12 วิธีลดน้ำหนักแบบคนไม่มีเวลา

 

ใกล้ปีใหม่แล้ว! งานก็ต้องทำ สวยก็ต้องสวย ยิ่งปลายปีงานวิ่งเข้าหาแบบไม่มีเวลาให้ไปเข้าฟิตเนส แล้วจะได้สวยผอมรับปาร์ตี้ปีใหม่กับเขาไหมเนี่ย ไม่เป็นไรค่ะอย่าเพิ่งจิตตก มาบอกวิธีลดน้ำหนักของคนไม่มีเวลาให้แล้ว

 

1. ทิ้งความคิด “ทั้งหมดหรือไม่เลย” ไปจากสมองของคุณ:

เพราะทุกก้าวเล็กๆที่คุณทำเพื่อเดินไปสู่ไลฟสไตล์สุขภาพดีนั้น ล้วนมีผลดีต่อร่างกายคุณทั้งสิ้น นี่คือการระบุของ ดร.เจฟ คาทูลา ผู้ช่วยผู้อำนวยการศูนย์สุขภาพและการออกกำลังกายของมหาวิทยาลัยเวค ฟอร์เรส ประเทศฟินแลนด์ “ คนส่วนใหญ่มักคิดว่า จะต้องใช้เวลาเป็นชั่วโมงๆอยู่ในโรงยิม หรือเข้าคอร์สบริโภคอาหารซูเปอร์ฟู้ดถึงจะมีรูปร่างที่ดีได้ และเมื่อเขาไม่มีเวลาพอ ก็จะล้มเลิกพฤติกรรมสุขภาพดีที่เคยทำอยู่ช่วงสั้นๆนั้นทั้งหมด ” ดร. เจฟบอกว่า แทนที่คุณจะต้องมองหาเวลาว่างให้ได้ตลอดวันเพื่อเข้ายิม แล้วพอไม่มีเวลาก็รู้สึกว่าวันนี้ล้มเหลว ก็ให้เปลี่ยนไปมุ่งที่การดูแลแคลอรี่ของอาหารที่จะบริโภคมื้อต่อไปแทน แบบนี้ก็ได้ เพราะทุกๆการตัดสินใจของคุณในทุกเรื่องที่ได้ทำ นั่นคือโอกาสแห่งสุขภาพดีของตัวเองทั้งสิ้น นี่คือตัวอย่าง

 

2. บริโภคอาหารปริมาณน้อยลง:

 

healthdiet003

 

คุณไม่จำเป็นต้องทำอาหารไปบริโภคเองเพื่อจะลดน้ำหนัก เพราะสิ่งที่คุณต้องการจริงๆก็คือ การบริโภคอาหารแต่ละมื้อในปริมาณที่น้อยลงกว่าเดิม คนโดยมากจะต้องการอาหาร 1,200 และ 1,500 แคลอรี่ต่อวัน ถ้ากำลังอยู่ในช่วงลดน้ำหนักอย่างมีคุณภาพและไม่ให้เกิดโยโย่เอฟเฟ็คท์ การบริโภคในปริมาณเหมาะสม งดของหวาน คือวิธ๊ง่ายที่สุดที่จะลดการนำแคลอรี่เข้าสู่ร่างกายมากเกินไป

 

3. อย่างดมื้ออาหาร:

