8 สัญญาณระดับน้ำตาลในเลือดสูง

ความหวานที่ไม่มีใครอยากได้เลยก็คือ ระดับน้ำตาลในเลือดที่พุ่งสูงขึ้น ซึ่งถ้าเราไม่เจอแบบนี้ได้เป็นดีที่สุด เพราะการมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงเป็นสาเหตุของความเสียหายหลายอย่างกับสุขภาพร่างกายและไม่ว่าคุณจะเป็นโรคเบาหวานหรือไม่ก็ตาม ระดับน้ำตาลที่สูงมากในเลือด ก็ทำให้เกิดความเสียหายทั้งกับระบบประสาท, เนื้อเยื่อ, หลอดเลือด ฯลฯและที่อันตรายก็คือเมื่อระดับน้ำตาลในเลือดไม่ยอมลดลงยังสูงอยู่เป็นเวลานานๆทีนี้แหละค่ะที่ปัญหาซีเรียสต่างๆของสุขภาพก็จะเกิดขึ้นตามมา

ภาวะน้ำตาลในเลือดสูง ( Hyperglycaemia) คืออะไร
คำๆนี้ เป็นศัพท์ทางการแพทย์หมายถึงเมื่อร่างกายมีสภาวะระดับน้ำตาลกลูโคสในเลือดเพิ่มสูงกว่าปกติ ซึ่งเป็นปัญหาหลักของคนที่เป็นโรคเบาหวาน ภาวะนี้สามารถส่งผลกระทบสุขภาพได้ทั้งคนที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 1 คือชนิดที่ร่างกายไม่ผลิตอินซูลินและชนิดที่ 2 คือชนิดที่ร่างกายผลิตอินซูลินน้อยเกินไป ทั้งยังรวมไปถึงผู้หญิงที่เป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์อีกด้วย ซึ่งหากไม่ได้รักษาให้ถูกต้อง ความเสียหายสุขภาพอีกมากมายก็จะตามมา เช่น การเสียหายของดวงตา เส้นประสาท ไตและหลอดเลือด ฯลฯ

เหตุผลหนึ่งที่ทำให้คนส่วนมากต้องพบปัญหาสุขภาพจากระดับน้ำตาลในเลือดสูง ก็คือการขาดความรู้และไม่ได้ศึกษาเกี่ยวกับอันตรายของมันให้มากพอ ทำให้ปล่อยปละละเลย ทั้งยังไม่ได้สังเกตถึงสัญญาณที่ร่างกายได้เตือนให้รู้ล่วงหน้าอีกด้วยดังนั้นเพื่อรักษาสุขภาพร่างกายของเราให้ปลอดภัยและรักษาระดับของน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในสมดุลที่ดี เราจึงควรเอาใจใส่กับสัญญาณที่ร่างกายบอกล่วงหน้าเมื่อเกิดปัญหานี้

Health Hyperglycaemia 4

1. กระหายน้ำตลอดเวลา: สาเหตุคือเรื่องของอาการปัสสาวะมากที่เรียกว่าโพลียูเรีย ( polyuria)ที่มีสาเหตุมาจากเมื่อระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้นสูง ไตของเราก็จะไม่สามารถเก็บกักน้ำไว้ได้ดังนั้น ไตจึงผลิตปัสสาวะปริมาณมากขึ้นเพื่อขจัดกลูโคสส่วนเกินที่ไตไม่สามารถดูดซึมได้สิ่งนี้ทำให้รู้สึกกระหายน้ำตลอดเวลา โดยปกติ ค่าเฉลี่ยของปัสสาวะในผู้ใหญ่ไม่ควรเกินวันละ 3 ลิตร ซึ่งหากมากกว่านั้นก็อาจเป็นสัญญาณนี้ก็ได้
2. บริโภคอาหารมากขึ้น: พฤติกรรมการบริโภคอาหารปริมาณมากขึ้นกว่าเดิม แสดงว่าคุณอาจมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติก็ได้เพราะกลูโคสจากอาหารที่ถูกย่อยไม่สามารถถูกนำไปหล่อเลี้ยงเซลล์ได้ซึ่งอาจเป็นเพราะการขาดอินซูลินหรือร่างกายเกิดสภาวะดื้อต่ออินซูลิน ( insulin resistance)ทำให้ไม่สามารถแปรสภาพอาหารที่บริโภคให้กลายเป็นพลังงานทำให้รู้สึกไม่มีแรงหรืออ่อนเพลียกว่าปกติ จึงต้องการอาหารมากขึ้นเพื่อจะนำไปผลิตกลูโคส ทำให้เราต้องบริโภคอาหารมากกว่าที่เคย

Health Hyperglycaemia 2

3. ปัสสาวะบ่อย: สัญญาณนี้เกี่ยวเนื่องโดยตรงกับการกระหายน้ำที่เกิดขึ้น นั่นคือไตของเราไม่สามารถดูดซึมและแปรสภาพน้ำตาลส่วนเกินได้ ดังนั้น ทางเดียวที่มันจะสามารถขจัดน้ำตาลนี้ออกไปได้ก็คือผ่านออกมาทางปัสสาวะจึงควรหมั่นสังเกตเวลาที่คุณเข้าห้องน้ำเพื่อปัสสาวะหากพบว่ามันถี่กว่าปกติเช่นทุกๆชั่วโมงละก็ คุณอาจกำลังมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงเกินไปก็เป็นได้ซึ่งคำแนะนำที่ดีที่สุดก็คือไปพบแพทย์เพราะมันอาจหมายถึงปัญหาสุขภาพที่มากกว่านั้น
4. เหนื่อยเรื้อรัง: เราอาจเคยคิดว่าการมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงจะทำให้มีพลังงานมากขึ้นแต่จริงๆแล้วตรงกันข้าม เพราะเมื่อระดับน้ำตาลในเลือดสูง เราก็จะปัสสาวะบ่อยขึ้นและก็จะหิวน้ำบ่อยขึ้น เพราะไตไม่สามารถดูดซึมกลูโคสและนำไปแปรสภาพเป็นพลังงานเมื่อไม่มีพลังงาน ร่างกายก็จะรู้สึกอ่อนแรงและเหนื่อยตลอดเวลา
5. เห็นภาพเบลอ: เมื่อน้ำตาลในเลือดสูง มันก็จะทำให้เลนส์ของนัยน์ตามีบวมตัวขึ้น การมองเห็นภาพของเราก็จะเบลอไม่ชัดเจนซึ่งมันอาจเป็นได้ชั่วคราวหรือตลอดไป ควรพบแพทย์เพื่อรักษาอาการนี้

