อาหารมื้อสำคัญ Breakfast

 

ชอบที่สุด วันไหนที่ได้มีเวลา นั่งละเลียดอาหารเช้า ….

 

ยิ่งถ้าได้เมนูไข่อร่อยๆ กาแฟหอมๆ (มี wi-fi ^_^ )..เฮ้อมีความสุขจริงๆ

 

แต่ในชีวิตจริง วันพวกนั้นก็มีไม่กี่เปอร์เซ็นต์ ดังนั้นในวันหยุดวันว่างจึงมักหาเวลาจัดเต็ม ทำอาหารเช้าดีๆ ทำดีกับตัวเองบ้าง ความสุขง่ายๆ แบบนี้ ทำได้ไม่ยากเลยค่ะ

 

วันนี้หัดทำอาหารฝรั่งกันก่อนนะคะ เริ่มจาก Poached Eggs เรียกว่า ไข่ดาวน้ำ ที่แลดูหรูหราน่าประทับใจ แต่จริงๆแล้วง่ายมาก

 

เคล็ดลับของการทำไข่ดาวน้ำให้ได้ดี ส่วนสำคัญอยู่ที่ไข่ ยิ่งไข่สดเท่าไหร่ ยิ่งดีค่ะ

 

ก่อนอื่นขอเล่าพอเป็นเกร็ดความรู้กันก่อนค่ะ อันไข่ดาวน้ำนี้ เวลาขึ้นเมนูตามร้านอาหาร ถ้าหากเสิร์ฟมากับ แฮม และมีซอส Hollandaise สีออกเหลืองราดมา เขาเรียกว่า Egg Benedict

 

breakfast007

 

breakfast004

 

แต่ถ้ามีผักขม เสิร์ฟมากับไข่ดาวน้ำนี้ และซอสก็มักเปลี่ยนเป็นซอสที่ผสมชีสเข้าไปด้วย เขาเรียกว่า Egg Florentine

 

breakfast005

 

สำหรับสูตรในวันนี้ คือ Egg Florentine กับ Mornay sauce ซอสนี้ดีตรงที่ไม่มีเทคนิคอะไรซับซ้อน สามารถทำไว้ล่วงหน้าได้ รับประทานไม่หมด ก็ยังเก็บไว้ใช้กับอาหารอื่นๆได้ ไม่เหมือน Hollandaise Sauce ที่ทำแล้วก็ต้องใช้ให้หมดภายในมื้อนั้น แถมอ้วนน้อยกว่าเพราะใช้เนยน้อยกว่ามาก

 

ไข่ดาวน้ำนั้น แค่ลงทุนซ้อมทำไข่ดาวในน้ำไป สัก ๕๖ ฟอง ประเดี๋ยวก็ทำได้ค่ะ

 

ของส่วนใหญ่ที่จะใช้ในสูตร Egg Florentineนี้ เช่นครีมชีส/ ปลาซาลมอนรมควัน/ ซอสมัสตาร์ดรสกระเทียมย่าง /เนยแข็ง Cheddar cheese ดิฉันสั่งมาเตรียมไว้ล่วงหน้า จาก http://www.passiondelivery.com/

 

breakfast006

 

ขนมปังเบเกิ้ลนั้น ดิฉันใช้วิธีซื้อมาเก็บไว้ที่บ้านไว้ก่อน ห่อกระดาษแรป (cling film) ให้แน่น ใส่ช่องแข็งเอาไว้ คืนก่อนวันที่จะใช้ ก็เอามาไว้ช่องธรรมดา เช้ามาเอาห่อกระดาษฟอยด์หลวมๆ (เอามือชุบน้ำลูบไปบนขนมปัง) แล้วนำเข้าเตาติ๊งหรือเตาอบอีกครั้ง ก็นุ่มเหมือนอบมาใหม่ๆเหมือนเดิม

 

ไข่กับผักนั้น วันไหนจะทำถึงค่อยไปซื้อมาค่ะ จะได้สดดี

 

breakfast008

 

สูตรทำ ไข่ดาวน้ำกับผักขม เสิรฟบนเบเกิ้ล (สำหรับ ๒ คน)

ส่วนผสม

น้ำ ๑ ลิตร

น้ำส้มสายชู ๑๕๐ มล.