มันอาจฟังดูตรงข้ามกันที่บอกว่าให้บริโภคน้อยลงแต่ไม่ให้งดมื้ออาหาร แต่ถ้ายิ่งคุณทำงานจนไม่มีเวลา คุณก็ยิ่งต้องการแคลอรี่ที่สม่ำเสมอในช่วงทำงานตลอดวัน นี่คือการระบุของเจสสิกา บาร์ทฟิลด์ ผู้อำนวยการศูนย์สุขภาพระบบการเผาผลาญอาหาร มหาวิทยาลัยโลโยต้า เมืองชิคาโก สหรัฐอเมริกา ถ้าร่างกายทำงานนานกว่า 4-5 ชั่วโมงโดยไม่มีการเติมพลังงานให้เลย มันก็จะไปชะลอระบบการเผาผลาญอาหารของคุณให้ช้าลง ส่งผลกับฮอร์โมนและระดับอินซูลินในร่างกาย “ คนไข้โรคอ้วนส่วนใหญ่ไม่ได้บริโภคอาหารมากเกินไปเสมอไป แต่มันเป็นเพราะแพทเทิร์นการบริโภคอาหารของร่างกายของเขาได้เกิดความผิดปกติ สะสมมานานจากพฤติกรรมประจำวัน เช่นดื่มกาแฟหนึ่งถ้วยตอนเช้าและไม่มีอาหารใดๆตกถึงท้องอีกเลยจนบ่าย ซึ่งเราควรเลี่ยงพฤติกรรมนี้และรักษาตารางการบริโภคให้คงที่เสมอ”

 

4. เคลื่อนไหวร่างกายให้มากขึ้น:

 

healthdiet002

 

การออกกำลังกายให้ได้วันละ 30 ถึง 60 นาทีนั้นดีมาก แต่มันก็ไม่ง่ายที่เราจะทำแบบนี้ได้บ่อยๆ ซึ่งความจริงแล้ว มันไม่ผิดถ้าหากคุณจะย่อยช่วงเวลาออกกำลังกายนี้ให้เป็นเวลาย่อยๆหลายๆครั้งต่อเนื่องตลอดวัน แทนที่จะทำมันเพียงครั้งเดียวรวดในหนึ่งวัน คุณอาจยืดหยุ่นร่างกายตอนเช้า 10 นาที, และเดินออกกำลังในมื้อเที่ยงอีก 10 นาที, และออกกำลังอีก 10 นาทีตอนกลางคืน ถ้าคุณทำแบบนี้ได้ต่อเนื่อง 5 วันต่อสัปดาห์ คุณก็จะมีรูปร่างที่ดีตามเป้าหมายได้เหมือนกัน ให้คิดถึงเรื่องการเผาผลาญแคลอรี่ว่าเหมือนกับที่เราเก็บเงินนั่นแหละ เราจะเก็บออมทีละน้อยๆหยอดกระปุกจนได้เงินก้อนใหญ่ ซึ่งเรื่องสุขภาพก็เช่นเดียวกัน ถ้าเราทำสม่ำเสมอ

 

5. ใช้อาหารทดแทนเพื่อสุขภาพที่ดีกว่า:

ให้คิดถึงการเลือกประเภทอาหารที่จะบริโภคด้วย มันมีสิ่งเล็กๆน้อยๆที่คุณสามารถปรับเปลี่ยนเพื่อลดปริมาณแคลอรี่ที่บริโภคเข้าไปได้ อย่าลืมคิดถึงเครื่องดื่มของคุณ หากเปลี่ยนน้ำอัดลมมาเป็นน้ำโซดาใส่มะนาวหรือเป็นไดเอ็ตโซดา คุณก็จะได้รับน้ำตาลน้อยลง ทำให้ลดน้ำหนักลงไปได้หลายกิโลกรัม

 

6. อย่านั่งถ้าคุณสามารถจะยืนได้:

การนั่งนานๆเป็นผลเสียต่อระบบหัวใจ ระบบสมอง และแน่นอนกับเส้นรอบเอวของคุณ ดังนั้น ให้เปลี่ยนจากการนั่งมาเป็นการยืน หรือทำอย่างอื่นที่ต้องเคลื่อนไหวร่างกายแทน เพื่อให้คุณเผาผลาญแคลอรี่ได้ดีขึ้น “ การยืนจะไม่ได้ทำให้คุณลดน้ำหนักเพิ่มขึ้น แต่มันทำให้คุณรักษาน้ำหนักไว้ได้คงที่” นี่คือการระบุของ ดร.บาร์ธฟิลด์ ดังนั้น ให้หาโอกาสยืนให้มากที่สุด