Health Hyperglycaemia 3

6. ผิวแห้ง: หากพบว่าสัญญาณนี้เกิดขึ้นกับผิว แสดงระดับน้ำตาลในเลือดของเราอาจมีระดับสูงมาระยะหนึ่งแล้วทั้งนี้เพราะระดับน้ำตาลที่สูงทำให้เส้นประสาทเกิดความเสียหายและร่างกายสูญเสียน้ำเร็วกว่าเดิมซึ่งถ้าเป็นแบบนี้นานๆ ระบบประสาทก็จะเสียหายถาวรและผิวหนังก็จะมีความแห้งเกิดขึ้น
7. สมรรถภาพทางเพศลดลง: สำหรับผู้ชายก็คือไม่สามารถควบคุมการหลั่งได้ เนื่องจากการไหลเวียนของเลือดบกพร่องจากระดับน้ำตาลในเลือดสูงที่ไปขัดขวางการไหลเวียนทำความเสียหายให้กับระบบประสาทและหลอดเลือดของอวัยวะต่างๆด้วย
8. น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น: เมื่อระดับน้ำตาลในเลือดสูง โอกาสที่ร่างกายจะเกิดสภาวะดื้อต่ออินซูลิน(insulin resistance) ก็เป็นได้มากขึ้นและเมื่อเกิดขึ้น เซลล์ของร่างกายก็จะไม่มีการตอบรับกับอินซูลินอีกต่อไปทำให้มันยากมากที่เซลล์ในร่างกายจะนำกลูโคสจากกระแสเลือดไปหล่อเลี้ยงส่วนต่างๆและจากสิ่งนี้ ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดของเราเริ่มสะสมตัวสูงขึ้นๆไปเรื่อยๆตามเวลา ทำให้มีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น

Health Hyperglycaemia 1

ทั้งหมดที่เล่ามานี้ คือสัญญาณของการที่ร่างกายเตือนเราเมื่อมีระดับน้ำตาลในเลือดสูง สาเหตุของสิ่งนี้ก็คือโภชนาการที่บกพร่องเป็นสาเหตุหลักการบริโภคอาหารที่ผ่านกระบวนการหลายขั้นตอนหรืออาหารสำเร็จรูปนอกบ้าน ที่เราไม่ทราบขั้นตอนและส่วนผสมในการปรุงเป็นประจำ ตลอดจนอาหารที่มีแคลอรี่สูง ล้วนทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นได้ทั้งนั้นเพราะอาหารเหล่านี้ร่างกายก็จะย่อยมันอย่างรวดเร็ว ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ดีเพราะจะทำให้น้ำตาลในเลือดพุ่งขึ้นฮวบฮาบ ทั้งยังไปเพิ่มระดับคอเลสเตอรอลชนิดเลวให้สูงขึ้นได้เช่นกัน

นอกจากนี้ น้ำตาลในเลือดสูงก็ยังมีสาเหตุอื่นๆได้แก่ ความเครียด, ความเจ็บป่วยจากโรคบางอย่างเช่น ไข้หวัด, การขาดการออกกำลังกาย, ภาวะขาดน้ำ, การได้รับยาสเตียรอยด์หรือยาบางชนิด รวมทั้งการรักษาภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ ( Hypoglycaemia) ด้วยวิธีที่รุนแรงเกินไป ก็อาจทำให้เกิดภาวะนี้ได้ ซึ่งหากคุณพบสัญญาณเตือนเหล่านี้ ก็ควรเปลี่ยนแปลงอาหารที่บริโภค เลี่ยงอาหารที่ทำให้ระดับน้ำตาลสูงขึ้นเช่นน้ำอัดลม, ดื่มน้ำสะอาดให้มากขึ้น, ออกกำลังกายสม่ำเสมอ การเดินเร็วๆวันละ 30-45นาทีขึ้นไป ก็จะช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ดี ทั้งช่วยให้น้ำหนักลดลงได้ด้วย และหากรู้สึกว่าตัวเองมีความเสี่ยง ก็ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจระดับน้ำตาลในเลือดอย่างสม่ำเสมอ ก็จะป้องกันได้ดีที่สุด
เล่ามาทั้งหมดนี้

เอาเป็นว่าถ้ามีหนุ่มๆให้ชอคโกแล็ตมา สาวๆก็ควรบริโภคแค่ชิ้นสองชิ้น แล้วเก็บความหวานไว้ที่หัวใจไม่ใช่ที่ในกระแสเลือดของเรา ก็จะหวานกันได้สุขภาพดีกว่านะคะ 

รับมืออย่างไรกับ PM 2.5 และสภาวะร่างกายขาดคอลลาเจน

เมื่อเราพูดถึงอันตรายของฝุ่น PM 2.5ที่อนุภาคเล็กละเอียดของมันสามารถแทรกซึมเข้าไปทำให้เกิดโรคอันตรายได้หลายๆอย่าง ซึ่งหนึ่งในสาเหตุสำคัญของการเกิดโรคเหล่านั้นก็คือ การผลิตคอลลาเจนของร่างกายที่ลดน้อยลงหรือ Collagen Deficiency ซึ่งคอลลาเจน มีความสำคัญต่อร่างกายมากกว่าแค่เรื่องริ้วรอยของผิวหนังเพราะการขาดคอลลาเจนจะนำไปสู่โรคอันตรายในระยะยาววันนี้ เรามาเข้าใจความสำคัญของคอลลาเจนและความเกี่ยวข้องกับ PM 2.5 เพื่อรับมือด้วยกัน

“คอลลาเจน” ไม่ใช่มีแค่ที่ผิวหนัง
“คอลลาเจน” โปรตีนที่มีลักษณะเส้นใยสายเกลียวที่มีหน่วยโมเลกุลเกี่ยวพันมากมาย ผิวหนังของเรา จะมีคอลลาเจนส่วนประกอบหลักเรียกว่า เคราติน (Keratin)ทำให้ผิวแข็งแรงยืดหยุ่น นอกจากนี้คอลลาเจนก็ยังสร้างความยืดหยุ่นให้ผนังหลอดเลือด เป็นส่วนประกอบสำคัญของเยื่อกระจกตาและเลนส์ตา, เส้นเอ็น, กล้ามเนื้อ,เนื้อเยื่อของอวัยวะทุกส่วน, เส้นเลือด,เส้นผมและเล็บโดยทำหน้าที่เหมือนกาวยึดติดเนื้อเยื่อต่างๆให้ติดกัน ช่วยป้องกันร่างกายจากการดูดซึมเชื้อแบคทีเรียและไวรัสต่างๆทั้งช่วยป้องกันความเสียหายของเนื้อเยื่ออวัยวะจากมลพิษอีกด้วยซึ่งชนิดของคอลลาเจนทั้งหมดจะแบ่งเป็น 16 กลุ่มใหญ่ๆ แต่ชนิดที่ประกอบอยู่ในร่างกายมนุษย์จะมี 5 กลุ่มคือกลุ่มที่ 1, 2, 3, 5 และ 10 ได้แก่

