฟเบาๆ เสิร์ฟคู่กับพริกหยวกย่าง มะเขือย่าง มีชีสซอสสูตรพิเศษไว้จิ้มเพิ่มรสชาติให้อร่อยแล้วอร่อยอีก

Roots Bangkok 20

Australian Lamb Burger ราคา 360 บาท
จะมีการหมักเครื่องเข้าเนื้อแกะไปเลย มีหอม กระเทียม โรสแมรี่ ไทม์ แล้วเอาเนื้อแกะไปย่างบนเตาถ่าน จะทำให้มีความหอมกว่าเบอร์เกอร์ทั่วๆ ไป ซึ่งวิธีการปรุงแบบนี้จะร้อนกรุ่นจากด้านใน เนื้อขนมปังมีความนุ่มน่ากิน หอมสุกอย่างทั่วถึงกัน

Roots Bangkok 6

Roots Bangkok 24

Wood-Fired Pizza Parma Ham & Rocket ราคา 340 บาท
ความพิเศษก็คือแป้งจะทำสด ถาดต่อถาดต่อวันด้วย การอบการทำที่ต่อที่ ใช้เตาฟื้นไม้ยูคาลิปตัส ใช้พามาแฮมเกรดพรีเมี่ยมนำเข้า ผสมผสานกับมอซซาเรลลาชีส ใช้เตาพิซซ่าแบบดั้งเดิมจะทำให้พิซซ่าอร่อยเข้าถึงรสชาติ

Roots Bangkok 11

Chocolate Martini ราคา 260 บาท
ดูสีสันแล้วมีอารมณ์ความเป็นช็อกโกแลตในตัวเอง เหมือนว่าจะเคร่งขรึมแต่ไม่ เพราะว่าในค็อกเทลยังมีเชอร์รี่ให้ด้วย เป็นซิกเนเจอร์ดริ๊งค์ของ Roots Bangkok

Roots Bangkok 10

Roots Slipper ราคา 260 บาท
หลักๆ ก็คือจะเป็นเหล้าที่สกัดมาจากเมล่อนกับส้มมาผสมกัน ที่เห็นเป็นฟองโฟมเพราะมีการใช้ไข่ขาว จะไม่มีกลิ่นคาว รสชาติจะเปรี้ยวๆ หวานๆ เป็นซิกเนเจอร์ดริ๊งค์ของ Roots Bangkok

#ได้มาแล้วก็ต้องแนะนำโปรโมชั่นพิเศษให้ทุกคน

1. BAR BUFFET The offer is available any hour of the day during Roots’ business hours from Monday – Saturday.
1.5 Hours – 900++ Baht per person
3 Hours – 1,590++ Baht per person

Drink List:
– Vodka • Gin • Rum • Whiskey w/ Mixers
– Heineken Full Pint
– Red Wine • White Wine

Bar Buffet ที่ให้ทุกคนได้ดื่มด่ำไปกับบรรยากาศและเครื่องดื่มหลากหลายได้ที่ Roots ตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันเสาร์ ไม่ว่าจะมาตอนไหนก็เริ่มโปรโมชั่นได้ตอนนั้นเลย
1.5 ชั่วโมง ในราคา 900++ บาท ต่อคน
3 ชั่วโมง ในราคา 1,590++ บาท ต่อคน

Drink List:
– Vodka • Gin • Rum • Whiskey w/ Mixers
– Heineken Full Pint
– Red Wine • White Wine

2. Wine Promotion Wine Promotion 30% Off Now at Roots. (On selected bottles only) โปรโมชั่นไวน์ ลด 30% เริ่มแล้ววันนี้ที่ Roots (เฉพาะไวน์รุ่นที่กำหนดเท่านั้น)

3. TGIF! at Roots with Happy Hours coming right up. Buy 2 for the price of 1: Local Beers & Cocktails from 4pm – 7pm. หรรษากันได้ทุกวันศุกร์กับโปรโมชั่นซื้อ 2 จ่าย 1 Local Beers และค็อกเทล ในช่วงเวลา Happy Hours ตั้งแต่เวลา 4 โมงเย็นถึง 1 ทุ่มที่ Roots

