City Break Rome Part VIII

เบรกเที่ยวในโรม…เที่ยวโรมแบบผู้ที่มาโรม หลายครั้งแล้ว (ต่อ)
โดย Paul Sansopone

คราวที่แล้วเป็นการแนะนำ Day Trip แบบไปเที่ยวนอกกรุงโรม แต่คราวนี้จะสำหรับผู้ที่ไม่ชอบเดินทางคือยังอยากอยู่ในตัวเมืองแต่ก็อยากดูอะไรที่ไม่ใช่พื้นฐานมากเพราะไปมาหมดแล้ว
ผมคิดว่าถ้างั้นก็คงไม่มีอะไรดีไปกว่าการไปเที่ยวชมสิ่งที่โรมเป็นมากว่า 2000 ปี นั่นก็คือการเป็นศูนย์กลางของคริสต์ศาสนา ทำให้ที่นี่มีโบสถ์วิหารอยู่กว่า 4,000 แห่งเลยทีเดียวซึ่งการเที่ยววัดต่างๆ ในโรมถือเป็นสิ่งที่น่าสนใจมาก คงเหมือนเราไปเที่ยวอยุธยาหรือเชียงใหม่แม้แต่กรุงเทพฯ เพราะเป็นศูนย์รวมของพุทธศาสนา อย่าลืมว่าการไปเที่ยววัดนั้นมันได้ทั้งด้านประวัติศาสตร์ เรื่องราวทางศาสนา และยังเป็นผลพลอยได้สำหรับผู้ที่หลงใหลงานศิลปะ เพราะวัดดังๆในสมัยก่อนเมื่อสร้างขึ้นก็ต้องเรียกศรัทธาโดยเกณฑ์บรรดาช่างฝีมือนักปั้นนักวาดมาแสดงฝีมือกันเต็มที่ ทำให้ใครมาถึงวัดนั้นๆ ก็ต้องทึ่งกันไป ดังนั้นการไปเที่ยวชมวัดชมโบสถ์ในโรมถือเป็นอะไรที่น่าสนใจทีเดียว เพราะจะได้ดูงานศิลปะระดับอาจารย์ไปในตัว

City Break ROME Italy 2

เราหาผลงานของบรรดาอัจฉริยะในด้านงานศิลปะอย่าง Andrea Mantegna, Caravaggio, Raphael, Michelangelo กับงานยุคของเรเนซองส์หรือยุคถัดมาคือยุคบาโร๊ค Baroque ได้จากวัดต่างๆใน Rome แน่นอนว่าวิหารที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่นี่ก็คือวิหาร St. Peter’s Basilica ที่อยู่ตรงวาติกัน แต่เนื่องจากใครๆ ก็รู้จักที่นั่นดีแล้ว ผมจึงขอแนะนำโบสถ์วิหารที่สุดยอดดังต่อไปนี้เป็นทางเลือก เพราะทำให้ท่านทึ่งและประทับใจได้ไม่ต่างกันในด้านศิลปะภายในโบสถ์และสถาปัตยกรรมด้านนอก

Santa Maria in Cosmedin
City Break ROME Italy Santa Maria in Cosmedin

เริ่มต้นด้วยการแนะนำวัด Santa Maria in Cosmedin เป็นวัดในยุคกลางที่โดดเด่นอยู่ทางใต้ของจัตุรัสPiazza Bocca della Verità ก่อสร้างในปี 772 เสร็จประมาณปี 1124 ความสมบูรณ์แบบของงานด้านสถาปัตยกรรมนั้นเป็นที่ยอมรับแต่ผู้คนมาที่นี่กลับไม่ได้สนใจมาก เพราะต้องการแค่จะมาถ่ายรูปกับ Bocca della Verità หรือ The Mouth of Truth โดยตำนาน(Myth) กล่าวว่าหนุ่มสาวจะสาบานกันก่อนตกลงเป็นคู่รักกันต่อหน้า‘ปากแห่งความจริงใจ’ นี้ โดยเอามือใส่ไว้ในปากหากพูดไม่จริงใจหรือโกหกก็จะเอามือออกมาไม่ได้ก็ได้ผลดีนะครับเป็น Marketing ระดับโลกที่ทำให้คนมาเที่ยวที่นี่กันเยอะเลย
City Break ROME Italy Santa Maria in Cosmedin 1

วัด Santa Maria in Cosmedin

 

