Red Wine Time

ไวน์แดงยอดนิยมของคนส่วนใหญ่มักหนีไม่พ้นองุ่นพันธุ์ Cabernet Sauvignon และ Merlot วันนี้ขอแนะนำไวน์จากองุ่นสองชนิดนี้ที่เหมาะที่จะดื่มในวันฟ้าครึ้ม

Red Wine 2

Cabernet Sauvignon Grapes

Casa Silva Chile 2

ไวน์ตัวแรกเป็นไวน์จากประเทศชิลี ส่วนใหญ่เวลาใครมาถามว่าจะซื้อไวน์อะไรดื่มดีเรามักบอกไปว่าคิดอะไรไม่ออกสั่งไวน์ชิลี เพราะไวน์จากที่นี่มักมีรสชาติถูกปาก เลือกแล้วมักไม่พลาด ดื่มง่าย ราคาไม่แพง สำหรับไวน์ชิลีตัวนี้ไม่ได้เป็นไวน์ธรรมดาๆ แต่เป็นไวน์ Cabernet Sauvignon Reserve ของ Casa Silva ซึ่งเป็นผู้ผลิตจาก Colchagua Valley ทางตอนใต้ของเมืองหลวง Santiago ตระกูล Silva เป็นหนึ่งในตระกูลผลิตไวน์ที่เก่าแก่ที่สุดของชิลี และตระกูลนี้เป็นผู้บุกเบิก Colchagua ให้เป็นแหล่งผลิตไวน์ที่สำคัญของประเทศ โดย Casa Silva นั้นเป็นไวน์ที่กวาดรางวัลมาแล้วมากมาย ถือว่าเป็นหนึ่งในยี่ห้อไวน์ชิลีที่ได้รางวัลมากที่สุด ไวน์รุ่น Reserve นี้ ทางผู้ผลิตจะคัดเลือกองุ่นจากโซนที่ดีที่สุดของไร่โดยได้สายพันธุ์องุ่นมาจากบอร์โดซ์ เก็บเกี่ยวองุ่นด้วยมือทั้งหมดและคัดเฉพาะองุ่นที่คุณภาพดีที่สุดมาผลิต ลักษณะของไวน์ตัวนี้น่าจะเป็นที่ถูกใจของคอไวน์เข้มๆ แมนๆ เพราะเป็นไวน์สีทับทิมเข้ม บอดี้หนักแน่น มีแทนนินสูงแต่นุ่มละมุน มีกลิ่นหอมของผลแบล็คเคอแรนท์ แบล็คเบอรี่ เชอรี่ ช็อกโกแลต และเครื่องเทศ เหมาะที่จะทานกับสตูขาแกะ หรือสตูเนื้อ หรือจะลองทานกับชีสเบอเกอร์ฉ่ำๆ ก็ดีเช่นกัน

Stew meat 2

 

Red Wine 1

Merlot Grapes

สำหรับไวน์อีกตัวนึงเป็นองุ่นพันธุ์ Merlot จากประเทศอิตาลี หลายคนอาจสงสัยว่าประเทศอิตาลีที่มีองุ่นสายพันธุ์ของตัวเองนั้นปลูกองุ่นของฝรั่งเศสด้วยหรือ คำตอบคือใช่ และปลูกมานานแล้วด้วย โดยมีการปลูกสายพันธุ์ Merlot ตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 19 และปัจจุบัน Merlot เป็นสายพันธุ์ที่ปลูกมากเป็นอันดับ 4 ของประเทศเลยทีเดียว ไวน์ตัวนี้ชื่อ Villa Martina จากแคว้น Friuli Venezia Giulia แคว้นนี้เป็นแคว้นที่ปลูกองุ่นจากต่างประเทศเยอะมาก และMerlot ก็เป็นหนึ่งในนั้นเพราะองุ่นเข้ากันได้ดีกับสภาพดินฟ้าอากาศของแคว้น ทำให้สามารถผลิตไวน์ทีดีมีคุณภาพ Villa Martina เป็นของตระกูล Sfiligoi ผลิตไวน์ในเขต Colio ซึ่งเป็นหนึ่งในเขตผลิตไวน์ที่ดีที่สุดของแคว้น ไวน์ตัวนี้เป็นไวน์ระดับ IGT ซึ่งถือว่าเป็นไวน์ที่ไม่มีกฎระเบียบในการผลิตมากนักโดยผู้ผลิตค่อนข้างมีอิสระในการผลิต ราคามักไม่แพง ไวน์ตัวนี้แสดงลักษณะเด่นของ Merlot คือมีทั้งกลิ่นหอมของลูกพลัม ผลเบอรี่ ช็อกโกแลตและกาแฟคั่ว มีบอดี้และแทนนินปานกลาง และเป็นไวน์ที่เหมาะกับอาหารหลากหลายชนิดตั้งแต่ไก่อบไปจนถึงหมูและสเต็กเนื้อ

steak 1

 