กลุ่มที่ 1: มีปริมาณมากที่สุดคือคอลลาเจนที่เป็นส่วนประกอบของร่างกายเช่นกระดูก, อวัยวะต่างๆ, ผิวหนัง,เส้นเอ็นและหลอดเลือด
กลุ่มที่ 2: คอลลาเจนใช้สร้างกระดูกอ่อน อาการเจ็บข้อต่อ, โรคไขข้อต่างๆ มาจากการขาดคอลลาเจนกลุ่มนี้ ซึ่งรวมทั้งกระดูกอ่อนในกล่องเสียง, หูและทางเดินหายใจ
กลุ่มที่ 3: คอลลาเจนที่เรียกกันว่า “ เส้นใยไฟเบอร์” มีโครงสร้างเป็นตาข่ายไขว้กันเหมือนแห ช่วยให้ผิวหนังยืดหยุ่นกระชับ เป็นกลุ่มที่สร้างเส้นเลือดและเนื้อเยื่อในหัวใจ การขาดคอลลาเจนชนิดนี้จึงเสี่ยงต่อเส้นเลือดแตก
กลุ่มที่ 5: คอลลาเจนใช้สร้างเนื้อเยื่อบุพื้นผิวของเซลล์ (Basal lamina) ซึ่งเนื้อเยื่อนี้มีหน้าที่รวมถึงการหลั่ง การดูดซึม, การป้องกัน, การขนส่งระหว่างเซลล์,ฯลฯ คอลลาเจนชนิดนี้เช่นผิวเปลือกนอกของเส้นผมและรกเด็ก
กลุ่มที่ 10: คอลลาเจนใช้สร้างกระดูกใหม่และเนื้อเยื่อกระดูก มีหน้าที่สำคัญในการรักษากระดูกแตกและซ่อมแซมข้อต่อ

PM 2.5 กับอันตรายต่อร่างกาย

Health PM 2.5 -4

PM 2.5 คือฝุ่นมลพิษที่มีแหล่งกำเนิดหลากหลาย ทั้งการเผาวัสดุในที่โล่ง, ควันไอเสียรถยนต์, โรงงานอุตสาหกรรม ฯลฯนักวิชาการระบุว่า อันตรายของมันไม่ใช่แค่ขนาดที่เล็ก 2.5 ไมครอนเท่านั้น แต่มันยังมีสารโลหะหนักและเชื้อจุลินทรีย์ก่อโรคที่ติดมาด้วย ยิ่งมลพิษนี้มีขนาดเล็กเท่าไหร่ พื้นที่ผิวสัมผัสสารโลหะหนักและจุลินทรีย์ก็จะยิ่งมาก และขนาดที่เล็กมากก็ทำให้สามารถเข้าไปลึกถึงก้านหรือขั้วปอดของมนุษย์ได้ พร้อมทั้งนำสารอันตรายและจุลินทรีย์เข้าไปด้วย ผลก็คือทำให้เกิดกลายพันธุ์ของทารกในครรภ์มารดา และเพิ่มความเสี่ยงโรคมะเร็งปอดให้มากขึ้นถึง 36%

เมื่อ PM 2.5 พบกับคอลลาเจนในร่างกาย
ก่อนอื่น ต้องเข้าใจก่อนว่า สารพิษและจุลินทรีย์ใน PM2.5 ที่เข้าสู่ร่างกายนั้น จะเข้าไปโดย “ การหายใจ” ของเราเท่านั้น ไม่ใช่การแทรกทะลุผิวหนังเข้าไปจับกับเซลล์ในร่างกายแต่อย่างใดเพราะผิวหนังของเรามีระบบป้องกันตัวตามธรรมชาติอยู่ไม่ให้สิ่งใดแทรกซึมลงไปได้ง่ายๆ สิ่งที่PM2.5 จะทำได้ก็คือการรบกวนผิวหนังชั้นนอกของเราให้ระคายเคืองเกิดอาการต่างๆ เช่นแสบคันตา เป็นผื่น เป็นสิว หรือโรคผื่นภูมิแพ้ต่างๆของผิวหนัง ฯลฯ เหมือนที่ฝุ่นธรรมดาก็ทำอยู่แล้ว แต่ที่มีอาการมากขึ้นก็เพราะปริมาณของมันที่มากขึ้น และความเล็กละเอียดที่ทำให้มันจับกับผิวหนังชั้นนอกได้มากขึ้นนั่นเอง

เมื่อเราหายใจเอา PM 2.5 เข้าไป มลพิษและเชื้อโรคที่ติดอยู่ด้วยก็จะเข้าสู่ร่างกาย ไปรบกวนทุกๆการทำงานของร่างกายรวมทั้งกระบวนการผลิตคอลลาเจนด้วยเมื่อระบบการผลิตคอลลาเจนเกิดปัญหา ก็จะนำเราไปสู่ปัญหาสุขภาพต่างๆตามมาเช่น โรคปอด, โรคทางเดินหายใจ, โรคหลอดเลือดสมองหรือ Stroke ฯลฯเพราะร่างกายต้องใช้คอลลาเจนเป็นส่วนสำคัญในการสร้างอวัยวะในทุกๆส่วน การขาดคอลลาเจนจะนำร่างกายไปสู่สภาวะของโรคกลุ่มที่เรียกว่า Collagen Deficiency Syndrome ซึ่งเป็นกลุ่มโรคระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง

สัญญาณที่บอกว่าร่างกายขาดคอลลาเจน:
โดยปกติแล้ว ความสามารถผลิตคอลลาเจนของร่างกายจะลดลงตามความเสื่อมธรรมชาติ เช่น วัยเพิ่มขึ้น, การสูบบุหรี่,การสัมผัสรังสียูวีและมลภาวะ ฯลฯสัญญาณที่เห็นได้ของการขาดคอลลาเจน ได้แก่:

Health PM 2.5 -3

1. ใบหน้าที่ลีบตอบและผิวใต้ตาที่ยุบตัวลง:วัยที่เพิ่มขึ้น จะทำให้คอลลาเจนบนใบหน้าและผิวหนังที่เคยอิ่มเต็มเปล่งปลั่งลดลงไปเรื่อยๆเป็นสัญญาณแรกของการสูญเสียคอลลาเจนของร่างกายผิวใต้ตาจะยุบตัวและมีสีคล้ำรวมทั้งผิวแก้มที่เริ่มบางตัวลงด้วย
2. ปวดตามข้อต่อ:เนื้อเยื่อคล้ายยางที่เชื่อมปกคลุมส่วนปลายกระดูกท่อนยาวบริเวณข้อต่อเป็นส่วนที่สร้างขึ้นจากคอลลาเจนจำนวนมากการสูญเสียคอลลาเจนบริเวณนี้ ทำให้ช่วงต่อของกระดูกสองท่อนเสียดสีกันมากขึ้น จะเกิดการปวดข้อต่อเมื่อเคลื่อนไหวรวมถึงการเจ็บที่เส้นเอ็นและกล้ามเนื้อด้วย
3. โรคลำไส้รั่ว:คอลลาเจนคือส่วนประกอบสำคัญในเยื่อบุผนังลำไส้ การลดลงของมันจึงอาจนำไปสู่“โรคลำไส้รั่ว (leaky gut syndrome)ที่มีอาการเช่นท้องผูก, ท้องร่วง, สมองเบลอ, เหนื่อยเรื้อรัง,และความบกพร่องของภูมิคุ้มกันร่างกาย
4.สูญเสียความคล่องตัว:โรคของภูมิคุ้มกันบกพร่อง โดยเฉพาะโรคลูปัสและรูมาตอยด์ทำให้สูญเสียความเคลื่อนไหวของร่างกายที่เคยคล่องตัว เนื่องจากคอลลาเจนรอบๆข้อต่อเกิดการติดเชื้อ

นอกจากเรื่องริ้วรอยความชราแล้ว การขาดคอลลาเจนก็จะทำให้เจ็บกล้ามเนื้อเกิดปัญหาการไหลเวียนของโลหิต ที่จะมีอาการเจ็บหน้าอก เวียนศีรษะ เหนื่อยเรื้อรังและปวดศีรษะบ่อยๆอีกปัญหาหนึ่งที่เห็นชัดก็คือเซลลูไลท์ ผิวที่ขาดคอลลาเจนจะขาดความยืดหยุ่น ทำให้ไขมันใต้ผิวดันชั้นตาข่ายเส้นใยไฟเบอร์ของผิวหนังขึ้นมา เกิดผิวขรุขระ ซึ่งรังสียูวีและมลพิษจากPM2.5 ก็มีส่วนสนับสนุนให้สัญญาณเหล่านี้เกิดเร็วขึ้นด้วย

โรคภูมิคุ้มกันบกพร่องจากการขาดคอลลาเจน (COLLAGEN DEFICIENCY SYNDROME)
การขาดคอลลาเจนจะทำให้เกิดโรคของภูมิคุ้มกันบกพร่อง เนื่องจากอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่รับสารพิษเข้าสู่ร่างกาย โรคของภูมิคุ้มกันที่เกิดจากการขาดคอลลาเจนนี้ได้แก่ โรคลูปัสหรือที่รู้จักในชื่อของโรค SLE, โรครูมาตอยด์, โรคหลอดเลือดขมับอักเสบ(Temporal Artheritis) ที่หลอดเลือดรอบขมับเกิดการติดเชื้อทำให้มองเห็นภาพซ้อน, มีไข้, เหนื่อย, เจ็บและติดขัดสะโพกเคลื่อนไหวไม่สะดวก, นัยน์ตาหนึ่งข้างสูญเสียการมองเห็น, ปวดขากรรไกร, เบื่ออาหาร, เจ็บไหล่และไหล่ติดขัด, น้ำหนักลดฮวบฮาบเฉียบพลัน,ปวดบริเวณรอบๆขมับโดยมีอาการปวดหลากหลาย
ดูแลคอลลาเจนในร่างกายให้สมดุล
การบริโภคอาหารที่อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ วิตามินซีและแร่ธาตุต่างๆ จะช่วยรักษาสมดุลการผลิตคอลลาเจนของร่างกายจากภายใน เช่นเดียวกับอาหารที่อุดมด้วยโปรตีนเช่นนมและเนื้อสัตว์ ก็จะช่วยให้ร่างกายผลิตเนื้อเยื่อซ่อมแซมตัวเองได้ดีขึ้น ส่วนการบริโภคผลิตภัณฑ์เสริมอาหารคอลลาเจน เป็นสิ่งที่ต้องระวังเพราะผลิตภัณฑ์เหล่านี้มักผลิตจากส่วนประกอบของปลาทะเล ซึ่งอาจเกิดการแพ้ได้ ทั้งร่างกายก็จะดูดซึมคอลลาเจนเหล่านี้ไปใช้ได้จริงน้อยมากเพราะจะถูกกรดในกระเพาะอาหารย่อยสลายไปหมดก่อนอีกเรื่องที่ควรทำคือดื่มน้ำสะอาดให้มากขึ้นเพื่อชะล้างสารพิษ

อร่อยสดชื่นด้วยน้ำเลมอน-แตงกวาอินฟิวชั่น

Health PM 2.5 -5

ง่ายๆกับการดูแลสุขภาพแบบธรรมชาติกับวิตามินซีจากเลมอนและคุณสมบัติดีๆอีกมากมายจากแตงกวาที่ให้ความสดชื่น เนื้อข้างในผลแตงกวาอุดมด้วยสารซิลิคอนไดอ็อกไซด์(silicon dioxcide) ที่ช่วยลดการเกิดสิวและเพิ่มความยืดหยุ่นให้เนื้อเยื่อเมล็ดแตงกวายังอุดมด้วยวิตามินบี 3 และโปตัสเซียม ช่วยลดริ้วรอย, รอยสิวและสัญญาณความชราของผิวน้ำของแตงกวาอุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระเช่น อัลฟ่าและเบต้าแคโรทีน, ซ๊แซนทิน (zeaxanthin), ลูทีน ( lutein), โปตัสเซียม,วิตามิน A และ D ช่วยต้านอนุมูลอิสระและล้างพิษ, ลดความดันโลหิต,ลดความเสี่ยงของโรคStroke โรคหัวใจ โรคไตและปัญหาสายตา สารซิลิคอน แคลเซียมและฟอสฟอรัส ในแตงกวา ช่วยให้เส้นผมแข็งแรงงอกเร็วและเป็นเงางาม

สูตรน้ำเลมอน – แตงกวา อินฟิวชั่น:
ล้างเลมอนและแตงกวาในปริมาณเท่าๆกันให้สะอาด ใช้แปรงถูเปลือกให้ทั่วๆ หั่นเลมอนและแตงกวาเป็นแผ่นหนาพอสมควรทั้งเปลือกใส่ลงไปในน้ำแร่หรือน้ำสะอาด แช่ตู้เย็นไว้ 1 คืนแล้วดื่มตอนเช้า

ช่วยร่างกายฟื้นฟูการผลิตคอลลาเจน:

Health PM 2.5 -2

ถึงแม้เราจะห้ามการสูญเสียคอลลาเจนของร่างกายไม่ได้ แต่เราก็ช่วยสนับสนุนการสร้างคอลลาเจนได้ ด้วยสิ่งเหล่านี้:
– ควบคุมสิ่งที่”ควบคุมได้”:การสูบบุหรี่นอกจากจะเพิ่มปริมาณ PM 2.5 ในอากาศแล้ว ก็ยังเป็นสาเหตุใหญ่ของการทำให้สูญเสียคอลลาเจนในร่างกายได้พอๆกับอันตรายจากรังสียูวี ดังนั้นควรเลิกสูบบุหรี่เพื่อพัฒนาสุขภาพผิวและยกระดับการผลิตคอลลาเจนให้กับร่างกายของเรา
– อโลเวรา:วุ้นของต้นอโลเวราหรือว่านหางจระเข้ มีคุณสมบัติในการรักษาบาดแผลและดูแลผิวหนัง ทั้งยังสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตคอลลาเจนให้กับร่างกายได้ด้วย มีการศึกษาพบว่าการบริโภควุ้นจากพืชชนิดนี้ทั้งในรูปแบบอาหารและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารก็จะช่วยฟื้นฟูการผลิตคอลลาเจนในร่างกายได้ในระดับหนึ่ง
– โสม:เป็นสมุนไพรมีคุณสมบัติในการต้านความชรา ด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องเซลล์และสุขภาพผิวหนัง ชาวจีนเชื่อว่าโสมสามารถช่วยสนับสนุนพัฒนาการของการผลิตคอลลาเจน ทั้งช่วยลดความเสียหายของเซลล์จากการได้รับมลพิษได้ด้วย อย่างไรก็ตาม การบริโภคโสมเป็นสิ่งควรระวังสำหรับผู้เป็นโรคหัวใจ โรคความดันโลหิต จึงควรปรึกษาแพทย์ก่อนเพื่อความปลอดภัย

 

หวังว่าเรื่องที่เล่าให้ฟังวันนี้ คงให้ประโยชน์และความเข้าใจเรื่องสุขภาพกับทุกท่านไม่มากก็น้อย เรื่องของ PM2.5 แทนที่เราจะมัวแต่กังวลและรอความช่วยเหลือก็มาช่วยกันหาวิธีรับมือกับมันด้วยการดูแลสุขภาพตัวเองกันดีกว่า และสำหรับเรื่องของ PM 2.5 เป็นเรื่องที่ต้องแก้ไขในระยะยาวที่ทุกคนต้องร่วมมือกัน เพียงแค่ทุกๆวันต่อไปนี้ เราถามตัวเองว่า วันนี้ได้ทำอะไรที่จะช่วยลดการก่อ PM 2.5 นี้แล้วหรือยัง ถ้ายังก็จงลงมือทำ ก็ถือว่าได้ทำหน้าที่ดีที่สุดแล้วค่ะ

เปลี่ยนความเชื่อสุขภาพรับปีใหม่

ปีใหม่ ทุกคนก็ตั้งใจจะดูแลสุขภาพตัวเองให้ดีกว่าปีเก่าที่ผ่านมา แต่ถ้าจะให้ดีจริงๆก็ต้องปรับเปลี่ยนความเชื่อเดิมๆบางเรื่องของคุณด้วย อย่าเชื่อทุกเรื่องที่ได้ยินมา เพราะบางเรื่องมันก็เป็นแค่คำบอกเล่าเท่านั้น วันนี้มาชวนให้ปรับทัศนคติสุขภาพด้วยกันค่ะ

1. ผักสดมีวิตามินมากกว่าผักแช่แข็ง การบริโภคของสดใหม่คือหลักของโภชนาการที่ดี แต่ผักแช่แข็งก็ไม่ได้มีคุณภาพด้อยกว่าผักสดเสมอไป ขึ้นกับคุณภาพความ “สด” มากกว่าลองนึกดูว่าผักสดที่เราซื้อมาระยะเวลาที่มันต้องผ่านการขนส่ง, การทำความสะอาด, การบรรจุ ก็ใช้เวลาไม่น้อยแต่ถ้าผักที่เก็บมานั้นถูกผ่านกระบวนการแช่แข็งทันที โอกาสที่จะเก็บวิตามินในตัวไว้ได้ก็มีมากกว่า เพราะใช้เวลาน้อยกว่า เรื่องนี้สมาคมนักโภชนาการของประเทศออสเตรเลียระบุว่า สารอาหารสำคัญที่สูญหายไปของผักสดก็คือวิตามินซียิ่งวางทิ้งไว้นานเท่าไหร่ก็จะสูญเสียมากเท่านั้นซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับผักแช่แข็งที่ถูกนำมาผ่านกระบวนการทันทีกลับสามารถรักษาวิตามินซีไว้ได้ดีกว่าด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า เมื่อรู้แล้วคุณก็ไม่น่าจะปฏิเสธผักแช่แข็งอีกต่อไป