The Basilica di Santa Maria Maggiore วิหารซานตามารีอา มาญญอเร่

ที่นี่คือวิหารที่ใหญ่ที่สุดของโรม (อย่าลืมว่าSt.Peterนั้นอยู่ในวาติกัน) ที่นี่คือโบสถ์แม่ถือเป็นโบสถ์แคทอลิกที่สำคัญที่สุดสร้างครั้งแรกเมื่อประมาณปี 440 ในศตวรรษที่ 5 มีศิลปะโมเสสหาดูยากเล่าเรื่องตามคัมภีร์เก่า Old Testament ถึง 36 เรื่องราวแต่ก็มีการปรับเปลี่ยนบูรณะมาตามยุคสมัยจนในช่วงศตวรรษที่ 18 ก็เสริมความวิจิตรแบบ Baroque (การ Remodel, Rebuiltเช่นเดียวกับโบสถ์หลายๆ แห่งในโรมที่ยุคแรกสร้างมานับ 1,000 ปีแล้วแต่รูปแบบธรรมดาเกินไป และเสื่อมโทรมมาก คริสตจักรโดยสันตะปาปาในแต่ละยุคสมัยก็จะเกณฑ์ช่างฝีมือมาประยุคใหม่ให้เข้ากับยุคสมัย ถ้าหากเป็นสันตะปาปาในช่วงยุคเรเนซองส์เป็นผู้ดำริให้ทำศิลปะก็ออกมาเป็นแบบเรเนซองส์ ถ้าเป็นยุคใหม่หน่อยก็อาจเป็นแบบบาโร๊ค) ที่นี่เปิดให้เข้าชมฟรีทุกวัน ปิดประมาณ 6โมงครึ่ง แต่ถ้าจะเข้าชมส่วนพิพิธภัณฑ์จะเสียเงินคนละ €4

City Break ROME Italy The Basilica di Santa Maria Maggiore 1

ที่อยู่ก็ตามนี้ครับห่างจากสถานีรถไฟ Termini ไปไม่ไกล Piazza Santa Maria Maggiore, Rome, Latium, 00185,
Tel. 06-69886802

 

San Lorenzo Fuori le Mura ซาน ลอเรนโซ่ ฟูโอรี่ เลมูร่า

City Break ROME Italy San Lorenzo Fuori le Mura 1

จริงๆ แล้วโบสถ์นี้ถูกสร้างขึ้นนอกกำแพงกรุงโรมในสมัยจักรพรรดิ Constantine ซึ่งท่านได้สร้างคร่อมหลุมฝังศพของนักบุญ St. Lawrence ผู้ที่พยายามเผยแพร่คริสต์ศาสนาในโรมในยุคแรกเริ่มและจบด้วยการโดนตรึงกางเขน นอกเหนือจากนักบุญ St. Stephen และSt. Justin. มันถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 6โดดเด่นด้วยภาพพระเยซูกับนักบุญที่ทำด้วยโมเสส Mosaics สมัย Byzantine

City Break ROME Italy San Lorenzo Fuori le Mura

ที่อยู่คือ Piazzale Del Verano, 3 Quartiere San Lorenzo, 00185 Tel. 06 44 66 184

 

San Giovanni in Laterano ซานจอวานนี่ อิน ลาแตรราโน

City Break ROME Italy San Giovanni in Laterano

โบสถ์ St. John Lateran ถือเป็นวิหารหลวงของโรม ไม่ใช่ St. Peter เหมือนที่ทุกคนคิด ที่นี่ใช้ประกอบพิธีสำคัญของ Bishop of Rome มันถูกสร้างในศตวรรษที่ 4 เชื่อกันว่าเป็นโบสถ์ของคริสต์ศาสนาแห่งแรกของ Rome แต่โชคไม่ดีเพราะมีไฟไหม้และแผ่นดินไหว ทำให้ที่นี่มีการบูรณะแบบ Remodel กลายเป็นสไตล์ Baroque ในยุคศตวรรษที่16-17ไปแล้ว ไปในโบสถ์เพื่อดูภาพ Frescoes, เสาหินcolumns, โมเสส Mosaics และรูปปั้น Sculptures นำโดยปรมาจารย์ด้านศิลปะชื่อดัง ส่วนที่เก่าแก่ที่สุดของโบสถ์คือส่วนที่หลงเหลืออยู่เป็นของเดิมคือห้องรับศีลจุ่มล้างบาป Baptistery สร้างโดย Emperor Constantine ในปี AD 315ซึ่งถือเป็นส่วนที่เก่าแก่ที่สุดของทุกโบสถ์ในโรมด้วย ที่นี่เปิดให้เข้าชมฟรีทุกวัน ปิดประมาณ 6 โมงครึ่ง
City Break ROME Italy Piazza di Porta San Giovanni 1

ที่อยู่ก็ตามนี้ครับ Piazza di Porta San Giovanni, Rome, Latium, 00185 Tel. 06-69886433

 

