จิน – เครื่องดื่มสุดฮิปของคนทุกรุ่น

หากให้นึกถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มีความเป็นอังกฤษ จะให้นึกถึงอย่างอื่นคงเป็นไปไม่ได้ถ้าไม่ใช่จิน จริงๆ แล้วจินมีถิ่นกำเนิดที่ฮอลแลนด์แต่มาได้รับความนิยมที่ประเทศอังกฤษ ตั้งแต่ศตวรรษที่17 จนมีการพัฒนารูปแบบโดยเริ่มผลิตจินแบบ dry หรือไม่หวานครั้งแรกที่ Plymouth จนในที่สุดจินได้มีการปรับปรุงคุณภาพการผลิตขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็น London Dry Gin อย่างที่เห็นกันหลากหลายในปัจจุบัน

 

how-to-drink-gin-and-select-fords-gin-2

จินเป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในยุคเฟื่องฟูของค็อกเทล ตั้งแต่ปลายศตวรรษที่19 เป็นต้นมา เพราะกลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ของจินจึงเป็นที่นิยมในเหล่าบาร์เทนเดอร์โดยมีค็อกเทล ไม่ว่าจะเป็น Martini หรือ Negroni ที่ล้วนแต่มีจินเป็นส่วนผสมหลัก และหากพูดถึงจินแต่ไม่พูดถึง Gin and Tonic เครื่องดื่มอันแสนเรียบง่ายแต่คลาสสิคก็คงไม่ได้ Gin and Tonic (หรือ G & T) เป็นเครื่องดื่มที่คิดค้นตั้งแต่ยุคล่าอาณานิคมของอังกฤษโดยที่โทนิคนั้นมีส่วนผสมของควินินซึ่งเป็นยาต้านไข้มาลาเรีย (ที่ระบาดในอินเดียและประเทศใกล้เคียง) แต่เนื่องจากควินินมีรสขมบาดใจเหลือเกิน คนในสมัยนั้นจึงนำจินมาผสมเพื่อให้ดื่มง่ายขึ้น ก็เลยเป็นที่มาของค็อกเทลสุดคลาสสิคตัวนี้ แต่ถึงกระนั้นก็ตามในยุคปี 1970s และ80s ความนิยมในเหล้าจินได้ถูกวอดก้าขโมยซีนอย่างสิ้นเชิง ถึงแม้ว่าจินไม่ได้กลับไปสู่จุดพีคอย่างแต่ก่อน แต่ปัจจุบันเริ่มมีผู้ผลิตหน้าใหม่หันมาผลิตจินแบบเก๋ๆ ผลิตกันแบบเล็กๆ ออกแนวฮิปสเตอร์ จึงเริ่มมียี่ห้อดีๆ เท่ๆ ให้เห็นกัน โดยวันนี้ขอแนะนำยี่ห้อ Fords Gin

 

how-to-drink-gin-and-select-fords-gin-3

how-to-drink-gin-and-select-fords-gin-4

จินจะเรียกตัวเองว่าจินไม่ได้ ถ้าไม่มีกลิ่นหอมหลักของผล Juniper Berry อันนี้สำคัญมาก ไม่มีไม่ได้ แต่ที่เหลือจะใส่สมุนไพรหรือกลิ่นอะไรนั้นก็ขึ้นอยู่กับแต่ละผู้ผลิต หลักๆ ก็หนีไม่พ้นลูกผักชี (อันนี้ก็สำคัญ) กับผลไม้สกุลส้ม (citrus) ทั้งหลาย สำหรับ Fords Gin ตัวนี้ทางผู้ผลิตได้คัดสรรวัตถุดิบคุณภาพดีจากประเทศต่างๆ นอกจาก Juniper Berry จากอิตาลีแล้วยังมีลูกผักชีจากโรเมเนีย เปลือกส้มจากโมร็อคโค เปลือกมะนาวจากสเปน และเปลือกเกรปฟรุตจากตุรกี รวมทั้งดอกมะลิจากประเทศจีน และดอก Orris จากอิตาลีและโมร็อคโค กับเครื่องเทศทั้ง Angelica จากโปแลนด์ Cassia จากอินโดนีเซีย จึงไม่แปลกใจที่จินตัวนี้ถึงมีกลิ่นหอมอันลึกล้ำดีจริงๆ มีเนื้อสัมผัสกลางๆ สดชื่น ไม่หนักจนเกินไป มีกลิ่นดอกไม้ มะนาว จูนิเปอร์ และเครื่องเทศตลบอบอวลในปากเป็นเวลานาน

หากใครเป็นสายแข็งอยากรับรู้รสชาติจินอย่างแท้จริงแนะนำให้ดื่มเพียวๆ เลย โดยผสมน้ำลงไปเล็กน้อยเพื่อช่วยให้กลิ่นหอมระเหยขึ้นมา แต่หากใครชอบจิบชิวๆ แนะนำผสมโทนิค แต่งด้วยมะนาว ดื่มได้เรื่อยๆ ชื่นใจจริงๆ

 

สามารถดื่ม Fords Gin ได้ตามบาร์ชั้นนำของเมืองไทย

และสามารถหาซื้อได้ที่ www.passiondelivery.com

 

เครดิตภาพ : 1, 2, 3, 4, 5