Health Attitude Right or Wrong 1

2. สายตามีปัญหาเพราะดูทีวีใกล้จอมากไป เราได้ยินเรื่องนี้มาตั้งแต่เด็กๆซึ่งดร. เพอร์กรีน ฮอร์ตัน นายกสมาคมนักทัศนมาตร ซึ่งเป็นสมาคมผู้เชี่ยวชาญด้านสายตาของประเทศออสเตรเลีย(The Optometrists AssociationAustralia)อธิบายว่าผลที่แน่นอนของการดูทีวีใกล้กว่า 1.5 เมตรนั้นก็คือจะทำให้ดูรายการได้ไม่สนุกเต็มที่เพราะมันใกล้เกินไปและแม้ว่าจะมีผลตามมาคือความเหนื่อยล้าของสายตา ตาเจ็บเพราะกล้ามเนื้อตาทำงานหนักกว่าระยะการมองปกติแต่มันก็จะเป็นผลแค่ชั่วคราวซึ่งหายได้เมื่อพักสายตา ไม่ได้ทำให้เกิดความเสียหายถาวรในระยะยาวตามที่เคยเข้าใจแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม ดร. ฮอร์ตันแนะนำว่าถ้าพบว่ามองภาพในทีวีไม่ชัดเจนก็ควรไปตรวจสายตา “ เพราะมันอาจเป็นปัญหาอื่นๆที่ซ่อนตัวอยู่เช่นสายตาสั้นหรือสายตาเอียง ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นเพราะนั่งใกล้จอมากไป แต่ว่าเป็นเพราะปัญหานี้ทำให้คุณต้องนั่งใกล้ต่างหาก
3. ถ้าคุณเคยผ่าตัดเอามดลูกออกไปแล้ว ก็ไม่ต้องตรวจแพ็พสเมียร์อีก ถึงแม้จะผ่าตัดมดลูกไปแล้ว ก็ยังต้องตรวจแพ็พสเมียร์อย่างต่อเนื่องเพื่อหาความผิดปกติอื่นๆที่อาจเกิดขึ้น“ผู้หญิงส่วนมากมักสับสนระหว่างการตรวจแพ็พสเมียร์หามะเร็งปากมดลูก( Pap smear)กับการตรวจภายใน ( vaginal examination)”ดร.ซู เรดดิช สูตินรีแพทย์ของสถาบันสุขภาพสตรีแห่งชาติ ประเทศออสเตรเลีย ระบุ“ถ้าคุณเคยตัดมดลูกเพราะสาเหตุจากโรคมะเร็ง คุณก็ควรจะตรวจ แพ็พสเมียร์ ทุกๆปี หรือถ้าคุณตัดมดลูกเพราะสภาวะอื่นๆเช่นเยื่อบุมดลูกขึ้นผิดที่(endometriosis)คุณก็ยังต้องตรวจภายในทุกปีหรือถ้าคุณตัดมดลูกออกไปโดยที่ยังมีส่วนคอของมดลูกเหลืออยู่ก็จะยังคงต้องตรวจแพ็พหรือ Pap Test นี้อย่างสม่ำเสมอ”
4. หักข้อนิ้วบ่อยๆจะเป็นโรคข้ออักเสบ(arthritis) การหักข้อนิ้วเสียงดังกร๊อบแกร๊บในที่ทำงาน มันก็จะรบกวนคนอื่นๆ และทุกครั้งที่เสียงข้อนิ้วดังขึ้น ก็หมายถึงการก่อตัวของกาซไนโตรเจนที่จะเกิดขึ้นในข้อกระดูกจากพฤติกรรมนี้แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ข้อกระดูกเสียหายอย่างถาวรแต่อย่างใดและก็ไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆกับโรคข้ออักเสบด้วยนี่คือการระบุของ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายแพทย์เกรม โจนส์ผู้อำนวยการสมาคมโรคกระดูกและข้อของประเทศออสเตรเลียอย่างไรก็ตาม การหักข้อนิ้วบ่อยๆ อาจทำให้เกิดข้อกระดูกถูกยืดขยายออกซ้ำๆมากเกินไปซึ่งมันจะไปเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคข้อเสื่อม(Osteoarthritis)ในอนาคต

Health Attitude Right or Wrong 4

5. น้ำมันพืชดีต่อสุขภาพหัวใจ มันขึ้นอยู่กับว่าเรานำน้ำมันพืชชนิดใดมาใช้ นี่คือการระบุของนักโภชนาการดร.ทาเนีย เฟอร์ราเร็ตโตสมาคมโภชนาการของออสเตรเลีย “ น้ำมันพืชบางชนิดเช่นน้ำมันปาล์มและน้ำมันมะพร้าวที่มีไขมันอิ่มตัวระดับสูงเมื่อนำมาเป็นส่วนผสมของบิสกิต และระบุที่ฉลากอาหารว่า“ ผลิตจากน้ำมันพืช (contains vegetable oil)” โดยไม่บอกว่าใช้น้ำมันอะไรน้ำมันพืชบางอย่างก็เป็นอันตรายเช่น น้ำมันพืชที่ผ่านการเติมไฮโดรเจนทำให้กลายเป็นไขมันทรานส์ ที่ไปเพิ่มคอเลสเตอรอลชนิดเลวและลดคอเลสเตอรอลชนิดดี ดังนั้น ควรอ่านฉลากให้ถี่ถ้วนสำหรับน้ำมันพืชที่ดีต่อสุขภาพเช่นน้ำมันมะกอกแบบ extra virgin, น้ำมันคาโนลามีกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว ( mono-unsaturated fat) ช่วยลดระดับคอลเสเตอรอลชนิดเลว, น้ำมันทานตะวัน มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน(polyunsaturatedfat)ช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจ
6. ถ้าเจ็บหน้าอกคืออาการของหัวใจวายเฉียบพลัน ผู้ชายส่วนมากที่หัวใจวายเฉียบพลันมักรู้สึกเจ็บจากการบีบที่ทำให้เจ็บปวดในช่องอก แต่สำหรับผู้หญิงที่เป็นโรคเบาหวานและผู้สูงอายุอาการเจ็บปวดมักน้อยกว่านั้นหรืออาจไม่รู้สึกเลยเมื่อเกิดหัวใจวายเฉียบพลัน “ ผศ. คอน อาโรนีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคหัวใจ สมาคมโรคหัวใจแห่งชาติของออสเตรเลีย ระบุ “ แทนที่จะเจ็บหน้าอก ก็อาจมีอาการอื่นๆที่เกิดขึ้นต่อเนื่องประมาณ 15-20 นาที เช่นแน่นอึดอัดที่บริเวณหน้าอก แขน คอและขากรรไกรถ้าความรู้สึกนี้แผ่เป็นวงกว้างและนานนั่นคืออาการของโรคหัวใจวายเฉียบพลันที่หากเกิดขึ้นซ้ำๆ ก็จำเป็นมากที่ต้องไปพบแพทย์โดยด่วน คนที่เป็นโรคเบาหวานและผู้สูงอายุมักรู้สึกถึงอาการเหล่านี้น้อยกว่า เนื่องจากระบบประสาทตอบรับความเจ็บปวดไม่ได้มีประสิทธิภาพเท่าคนปกติและก็ยังหาเหตุผลไม่ได้ว่าทำไมอาการนี้จึงเกิดกับเพศหญิงมากกว่าชาย

Health Attitude Right or Wrong 2

7. ใช้ภาชนะอลูมิเนียมจะเสี่ยงต่อโรคสมองเสื่อม มีการพูดถึงกันมากมายถึงความเกี่ยวข้องของโรคสมองเสื่อมอัลไซเมอร์กับสารอลูมิเนียม ที่เราใช้ในผลิตภัณฑ์ตั้งแต่กระทะไปจนถึงเครื่องสำอางและน้ำดื่ม อย่างไรก็ตาม จากการวิจัยของมหาวิทยาลัยเคนตักกีประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ตรวจหาปริมาณสารอลูมิเนียมในผู้ป่วยอัลไซเมอร์จำนวนหนึ่ง ก็พบว่าผู้ป่วยกลุ่มนี้ไม่ได้มีสารนี้ในปริมาณมากผิดปกติแต่อย่างใด การวิจัยนี้ได้ลบความเชื่อที่ว่าคนกลุ่มนี้เป็นอัลไซเมอร์เพราะดื่มน้ำที่มีส่วนประกอบของอลูมิเนียมในปริมาณสูงมาเป็นเวลานานๆและความเสี่ยงของสารอลูมิเนียมกับอัลไซเมอร์ก็มีเพียงเล็กน้อยมาก