เกลือ ใส่ไปให้กลบรสเปรี้ยว ประมาณ ๕ กรัมหรือมากกว่านั้น

ผักขม ๑ กำ

น้ำตาลเล็กน้อย

เนยสำหรับผัดผักขม

วิปครีม ๒๕ กรัม

————

ครีมชีส

ปลาซัลมอนรมควัน

(option) – มัสตาร์ดรสกระเทียมย่าง

ขนมปังเบเกิ้ล

มะนาว ไว้บีบบนปลารมควัน

 

วิธีทำ

ใช้กระทะหรือหม้อก้นตื้น ผสมน้ำส้มสายชูลงในน้ำ เติมเกลือไปจนกว่าจะกลบรสเปรี้ยว ตั้งไฟให้เดือด ตอกไข่ใส่ถ้วยหรือจานรองแก้วกาแฟเตรียมไว้ เมื่อน้ำเริ่มเดือดปุดๆขึ้นมาเป็นสาย ใช้พายยางคนให้น้ำวนเป็นวงกลม เทไข่ลงช้างๆกระทะ จับเวลาประมาณ ๓ นาที หรือแล้วแต่ชอบ ใช้กระชอนตักขึ้น ล้างน้ำเปล่า แล้วไปพักไว้บนผ้าหรือกระดาษทิชชูอย่างหนา

ผัดผักขมกับเนยแค่พอสลด เติมน้ำตาล เติมวิปครีมแค่คลุกพอเข้ากัน ปิดไฟ

อุ่นขนมปังเบเกิ้ลให้อุ่นๆ ผ่าครึ่งตามขวาง (ถ้าชอบ ทามัสตาร์ดบางๆลงบนเบเกิ้ล) ใส่ครีมชีส ตามด้วยผักขม ปลาซัลมอน บีบมะนาวบนชิ้นปลาเล็กน้อย เอาไข่ที่ลวกไว้แล้ววางข้างบน

ราดด้วยซอส ถ้าชอบให้ข้างหน้าเกรียมๆ อาจเอาไว้ใต้เตาอบร้อนที่ใช้เฉพาะไฟบน หรือใช้ ไฟที่เรียกว่า torch เป่าให้ข้างหน้าเกรียมเล็กน้อยก็ได้

City Break: New York City, Part III

ตอนที่ผ่านมา

City Break: New York City, Part I

City Break: New York City, Part II


เบรค-กิน (แนะนำของกิน)

 

.. “อาหารเช้าแบบแปลกใหม่ แฟนซี ที่แพงหน่อยแต่บรรยากาศ รีแล็กซ์ ไม่อึดอัดต้องสำรวมมาก ถ้าอยากลองสั่งจานเด็ดของที่นี่ให้คนพิเศษที่ไปด้วยก็ต้องนี่เลยครับ Frittata ไข่เจียวอิตาเลียนที่ชื่อ ‘Zillion Dollar Lobster Frittata’ ถือเป็นอาหารจานไข่ที่แพงที่สุดในโลก..”

 

new-york-city-iii-02

Cr: heroineinheels

 

เรื่องของกินไม่ว่าเมืองไหนๆก็ย่อมมีเอกลักษณ์และจานอร่อยแบบท้องถิ่นของที่นั่น ไม่ต้องเป็นของแพงหรือต้องติดดาว มิชเชลินคุณก็ได้ประสบการณ์กินที่เยี่ยมยอดแบบนิวยอร์เกอร์ได้ ผมขอเริ่มจากมื้อเช้าไล่ไปจนมื้อเย็น โดยมื้อเช้าผมก็จะมีทางเลือกให้ 3 แบบ คือแบบด่วน,แบบหรู และ แบบคลาสสิก เลือกเอาแล้วแต่ไลฟ์สไตล์ของแต่ละท่าน

 