Santa Maria in Trastevere ซานตามาริอา อิน ตราเตแวเร่

วิหาร Santa Maria in Trastevere ถือเป็นโบสถ์ที่เก่าแก่ที่สุดใน Rome อีกแห่ง สร้างในช่วงปี 350 AD เป็นโบสถ์แม่พระ Virgin Mary แห่งแรกถูกบูรณะปฏิสังขรณ์ใหม่ โดย Pope Innocent II แห่งเมือง Trastevere, ในศตวรรษที่12 ทำให้เราสามารถหาดูศิลปะโมเสสยุคศตวรรษที่ 12-13 ที่หาชมได้ยากได้ที่นี่ ส่วนเสา Columns 22 ต้นก็นำมาจากวัดโรมันโบราณแท้ไปที่นี่เพื่อชื่นชมโมเสสโดย Domenichinoในส่วนโดมที่เสร็จในปี1617 ที่นี่เปิดให้เข้าชมฟรีทุกวัน ปิดประมาณ 3 ทุ่ม

City Break ROME Italy Santa Maria in Trastevere

ที่อยู่ก็ตามนี้ครับ Piazza Santa Maria in Trastevere, Rome, Latium, 00153 Tel. 06-5814802

 

Santa Maria Sopra Minerva ซานตามาริอาโซปรามิเนอวา
City Break ROME Italy s-maria-sopra-minerva

Santa Maria Sopra Minerva เป็นวิหารในแบบสถาปัตยกรรม Gothic หนึ่งในไม่กี่แห่งในอิตาลี มันถูกสร้างคร่อมวัดโรมันโบราณ (Sopra) ที่บูชา Minerva เทพแห่งความฉลาดสุขุม (ในสมัยก่อนที่ชาวโรมันจะนับถือศาสนาคริสต์ในยุคของจักรพรรดิConstantin นั้น ชาวโรมันจะนับถือเทพเจ้าหลายองค์แบบเดียวกับกรีก เพียงแต่ชื่อจะเรียกไม่เหมือนกัน) มันถูกสร้างในศตวรรษที่ 13 ไปชมภาพ Frescoeฝีมือของ Filippino Lippi และที่เก็บอัฐิของ St. Catherine of Siena ซึ่งเป็นรูปปั้นหินอ่อนฝีมือMichelangelo ที่นี่เปิดให้เข้าชมฟรีทุกวัน ปิดประมาณ 1 ทุ่ม

City Break ROME Italy Santa Maria Sopra Minerva 1

ที่อยู่ก็ตามนี้ครับPiazza della Minerva, Rome, Latium, 00186 Tel. 06-6793926 หรือเช็ค www.basilicaminerva.it

 

Basilica of Santa Maria del Popolo วิหารซานตามาริอาเดลปอโปโร
City Break ROME Italy Basilica of Santa Maria del Popolo

วิหารนี้สำหรับท่านที่รักศิลปะที่ปรมาจารย์ระดับต้นๆ ของยุคเรเนซองส์ คือ Pinturicchio, Raphael, Berniniและ Caravaggio ฝากผลงานทิ้งไว้โบสถ์ที่นี่สร้างในปี 1099 มีตำนานกันว่าวิญญาณของจักรพรรดิ Nero จอมบ้าคลั่ง ที่เผากรุงโรมนั้นสิงสถิตอยู่ที่นี่

ที่นี่เปิดให้เข้าชมฟรีทุกวันปิดประมาณ1ทุ่มที่อยู่ก็ตามนี้ Piazza del Popolo 12, near Porta Pinciana, Rome, Latium, 00186 Tel. 06-3610836หรือเช็ค www.santamariadelpopolo.it
St. Clement’s Basilica วิหารซานคลีเมนเต้

City Break ROME Italy St. Clement’s Basilica 1

โบสถ์ St. Clement’s Basilicaอยู่ไม่ห่างจาก Colosseum ได้ชื่อมาจากสันตะปาปาองค์ที่ 3 ของคริสต์ศาสนาคือนักบุญ แต่ที่น่าสนใจก็คือโบสถ์นี้สร้างในศตวรรษที่ 12 โดยสร้างคร่อมวิหารเดิมในศตวรรษที่ 4 และวิหารนั้นสร้างคร่อมวัดของ Pagan (พวกนอกศาสนาคริสต์นับถือเทพเจ้า) ที่สร้างในศตวรรษที่1 มีคนมักพูดว่าโรมก็เหมือนลาซานญ่าเพราะมันถึงสร้างทับกันเป็นชั้นๆ แบบลาซานญ่านั่นเอง ถ้าอยากพิสูจน์มาที่วัดนี้ได้ ที่นี่เป็นเหมือนกรณีศึกษาให้เห็น เนื่องจากที่นี่เราสามารถลงไปทัวร์ใต้ดินจะเห็นว่าโรมนั้นสร้างไม่หยุดและทับของเดิมหลายชั้น อย่างที่นี่วัด Pagan ที่สร้างในศตวรรษที่ 1 ลึกลงไปถึง 60ฟุตเมื่อเทียบกับระดับพื้นดินปัจจุบัน มาชมภาพ Frescoes และMosaics สมัยศตวรรษที่ 12 เป็นภาพพระเยซูถูกตรึงกางเขนแล้วกลายมาเป็นต้นไม้ที่มีชีวิต แต่อย่างที่บอกครับควรไปเพิ่มความรู้ด้านโบราณคดีโดยการไปดูใต้ดินของที่นี่ คือบางครั้งวัดของพวกที่นับถือนิกายที่นอกเหนือจากทางการอาจต้องไปหลบๆ ซ่อนๆ สร้างที่บูชาแบบวัดเล็กๆ อยู่ใต้ดินที่เรียกว่า Mithraeum ที่เป็นแท่นบูชาเทพ Mithrasจาก Persia และถ้าท่านติดใจเรื่องทัวร์ใต้ดินมันก็มีทัวร์แบบนี้ที่เที่ยวชมสุสานใต้ดินของโรม(Crypts and Catacombs Tour)