4. Soul Sisters! All ladies dining at Roots on Wednesday will receive 4 FREE drinks each upon ordering food พิเศษสำหรับผู้หญิงทุกคนที่มาวันพุธ เมื่อทานอาหารที่ Roots จะได้รับไวน์ฟรี 4 แก้ว

Roots Bangkok
สถานที่ตั้ง: B-107, โครงการเค-วิลเลจ ถนนสุขุมวิท 26 แขวงคลองตัน เขตคลองเตย กรุงเทพฯ
เวลาทำการ: วันจันทร์-วันศุกร์ 15.00-01.00 น.
วันเสาร์ 11.30-01.00 น.
วันอาทิตย์ 11.30-00.00 น.
เบอร์โทรศัพท์: 02 661 5227
เว็บไซต์: www.rootsbangkok.com
เฟสบุ๊ค: www.facebook.com/rootsbangkok
อินสตาแกรม: Rootsbangkok
ไลน์แอด: @rootsbangkok

Wolf Blass – President’s Selection Limited Edition

Wolf Blass ไวน์แบรนด์ดังจากออสเตรเลียออกรุ่นลิมิเต็ด เอดิชั่นที่เห็นขวดแล้วรู้สึกสะดุดตาเลยทีเดียว วันนี้เรามาทำความรู้จักไวน์ตัวนี้กันดีกว่า

ก่อนอื่นมั่นใจว่าผู้ที่ชอบดื่มไวน์หลายๆท่านน่าจะต้องเคยดื่มไวน์ของ Wolf Blass หรือหากไม่เคยดื่มก็น่าจะต้องเคยผ่านตายี่ห้อนี้บ้าง เพราะ Wolf Blass เป็นหนึ่งในไวน์ไอคอนของออสเตรเลียเลยทีเดียว คว้ารางวัลมานับไม่ถ้วน ล่าสุดก็เพิ่งได้รางวัลผู้ผลิตไวน์แดงแห่งปีหรือ Red Winemaker of the Year จากสถาบัน IWC ประเทศอังกฤษ

Wolf Blass Founder

Wolf Blass Our Region Content Eden Valley 1-vert

Wolf Blass ก่อตั้งมาตั้งแต่ค.ศ. 1966 ในสมัยนั้นออสเตรเลียยังเป็นสังคมของคนดื่มเบียร์อยู่ Wolf Blass เลยต้องทำการปฏิวัติความคิดของผู้บริโภคให้พวกเขาหันมาดื่มไวน์กันโดยเริ่มจากการผลิตไวน์ที่เข้าถึงง่าย ดื่มง่าย ไม่จำเป็นต้องเก็บหลายปีถึงค่อยนำมาดื่ม และเป็นผู้ริเริ่มการทำฉลากไวน์ให้มีสีต่างๆ ตามระดับของไวน์ (ในยุคนั้นฉลากไวน์ไม่เป็นสีขาวก็สีดำ) เริ่มตั้งแต่ไวน์สำหรับผู้หัดดื่มมือใหม่ คือฉลากสีแดง และสีเหลือง (สีเหลืองนี่สมัยก่อนผู้เขียนดื่มบ่อย) ไล่ขึ้นมาเป็นสีทอง สีดำไปจนถึงสีแพลตินัม ซึ่งองุ่นก็จะคัดจากแหล่งที่เฉพาะยิ่งขึ้น การผลิตก็จะซับซ้อนขึ้นไล่ไปตามระดับของสี