หาซื้อไวน์ Casa Silva Cabernet Sauvignon Reserve และ Villa Martina Merlot ได้ที่  www.passiondelivery.com

*** พิเศษสุดสำหรับแฟนๆ ของ The Editors Society เมื่อช้อปปิ้งผลิตภัณฑ์ของ Passion Delivery ผ่านทางเว็บไซด์ของ The Editors Society จะได้รับส่วนลด 200 บาทจากการสั่งซื้อของครั้งแรก เมื่อช้อปขั้นต่ำ 1,000 บาท เพียงใส่โค้ด PDEDITOR ในช่องลดราคาก่อนเช็คเอ้าท์จาก www.passiondelivery.com ***

 

เครดิตภาพ : 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9

Wolf Blass – President’s Selection Limited Edition

Wolf Blass ไวน์แบรนด์ดังจากออสเตรเลียออกรุ่นลิมิเต็ด เอดิชั่นที่เห็นขวดแล้วรู้สึกสะดุดตาเลยทีเดียว วันนี้เรามาทำความรู้จักไวน์ตัวนี้กันดีกว่า

ก่อนอื่นมั่นใจว่าผู้ที่ชอบดื่มไวน์หลายๆท่านน่าจะต้องเคยดื่มไวน์ของ Wolf Blass หรือหากไม่เคยดื่มก็น่าจะต้องเคยผ่านตายี่ห้อนี้บ้าง เพราะ Wolf Blass เป็นหนึ่งในไวน์ไอคอนของออสเตรเลียเลยทีเดียว คว้ารางวัลมานับไม่ถ้วน ล่าสุดก็เพิ่งได้รางวัลผู้ผลิตไวน์แดงแห่งปีหรือ Red Winemaker of the Year จากสถาบัน IWC ประเทศอังกฤษ

Wolf Blass Founder

Wolf Blass Our Region Content Eden Valley 1-vert

Wolf Blass ก่อตั้งมาตั้งแต่ค.ศ. 1966 ในสมัยนั้นออสเตรเลียยังเป็นสังคมของคนดื่มเบียร์อยู่ Wolf Blass เลยต้องทำการปฏิวัติความคิดของผู้บริโภคให้พวกเขาหันมาดื่มไวน์กันโดยเริ่มจากการผลิตไวน์ที่เข้าถึงง่าย ดื่มง่าย ไม่จำเป็นต้องเก็บหลายปีถึงค่อยนำมาดื่ม และเป็นผู้ริเริ่มการทำฉลากไวน์ให้มีสีต่างๆ ตามระดับของไวน์ (ในยุคนั้นฉลากไวน์ไม่เป็นสีขาวก็สีดำ) เริ่มตั้งแต่ไวน์สำหรับผู้หัดดื่มมือใหม่ คือฉลากสีแดง และสีเหลือง (สีเหลืองนี่สมัยก่อนผู้เขียนดื่มบ่อย) ไล่ขึ้นมาเป็นสีทอง สีดำไปจนถึงสีแพลตินัม ซึ่งองุ่นก็จะคัดจากแหล่งที่เฉพาะยิ่งขึ้น การผลิตก็จะซับซ้อนขึ้นไล่ไปตามระดับของสี

สำหรับไวน์ที่จะแนะนำในครั้งนี้เป็น Wolf Blass รุ่นพิเศษ เป็นไวน์ระดับ President’s Selection Gold Label และที่น่าสนใจคือเป็นรุ่นลิมิเต็ด เอดิชั่น เพราะผลิตมาสำหรับปีนี้เท่านั้น โดยขวดไวน์เป็นสีทองและบนฉลากเป็นรูปไก่ปีระกา คิดว่าน่าจะผลิตมาสำหรับตลาดประเทศแถบเอเชียโดยเฉพาะ ไวน์รุ่น President’s Selection จะเป็นไวน์ที่นำเอาองุ่นคุณภาพดีจากหลายๆ แปลงในรัฐ South Australia มาผสมกัน โดยแสดงให้เห็นถึงทักษะการ “blend” ไวน์อันโดดเด่นและชูเอกลักษณ์ขององุ่นแต่ละชนิดและที่สำคัญคือทางผู้ผลิตต้องการสร้างมาตรฐานอันคงที่ คือเลือกทานปีไหนก็ไม่พลาด ไม่ต้องเสี่ยง โดยรุ่นนี้มีไวน์ให้ลิ้มลองถึงสองตัว