 

7. แน่ใจว่านอนหลับพักผ่อนเพียงพอ:

 

healthdiet005

 

ถ้ารู้สึกง่วงเหงาหาวนอนเป็นประจำในทุกๆวัน อาจเป็นเพราะการที่คุณพยายามตื่นเช้ามากเกินไป หากคุณกำลังลดน้ำหนักโดยบริโภคให้น้อยลงและเคลื่อนไหวร่างกายให้มากขึ้นอยู่ละก็ ให้คิดถึงเรื่องปริมาณการนอนหลับในจำนวนชั่วโมงที่เหมาะสมด้วย เพื่อให้คุณสามารถลดน้ำหนักได้ดีกว่า

 

8. ใช้วันหยุดสุดสัปดาห์อย่างฉลาด:

ในช่วงเวลาของวันหยุดยาว ที่คุณเคยรวมกลุ่มเพื่อนสนิทไปเที่ยวด้วยกัน มาเป็นการนัดทานอาหารที่ร้านอาหารสุขภาพ หรือชวนไปออกกำลังกายด้วยกันเป็นกลุ่มในตอนวันหยุด ทำแบบนี้ก็จะได้ทั้งสุขภาพดีและสนุกด้วย ถือเป็นการใช้วันหยุดได้คุ้มค่า

 

9. ใช้ไฮเทคช่วย:

 

healthdiet004

 

เวลาไดเอ็ต เรามักไม่อดทนในการจดบันทึกรายละเอียดต่างๆ ทั้งจำนวนแคลอรี่อาหารที่บริโภคเข้าไป, แคลอรี่ที่ถูกเผาผลาญ, ตลอดจนวิธีการขั้นตอนต่างๆที่เราทำ ซึ่งด้วยเหตุผลนี้เองที่ทำให้แอพและอุปกรณ์ช่วยต่างๆถูกประดิษฐ์ขึ้น แอพและอุปกรณ์เสริมในการออกกำลังกายเหล่านี้ จะช่วยเรื่องการจดจำสถิติและการติดตามผล ทำให้คุณวางโปรแกรมออกกำลังกายได้ง่ายขึ้น ทั้งการวางแผน หรือการมุ่งไปสู่เป้าหมายของแคลอรี่ที่ต้องการ การใช้อุปกรณ์เหล่านี้จะช่วยเตือนให้คุณเคลื่อนไหวร่างกายมากขึ้นด้วย

 

10. ใช้โซเชียลมีเดียช่วย:

เอาเวลาทั้งหมดที่คุณใช้ดูเฟซบุค ทวิตเตอร์มาทำให้เป็นประโยชน์ดีกว่า จากการศึกษาของมหาวิทยาลัยอิมพีเรียลคอลเลจในลอนดอนในปี 2014 พบว่า การใช้โลกออนไลน์ช่วยเรื่องการลดน้ำหนัก เป็นวิธีที่สามารถซื้อหาได้และใช้ได้ผลจริง สามารถช่วยให้เราลดน้ำหนักได้ดีขึ้น เพราะการที่คุณได้พูดเรื่องนี้ของคุณในออนไลน์ จะทำให้คุณมุ่งมั่นกับกิจกรรมนี้มากขึ้น และช่วยให้คุณมีกลุ่มสังคมที่ทำกิจกรรมนี้ด้วยกัน ทำให้สนุกกับการลดน้ำหนักมากขึ้นจนสำเร็จ

 

11. บริโภคไฟเบอร์ให้มากขึ้น:

นี่คือเคล็ดลับลดน้ำหนักที่ไม่ต้องใช้เวลาใดๆเพิ่มขึ้นเลย แค่คุณบริโภคไฟเบอร์ให้ได้วันละ 30 กรัมเท่านั้น แต่ต้องเป็นไฟเบอร์จากอาหาร ไม่ใช่จากผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร คนที่ทำแบบนี้เป็นเวลา 1 ปีจะลดน้ำหนักได้เท่ากับคนที่ลดด้วยการใช้โปรแกรมวางแผนอาหาร ใครที่รู้สึกว่ามันยากในการทำตามคำแนะนำโปรแกรมไดเอ็ตต่างๆ ก็ให้บริโภคไฟเบอร์ให้มากขึ้น สิ่งนี้แค่เรื่องเดียวเลยที่จะช่วยให้คุณลดน้ำหนักลงได้ผล ” เลือกอาหารที่อุดมด้วยไฟเบอร์อย่างเช่นธัญพืชต่างๆ, ถั่วเปลือกนิ่ม,ผักและผลไม้, พวกนี้จะทำให้คุณอิ่มเร็วและมีพื้นที่ในกระเพาะอาหารเหลือน้อยที่จะใส่อาหารขยะ

 

12. รับมือความเหนื่อยล้าให้ได้ :

ยิ่งใกล้สิ้นปีงานยิ่งหนักขึ้น วิธีที่คุณจะรับมือได้ก็คือให้นึกเสมอว่า ความเหนื่อยล้าที่เกิดขึ้นนี้ หมายถึงการเพิ่มของเส้นรอบเอวของคุณด้วย และมันก็มี 3 เรื่องที่ส่งผลกับน้ำหนักตัว ซึ่งคุณจะต้องควบคุมให้ได้ นั่นก็คือ คุณบริโภคอะไร, คุณเคลื่อนไหวร่างกายอย่างไร, และคุณรับมือกับความเหนื่อยด้วยวิธีใด ความเหนื่อยล้าคือเรื่องหลักที่ส่งผลกับการเจริญอาหาร และกระบวนการเผาผลาญแคลอรี่ที่บริโภคเข้าไป เมื่อรู้สึกเหนื่อยล้าสิ่งที่ควรทำก็คือ นั่งพักผ่อนให้หายเหนื่อย หรือหากิจกรรมที่ไม่ใช่การสั่งอาหารจำนวนมากบริโภคเพื่อใช้มันผ่อนคลายความเหนื่อยล้าของคุณ

 

รู้เคล็ดลับเหล่านี้แล้ว ก็อย่าลืมทำมันให้สม่ำเสมอวันละเล็กละน้อย จะได้สวยสุขภาพดีรับช่วงเทศกาลกันได้ทุกคนนะคะ

ช่วยด้วย…ขาเป็นตะคริวทุกๆคืน!จะแก้เรื่องนี้ได้อย่างไร

 

ช่วงนี้มีทั้งอากาศเปลี่ยนทั้งฝนฟ้าก็ตกบ่อยๆ หลายคนบ่นว่านอกจากเรื่องของโรคไข้หวัดที่ต้องเผชิญแล้ว ก็ยังต้องตื่นขึ้นมาด้วยความเจ็บปวดจากการเป็นตะคริวที่ขาหลายๆคืนติดๆกัน อาการตะคริวที่ขา อาจฟังดูเป็นเรื่องธรรมดาๆที่ใครๆก็เจอกันได้ แต่มันนำคุณไปสู่ความเจ็บปวดอย่างมากที่เท้า น่องและที่ต้นขา ที่สำคัญคือ ความรู้สึกเจ็บปวดนี้จะรบกวนคุณภาพการนอนหลับที่ดีและมีผลต่อสุขภาพโดยรวมของคุณอีกด้วย

 

 