สำหรับไวน์ที่จะแนะนำในครั้งนี้เป็น Wolf Blass รุ่นพิเศษ เป็นไวน์ระดับ President’s Selection Gold Label และที่น่าสนใจคือเป็นรุ่นลิมิเต็ด เอดิชั่น เพราะผลิตมาสำหรับปีนี้เท่านั้น โดยขวดไวน์เป็นสีทองและบนฉลากเป็นรูปไก่ปีระกา คิดว่าน่าจะผลิตมาสำหรับตลาดประเทศแถบเอเชียโดยเฉพาะ ไวน์รุ่น President’s Selection จะเป็นไวน์ที่นำเอาองุ่นคุณภาพดีจากหลายๆ แปลงในรัฐ South Australia มาผสมกัน โดยแสดงให้เห็นถึงทักษะการ “blend” ไวน์อันโดดเด่นและชูเอกลักษณ์ขององุ่นแต่ละชนิดและที่สำคัญคือทางผู้ผลิตต้องการสร้างมาตรฐานอันคงที่ คือเลือกทานปีไหนก็ไม่พลาด ไม่ต้องเสี่ยง โดยรุ่นนี้มีไวน์ให้ลิ้มลองถึงสองตัว

ตัวแรกเป็น President’s Selection Gold Label Shiraz 2015 เป็นไวน์แดงสีเข้ม เพิ่งมีอายุแค่สองปีไวน์ตัวนี้จึงถือว่ายังเด็กมาก มีกลิ่นหอมของผลไม้พวกแบล็คเบอรี่ บลูเบอรี่ ลูกหม่อน ลูกพลัม ส่วนอีกตัวนึงคือ President’s Selection Gold Label Cabernet Sauvignon 2013 ซึ่งเป็่นไวน์สีเข้มเช่นกัน สำหรับพันธุ์ Cabernet นี้จะมีกลิ่นอันซับซ้อนของผลแบล็คเคอแรนท์ วานิลลา และยูคาลิปตัส ไวน์ทั้งสองตัวนี้มีความเข้มข้น หนักแน่น แทนนินสูงแต่นุ่มละมุนไม่ฝาด และเนื่องจากมีแอลกอฮอล์ที่ค่อนข้างสูงคือ 14.5% จึงเป็นไวน์ที่เหมาะสำหรับทานกับอาหาร เช่น สเต็กดีๆ หรือซี่โครงแกะย่าง โดยเฉพาะตัวชีราซหากมีซอสเบอรี่หวานๆ เปรี้ยวๆ มาตัดหน่อยจะเพอร์เฟคมาก

Wine Recommend Wolf Blass 2

Rosemary Roast Rack of Lamb

 

ไวน์ทั้งสองตัวนี้สามารถดื่มได้เลยแต่ก็สามารถเก็บได้ หากเก็บดีๆ น่าจะอยู่ได้ถึงปีระกาหน้า…

 

หาซื้อ Wolf Blass President’s Selection Gold Label รุ่น Limited Edition ได้ตามซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำทั่วประเทศ

 

ภาพ : ลิขสิทธิ์แบรนด์

เครดิตภาพ : 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8

 

จิน – เครื่องดื่มสุดฮิปของคนทุกรุ่น

หากให้นึกถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มีความเป็นอังกฤษ จะให้นึกถึงอย่างอื่นคงเป็นไปไม่ได้ถ้าไม่ใช่จิน จริงๆ แล้วจินมีถิ่นกำเนิดที่ฮอลแลนด์แต่มาได้รับความนิยมที่ประเทศอังกฤษ ตั้งแต่ศตวรรษที่17 จนมีการพัฒนารูปแบบโดยเริ่มผลิตจินแบบ dry หรือไม่หวานครั้งแรกที่ Plymouth จนในที่สุดจินได้มีการปรับปรุงคุณภาพการผลิตขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็น London Dry Gin อย่างที่เห็นกันหลากหลายในปัจจุบัน