ตัวแรกเป็น President’s Selection Gold Label Shiraz 2015 เป็นไวน์แดงสีเข้ม เพิ่งมีอายุแค่สองปีไวน์ตัวนี้จึงถือว่ายังเด็กมาก มีกลิ่นหอมของผลไม้พวกแบล็คเบอรี่ บลูเบอรี่ ลูกหม่อน ลูกพลัม ส่วนอีกตัวนึงคือ President’s Selection Gold Label Cabernet Sauvignon 2013 ซึ่งเป็่นไวน์สีเข้มเช่นกัน สำหรับพันธุ์ Cabernet นี้จะมีกลิ่นอันซับซ้อนของผลแบล็คเคอแรนท์ วานิลลา และยูคาลิปตัส ไวน์ทั้งสองตัวนี้มีความเข้มข้น หนักแน่น แทนนินสูงแต่นุ่มละมุนไม่ฝาด และเนื่องจากมีแอลกอฮอล์ที่ค่อนข้างสูงคือ 14.5% จึงเป็นไวน์ที่เหมาะสำหรับทานกับอาหาร เช่น สเต็กดีๆ หรือซี่โครงแกะย่าง โดยเฉพาะตัวชีราซหากมีซอสเบอรี่หวานๆ เปรี้ยวๆ มาตัดหน่อยจะเพอร์เฟคมาก

Wine Recommend Wolf Blass 2

Rosemary Roast Rack of Lamb

 

ไวน์ทั้งสองตัวนี้สามารถดื่มได้เลยแต่ก็สามารถเก็บได้ หากเก็บดีๆ น่าจะอยู่ได้ถึงปีระกาหน้า…

 

หาซื้อ Wolf Blass President’s Selection Gold Label รุ่น Limited Edition ได้ตามซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำทั่วประเทศ

 

ภาพ : ลิขสิทธิ์แบรนด์

เครดิตภาพ : 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8

 

Primitivo – ไวน์แดงแห่ง Puglia

หากพูดถึงประเทศอิตาลี แน่นอนคอไวน์คงนึกถึงไวน์ Barolo หรือ Brunello สองไวน์ระดับเทพแห่งแคว้นเพียตมอนต์และทัสคานี แต่วันนี้ขอแนะนำไวน์แดงจากทางใต้ที่มีรสชาติเข้มข้นแต่ราคาสบายกระเป๋า

Wine Recommend Donna Marzia Primitivo 2

Primitivo Grape for Italy Wine

Primotivo เป็นองุ่นสายพันธุ์โบราณที่มีการปลูกกันมาตั้งแต่สมัยก่อนกรีกโรมัน และมีความเชื่อต่อๆ กันมาว่าไวน์ Primitivo นี่แหละที่พระเยซูดื่มใน Last Supper จะจริงแท้แค่ไหนก็คงยากที่จะพิสูจน์ แต่ที่แน่ๆ คือหากใครเป็นแฟนไวน์อเมริกันแล้วล่ะก็ Primitivo ก็คือองุ่นพันธุ์เดียวกับกับ Zinfandel นั่นเอง โดย Primitivo เป็นองุ่นตัวหลักของแคว้น Puglia ทางตอนใต้ หากนึกภาพรองเท้าบู๊ท แคว้น Puglia ก็คือส่วนที่เป็นส้นรองเท้า และเพราะอยู่ตอนใต้ของประเทศ Puglia จึงมีอากาศค่อนข้างร้อนแต่โชคดีที่มีทะเลล้อมรอบจึงช่วยให้มีลมเย็นๆ พัดผ่าน ทำให้อุณหภูมิไม่ร้อนจัด องุ่นจึงสุกแต่ไม่โอเว่อร์จนเกินไป ในสมัยก่อนที่แคว้นแห่งนี้มักนิยมผลิตไวน์แบบเน้นปริมาณ แต่ปัจจุบันมีการใส่ใจในคุณภาพมากขึ้น ตั้งแต่ขั้นตอนการปลูกองุ่นไปจนถึงการผลิตไวน์ ทำให้ไวน์จากแคว้นนี้เป็นที่สนใจของผู้ดื่มที่ต้องการไวน์แดงโอเคๆ สักตัวโดยที่ราคาไม่แพงมากนัก