Health Attitude Right or Wrong 5

8. ถ้าฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่แล้วเราก็จะไม่เป็นไข้หวัดใดๆอีก ไม่จริง เพราะวัคซีนที่ผลิตเพื่อป้องกันไข้หวัดใหญ่ในแต่ละปีนั้น จะผลิตขึ้นโดยมีหลักการใหญ่ว่าปีนั้นๆเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ที่ระบาดในช่วงหน้าหนาวของยุโรปนั้น เป็นสายพันธุ์อะไรในเวลานั้น ” ดังนั้นในแต่ละปีวัคซีนเหล่านี้ก็จะมีการผลิตที่เปลี่ยนแปลงไป เพื่อให้เหมาะสมกับสายพันธุ์ของเชื้อไวรัสที่ถูกพบ ซึ่งนอกจากไวรัสสายพันธุ์นั้นแล้ว มันก็ยังมีไวรัสโรคหวัดอีกหลายสายพันธุ์ที่อยู่ในอากาศ วัคซีนจึงไม่ได้ป้องกันโรคหวัดทุกชนิด” นี่คือการอธิบายของ ดร.จอห์น กูล็อตตา นายกสมาคมอายุรแพทย์ของออสเตรเลียอย่างไรก็ตาม ดร.จอห์นแนะนำว่า การฉีดวัคซีนนี้จำเป็นกับ “ผู้มีความเสี่ยงสูง” ซึ่งได้แก่ผู้ที่อายุเกิน 65 ปีซึ่งมีประวัติของการเป็นโรคหอบหืด, โรคของะบบทางเดินหายใจ, โรคหลอดเลือดหัวใจตลอดจนคนทำงานเกี่ยวกับสุขภาพที่ต้องอยู่กับเด็กๆเป็นประจำที่ต้องสัมผัสกับเชื้อไวรัสโรคหวัดหลากหลายสายพันธุ์ด้วย “ วัคซีนจะช่วยลดความเสี่ยงที่พวกเขาต้องเผชิญกับไวรัสหวัดหลากหลายสายพันธุ์เป็นประจำทำให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันต่ำ
9. วัคซีนทำจากเชื้อโรค ร่างกายเราจึงอาจเจ็บป่วยจากเชื้อโรคนั้นได้ มีคำอธิบายของ ดร. จอห์น กูล็อตตาว่า “ถึงแม้วัคซีนบางชนิดจะทำให้เกิดผลข้างเคียงหลังการฉีดได้ก็ตาม แต่มันก็ไม่สามารถทำให้เกิดโรคต่างๆจากวัคซีนเพราะเชื้อโรคในวัคซีนเป็นเชื้อโรคที่ตายแล้วหรืออ่อนแอจนไม่สามารถทำให้เกิดโรคต่างๆได้ เชื้อโรคเหล่านี้จะ”อนุญาต”ให้ร่างกาย “เรียนรู้” ในการตอบรับและสร้างภูมิคุ้มกันเพื่อต่อสู้กับมันเมื่อวัคซีนเข้าสู่ร่างกาย ร่างกายก็จะสร้างภูมิต้านทานและทำลายเชื้อโรคนี้ได้อย่างรวดเร็วโดยไม่สามารถทำให้ติดเชื้อใดๆได้

Health Attitude Right or Wrong 3

10. ถ้าตั้งครรภ์อยู่และครรภ์อยู่ในระดับต่ำ ก็จะได้ลูกชาย “ลักษณะหน้าท้องเมื่อตั้งครรภ์ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเรื่องเพศของทารกในครรภ์เลย”ดร. กูล็อตตา ยืนยัน “เพราะสภาพครรภ์ของผู้หญิงแต่ละคนเป็นเรื่องเฉพาะตัวขึ้นกับขนาดและรูปร่างของหน้าท้อง, ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหน้าท้องการยืดหยุ่นของผิวหนัง ฯลฯหากคุณต้องการรู้เพศของทารกในครรภ์ก่อนคลอด อัลตร้าซาวนด์เป็นวิธีที่ดีที่สุด

 

ความเชื่อเหล่านี้ บางอย่างก็เป็นอันตราย และบางอย่างถึงแม้ไม่ทำให้เกิดอันตราย แต่ก็ทำให้เกิดความไม่สะดวกในการใช้ชีวิตประจำวัน เมื่อรู้และเข้าใจอย่างถูกต้อง ก็จะทำให้เราปรับวิธีดูแลตัวเองได้อย่างเหมาะสม ยังมีเรื่องราวสนุกๆของสุขภาพอีกมากมายให้ติดตาม ขอให้ทุกท่านมีสุขภาพดีในปีใหม่นี้กันทุกท่านค่ะ

เมื่อพระจันทร์คืนเพ็ญส่งผลต่อสุขภาพร่างกายคุณ

 

ยังจำนิทานเรื่องมนุษย์หมาป่าที่จะกลับคืนร่างในคืนพระจันทร์เต็มดวงกันได้ไหมคะ อย่าเพิ่งตกใจถ้าจะบอกว่า ไม่ใช่แต่มนุษย์หมาป่าเท่านั้น ที่ร่างกายจะมีการเปลี่ยนแปลงจากอิทธิพลของพระจันทร์เต็มดวงในคืนเพ็ญ แต่ร่างกายของมนุษย์เราทุกคน ก็มีการเปลี่ยนแปลงของสุขภาพที่เกิดขึ้นจากอิทธิพลของพระจันทร์ด้วยเช่นกัน

 

ในคืนพระจันทร์เต็มดวง จะเป็นคืนที่พระจันทร์โคจรอยู่ใกล้โลกมากที่สุด แรงดึงดูดระหว่างโลกและดวงจันทร์ ไม่ได้ส่งผลแค่กับพื้นดินและผืนน้ำเท่านั้น แต่ยังมีผลที่เกิดขึ้นกับร่างกายมนุษย์ด้วย จากขนาดความใหญ่และแสงสว่างที่มากกว่าเวลาปกติที่จะเห็นได้ตั้งแต่แรกที่โผล่ขึ้นมาบนท้องฟ้านั่นเอง องค์การนาซาระบุว่า ปรากฏการณ์พระจันทร์เต็มดวงและซูเปอร์มูน (supermoon) บางครั้งจะเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวในหนึ่งปี แต่บางครั้งก็อาจจะเกิดมากกว่านั้นก็ได้ เช่นในปี 2013 ที่ผ่านมา ได้มีปรากฏการณ์ซูเปอร์มูนนี้เกิดขึ้นถึง 3 ครั้งซึ่งนับว่ามากที่สุด ซึ่งก็จะมี 4 เรื่องหลักของสุขภาพเหล่านี้ที่พระจันทร์จะมีอิทธิพลกับเรา

 