ทำไมถึงเป็นตะคริว

สาเหตุหลักของการเกิดตะคริวที่ขา มักเกิดจากปัจจัยหลายอย่างด้วยกัน เช่น การขาดการออกกำลังกายที่เหมาะสมในระหว่างวัน, อาการขาดน้ำของร่างกาย ตลอดจนเรื่องของการไหลเวียนของระบบโลหิตที่ไปเลี้ยงบริเวณขาไม่ดีพอ ทำให้เป็นตะคริวได้ทั้งสิ้น และอาการนี้ก็จะเป็นได้ตั้งแต่ในช่วงเวลาสั้นๆไม่กี่วินาทีไปจนถึง 2-3 นาที หรือในบางคนก็สามารถจะมีอาการตะคริวนี้ได้เป็น 1-2 วันเลยทีเดียว แต่ก็มีน้อยคนมากที่จะโชคร้ายเจอกับอาการอย่างหลังนี้

 

 

อย่างไรก็ตาม เราสามารถลดอาการนี้และดูแลให้มันหายไปได้ ด้วยเคล็ดลับสิ่งแรกก็คือ ให้เพิ่มปริมาณแร่ธาตุแมกนีเซียมในร่างกาย ด้วยการบริโภคอาหารที่อุดมด้วยแร่ธาตุนี้ให้มากขึ้น เพราะแมกนีเซียม เป็นแร่ธาตุสำคัญที่ช่วยการทำงานของระบบกล้ามเนื้อและกระดูกของเรา แร่ธาตุนี้จะช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อที่ตึงเครียดจากการใช้งานประจำวัน การขาดแมกนีเซียม ก็เป็นสาเหตุหนึ่งของการเป็นตะคริวที่กล้ามเนื้อส่วนต่างๆ

 

 

leghealth004

 

 

อาหารช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อ

ต่อไปนี้คือรายชื่ออาหาร 15 ชนิดที่รู้จักกันว่า มีแร่ธาตุแมกนีเซียมที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายมากที่สุด:

กล้วยหอม, โยเกิร์ตกรีก, เห็ด, โกโก้,มะเขือเทศ , ควินัว, น้ำส้มสายชูแอปเปิ้ลไซเดอร์,เมล็ดฟักทอง, อินผลัม, ปลาซาร์ดีนและปลาแซลมอน, ถั่วเปลือกแข็ง, เกลือทะเล, ผักใบสีเขียวเข้มทุกชนิด, โมลาส, อโวคาโด

 

 

นอกจากนี้ ยังเชื่อว่า การชโลมขาและน่องด้วยน้ำแมกนีเซียมสูตรนี้ก่อนนอน จะสามารถเป็นผู้ช่วยที่ดีให้คุณได้ เพียงทามันที่ขาในบริเวณที่เป็นตะคริวบ่อยๆ และทิ้งไว้มันให้ทำงานตลอดคืนในช่วงที่คุณนอนหลับ มาลองทำตามสูตรนี้กัน

 

 

สูตรน้ำแมกนีเซียมช่วยบรรเทาอาการตะคริว

ส่วนผสม:

แมกนีเซียมคลอไรด์ชนิดเกล็ด ½ ถ้วย ( หาซื้อได้ที่ร้านขายเคมีภัณฑ์ทั่วไป)

น้ำกลั่น ½ ถ้วย

 

วิธีทำ:

ต้มน้ำกลั่นให้พอร้อนไม่ต้องถึงเดือด ยกลงจากเตา ค่อยๆเติมเกล็ดแมกนีเซียมคลอไรด์ทีละน้อยๆลงไปคนให้ทั่วจนหมดทั้งส่วนผสม เมื่อเห็นเกล็ดแมกนีเซียมละลายหมดแล้วก็ตั้งพักไว้ให้เย็น จากนั้นนำน้ำแมกนีเซียมนี้ใส่ขวดสเปรย์ไว้ฉีดพ่นที่ขาในตอนกลางคืน

 

วิธีใช้:

ฉีดพ่นที่ขาบริเวณที่เป็นตะคริวบ่อยๆ ประมาณ 5-10 ครั้งที่ขาแต่ละข้างก่อนนอน

นอกจากนี้ เคล็ดลับเหล่านี้ก็จะช่วยแก้อาการตะคริวตอนกลางคืนของคุณด้วย:

 

 

leghealth002

 

 

ออกกำลังยืดหยุ่นร่างกาย (stretching)

การออกกำลังยืดหยุ่นร่างกายจะช่วยป้องกันตะคริวที่ขาด้วย เพราะมันจะช่วยฟื้นฟูการไหลเวียนของโลหิตที่ไปเลี้ยงขาให้ดีขึ้น และช่วยให้การส่งออกซิเจนและสารอาหารไปยังเซลล์เนื้อเยื่อบริเวณนี้สามารถเป็นไปได้ดีขึ้น ซึ่งวิธีที่ง่ายที่สุดคือ

 

1. หากล่องมาใบหนึ่งที่มีส่วนสูงของกล่องประมาณ 2-3 นิ้ว วางกล่องนั้นลงบนพื้น และวางฝ่าเท้าพาดบนกล่องโดยให้ส่วนส้นเท้ายังแตะอยู่บนพื้น ให้น้ำหนักอยู่ที่ส้นเท้า

 

2. ต่อมา ให้ค่อยๆถ่ายน้ำหนักจากส้นเท้ามาที่ปลายเท้าที่พาดอยู่บนกล่อง ให้ส้นเท้ายกลอยขึ้นจากพื้นโดยน้ำหนักยังอยู่ที่ปลายเท้า ค้างไว้อย่างนั้น 2 วินาที จากนั้นวางส้นเท้าลงบนพื้นและพัก 10 วินาที ทำซ้ำแบบนี้ 6-8 ครั้งกับขาแต่ละข้าง วิธีนี้จะช่วยให้ผ่อนคลายน่องของคุณด้วย

 

 

เพิ่มวิตามินดีให้ร่างกายให้มากขึ้น

วิตามินดี มีความสำคัญอย่างมากที่สุดสำหรับการช่วยให้ร่างกายสามารถดูดซึมแคลเซียมได้ดีขึ้น และช่วยให้เกิดความสมดุลของสารละลายอิเลกโทรไลท์ซึ่งเป็นของเหลวภายในร่างกาย วิธีที่ดีที่สุดที่จะฟื้นฟูระดับของวิตามินดีในร่างกาย ก็คือการออกไปข้างนอกให้ร่างกายได้สัมผัสกับแสงแดด ซึ่งจะได้ผลดีเท่าๆกับการบริโภคอาหารทะเลและเห็ด นอกจากนี้ การขาดสมดุลของสารละลายอิเลกโทรไลท์ในร่างกาย ซึ่งเป็นสารประกอบของเกลือแร่และแร่ธาตุสำคัญต่างๆ เมื่อสารนี้ขาดสมดุลไป ก็จะทำให้ร่างกายมีปริมาณน้ำที่ไม่เหมาะสม ทำให้เป็นตะคริวได้ ซึ่งในทางธรรมชาติบำบัด ได้แนะนำเครื่องดื่มต่อไปนี้ที่สามารถทำเองได้ง่ายๆและจะช่วยคุณได้มากเรื่องนี้:

 

 

สูตรเครื่องดื่ม:

ผสมเกลือทะเลครึ่งช้อนชากับน้ำ 1 ควอทซ์และน้ำตาล 6 ช้อนชา คนหรือเขย่าให้เข้ากัน อาจแทนที่น้ำตาลด้วยน้ำผึ้งธรรมชาติได้ตามชอบ และหากใช้น้ำผึ้งตามสูตรนี้ ให้เติมน้ำมะนาวหรือเลมอนครึ่งช้อนชาและดื่มเครื่องดื่มนี้ทุกวัน

 

 

และหากคุณเป็นตะคริวบ่อยๆ ก็ขอแนะนำกิจกรรมต่อไปนี้:

 

 

leghealth003

 

 