Wine Recommend Donna Marzia Primitivo 3

Wine Recommend red wine with pasta

ไวน์ที่จะแนะนำวันนี้เป็นไวน์ Primitivo ชื่อ Donna Marzia ผลิตโดย Conti Mezza ซึ่งเป็นไวน์เนอรี่ที่เก่าแก่แห่งแคว้น Puglia ก่อตั้งมาตั้งแต่ยุคปี ค.ศ. 1500 โดยตระกูลขุนนางของทางใต้ และทุกวันนี้ยังตกทอดสู่รุ่นลูกหลานผลิตไวน์โดยยึดแบบแผนโบราณที่สืบทอดมาผสมผสานกับวิวัฒนาการอันทันสมัย ชื่อ Donna Marzia นั้นตั้งเป็นชื่อของหนึ่งในไร่ประจำตระกูล เป็นชื่อของ Countess Marzia Conza ที่จบชีวิตของตัวเองลงเพราะถูกกีดกันความรักระหว่างตัวเธอกับหนุ่มยาจกผู้เป็นที่รัก ไวน์ตัวนี้เป็นไวน์สีแดงทับทิมเข้ม เนื่องจากบ่มและหมักในถังสเตนเลสไวน์ตัวนี้จึงมีกลิ่นหอมของผลไม้นำ ไม่ว่าจะเป็นผลเบอร์รี่สีแดง ลูกพลัมและเชอร์รี่สุกฉ่ำ มีน้ำหนักปานกลางและมีความเปรี้ยวและฝาดอันนุ่มนวล จึงได้ไวน์ที่ไม่หนักจนเลี่ยนและสามารถทานเข้ากับอาหารได้ดี ไม่ว่าจะเป็นพาสต้าต่างๆ รวมไปถึงชีสอิตาเลี่ยนอร่อยๆ ก็น่าจะดี

Wine Recommend red wine with pasta 1

red wine with Cheese

 

หาซื้อ Donna Marzia Primitivo ได้ที่ www.passiondelivery.com

*** พิเศษสุดสำหรับแฟนๆ ของ The Editors Society เมื่อช้อปปิ้งผลิตภัณฑ์ของ Passion Delivery ผ่านทางเว็บไซด์ของ The Editors Society จะได้รับส่วนลด 200 บาทจากการสั่งซื้อของครั้งแรก เมื่อช้อปขั้นต่ำ 1,000 บาท เพียงใส่โค้ด PDEDITOR ในช่องลดราคาก่อนเช็คเอ้าท์จาก www.passiondelivery.com ***

 

เครดิตภาพ : 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8

GranMonte – ไวน์ไทยมาตรฐานโลก

เมื่อสัปดาห์ก่อนเพิ่งมีโอกาสได้ไปร่วมงานเทศกาลเก็บองุ่นที่ไร่องุ่น ‘GranMonte’ ซึ่งในงานนี้ผู้ร่วมงานจะได้ลองเก็บองุ่นเอง(จึงได้รู้ว่ามันไม่ง่ายอย่างที่คิด) และที่สำคัญในงานเราได้มีโอกาสลิ้มลองไวน์ต่างๆ ของยี่ห้อกราน-มอนเต้อีกด้วย และมีหลายตัวที่อยากเขียนแนะนำ แต่วันนี้ขอแนะนำไวน์แดงรุ่น The Orient Syrah ซึ่งถือว่ามีคุณภาพดีไม่แพ้ไวน์จากทางยุโรปเลย และเป็นไวน์ที่คว้ารางวัลจากต่างประเทศมาแล้วมากมาย เช่น รางวัลเหรียญทองจาก AWC Vienna เป็นต้น

