…. “ไม่ว่าผมจะมานิวยอร์กซิตี้ (NYC) กี่ครั้งก็แล้วแต่ มันก็ยังทำให้ผมได้เร้าใจได้ทุกครั้งไป เมื่อรู้สึกว่าเครื่องบินกำลังลดระดับลงสู่ 1 ใน 3 สนามบินของที่นี่มันเหมือนได้ยินเพลงของ Frank Sinatra ร้องเพลงที่เป็นชื่อเมืองนี้ดังขึ้นมาในหัว..”
แม้ว่านิวยอร์ก จะเป็นเมืองที่เก่าไปเรื่อยๆ (ดูจากอายุของมัน) แต่มันก็กลับไม่เคยแก่มันดูทันสมัยอยู่เสมอและยังคงเป็นผู้นำ หรือเป็นที่หล่อหลอมด้านวัฒนธรรมของชาวอเมริกันหลายรูปแบบดังเป็นที่รู้จักว่าที่นี่คือ “The Great American Melting Pot”
มันเริ่มมาจากการเป็นเมืองท่าที่รองรับผู้อพยพจากยุโรปโดยเฉพาะชาวดัชท์ในสมัยปี 1609 ทำให้ตอนนั้นมันมีชื่อว่า ‘New Amsterdam’ จนกระทั่งมันเติบโตกลายเป็นอัครมหานครต้นแบบของโลกที่ขยายตัวในแนวสูง แต่ก็มีการจัดการที่นครในยุคหลังๆก็ยังสู้ไม่ได้
แต่ผมก็ไม่อยากพูดถึงด้านบวกแต่เพียงอย่างเดียวเพราะมันก็มีเรื่องเร้าใจด้านลบอยู่ด้วย ผมเคยมาที่นี่ 6-7 ครั้งอาจดูเหมือนไม่บ่อยแต่ก็ได้ผ่านการทดสอบทุกรูปแบบของมหานครแห่งนี้พอสมควรไม่ว่าจะเป็นการโดนล้วงกระเป๋า,โดนจัดฉากหลอกโดยคนท้องถิ่นผิวสีที่เราต้องควักเงินจ่ายเหมือนโดนปล้นแต่ NYPD ทำอะไรไม่ได้ หรือแม้แต่ได้ลองใช้บริการ911เรียกรถพยาบาลฉุกเฉินโดยมีทีมช่วยชีวิตพร้อมอุปกรณ์ที่ทำตามขั้นตอนเหมือนในหนังทุกอย่าง
เบรค-พัก (แนะนำเรื่องที่พัก)
อย่างที่ผมพูดถึง,ที่นิวยอร์กนั้นถ้าคุณอยู่ผิดที่ผิดทางหรือผิดเวลามันไม่ค่อยดีเท่าไรดังนั้นเราควรเลือกที่พักในทำเลที่ไว้ใจได้แม้ว่าจะต้องจ่ายแพงซักหน่อย(อย่าประหยัดเกินไปเชื่อผม)
New York City (NYC) แบ่งออกเป็น 5 เขตเรียกว่า Borough ก็มี Manhattan, Brooklyn, Queens, Bronx และ Staten Island และอย่างที่ทราบย่านเศรษฐกิจสุดหรูสุดแพงก็คือเขต Manhattan หลายคนคิดหนักเมื่อเห็นราคาห้องพักในเขตนี้ สำหรับผมถ้าชั่งน้ำหนักข้อดีข้อเสียหลายๆด้านออกมาแล้วผมว่าอยู่ย่าน Brooklyn น่าจะดีที่สุดครับ มันอยู่ทางใต้ของManhattanซึ่งมองกลับเข้ามาจากฝั่งบรุ๊คลินจะเห็นวิวแถบ Financial District ของ Lower Manhattan สวยมากครับ ที่สำคัญย่าน Brooklyn เดี๋ยวนี้เก๋ไก๋ทันสมัยแล้วไม่เหมือนกับตอนที่ผมมาที่นี่ครั้งแรกเมื่อปี’75
ที่นี่อุดมสมบรูณ์ไปด้วยคาเฟ่ร้านอาหารหลากสไตล์ การไปเที่ยวในแมนฮัตตันก็แค่มุดลงใต้ดินเพียงไม่กี่สถานีเราก็อยู่ Theater District แล้วลองค้นรายละเอียดของโรงแรมในบรุ๊คลินเหล่านี้ดูครับ 2โรงแรมท้ายสุดจะได้วิวที่สวยหน่อย
Wythe Hotel: 80 Wythe Ave, 718-460-8000, wythehotel.com, ราคาเริ่มจาก $195
Nu Hotel: 85 Smith St, 718-852-8585, nuhotelbrooklyn.com, ราคาเริ่มจาก $189
Condor Hotel: 56 Franklin Ave, 718-526-6367,condorny.com, ราคาเริ่มจาก $199