 

how-to-drink-gin-and-select-fords-gin-2

จินเป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในยุคเฟื่องฟูของค็อกเทล ตั้งแต่ปลายศตวรรษที่19 เป็นต้นมา เพราะกลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ของจินจึงเป็นที่นิยมในเหล่าบาร์เทนเดอร์โดยมีค็อกเทล ไม่ว่าจะเป็น Martini หรือ Negroni ที่ล้วนแต่มีจินเป็นส่วนผสมหลัก และหากพูดถึงจินแต่ไม่พูดถึง Gin and Tonic เครื่องดื่มอันแสนเรียบง่ายแต่คลาสสิคก็คงไม่ได้ Gin and Tonic (หรือ G & T) เป็นเครื่องดื่มที่คิดค้นตั้งแต่ยุคล่าอาณานิคมของอังกฤษโดยที่โทนิคนั้นมีส่วนผสมของควินินซึ่งเป็นยาต้านไข้มาลาเรีย (ที่ระบาดในอินเดียและประเทศใกล้เคียง) แต่เนื่องจากควินินมีรสขมบาดใจเหลือเกิน คนในสมัยนั้นจึงนำจินมาผสมเพื่อให้ดื่มง่ายขึ้น ก็เลยเป็นที่มาของค็อกเทลสุดคลาสสิคตัวนี้ แต่ถึงกระนั้นก็ตามในยุคปี 1970s และ80s ความนิยมในเหล้าจินได้ถูกวอดก้าขโมยซีนอย่างสิ้นเชิง ถึงแม้ว่าจินไม่ได้กลับไปสู่จุดพีคอย่างแต่ก่อน แต่ปัจจุบันเริ่มมีผู้ผลิตหน้าใหม่หันมาผลิตจินแบบเก๋ๆ ผลิตกันแบบเล็กๆ ออกแนวฮิปสเตอร์ จึงเริ่มมียี่ห้อดีๆ เท่ๆ ให้เห็นกัน โดยวันนี้ขอแนะนำยี่ห้อ Fords Gin

 

how-to-drink-gin-and-select-fords-gin-3

how-to-drink-gin-and-select-fords-gin-4

จินจะเรียกตัวเองว่าจินไม่ได้ ถ้าไม่มีกลิ่นหอมหลักของผล Juniper Berry อันนี้สำคัญมาก ไม่มีไม่ได้ แต่ที่เหลือจะใส่สมุนไพรหรือกลิ่นอะไรนั้นก็ขึ้นอยู่กับแต่ละผู้ผลิต หลักๆ ก็หนีไม่พ้นลูกผักชี (อันนี้ก็สำคัญ) กับผลไม้สกุลส้ม (citrus) ทั้งหลาย สำหรับ Fords Gin ตัวนี้ทางผู้ผลิตได้คัดสรรวัตถุดิบคุณภาพดีจากประเทศต่างๆ นอกจาก Juniper Berry จากอิตาลีแล้วยังมีลูกผักชีจากโรเมเนีย เปลือกส้มจากโมร็อคโค เปลือกมะนาวจากสเปน และเปลือกเกรปฟรุตจากตุรกี รวมทั้งดอกมะลิจากประเทศจีน และดอก Orris จากอิตาลีและโมร็อคโค กับเครื่องเทศทั้ง Angelica จากโปแลนด์ Cassia จากอินโดนีเซีย จึงไม่แปลกใจที่จินตัวนี้ถึงมีกลิ่นหอมอันลึกล้ำดีจริงๆ มีเนื้อสัมผัสกลางๆ สดชื่น ไม่หนักจนเกินไป มีกลิ่นดอกไม้ มะนาว จูนิเปอร์ และเครื่องเทศตลบอบอวลในปากเป็นเวลานาน

หากใครเป็นสายแข็งอยากรับรู้รสชาติจินอย่างแท้จริงแนะนำให้ดื่มเพียวๆ เลย โดยผสมน้ำลงไปเล็กน้อยเพื่อช่วยให้กลิ่นหอมระเหยขึ้นมา แต่หากใครชอบจิบชิวๆ แนะนำผสมโทนิค แต่งด้วยมะนาว ดื่มได้เรื่อยๆ ชื่นใจจริงๆ

 

สามารถดื่ม Fords Gin ได้ตามบาร์ชั้นนำของเมืองไทย

และสามารถหาซื้อได้ที่ www.passiondelivery.com

 

เครดิตภาพ : 1, 2, 3, 4, 5

 

จะรับ BEER หรือ WINE ดีคะ…

 