Drink Red Wine

GranMonte 1

GranMonte 2

vineyard GranMonte

กราน-มอนเต้เป็นไวน์ของคนไทยโดยตั้งอยู่บนอโศกวาเล่ย์ อำเภอปากช่อง ใกล้อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ มีพื้นที่ทั้งหมด100 ไร่ ปลูกองุ่นหลากหลายสายพันธุ์ ทั้งซีราห์ และเชนิน บล็องค์ ซึ่งเป็นองุ่นที่เหมาะสมที่สุดกับสภาพอากาศอย่างบ้านเรา รวมทั้งเป็นเจ้าเดียวที่ประสบความสำเร็จในการปลูกองุ่นพันธุ์การ์แบเนต์ โววิญองที่ปลูกยากมาก แต่ที่นี่ก็สามารถปลูกองุ่นพันธุ์นี้ให้มีคุณภาพดีได้อีกด้วย ที่นี่มีไวน์หลากหลายรุ่น ไล่ไปตั้งแต่รุ่นสำหรับดื่มง่ายๆ เน้นกลิ่นหอมผลไม้ เช่นรุ่น Heritage ไปจนถึงรุ่น The Orient ซึ่งถือว่าเป็นรุ่นที่เป็น”flagship” และแพงที่สุดของกราน-มอนเต้

Drink Red Wine 1

แต่สำหรับรุ่น The Orient Syrah นั้น ถึงแม้จะไม่ใช่รุ่นที่แพงที่สุดแต่คุณภาพก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากัน เพราะทำจากองุ่นซีราห์ต้นเก่าแก่ที่สุดของทางไร่ นำไปบ่มในถังไม้โอ๊คถึง 12 เดือน จึงได้ไวน์ที่ฟุลบอดี้ รสชาติเข้มข้น หอมกลิ่นลูกพลัม บลูเบอรี่ และมีกลิ่นของเครื่องเทศทั้งกานพลู วานิลลา และ อบเชย นับว่าเป็นไวน์ที่มีความสลับซับซ้อน เทียบได้กับไวน์จากลุ่มแม่น้ำ Rhone อันเลื่องชื่อของฝรั่งเศส มีรสเปรี้ยวกำลังดี ทำให้ไวน์นี้ไม่ฉ่ำเลี่ยนจนเกินไป และมีแทนนินสูงและเข้มจึงสามารถเก็บได้อีก 5-7 ปี หรือจะทานเลยก็ไม่ผิดอะไร

Drink Red Wine and Food.1

Drink Red Wine and Food

แน่นอนทานไวน์แดงโดยเฉพาะ Syrah ควรทานคู่กันกับสเต็กดีๆ ย่างแบบสุก Medium Rare จะทานเปล่าๆ หรือจะจิ้มน้ำจิ้มแจ่วก็เข้า หรือจะทานกับพาสต้าซอสเนื้อ สตูว์ หรือซี่โครงแกะย่างก็น่าจะเข้ากัน แต่ที่งานวันนั้นได้จิบไวน์ตัวนี้เปล่าๆ ก็เพลินดีไปอีกแบบ

ไวน์ไทยเราพัฒนามาไกลแล้ว อยากให้คนไทยสนับสนุนไวน์ของบ้านเรากันเยอะๆ เพราะไวน์ไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก

 

หาซื้อไวน์กราน-มอนเต้ได้ที่ไร่องุ่นกราน-มอนเต้ หรือที่

 www.passiondelivery.com

 

*** พิเศษสุดสำหรับแฟนๆ ของ The Editors Society เมื่อช้อปปิ้งผลิตภัณฑ์ของ Passion Delivery ผ่านทางเว็บไซด์ของ The Editors Society จะได้รับส่วนลด 200 บาทจากการสั่งซื้อของครั้งแรก เมื่อช้อปขั้นต่ำ 1,000 บาท เพียงใส่โค้ด PDEDITOR ในช่องลดราคาก่อนเช็คเอ้าท์จาก www.passiondelivery.com ***

 

เครดิตภาพ : 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7

 

Beaujolais – ไวน์ดีที่คนมองข้าม

Beaujolais ไวน์ที่หลายๆคนอาจไม่ค่อยคุ้นเคย หรือถ้ารู้จักก็มักมองข้าม อาจจะด้วยภาพลักษณ์ที่ดูเป็นไวน์ฟรุ๊ตตี้ๆ เบาๆ เลยมักไม่เป็นที่นิยมในหมู่นักดื่มไวน์ที่ออกแนวซีเรียสนิดนึง แต่จริงๆแล้ว Beaujolais มีอะไรมากกว่านั้น