City Break ROME Italy St. Clement’s Basilica

 

Santa Cecilia in Trastevere ซานตาเซวิเลีย อิน ตราเตเวเร่
City Break ROME Italy Santa CeciliainTrastevere

โบสถ์ St. Cecilia in Trastevere สร้างในศตวรรษที่ 9thโดยสร้างคร่อมโบสถ์เดิมที่สร้างไว้เมื่อปี 200 AD เป็นอนุสรณ์ให้St.Cecilia ก่อนที่เธอจะเสียชีวิต เพราะการเผยแพร่ศาสนาคริสต์ที่น่าสนใจคือรูปแกะสลักหินอ่อนของเธอ โดย Stefano Maderno ทำไว้ในศตวรรษที่ 16 ตามที่เขาเห็นตอนที่มีการขุดศพของ St. Cecilia ขึ้นมาเพื่อบรรจุใหม่แต่เหลือเชื่อมากตรงที่ศพของท่านยังสดเหมือนวันที่ถูกฝังวันแรกเลย ทำให้รูปแกะสลักออกมาแบบนั้น มาที่นี่ให้ดู Mosaic ของศตวรรษที่ 9และ Fresco ภาพ Last Judgement โดย Pietro Cavallini ทำทิ้งไว้ก่อนที่ Giottoจะมาทำการตกแต่งเพิ่มเติมให้สมบูรณ์ ที่นี่เปิดให้เข้าชมฟรีทุกวัน ปิดประมาณ 1 ทุ่ม ยกเว้นถ้าจะดูภาพ Fresco เปิดช่วง 10 โมงเช้าถึงเที่ยงครึ่ง เสียค่าเข้าชม €2.50

City Break ROME Italy Santa Cecilia in Trastevere

ที่อยู่ก็ตามนี้Piazza Santa Cecilia in Trastevere 22, Rome, Latium, 00153 Tel. 06-5899289

 

Basilica di Sant’Agostino วิหารซานดิอากุสติโน

โบสถ์แบบโรมันเรเนซองส์ St.Augustine คือที่นี่ท่านที่รักงานศิลปะต้องไป เพราะที่นี่มีงานชิ้นเอกของCaravaggioสุดยอดจิตรกรยุคบาโร๊คที่ชื่อว่า Madonna of the Pilgrims เป็นรูปที่ถูกกล่าวขานโจษจันนั้นว่าไม่เหมาะสม เพราะดูสมจริงมาก ในรูปเป็นผู้แสวงบุญเข้าไปคุกเข่าไหว้พระแม่มารีแบบไม่ใส่รองเท้า และเท้าสกปรกมากเหมือนไม่เป็นการแสดงความนับถือและรูปแม่พระดูธรรมดาเหมือนชาวบ้านธรรมดาไปหน่อยไม่ยืนตัวตรงสง่าผ่าเผยดูมีบุญญาบารมี และมีแสงส่องเป็นประกายแบบที่ควรจะเป็น และยังมีภาพของ Raphael ที่ชื่อ Isaiah ภาพศาสดา Isaiah นี้ที่เป็นแรงบันดาลใจ และเพิ่มความมั่นใจของตัวเขาเองก่อนไปวาดใน Sistine Chapel และยังมีรูปปั้นแกะสลักของ Sansovino ทื่ชื่อ St. Anne and the Madonna with Child และThe Madonna and Childโดย Jacopo Tatti ลูกศิษย์ของ Sansovino ที่นี่เปิดให้เข้าชมฟรีทุกวัน ปิดประมาณ 1 ทุ่มครึ่ง

 

ที่ผ่านมาทั้งหมด 8 ตอน ก็เป็นเรื่องราวการท่องเที่ยวในโรม ตอนต่อไปก็จะถึงคราวของเรื่องอาหารการกินในโรมกันบ้างซึ่งน่าสนใจไม่แพ้กัน โปรดติดตามนะครับ