I. มื้อเช้าแบบด่วน (Quickie !)
การเริ่มต้นวันที่เร่งรีบตอนเช้าของชาวนิวยอร์กในยุคที่คนส่วนใหญ่ไม่มีเวลา และไม่ต้องการอาหารเช้าแบบหนักท้องมากก็เหมือนกับทุกที่ๆ ปัจจุบันมักนิยมอาหารเช้าแบบ quickie เช่นเป็น Toast หรือ Croissantกับ กาแฟ แต่ถ้ามา NYC ผมขอแนะนำเป็น เบเกิ้ล (Bagel) ซึ่งมันคือของดีท้องถิ่นที่นี่ และถ้าคุณเคยแค่ลองเบเกิ้ลส์ในเมืองไทย หรือที่อื่นๆ แล้วคิดว่าเบเกิ้ลมันไม่เห็นจะได้เรื่องตรงไหนเลย ขออย่าเพิ่งด่วนสรุปจนกว่าจะได้มาลองขอแท้ๆ ออริจินอลซะก่อน

 

new-york-city-iii-01
Cr.pic:animalnewyork.com

 

อย่างที่เราทราบว่าวัฒนธรรมของนิวยอร์กได้รับอิทธิพลจากผู้อพยพจากประเทศต่างๆ จากยุโรปค่อนข้างเยอะ โดยเฉพาะชาวอิตาเลียนจากทางใต้ และชาวยุโรปเชื้อสายยิวที่มาจากทางเยอรมัน โปแลนด์ เนเธอร์แลนด์ ที่อพยพมาในช่วงก่อนสงครามโลก ดังนั้นวัฒนธรรมเรื่องอาหารก็ติดตามมาด้วยเป็นเรื่องธรรมดา เบเกิ้ลก็เช่นกัน เป็นขนมปังรูปวงแหวนของชาวโปแลนด์เชื้อสายยิวที่อพยพมานิวยอร์ก ทำจากแป้งข้าวสาลีและยีสต์ที่นำไปต้มก่อนอบ ว่ากันว่าทำขึ้นมาเพื่อฉลองชัยชนะของกษัตริย์โปแลนด์ชื่อ John III Sobieski ที่มีชัยชนะเหนือจักรวรรดิออตโตมัน ในสงคราม Battle of Vienna เมื่อปี 1683 ขนม Bajgiel (ชื่อที่เรียกแบบชาวโปล) กลายเป็นอาหารประจำของชาวโปล และชาวสลาฟในศตวรรษที่ 16 จริงๆ แล้วคำนี้มันมาจากภาษาท้องถิ่นของเยอรมันคือ Beugel หมายถึงวงแหวนหรือกำไล มีหลายรูปแบบคือแบบที่มีถั่วมีงาขาว และงาดำโรยหน้า

 

new-york-city-iii-03

 

ในนิวยอร์ก เบเกิ้ลมักจะทานกับ cream cheese ซี่งผลิตจาก Philadelphia ไกล้ๆ และ lox ซึ่งก็คือปลารมควัน (มักเป็นปลาแซลมอน) ถือเป็นอาหารประเพณีของชาวยิวที่กลายมาเป็นอาหารท้องถิ่นนิวยอร์ก และมักทานเป็นอาหารเช้าแทน ABF ที่เป็น American Trilogy หมายถึง Bacon, Toast & Eggs ในขณะที่ใช้แทนขนมปังทำแซนวิชได้ด้วย

ไม่ใช่แค่ NYC แต่ในทวีปอเมริกาเหนือโดยเฉพาะฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือ นิยมไปถึงแคนาดาที่มีสไตล์เฉพาะของเมืองมอนทรีลอัล (Montreal-style bagel) ซึ่งจะใช้มอลต์และน้ำตาล ไม่ใช้เกลือ และต้มในน้ำผสมน้ำผึ้งก่อนอบด้วยเตาอบใช้ฟืน ในขณะที่เบเกิ้ลของเมืองโทรอนโตจะไม่หวาน และอบด้วยเตาอบธรรมดาเหมือนของนิวยอร์ก และในบรรดาหลายๆ รูปแบบนั้นนักชิมเบเกิ้ลบอกว่าของนิวยอร์กถือว่าอร่อยที่สุด ซึ่งผมขอพาคุณไปลองที่ 2-3 ร้านที่ติดอันดับต้นๆ ของร้านขายเบเกิ้ลที่อร่อยที่สุดในนิวยอร์ก