 

beaujolais

how-to-drink-beaujolais-5

Beaujolais เป็นเขตผลิตไวน์ที่อยู่ทางใต้ของแคว้นเบอร์กันดีอันเลื่องชื่อ ผลิตไวน์แดงจากองุ่นพันธุ์ Gamay ซึ่งเป็นองุ่นที่เมื่อทำเป็นไวน์แล้วจะมีรสชาติและกลิ่นของผลไม้แดงจำพวก เบอร์รี่ เชอรี่และสตรอเบอรี่ และด้วยความที่ไวน์มักมีแทนนินค่อนข้างต่ำ จึงเป็นไวน์ที่ดื่มง่ายไม่ต้องเก็บนาน ไวน์ Beaujolais มีสามระดับ ไล่ไปตั้งแต่ระดับล่างสุด หรือ Beaujolais AOC ทั่วๆไป ไวน์ระดับนี้ไม่ค่อยมีอะไรน่าสนใจมาก เบาๆ ดื่มง่ายๆ ออกเปรี้ยวนำ ถัดมาดีขึ้นมาหน่อยจะเป็น Beaujolais Villages ซึ่งไวน์ระดับนี้จะมีความเข้มขึ้นมาทั้งสีและรสชาติ ส่วนระดับสูงสุดซึ่งเป็นระดับของไวน์ที่จะแนะนำในวันนี้เรียกว่าระดับ Beaujolais Crus ซึ่งมีทั้งหมด 10 Crus ( ไร่องุ่น) โดยไวน์ระดับนี้ถึงแม้ว่าจะยังคงมีความฟรุตตี้อยู่แต่ในขณะเดียวกันก็ยังมีความซับซ้อน เข้มข้น หรูหรา โดย Beaujolais Cru นี้ บางตัวสามารถเก็บได้นานถึง 10 ปี และเมื่อถึงวันนั้นบางตัวยังอาจมีลักษณะคล้ายคลึงกับไวน์เบอร์กันดีพี่ใหญ่ทางตอนเหนือเลยทีเดียว (แต่ราคาสบายกระเป๋ากว่ามาก)

 

chateau-de-la-chaize

how-to-drink-beaujolais-2

ไวน์ที่อยากแนะนำวันนี้เป็นไวน์ Beaujolais ของ Chateau de La Chaize ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ผลิตที่ใหญ่ที่สุด เก่าแก่และมีชื่อเสียงที่สุดของดินแดนนี้ โดยมาจาก Cru ที่ชื่อ Brouilly โดยเป็น Cru ที่ใหญ่ที่สุดและเป็นหนึ่งใน Cru ที่มีชื่อเสียงของ Beaujolaisไวน์สีแดงเข้มตัวนี้มีกลิ่นหอมของแยมสตรอเบอรี่ แครนเบอรี่ และเชอรี่ อันเป็นเอกลักษณ์ รสชาติมีความนุ่มละมุน กลมกล่อม ไม่เปรี้ยวเกินไป และแทนนินกำลังดีไม่น้อยจนไร้น้ำหนัก นับว่าเป็น Beaujolais ที่มีความสง่างามไม่ใช่เล่นๆ

 

how-to-drink-beaujolais-7

how-to-drink-beaujolais-3

ส่วนใหญ่แล้วคนมักนิยมทาน Beaujolais กับอาหารง่ายๆ เช่นกับพวกชีส และ Cold Cuts ต่างๆ ทั้งปาเต้ และเทอรีน แต่เนื่องจาก Chateau de La Chaize ตัวนี้ค่อนข้างออกแนวซีเรียสจึงสามารถทานได้กับไก่ หมู เป็ด หรือจะเป็นเนื้อวัวย่างเบาๆ ก็ยังได้ และที่สำคัญ Beaujolais เป็นไวน์แดงเพียงไม่กี่ตัวที่สามารถทานแบบแช่เย็นเล็กน้อยได้ จึงน่าจะเหมาะกับอากาศบ้านเราเป็นที่สุด

 

หาซื้อ Chateau de La Chaize ได้ที่ www.passiondelivery.com 

 

เครดิตภาพ : 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8

อิสราเอล-อารยธรรมเก่าแก่แห่งโลกไวน์

อิสราเอล คงเป็นประเทศที่น้อยคนนักจะรู้ว่าผลิตไวน์ หรือถ้าให้นึกถึงประเทศที่ผลิตไวน์ คงไม่มีใครคิดถึงอิสราเอล แต่หารู้ไม่ว่าบริเวณที่เป็นประเทศอิราเอลในปัจจุบันนี้เคยเป็นแหล่งอารยธรรมเก่าแก่ของโลก และตรงนี้นี่เองที่นักโบราณคดีค้นพบว่าเมื่อหลายพันปีมาแล้วเป็นที่ปลูกองุ่นทำไวน์ที่แรกของโลก