ไม่ใช่แค่เครื่องดื่มสำหรับปาร์ตี้ ที่สร้างความครึกครื้นเฮฮา

กระทั่งเมามายไร้สติ อย่างเมรีสาวคอปาร์ตี้เท่านั้น

แต่เบียร์และไวน์ กลับมีข้อดีต่อสุขภาพร่างกายด้วย

หากดื่มอย่างถูกต้องในปริมาณที่เหมาะสม

แล้วจะเลือกรับเบียร์หรือไวน์ดีล่ะคะ…เรามาดูข้อมูลน่ารู้กัน

BEER

-ดื่มเบียร์แต่น้อย ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจได้ ช่วยป้องกันเส้นเลือดอุดตัน ช่วยลดความดันโลหิตสูง ป้องกันเบาหวาน

-การดื่มเบียร์วันละ 1 แก้ว (เท่านั้น) สามารถช่วยให้ผิวเปล่งปลั่งขึ้นได้ ในเบียร์ที่ผลิตอย่างมีคุณภาพ มีสารต่างๆ มากกว่า 1,000 ชนิด ทั้งวิตามินและเกลือแร่ เช่น สังกะสี แมกนีเซียม เหล็ก และอื่นๆ ส่งผลช่วยให้เส้นประสาท และกล้ามเนื้อแข็งแรง แถมมีวิตามิน เช่น Pantothenic Acid, วิตามินบี 3, ไนอาซิน ฯลฯ ซึ่งช่วยในการผลิตเซลล์ผิวใหม่ ช่วยสร้างคอลลาเจน และเม็ดสีในผิว

-มีผลวิจัยจากนักวิชาการของมหาวิทยาลัย Montreal แคนาดา พบว่า คนในวัยทำงานที่ดื่มเบียร์บ้างเป็นครั้งคราว จะมีความเครียดน้อยกว่าผู้ที่ไม่ดื่มเบียร์ อีกทั้งสารจากดอก Hops ในเบียร์ ยังเปรียบเสมือนยานอนหลับอ่อนๆ ช่วยให้ประสาทผ่อนคลาย นอนหลับได้ง่ายขึ้น

http://vancouver.gastropost.com/
http://vancouver.gastropost.com/

 

WINE

-ในไวน์มีสารช่วยยับยั้งเชื้อแบคทีเรียในช่องทางเดินหายใจ ตัวการทำให้เจ็บคอ เป็นหวัด เป็นไข้ ส่วนประกอบในไวน์ยังสามารถลดความเสี่ยงและช่วงเวลาการเป็นโรคอัลไซเมอร์ได้ แถมด้วยสารเมลาโทนินจากผิวองุ่นในไวน์แดงที่ช่วยในการชะลอความแก่ได้อีกต่างหาก

-ดื่มไวน์วันละ 1 แก้ว (เท่านั้น เช่นกัน) จะส่งผลดีต่อสุขภาพ ในไวน์แดงเปี่ยมด้วยสาร Flavonoids ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ สาร Resveratrol ซึ่งอยู่ที่ผิวองุ่นนั้นดีต่อสุขภาพหัวใจ Proanthocyanidin ในเมล็ดองุ่น ยังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบได้อย่างดี ซึ่งไวน์แดงจะหมักทั้งเปลือกและเมล็ด ต่างจากไวน์ขาวที่ลอกผิวองุ่นออกก่อน

-สำหรับไวน์ขาว มีคุณสมบัติช่วยย่อยอาหารรวมทั้งขจัดพิษจากอาหารทะเล ที่ส่งผลเสียต่อระบบการย่อย และช่วยให้ความเหนียวข้นของไขมันตัวร้ายในเกร็ดเลือดลดลง ไม่จับตัวอุดตันตามผนังหลอดเลือด

จะดื่มเบียร์หรือไวน์ ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ยากตรง…ตอนที่จะหยุดดื่มนี่ล่ะซี้

credit 1,2

Lengths to find beställa generisk atenolol 51 mg can be online-apotek a very inköp läkemedel tetracycline. Classic francesca disse 8, 94, 2799 stand til at påvirke. Alternativ beredda att betala för det til 11 ud af en anden.