Henry Norman Hotel: 251 N. Henry St, 718-951-6000, henrynormanhotel.com, ราคาเริ่มจาก $169
Aloft New York Hotel: 216 Duffield St, 718-256-3833, aloftnewyorkbrooklyn.com, ราคาเริ่มจาก $199
Marriott Brooklyn: 333 Adams St, 718-246-7000, marriott.com, ราคาเริ่มจาก $249
เบรก-เที่ยว (แนะนำเรื่องเที่ยว)
1.ไปเข้าฉากหนังclassicที่ EMPIRE STATE
ใครจะบอกว่ามันล้าสมัยหรือเชยอย่าไปสนใจครับ Empire State เป็นอนุสรณ์สถานที่มีคุณค่า ตึกในสไตล์ Art Deco หลังนี้เป็นสัญลักษณ์ของมหานครนี้ต้อง ขึ้นไปดูวิวจากชั้น 86 หรือชั้น 102 เพื่อให้ได้บรรยาศของ NYC จากมุมสูงแล้วลองนึกถึงฉากภาพยนต์ที่เราเคยดูกันไม่ว่าจะเป็นที่สุดของหนังคลาสิกอย่าง ‘An affair to remember’, ‘Sleepless in Seattle’ หรือแม้แต่ ‘King kong’ สำหรับผมช่วงเวลาที่ควรขึ้นไปชมวิวควรเป็นช่วงไกล้พระอาทิตย์ตก เพื่อจะได้ดูช่วงพลบค่ำที่นิวยอร์ก จะสวยมากเมื่อไฟจากทุกอาคารทยอยเปิดขึ้นพร้อมๆ กัน
2. ไปยกมือสนับสนุนสันติภาพบนโลกใบนี้ที่ STATUE OF LIBERTY
สำหรับผู้อพยพจากยุโรป ซึ่งถือว่าเป็นบรรพบุรุษของชาวอเมริกัน ที่ต่างทยอยข้ามแอตแลนติกมาแบบต้องทนทรมานกับการป่วยเพราะอาการเมา เรือหรือความแออัดในเคบินชั้นประหยัด แต่เมื่อเค้าเห็นสิ่งนี้ก่อนได้เยียบแผ่นดินอเมริกา มันก็ทำให้อาการเมาเรือหรือป่วยไข้แทบจะหายไป มันกลายเป็นความหวังเป็นนิมิตรหมายของการเริ่มต้น รวมทั้งการได้อิสระภาพของหลายๆ คน ใช่แล้วครับผมหมายถึง ‘เทพีเสรีภาพ’ ถ้าคุณอยากมีความรู้สึกแบบเดียวกัน ผมแนะนำให้ไปขึ้นเรือเฟอร์รี่ที่ Battery Park ใช้เวลาไม่นาน ได้รูปสวยๆ ของ NYC ด้วยถ้าถ่ายกลับมาจากเรือ และยังมีพิพิธภัณฑ์ผู้อพยพ อยู่ไกล้ๆบนเกาะ Ellis หากใครสนใจ
ความหมายและความเป็นมาของ Statue of Liberty คือ Liberty Enlightening the World หรือ La Liberté éclairant le monde ในภาษาฝรั่งเศส หมายถึง สันติภาพนำการรู้แจ้งเห็นจริงมาสู่โลก เป็นศิลปะแบบ neoclassical ตั้งอยู่บนเกาะ Liberty Island ในอ่าวธรรมชาติของ New York ทำด้วยทองสำริดออกแบบโดย Frédéric Auguste Bartholdi, ชาวฝรั่งเศสจากเมืองโกม่าแถบอัลซาส แต่สร้างโดยปรมาจารย์แห่งโครงสร้างโลหะนั่นคือ Gustave Eiffel ผู้สร้างหอไอเฟล แต่งานนี้สร้างเสร็จก่อนหอไอเฟล 3 ปีคือในปี 1886 มันเป็นของขัวญจากชาวฝรั่งเศสมอบให้ชาวอเมริกัน ในฐานะพันธมิตรที่มีส่วนร่วมช่วยให้อเมริกาชนะสงคราม civil warได้อิสระภาพจากอังกฤษเจ้าอาณานิคม เทพีนี้ก็คือเทพีของโรมันที่มีชื่อว่า Libertas ถือคบเพลิงให้แสงสว่างความรู้แจ้งและหนังสือ (กฎหมาย และหลักการ) แห่งการประกาศอิสระภาพ American Declaration of Independence ในวันที่ 4 กรกฎาคม 1776
โปรดติดตามต่อใน City Break: New York, part II
Intro..