 

how-to-drink-red-wine-barkan-wine-3

 

อิสราเอลมีภูมิอากาศแบบเมดิเตอเรเนียน นั่นก็คือฤดูร้อนมีอากาศร้อน ส่วนฤดูหนาวมีฝนตก เห็นประเทศมีขนาดไม่ใหญ่มากแต่ก็มีแหล่งปลูกองุ่นหลายโซน คงทราบกันดีว่าอิสราเอลมีระบบการปลูกพืชที่ทันสมัย ทำให้หลายๆ ประเทศต้องขอไปดูงาน โดยเฉพาะเรื่องระบบน้ำหยดที่ช่วยให้พืชต่างๆ เจริญเติบโตได้ดีในประเทศที่ค่อนข้างแห้งแล้ง  ประกอบกับอิสราเอลมีเทคโนโลยีการผลิตไวน์ที่ทันสมัย ทำให้ไวน์ของประเทศนี้เป็นที่น่าสนใจในหมู่นักดื่มไวน์ที่ชอบอะไรแปลกใหม่น่าค้นหา

 

how-to-drink-red-wine-barkan-wine-2

 

 

how-to-drink-red-wine-barkan-wine-5

how-to-drink-red-wine-barkan-wine-1

 

ไวน์อิสราเอลนั้นส่วนใหญ่ทำจากองุ่นพันธุ์ที่เราๆ คุ้นเคยกันดี เช่น cabernet sauvignon merlot และ chardonnay อย่างเช่นไวน์ที่อยากแนะนำในครั้งนี้เป็นไวน์ยี่ห้อ Barkan ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ผลิตที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ โดย  Barkan Vineyards ถือกำเนิดเมื่อปลายศตวรรษที่ 19 ซึ่งถือว่าเก่าแก่เลยทีเดียว ไวน์ตัวนี้เป็นไวน์รุ่นคลาสสิค ทำจากองุ่นพันธุ์ cabernet sauvignon ซึ่งเป็นองุ่นแห่งบอร์โดซ์ที่คนส่วนใหญ่คุ้นเคย แต่เนื่องจากอากาศที่ค่อนข้างร้อนเลยทำให้องุ่นของที่นี่มีความสุกเต็มที่ จึงทำให้สามารถผลิตไวน์ที่เข้มข้น แอลกอฮอล์สูง มีกลิ่นหอมอันสลับซับซ้อนของเชอรี่ดำ  แบล็คเคอแรนท์ ผลแครนเบอร์รี่แห้ง และกลิ่นสมุนไพรต่างๆ ทั้งใบไทม์ และชะเอม มีแทนนินสูงแต่นุ่มไม่บาดปาก เหมาะสำหรับทานกับสเต็กชิ้นโตๆ ซี่โครงแกะย่าง หรือจะเป็นฟัวกราส์ทอดราดซอสเบอร์รี่เปรี้ยวๆ หวานๆ ก็น่าจะเหมาะ

 

 

how-to-drink-red-wine-barkan-wine-4

 

หากรักการดื่มไวน์ อยากให้ลองชิมไวน์จากที่แปลกๆ แล้วจะรู้ว่าไวน์ดีๆไม่ได้มีแต่ที่ฝรั่งเศสเสมอไป

 

สามาถหาซื้อไวน์ Barkan ได้ที่ :

www.passiondelivery.com

 

เครดิตภาพ : 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7

ขจัดรอยคราบไม่พึงประสงค์ 8 ประการ ง่ายแสนง่าย!

คุณเคยประสบปัญหาเช่นนี้บ้างมั้ย ไวน์หกใส่เสื้อตอนปาร์ตี้ ลิปสติกจากเธอคนนั้นบนปกเสื้อ คราบวงเหงื่อที่วงแขนเสื้อ ถูกสาดกาแฟใส่เสื้อเพราะมือที่สาม ฯลฯ แต่เดี๋ยวก่อน เรามีทางแก้ไขคราบรอยไม่พึงประสงค์ทั้ง 8 ประการ ด้วยวิธีง่ายๆ โดยยังไม่ต้องพึ่งอุปกรณ์มหัศจรรย์จากโฆษณาทางทีวี

 

p209

1. คราบลิปสติก

ป้ายสบู่ล้างจาน (น้ำยาล้างจานก็ได้นะ) บนรอยลิปสติก จากนั้นทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด

 

p210

2. คราบน้ำมัน / ไขมัน

โรยแป้งฝุ่น หรือฝนแท่งชอล์คสีขาว ทั้งหน้าและหลังจุดที่เปื้อนน้ำมัน ทิ้งไว้ 30 นาที ระหว่างนั้นก็อาจจะขยี้ผ้าไปด้วย ทั้งนี้เพื่อให้ดูดซับน้ำมันออกไป จากนั้นก็ปัดแป้งหรือผงชอล์คออกไป แล้วนำขัดในน้ำที่เจือน้ำยาล้างจาน จากนั้นล้างออกด้วยน้ำอุ่น หากยังออกไม่หมดสามารถทำซ้ำได้

 

p211

3. คราบไวน์แดง

ทันทีที่เลอะ ให้ซับไวน์แดงออกด้วยกระดาษให้มากที่สุด (ห้ามถู หรือขยี้เด็ดขาด!) จากนั้นให้นำไวน์ขาวมาราดจุดที่เลอะไวน์แดง จากนั้นล้างออกด้วยน้ำโซดา ตามด้วยน้ำส้มสายชู ทำซ้ำได้ตามต้องการ (ปล. ผู้เขียนเคยถูกไวน์แดงเลอะใส่ วิธีเร่งด่วนที่สุด และไม่เปลืองไวน์ขาว คือทันทีที่เลอะไวน์แดง ให้ซับไวน์แดงออกให้มากที่สุด แล้วนำผ้า หรือทิชชู่ชุ่มน้ำโซดา ค่อยๆ ซับรอยไวน์แดงไปเรื่อยๆ ช่วยได้เช่นกัน)

 

p222

4. คราบช็อคโกแลต

พยายามปาดเศษช็อคโกแลตออกให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ จากนั้นนำไปแช่ในน้ำสบู่อุ่นๆ แต่ถ้ายังมีรอยครบน้ำตาล ให้ลองนำไปแช่ในน้ำยาล้างจานผสมน้ำจากนั้นล้างออกด้วยน้ำอุ่น

 

p212

5. คราบหมึก

ก่อนอื่นหาผ้าสะอาดมารองเสื้อที่เปื้อนหมึก จากนั้นนำสเปรย์ฉีดผมสเปรย์ยังจุดที่เปื้อนจนชุ่ม รอสัก 2-3 วินาที แล้วซับออกด้วยผ้าสะอาด ทำซ้ำจนกว่ารอยหมึกจะหายไป จากนั้นจึงนำไปซักด้วยผงซักฟอก หรืออาจจะแช่ในน้ำนมสักหนึ่งคืน แล้วค่อยซักออกปกติ

 

p219

6. คราบเลือด

เทน้ำส้มสายชูลงบนรอยเลือดให้ชุ่ม แล้วทิ้งไว้สัก 5-10 นาที จากนั้นซับออกด้วยผ้า หรือผ้าเช็ดตัวสะอาดๆ ทำซ้ำถ้าต้องการ จากนั้นรีบนำไปซัก หรืออีกวิธีให้นำไปจุ่มในน้ำเย็นที่ผสมแอมโมเนีย ทิ้งไว้ 20 นาที เมื่อรอยเลือดแข็งตัว จึงนำไปล้างออกด้วยน้ำอุ่น

 

p220

7. คราบเหงื่อ

คราบเหลืองใต้วงแขนเสื้อ และคอเสื้อ ขจัดด้วยน้ำผสมน้ำมะนาวในอัตราส่วนเท่ากันถูบริเวณคราบเหงื่อ หรือจะใช้เบกกิ้งโซดาผสมน้ำมะนาวขจัดคราบเหงื่อออกก็ได้ จากนั้นก็นำไปซักตามปกติ

 

p221

8. คราบกาแฟ

นำผ้า หรือผ้าขนหนูสะอาดๆ ชุบน้ำส้มสายชูให้ชุ่ม แล้วซับรอยเปื้อน แต่หากกาแฟหกใส่เป็นวงใหญ่ ให้น้ำผ้า หรือเสื้อที่เปื้อนไปแช่ในน้ำส้มสายชู 3 ส่วน และน้ำเย็น 1 ส่วน ทิ้งไส้หนึ่งคืน จากนั้นนำไปซักตามปกติ

 

แค่นี้ ทั้งจอร์จและซาร่า จะต้องร้องว้าว ทำเองได้ง่ายจัง

 

 

ที่มา: The Indian Spot