 

new-york-city-iii-10

1. Absolute Bagels

ที่นี่อยู่บนนถนนบอร์ดเวย์ย่าน Upper West Side ที่นี่มีเบเกิ้ล 16 แบบให้เลือก ทานกับท็อปปิ้งหลากหลายเช่น cream cheeses blueberry, sun-dried tomato, walnut-raisin, Tofutti, deli meats, salads และปลารมควัน (smoked fish) ราคาประมาณ $6 ต่อชิ้น (ที่อยู่: 2788 Broadway (ตัดกับถนน 107-108) New York 10025)

 

new-york-city-iii-09

2.Barney Greengrass

ร้านนี้เป็นร้านเดลี่มีชื่อเรื่องขายปลาสเตอเจียนที่ไข่เอามาทำคาเวียร์ แต่ก็มีอาหารและของดีหลายอย่างรวมทั้งเบเกิ้ล อยู่ระหว่างถนน 86th-87th ถ้าอยู่ไม่ห่างจากแถวนั้นน่าจะไปลองครับ

 

new-york-city-iii-06

3.Russ& Daughters

ร้านเดลี่แห่งนี้ถือว่าชื่อดังพอสมควร เป็นร้านโปรดหรือร้านแนะนำของเชฟที่ผมชื่นชอบคือ Anthony Boudain ที่นี่มีของดีสำหรับ appetizers หรืออาหารเรียกน้ำย่อยหลากหลาย มาทานเบเกิ้ลแล้วซื้อ cold cut หรือ corn beef กลับไปทานกับไวน์ก็ไม่เลวครับ มาที่นี่ไม่เสียเที่ยว ถ้าท่านพักอยู่แถวถนน AllenกับOrchard ย่าน Lower East Side

หากไม่มีเวลาไปเสาะหาเบเกิ้ลชั้นดีที่มันไกลจากที่พักมาก แต่มีแผนไปช็อปปิ้งที่ห้างดังของที่นี่ชื่อ Barney’s ก็ที่นั่นแหละครับจะมี coffee shop ของห้างชื่อ Fred’s

 

new-york-city-iii-08

Cr: mstrausman

 

ชื่อนี้จริงแล้วเป็นชื่อของลูกชาย Barney ที่เป็นเจ้าของห้างนั่นเอง เค้าบอกกันว่าเบเกิ้ลที่นี่แหละดีที่สุดไม่ต้องไปหาที่ไหนอีก อาจจะดูหรูหราเกินการไปกินแค่เบเกิ้ล ก็ไม่เป็นไรครับ แก้เขินด้วยการซื้อพวกอาหารสำเร็จแบบบรรจุขวดเช่น พวก peanut butter หรือ cookies มาเป็นของฝากเพื่อนได้ มันดูแพงเพราะ packaging ดีมากๆ ถ้าใครนึกไม่ออกว่าของฝากแบบนี้หน้าตาแบบไหนลองไปดูร้าน Dean & Deluca (ในกรุงเทพฯ) แผนกที่ซื้อกลับบ้าน

 

II.มื้อเช้าแบบหรูที่ Waldorf Astoria หรือ Norma’s

 

เมื่อเราพูดถึงอาหารเช้า คงต้องพูดถึงอาหารเช้าจานนี้ซักหน่อย นั่นคือ Egg Benedict ครับเพราะเชื่อกันว่าอาหารจานนี้มีต้นกำเนิดมาจากที่ NYC นี่เอง จริงๆ แล้วเรื่องเล่ามีอยู่หลายเวอร์ชั่น แต่ที่มีลงเป็นบทความในหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นที่ชื่อ New York Times ในปี 1942 คงจะน่าเชื่อถือได้ที่สุด เรื่องมีอยู่ว่าในปี 1894 ที่  Waldorf Astoria โรงแรมหรูหราที่สุดแห่งหนึ่งของนครนี้ มีลูกค้าประจำของโรงแรมชื่อ Lemuel Benedict นายหน้าค้าหุ้นอยู่ wall street เดินเข้ามาสั่งอาหารเช้าแบบไม่เหมือนใคร เพราะเขาเชื่อว่าสูตรนี้จะแก้อาการเมาค้างของเขาได้ ซึ่ง Oscar Tschirky ซึ่งเป็น maître d’hôtel ของที่นี่ชอบไอเดียนี้จึงนำไปให้เชฟปรับปรุงเพิ่มเติมออกมาเป็นอาหารเช้าจานหนึ่งขึ้นมาในเมนูของที่นั่น และตั้งชื่อตามลูกค้าคนนี้ มันคือจานที่ชื่อ Egg Benedict นั่นเอง