เดินช้าๆในความเร็วระดับปานกลาง: ทำแบบนี้ในเวลาไหนก็ตามที่คุณทำได้ จะช่วยพัฒนาระบบการไหลเวียนของโลหิตที่ไปเลี้ยงบริเวณขาให้สะดวกยิ่งขึ้น

 

นวดบริเวณน่องด้วยการนวดวนเป็นวงกลม: จะช่วยกระตุ้นระบบการไหลเวียนโลหิตอย่างไรก็ตาม พึงระลึกไว้ด้วยว่า สาเหตุหนึ่งของการเป็นตะคริวก็เกิดจากการที่คุณใช้งานขาของคุณมากเกินไป เช่น การเดินหรือวิ่งระยะทางยาวๆเป็นเวลานานๆ หรือการใส่รองเท้าส้นสูงมากๆเป็นเวลานานๆ ทำให้ขาของคุณไม่มีเวลาได้พักผ่อนจนเกิดการประท้วงนี้ขึ้น ถ้าจะให้ดี ก็ควรจะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมประจำวันให้ขาและน่องได้มีเวลาผ่อนคลายบ้าง ก็จะเป็นวิธีดูแลสุขภาพเรื่องนี้ได้ดีที่สุด

 

เครดิตรูป: dizp62k3hja4n.cloudfront.net

เพราะอย่างนี้! ถึงมีผมหงอกตั้งแต่ 30 ต้นๆ!

 

นี่คือเหตุผลว่าทำไม และเชื่อไหมว่าสาเหตุส่วนใหญ่เรื่องนี้ไม่ได้อยู่ที่กรรมพันธุ์!

 

พิ่งจะเป่าเทียนฉลองวันเกิดวัยเลข 3 ไปหมาดๆ แต่แค่ไม่กี่วันต่อมาหลายคนก็ตองตกใจเมื่อส่องดูกระจกและได้เห็นเส้นผมหงอกขาวโผล่ขึ้นมาเป็นของขวัญวันเกิด! จะมาหงอกอะไรกันอายุฉันแค่ 30 เอง! ไม่แต่คุณหรอกนะที่เจอกับสภาวะแบบนี้

 

 

grey-hair-002

 

 

ผู้หญิงส่วนมากจะพบเส้นผมหงอกเส้นแรกของตัวเองในวัยใกล้ๆ 40 ปี ในขณะที่คนคอร์เคเชี่ยนจะมีแนวโน้มมีผมหงอกได้เร็วกว่าพวกอเมริกันอาฟริกัน นั่นเป็นเพราะเผ่าพันธุ์และประวัติของครอบครัวนั่นเอง แต่ถ้าหากคุณอายุแค่ 20 ปลายๆ แล้วก็ต้องมาพบกับปัญหาเรื่องผมหงอกเสียแล้ว มันก็ไม่ใช่เรื่องปกติ –ถึงแม้ว่าครอบครัวของคุณจะมีประวัติว่ามีผมหงอกขาวอย่างรวดเร็วก็ตาม หรือถ้าหากคุณต้องสูญเสียพิกเมินท์สีดำของเส้นผมไปเร็วกว่าสมาชิกคนอื่นในครอบครัว นั่นอาจเป็นเพราะสภาวะสิ่งแวดล้อมและพฤติกรรมไลฟสไตล์ของคุณเป็นสาเหตุสำคัญ ลองสำรวจเหตุผลของเรื่องนี้ แล้วคุณอาจตกใจกับสาเหตุที่คุณเองก็คาดไม่ถึง

 

 