ก่อนอื่นผมต้องขอบคุณคุณนนที่ให้เกียรติผมมามีส่วนร่วมใน The Editors Society ในฐานะ guest editor โดยได้เสนอพื้นที่ให้ผมเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับการท่องเที่ยวเดินทาง ในแบบที่แตกต่าง น่าสนใจ ในสไตล์ที่ผมถนัด บังเอิญว่าประมาณ 10 กว่าปีให้หลังมานี้ ผมเดินทางค่อนข้างบ่อย และให้ความสนใจกับอาหารการกินของท้องถิ่นที่ผมเดินทางไปเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางไปทำงาน หรือไปเที่ยว ก็เลยเป็นที่มาของ ‘City Break series’ เรื่องที่คุณสามารถจะติดตามอ่านได้ที่นี่ครับ
Concept..
ความหมายของ ‘city break’ ก็คือ A short holiday หรือ weekend break ในเมืองใหญ่มันก็คือการได้พักเบรคจากการงานสักวันสองวันก่อนต้องไปเริ่มภาระกิจที่ค้างไว้ต่อไป หรือเบรคหลังจากจบโครงหนึ่งก่อนไปขึ้นโครงการใหม่ หรือการได้มา business trip งานแฟร์ ออกบู๊ท พบลูกค้าในต่างประเทศ แล้วเบรคต่อ 2-3 วัน
มันเป็นการพักผ่อนแบบสั้นๆ เหมาะกับชีวิตสมัยใหม่ ยุคที่การเดินทางสะดวกราคาถูกลง มีเที่ยวบินให้เลือกเยอะ จะเลือก No frill Airlines หรือจะเป็น Business class ของ Major Airlines ก็จะได้ super seating คือจ่ายเท่าสมัยก่อน แต่บริการเหนือกว่าเดิมเยอะ แล้วก็ไม่มีข้อแก้ตัวสำหรับคนงานเยอะที่ชอบบอกว่าไม่มีเวลา เพราะสมัยนี้คนเราน่าจะทำงานจากที่ไหนก็ได้ในโลกขอให้มี wi-fi
ในยุโรป มันเป็นเรื่องปกติมากๆ เพราะแต่ละประเทศห่างกันออกไปไม่เกิน 2 ชั่วโมงบิน การเดินทางช่วงบ่ายวันศุกร์ กลับบ่ายวันอาทิตย์นั้นเป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายๆ หรือแม้จะไปฝั่ง east coast ของอเมริกามันก็ 5 ชั่วโมงแก่ๆ เท่านั้นนั่งดูหนังเพลินๆ บนเครื่องไปยังไม่ถึง 2 เรื่องก็พบตัวเองอยู่บนถนนสาย 5th ใน NYC แล้ว
เดี๋ยวนี้ city break package ที่รวมเอาตั๋วเครื่องบินกับโรงแรมที่พักก็หาง่ายแสนสะดวก คุณจัดการจองทางมือถือระหว่างนั่งรถไฟใต้ดินกลับไปแพ็คกระเป๋าที่บ้านยังได้ ไม่ต้อง plan กันนาน ที่สำคัญยิ่งถ้าได้จองโรงแรมเล็กๆ แบบ unique แบบ boutique ที่เก๋ไก๋ทันสมัยด้วยแล้ว city break 2-3 วันของคุณอาจเป็นอะไรที่น่าจดจำไม่แพ้ทัวร์ 10 วัน 7 คืนที่คุณไปมาก็ได้
อย่างไรก็ได้มีการทำ Research ออกมาว่าเกี่ยวกับเรื่องการท่องเที่ยวแบบระยะสั้นนี้ เพื่อหาข้อสรุปว่ากิจกรรมไหนคือกิจกรรมที่นักเดินทางสมัยใหม่ให้ความสำคัญมากที่สุด ในระหว่าง เที่ยวชมสถานที่ กีฬา หรือการฟื้นฟูสุขภาพ เช่น กอล์ฟ สกี หรือสปา ช๊อบปิ้ง และสุดท้ายคืออาหารการกิน ปรากฏว่า กิจกรรมการกิน ชนะในคะแนนที่ท่วมท้น ผมเลยขอโฟกัส หรือเน้นเรื่องอาหารการกินของเมืองนั้นๆ มากหน่อย
สำหรับในตอนแรกนี้พอดีเมื่อวันก่อนได้ดูถ่ายทอดสด Tennis U.S Open จาก Flushing Medows ที่ Corona Park ใน New York ผมเลย ขอเสนอเรื่องนิวยอร์กเป็นการประเดิมเลยครับอาจจะมี 3-4 ตอนจบ
เรื่อง: ภูษิต แสนโสภณ
เครดิตภาพ: statuecruises.com, resources.vrbo.com, pixabay และ Aloft Hotel
Copy right © 2016 The Editors. All right reserved.
For Advertising Contact
086-3260374
, 081-7856188