 

new-york-city-iii-12

Caviar Eggs Benedict ที่ห้องอาหาร Oscars Brasserieโรงแรม Waldorf Astoria (cr:travelsupermarket.com)

 

Eggs Benedict ก็มีหลายเวอร์ชั่นเหมือนเรื่องเล่าที่มา แต่มาตรฐานต้องมี English muffin ที่อบร้อนแล้ว ผ่าซีกก่อนวางทับด้วยเบคอนแคเนเดียน (Canadian bacon -จะมีมันน้อยแบบแฮมทำจากส่วนสันนอกหมู ไม่ได้ทำจากส่วนท้องของหมูแบบ American Bacon) ตามด้วยการวางโปะด้วยด้วยไข่น้ำ (poached eggs) แล้วราดซอสฮอลลันแดส (hollandaise sauce) ซึ่งเข้มข้นด้วยเนยสดและไข่แดงจึงจะครบสูตร หากคุณอยากจะไปกินแบบต้นตำรับคงต้องไปเริ่มต้นเช้าวันนั้นที่ห้องอาหารเช้าโรงแรม Waldorf Astoria และหากคุณอยู่ที่นิวยอร์กตรงกับวันอาทิตย์จะคุ้มค่ามาก หากคุณเลือกทาน Sunday Brunch ที่โรงแรมนี้ ซึ่งจะเปิดช่วง 10.00 – 14.00 น. ที่เอ้าท์เล็ตชื่อ Peacock Alley Restaurant มีชื่อขนาดติดอันดับ 1 ใน 10 ของ Brunch (อาหารมื้อสาย) ที่ดีที่สุดในอเมริกา

 

new-york-city-iii-05

Buffet Breakfast at Waldorf Astoria (Peacock Alley Restaurant) (cr:10best.com)

 

แต่หาก Waldorf ดูเก่าแก่แบบคลาสสิกเกินไปสำหรับวัยรุ่นอย่างเรา คงต้องหาอะไรที่ทันสมัยหน่อย ผมแนะนำให้ไปทาน All Day Breakfast ที่ Norma’s ที่โรงแรม Le Parker Meridien (ที่อยู่ 119 W 56th St.)

 

new-york-city-iii-07

 

ที่นี่เป็นที่นิยมมากๆ สำหรับบรันช์ และอาหารเช้าแบบแปลกใหม่แฟนซี ที่แพงหน่อยแต่บรรยากาศรีแล็กซ์ไม่อึดอัดต้องสำรวมมาก ถ้าอยากลองสั่งจานเด็ดของที่นี่ให้คนพิเศษที่ไปด้วยก็ต้องนี่เลยครับ Frittata ไข่เจียวอิตาเลียนที่ชื่อ ‘Zillion Dollar Lobster Frittata’ ถือเป็นอาหารจานไข่ที่แพงที่สุดในโลก (The world’s most expensive omelette บันทึกไว้ใน Guinness Book of Records) ประกอบด้วย คาเวียร์ 280 กรัม และกุ้งอีก 450 กรัม เสิร์ฟบนไข่ผสมมันฝรั่งทอดแบบอิตาเลียน ราคาจาน $1,000 สำหรับสั่งทานกันหลายคนมาแบ่งกัน แต่เขาก็มีแบบที่เล็กให้ลองในราคา $100

 

new-york-city-iii-11

 

เรื่องอาหารเช้ายังไม่จบนะครับ คราวหน้าจะเป็นเรื่องสำหรับคนที่ชอบ full Breakfast แบบคลาสสิก มานิวยอร์คทั้งทีต้องมี ABF แบบออริจินอลที่ไดเนอร์ ครับ และสำหรับใครที่ตื่นสายจะทานเป็นแบบเป็นมื้อสาย (Brunch) ที่ร้านแบบไดเนอร์สก็เหมาะ คราวหน้าผมจะพาไปรู้จัก American Diner และทานอาหารเช้าที่นั่นกัน

 

เรื่อง: ภูษิต แสนโสภณ