คุณทำงานเหนื่อยมากเกินไป

มีการถกเถียงกันของนักวิทยาศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพหลายสาขา ถึงความเกี่ยวโยงของเรื่องผมหงอกกับความเหนื่อยล้า จากการศึกษาในปี 2013 ของมหาวิทยาลัยนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา ที่ได้ตีพิมพ์ลงในนิตยสาร Nature Medicine ระบุถึงการพบว่า ความเหนื่อยล้าของร่างกายสามารถเป็นสาเหตุการลดน้อยลงของสเต็มเซลล์ที่รากผมได้ และก็มีงานวิจัยมากมายที่สนับสนุนทฤษฎีนี้ ซึ่งมันเกิดขึ้นร่วมกับสภาวะประกอบอื่นๆอีกมากมาย และถ้าคณจะหาบทสรุปที่ไม่ใช่ทางวิทยาศาสตร์ ก็ลองมองดูจากรูปถ่ายของผู้บริหารระดับสูงของวงการต่างๆก็จะพบได้ว่ามันเป็นความจริง

 
grey-hair-004

 

 

คุณบริโภคยาบางอย่างอยู่

มีเคสน้อยมากที่พบว่าผมหงอกก่อนวัยเป็นผลจากปัญหาของต่อมไทรอยด์ ปัญหาของต่อมพิทูอิทารี่ ซึ่งเป็นต่อมไร้ท่อที่ทำหน้าที่ควบคุมฮอร์โมนต่างๆในร่างกาย ทำให้เกิดโรคออโตอิมูนซึ่งเป็นโรคของระบบภูมิคุ้มกันโจมตีผิวหนังและเส้นผมของเรา ทำให้เกิดผมหงอกขาว “ โรคออโต้อิมมูน คือโรคที่เซลล์ที่ของคุณเองโจมตีส่วนต่างๆของร่างกายคุณเอง เมื่อมันโจมตีเซลล์เส้นผม คุณก็จะมีผมหงอกขาวจากผลของมันนั่นเอง

 

 

คุณอยู่ในสภาวะขาดวิตามิน

ความเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่งของผมหงอกก็คือการขาดวิตามินบี 12 ซึ่งมีสาเหตุมากมายที่ทำให้คุณเสี่ยงต่อสิ่งนี้ สิ่งหนึ่งที่พบมากก็คือการบริโภคแบบมังสวิรัติ, การบริโภคยาคุมกำเนิด หรือการมีโรคของระบบทางเดินอาหารหรือGastrointestinal tract disease (GI) ถ้าผมหงอกของคุณเป็นเพราะเรื่องนี้ ก็มีแนวโน้มจะเกี่ยวข้องกับโรคโลหิตจาง เพราะการลดลงของเซลล์เม็ดเลือดแดงที่เกิดจากลำไส้เล็ก ทำให้ร่างกายไม่สามารถดูดซึมวิตามินบี 12 ได้ดีพอ

 

 

grey-hair-003

 

 

คุณสูบบุหรี่

การสูบบุหรี่เป็นพฤติกรรมเลวร้ายที่สุดที่คุณทำร้ายผิวหนังและเส้นผมของคุณ” ได้มีการศึกษาถึงการเกี่ยวข้องกันระหว่างการสูบบุหรี่กับผมหงอกขาวก่อนวัย ถ้าหากคุณมองดูผิวของคนที่สูบบุหรี่ ก็จะเห็นริ้วรอยมากมายบนใบหน้าและผิวหนังของพวกเขา ”สิ่งที่ควรเข้าใจก็คือ พฤติกรรมประจำวันเป็นสิ่งที่มีผลกับเรามากกว่าในเรื่องของพันธุกรรม ถ้าคุณมีผมหงอกก่อนวัยโดยไม่ใช่เพราะประวัติครอบครัวแล้วละก็ ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจเช็คการทำงานของต่อมไทรอยด์ ถ้ามันยังปกติดี และระดับวิตามินบี 12 ในร่างกายคุณก็ไม่ได้มีปัญหา ทั้งคุณก็ไม่ได้มีเรื่องโลหิตจางเข้ามาเกี่ยวข้องแล้วละก็ ผมหงอกของคุณ ก็น่าจะมาจากเรื่องบุหรี่นี้อย่างแน่นอน”

 

เครดิตรูป: 1, 2