City Break Rome Part VII

เบรกเที่ยวในโรม…เที่ยวโรมแบบผู้ที่มาโรม หลายครั้งแล้ว
โดย Paul Sansopone

…“มันเป็นตัวอย่างของการสร้างเมืองบนจุดยุทธศาสตร์แบบเมืองในยุคกลางทั่วไปที่ต้องทำให้โดนข้าศึกมารุกรานได้ยากที่สุด หากมาในช่วงหน้าหนาวหน่อยมันจะเป็นเหมือนเมืองที่อยู่บนสวรรค์ เมืองที่ลอยอยู่บนก้อนเมฆ เพราะมีทะเลหมอกจากรอบด้านนั่นเอง…”

นักท่องเที่ยวแบบที่เคยมาโรมหลายครั้งแล้วก็คงไม่อยากไปเที่ยวชมอะไรแบบพื้นฐาน ไม่ว่าจะเป็นวิหารพานเทนอล, คอลอสเซี่ยมหรือวิหารเซ็นต์ปีเตอร์ เพราะรู้จักดีแล้ว คราวนี้ก็เลยจะแนะนำอะไรที่ใหม่สำหรับผู้ที่มาโรมบ่อยแล้ว ก็อยากให้ลองออกไปนอกโรมแบบ Day Trip ไปเช้าเย็นกลับบ้างก็ไม่เลวครับ ก็เพราะโรมอยู่ในเขตลาซิโอซึ่งมีอะไรน่าสนใจกว่าโรมอย่างเดียว ผมจึงขอแนะนำเขตลาซิโอในตอนนี้

เขตLazio (ลาซิโอ) เป็นเขตปกครอง 1 ใน 20 เขตของอิตาลี ตั้งอยู่ตอนกลางของประเทศ มีเมืองหลวงชื่อ Rome (กรุงโรม)ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศอิตาลีด้วย นอกจากนั้นกรุงโรมยังเป็นที่ตั้งของนครรัฐวาติกันซึ่งเป็นดินแดนที่ประทับของพระสันตะปาปาแห่งศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกอีกด้วย

Latium (ลาเทียมในภาษาอังกฤษ) เป็นเขตที่มีประชากรและเศรษฐกิจเป็นอันดับที่ 2 ของอิตาลี (ซึ่งใกล้เคียงกับเขตCampania) มีพื้นที่ 17,236 ตารางกิโลเมตร ทางทิศเหนือมีพื้นที่ติดต่อกันเขต Tuscany, Umbria และMarche ทิศตะวันออกติดกับ Abruzzo และMolise ทิศใต้เป็น Campania และด้านทิศตะวันตกเป็นTyrrhenian Sea พื้นที่ส่วนใหญ่ของ Lazio (ลาซิโอ) จะเป็นที่ราบและเนินเขาเตี้ยๆ จะมีภูเขาขนาดเล็กอยู่บ้างทางด้านทิศตะวันออกและทิศใต้ของพื้นที่

ลาซิโอ เป็นภูมิภาคที่มี Rome และกรุงวาติกันศูนย์กลางของคริสต์จักรมาตั้งแต่ 2,000 กว่าปีก่อน อีกทั้งยังเป็นที่ที่ท่านจะได้ศึกษาประวัติศาสตร์ของผู้ที่เคยอยู่ในคาบสมุทรรูปรองเท้าบู๊ทแห่งนี้ นอกจากพวกโรมันก็คือพวกอีทรุสคันอีกด้วย

ลาซิโอทอดตัวอยู่ตามแนวชายฝั่ง Tirrenian อยู่ในบริเวณศูนย์กลางของอิตาลีซึ่งเป็นใจกลางของจักรวรรดิโรมันที่เป็นต้นกำเนิดของอารยธรรมตะวันตกอย่างแท้จริง ที่นี่จะหล่อหลอมให้ท่านกลายเป็นผู้สนใจศึกษาประวัติศาสตร์และศิลปวัฒนธรรมของอิตาลีไปโดยที่ท่านไม่รู้ตัว ทั้งๆ ที่เราอาจไม่ใช่คนที่ชอบอะไรแบบนั้นมาก่อน มันไม่มีข้อแก้ตัวใดๆ ทั้งสิ้น ถ้าท่านออกจากกรุงโรมมาโดยที่ไม่มีอะไรที่เกี่ยวกับโรมันถูกเก็บไว้ในสมองส่วนใดส่วนหนึ่งของท่านเลย

ถ้าเคยมาเที่ยวที่นี่บ่อยแล้วแบบผมหรือผู้ที่เคยมาโรมมากกว่า 2-3 ครั้งแล้ว ก็ต้องนี่เลยหากไม่ชอบอะไรเก่าๆ ซากปรักหักพังท่านก็สามารถออกไปเที่ยวดูน้ำพุที่ Tivoli ที่อยู่ห่างจากด้านทิศตะวันออกของ Rome ประมาณ 34 กิโลเมตร บ้านพักตากอากาศ Villa d’Este ของ Hadrian และสวนอิตาเลี่ยนที่เดินเล่นแล้วเพลิดเพลินใจและต้องทึ่งกับระบบส่งน้ำของโรมัน

City Break ROME Italty Lazio 2

ถ้าไปทางด้านทิศตะวันตกของ Rome สำหรับท่านที่ชอบเมืองโรมันโบราณที่น่าศึกษาไม่น้อยไปกว่าเมืองปอมเปย์ทางใต้ที่โดนภูเขาไฟถล่มใส่ ต้องไม่พลาดการไปเยือนเมือง Ostia Antica เมืองท่าโบราณสมัยโรมันห่างจากโรมไป 30 กิโลทางตะวันออกเฉียงเหนือมันคือเมืองปากแม่น้ำไตเบอร์ Ostia มาจากคำว่า os แปลว่าปากในภาษาลาติน ซึ่งก็คือปากแม่น้ำนั่นเอง และแม่น้ำ Tiber นี้ก็ไหลเข้าสู่ใจกลางโรม

City Break ROME Italty Lazio 1

มันเป็นเมืองเก่าโรมันที่มีความสมบูรณ์มากๆ คือมีการเก็บและดูแลรักษาอย่างดี วิธีไปก็ไม่ยากให้ไปขึ้นรถไฟที่สถานีรถไฟใต้ดินที่ชื่อ Piramide Metro ซึ่งจะติดกับสถานนี Ostiense แล้วก็ให้ขึ้นจากที่นี่ไปลง Ostia Antica
หรือถ้าชอบทะเลก็สามารถมุ่งไปเมืองตากอากาศที่ชื่อ Formia ทางตอนใต้ของลาซิโอ

City Break ROME Italty Lazio

แถวๆ นี้คุณจะได้ไปเดินเล่นบนถนนสายแรกๆ ที่สร้างโดยชาวโรมันซึ่งถือเป็นเส้นทางยุทธศาสตร์ที่เรียกว่า Appian Way (via Appia) ที่เชื่อมระหว่าง Rome กับ Capua แล้วต่อไปถึง Brindisi เมืองทางใต้ในเขตปูกลีญา ซึ่งจะทำให้เราทึ่งกับวิชั่นของชาวโรมันหรือผู้นำที่เรียกว่าซีซ่าร์ของพวกเขา การทำถนนการทำท่อส่งน้ำนั้นเป็นพื้นฐานของความเจริญที่วิศวกรโรมันมอบเป็นมรดกไว้ให้โลกใบนี้ นอกจากระบอบประชาธิปไตยซึ่งถ้าท่านสนับสนุนระบอบนี้ ก็ถ้าไปก็อย่าลืมแวะชมสุสานของ Cicero นักปราชญ์ ผู้นำทางความคิดและเป็นนักการเมืองชื่อดังที่โดนลอบสังหารในวันที่ 7 ธันวาคม ปีที่ 43 B.C.โดยศัตรูทางการเมืองที่ต้องการเป็นเผด็จการ ที่ผมชอบมากๆ ก็คือประเทศที่เจริญนั้นมักมีการบันทึกทุกอย่างไว้ชัดเจนว่าอะไรเกิดขึ้นเมื่อใด เพราะอะไร แม้แต่วันที่และเวลาเมื่อ 43ปีก่อนพระเยซูจะจากโลกนี้ไปมันมีการลงรายละเอียดขนาดนี้ได้น่าทึ่งครับ (สุสานอยู่ในย่านเดียวกันนี้) อีกบันทึกที่น่าสนใจก็คือผู้ปลดแอกพวกทาสชื่อดังที่ชื่อ Spartacus ก็ถูกจับตรึงกางเขน(crucified) บนถนนสายนี้ในปี 71 B.C.
ancient-rome- 1

ancient-rome 2

ancient-rome-skip-the-line-visit-to-rome-s-city-centre-and-tour-of-the-catacombs-and-the-appian-way

The Appian Way

นี่คือซูเปอร์ไฮเวย์แห่งแรกของยุโรปและถนนสายที่เก่าที่สุดในยุโรปที่ยังคงอยู่ในสภาพเดิมมากๆ ใช้เป็นทั้งเส้นทางการค้าและเส้นทางการรบ สร้างด้วยหินแผ่นเรียบที่ผ่านฤดูหนาวร้อนมากว่า 2,300 ครั้ง มันถูกการใช้งานโดยพ่อค้า, ประชาชน, ทหารโรมัน, จักรพรรดิจูเลียสซีซ่าร์ หรือแม้แต่นักบุญปิเอโดร (Saint Peter) เพราะมันสร้างมาตั้งแต่ปี 312B.C (ก่อนคริสตกาล)
การที่เราได้ไปเดินตามรอยเท้าของผู้สร้างอารยธรรมตะวันตก มันน่าจะเป็นประสบการณ์ที่ไม่เลวเลย ถนนเริ่มต้นจากโรมที่ Porta San Sebastiano ห่างจากโคลอสเซี่ยมไปแค่ 2 ไมล์ การไปเที่ยวมักจะไปในส่วน 10 ไมล์แรกเท่านั้นที่มีสภาพที่มีการดูแลและกำหนดให้เป็นเหมือนสวนสาธารณะชื่อ Parco dell’Appia Antica

ไปเที่ยว Civita di Bagnoregio เมืองสวรรค์

Civita di Bagnoregio 2

หรือท่านอาจต้องการไปเที่ยวที่เพื่อนๆ ของท่านไม่เคยไปต่อให้มาอิตาลีหลายครั้งแล้วก็ตาม นี่เลยครับขึ้นไปทางเหนือของกรุงโรมประมาณ 120 กิโลที่เมือง Bagnoregio และห่างไปอีกกิโลนึงท่านจะพบกับเมืองโบราณที่สร้างโดยชาว Etruscans กว่า 2,500 ปีมาแล้ว เมืองนี้ชื่อว่า Civita เมืองบ้านเกิดของนักบุญ Saint Bonaventure ตัวเมืองเหมือนส่วนหนึ่งของภูเขาและหน้าผา ที่บ่อยครั้งมันพังไปเพราะหินผุกร่อนหน้าผาถล่มไป มันเป็นตัวอย่างของการสร้างเมืองบนจุดยุทธศาสตร์แบบเมืองในยุคกลางทั่วไปที่ต้องทำให้โดนข้าศึกมารุกรานได้ยากที่สุด หากมาในช่วงหน้าหนาวหน่อยมันจะเป็นเหมือนเมืองที่อยู่บนสวรรค์ เมืองที่ลอยอยู่บนก้อนเมฆ เพราะมีทะเลหมอกจากรอบด้านนั่นเอง

Civita di Bagnoregio

Civita di Bagnoregio 1

หรือไปเที่ยวทางตอนใต้ของ Rome เป็นดินแดนแห่งภูเขาไฟที่เรียกว่า Albabi Colli Hills มีทะเลสาบที่เกิดจากปล่องภูเขาไฟ2 แห่งคือ Nemi กับ Albano ที่นี่อยู่ห่างจากโรมไม่ไกลมีทิวทัศน์ที่สวยงามและใช้เป็นที่พักผ่อนตากอากาศมาตั้งแต่สมัยโรมันพอมาถึงในยุคเรอเนสซองค์ที่เศรษฐกิจดีขึ้นมาบรรดาเศรษฐีมักมาสร้างVillaบ้านพักตากอากาศแบบที่หรูหราสไตล์ Barroc เพื่อการหลีกหนีจากความร้อนและความวุ่นวายของ Rome ซึ่งรวมถึงวังฤดูร้อนของพระสันตะปาปาด้วยที่ Castel Gandolfo

Castel Gandolfo Italy

พระราชวังฤดูร้อนของสันตะปาปาที่ Castel Gandolfo

และในบริเวณใกล้เคียงคือเมืองบนเนินเขา Frascati สถานที่ซึ่งท่านสามารถนั่งลงบนโต๊ะอาหารไม้แบบเก่าๆ นั่งสั่งบรูสเก็ตต้ากับไวน์ขาว Frascati ซึ่งถือเป็น Signature Wine ของท้องถิ่นมาลองแล้วมองวิวสวยๆ และชื่นชมกับคนรักของท่านที่ไปด้วยกัน (แม้ว่าเค้าอาจอารมณ์ไม่ดีเพราะอยากอยู่แถวบันไดสเปนเพื่อช็อปปิ้งมากกว่า)

Frascati Italy

ไวน์ของลาซิโอ
เขต Lazio (ลาซิโอกับ แคว้น Campania กัมปาเนีย) ทั้ง 2 แคว้นมีไวน์ที่มีชื่อเสียงแต่ว่ามีเพียงไม่กี่ตัวเพราะมีพื้นที่ปลูกองุ่นจำกัด เนื่องจากเป็นเขตอุตสาหกรรมของประเทศอิตาลีจึงเป็นเขตที่บริโภคไวน์มากกว่าที่จะเป็นผู้ผลิตไวน์ครับ

ประวัติการเพาะปลูกองุ่นเพื่อใช้ผลิตไวน์บริเวณรอบกรุงโรมมีมานานหลายพันปีแล้ว ไวน์ที่ผลิตย่านนี้ส่วนใหญ่จะเป็นไวน์ขาวไวน์ที่เป็นที่นิยมคือ Falernian และ Caecuban

ไวน์ Falernian เป็นไวน์ที่ผลิตจากองุ่นสายพันธุ์ Aglianico จากบริเวณเชิงเขา Falernus ทางทิศใต้ของแคว้นใกล้กับพรมแดนแคว้น Campania และเป็นที่รู้จักกันว่าเป็นแหล่งเพาะปลูกองุ่นเพื่อใช้ทำไวน์มาตั้งแต่ยุคโรมันโบราณ

ไวน์ Caecuban เป็นไวน์ที่รู้จักกันมาตั้งแต่ 70 ปีก่อนคริสตกาล ผลิตจากหมู่บ้านเล็กๆ ชื่อ Ager Caecubusในเมือง Amyclae

เมืองเล็กๆบริเวณชายฝั่งของแคว้นLatium (ลาเทียม) ปัจจุบันรู้จักกันในชื่อ Pontine Marshes

เป็นไวน์ขาวที่โด่งดังมาตั้งแต่ยุคกลางของยุโรปคือ Est! Est!! Est!!! (เอสต์ เอสต์ เอสต์)

เขตLatium (ลาเทียม) มีพื้นที่ปลูกองุ่นรวม 47.884 เฮกแตร์ (118,321 เอเคอร์) 84% เป็นไวน์ขาว และ16% เป็นไวน์แดง ในจำนวนนี้ 6.5% เป็นไวน์ชั้น DOC ประกอบด้วย ไวน์ชั้น DOC 25 ตัว เช่น Castelli Romani, Albani, Montecompatri-Colonna, Est! Est! Est! di Montefiascone และVelletri

องุ่นขาวสายพันธุ์หลักคือ Malvasia (มัลวาเซีย) และ Trebbiano (ทรีบเบียนโน) ส่วนองุ่นแดงมีสายพันธุ์ Cabenet Sauvignon (คาแบร์เนต์โซวีญยอง) Cabernet Franc (คาแบร์เนต์ ฟรอง) Merlot (แมร์โลต์) Cesanese, Syrah (ซีราห์) Petit Verdot (พิติ เวอร์ด็อท) Sangiovese (ซานโจเวเซ่) และ Montepulciano (มอนเตพูลเซียโน)

City Break ROME Italty Lazio Wine

อีกเมืองที่น่าสนใจในละแวกนี้ก็คือเมือง Nemi มันเป็น Hill Town แบบในทัคานี(ถ้าท่านไม่มีเวลาไปที่นั่น) ชื่อเดียวกับทะเลสาบ เนมี่ Nemi ซึ่งเป็นทะเลสาบที่เกิดจากปล่องภูเขาไฟที่นี่มีคุณค่าด้านโบราณวัตถุ เพราะมีการขุดค้นพบของโบราณยุคโรมันหลายๆ อย่าง เช่น เรือสำราญหรูของ Emperor Caligula จักรพรรดิที่ได้ชื่อว่าเป็นเพลย์บอยชอบจัดงานเลี้ยงโดยมีสาวงามเสิร์ฟในชุดวันเกิด เรือถูกขุดพบในปี 1929 มันทำด้วยไม้กระจกและโมเสคที่ประดับประดาอย่างดี แต่ในสมัยที่เก็บไว้ที่พิพิธภัณฑ์Museo delle Navi Romani มันถูกไฟไหม้ทำลายไปในปี 1944 ปัจจุบันเลยมีแค่เป็นตัวที่จำลองมาและยังมีที่บูชาเทพแห่งการล่าคือ Diana, the goddess of hunt เมืองนี้ในสมัยก่อนมาได้โดยถนนโรมันที่ชื่อ Via Sacraที่ตัดตรงออกมาจากใจกลางโรมที่บริเวณ Roman forum

Wild Berry Festival Italy

Berry Tarte Wild Berry Festival Italy

และหากมาที่นี่ในช่วงหน้าร้อนห้ามพลาดเทศกาลสตรอว์เบอรี่ป่า Wild Berry ซึ่งมีชื่อเสียงท่านสามารถสั่ง Berry Tarte ทานได้จากร้านขนมเกือบทุกแห่งในเมืองนี้

Montefiascone, Lazio มอนเตเฟียสคอนเน่

City Break ROME Italty Montefiascone-agodibolsena 1

วิว Lake Bolsena จากเมือง Montefiascone

เมืองทะเลสาบอีกเมืองที่คุ้มค่าการไปเยือนก็คือมอนเตเฟียสโคเน่ Montefiascone เมือง hill town สูงจากระดับน้ำทะเลถึง 2,000 ฟุต หันหน้าเข้าสู่ทะเลสาบโบลเซนา Bolsena โอบล้อมด้วยภูเขา และยังมีไวน์ขาวดังของเมืองชื่อ Est!Est!Est!

Est-Est-Est-Montefiascone-Wine 1

Est-Est-Est-Montefiascone-Wine-Map

เมืองนี้เกิดในสมัยโรมันอยู่บนถนนสายที่ชื่อ Via Cassia มันโบราณเป็นถนนจากโรมไปฝรั่งเศสซึ่งผ่าน Montefiascone เป็นเมืองที่ Pope Leo X ทรงโปรดสำหรับการมาพักผ่อน

Cathedral of St. Margherita Italy

มาที่นี่ต้องมาชมโบสถ์ Cathedral of St. Margheritaที่มีโดมขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของอิตาลี เป็นรองแค่ St. Peter’s และDuomo ของเมือง Florence เท่านั้น