ความช้าหรือเร็วของวงจรการมีรอบเดือน:

 

healthmoon03

 

โดยปกติแล้ว วงจรการมีรอบเดือนของผู้หญิงจะอยู่ที่ 28 วันต่อครั้ง ซึ่งเมื่อพิจารณาดูแล้วก็พบว่า มันใกล้เคียงแทบจะเป็นวงจรเดียวกับรอบการโคจรของดวงจันทร์คือ 29 วัน ได้มีการทดลองกับอาสาสมัครผู้หญิงจำนวน 826 คน ที่มีอายุในช่วง 16 ถึง 25 ปี ซึ่งเป็นวัยเจริญพันธุ์ เพื่อศึกษาถึงความเกี่ยวข้องของการมีรอบเดือนกับวงจรการโคจรของพระจันทร์ ซึ่งจากการทดลองนี้ได้พบว่า เกือบทั้งหมดของผู้หญิงเหล่านี้จะมีรอบเดือนในช่วงเวลาเดียวกับในวันที่พระจันทร์เต็มดวง โดยที่ผู้หญิงกลุ่มที่มีรอบเดือนในระหว่างช่วงอื่นๆของพระจันทร์จะมีอยู่เพียง 12.5% ของผู้หญิงทั้งหมดที่เข้าร่วมการทดลองนี้

 

การเพิ่มขึ้นของอัตราการเกิดของเด็กทารก:

 

healthmoon02

 

โดยเฉพาะปรากฏการณ์ซูเปอร์มูนที่สามารถทำให้เกิดสิ่งที่ว่านี้ให้เป็นไปได้มากขึ้น จากการวิจัยที่ติดตามผลของการเกิดของทารก 1,000 รายในโรงพยาบาลเอกชนของเมืองเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มารดายังอยู่ในช่วงระหว่างรอดูอาการใกล้คลอดอยู่ และก็ได้พบว่ามีทารกจำนวนมากได้ถือกำเนิดขึ้นมาในเวลาใกล้กับที่พระจันทร์เต็มดวงมากที่สุด นั่นคือช่วงแวลาที่แรงดึงดูดระหว่างโลกกับดวงจันทร์มีพลังแรงมากที่สุดด้วย ซึ่งเหตุการณ์แบบนี้จะพบในอัตรามากขึ้นไปอีก เมื่อมันเป็นปรากฏการณ์ของซูเปอร์มูน ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องแรงดึงดูดของโลก

 

การส่งผลต่อระบบการนอนหลับของคุณ:

 

healthmoon05

 

หากคุณรู้สึกว่านอนหลับยากขึ้นในช่วงที่พระจันทร์เต็มดวง มันเป็นแบบนั้นจริงๆไม่ใช่ว่าคุณคิดไปเอง จากการศึกษาเกี่ยวกับวงจรนาฬิกาชีวภาพของร่างกาย โดยการให้อาสาสมัครใช้เวลา 3 วันครึ่ง อยู่ในห้องแล็บทดลองเกี่ยวกับการนอนหลับ ซึ่งเป็นห้องที่ไม่มีนาฬิกา และอาสาสมัครก็จะไม่ได้เห็นแสงภายนอกใดๆเลย ในที่นั้น อาสาสมัครจะได้รับอนุญาตให้นอนหลับและตื่นขึ้นเหมือนกับเวลาปกติที่เขาเคยทำในกิจวัตรประจำวัน การวิจัยของสวิตเซอร์แลนด์ ได้เก็บข้อมูลการนอนหลับจากอาสาสมัครจำนวน 33 คน นำมาเปรียบเทียบกับระยะเวลาข้างขึ้นแรมของดวงจันทร์ ซึ่งก็ได้พบว่าในเวลา 4 วันของช่วงก่อนและหลังจากพระจันทร์เต็มดวง อาสาสมัครเหล่านี้จะต้องใช้เวลานานกว่าปกติ 5 นาที กว่าที่เขาจะสามารถหลับได้ตามปกติ นอกจากนี้ ผลการทดลองโดยรวมยังพบว่า ในคืนพระจันทร์เต็มดวง ยังทำให้เวลาการนอนของอาสาสมัครเหล่านี้น้อยลงกว่าที่เคยถึง 20 นาที และมีอัตราการหลับลึกได้น้อยกว่าปกติถึง 30% นอกจากนี้ พวกเขาก็ยังมีระดับคุณภาพการนอนหลับที่ด้อยลงอีกด้วยสิ่งนี้แสดงถึงการที่พระจันทร์มีผลต่อระดับฮอร์โมนเมลาโทนินของร่างกายเรา นี่คือการทดลองเพื่อระบุถึงความเกี่ยวโยงกันของการนอนหลับขอมนุษย์กับวงจรนาฬิกาข้างขึ้นข้างแรมของดวงจันทร์

 

การฟื้นตัวของร่างกายจากการผ่าตัด:

 

healthmoon04

 

จากการศึกษาเรื่องนี้พบว่า คนไข้ที่มีเคสผ่าตัดด่วนเกี่ยวกับโรคหัวใจที่เรียกว่า acute aortic dissection repair ซึ่งหมายถึงมีภาวะการฉีกขาดของหลอดเลือด หากมีการผ่าตัดเกิดขึ้นในระหว่างที่พระจันทร์เต็มดวง คนไข้จะใช้เวลาอยู่ในโรงพยาบาลหลังการผ่าตัดเป็นระยะเวลาที่สั้นกว่าและมีอัตราการเสียชีวิตน้อยกว่าคนไข้ที่ได้รับการผ่าตัดแบบเดียวกันในช่วงเวลาอื่นๆของการโคจรของดวงจันทร์ จากการศึกษาเมื่อปี 2013 ระบุว่า คนไข้ที่ได้รับการผ่าตัดระหว่างพระจันทร์เต็มดวง จะอยู่โรงพยาบาลเพื่อพักฟื้นหลังการผ่าตัดประมาณ 10 วัน ซึ่งสั้นกว่าอัตราเฉลี่ยของคนไข้ที่ได้รับการผ่าตัดแบบเดียวกันนี้ในช่วงเวลาอื่นๆของวงจรการโคจรของดวงจันทร์ ที่ปกติจะใช้เวลาประมาณ 14 วัน แต่ที่โชคร้ายก็คือ การที่เราเลือกไม่ได้ว่าร่างกายจะเกิดอาการของโรคหัวใจที่ว่านี้ขึ้นเมื่อไหร่

 

เล่ามาทั้งหมดถึงตอนนี้ ก็ทำให้นึกว่า ธรรมชาติทุกสิ่งมีความสำคัญ เพราะเป็นสิ่งที่มีผลต่อร่างกายและสุขภาพของเราทั้งสิ้น ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปเวลามองพระจันทร์ ก็คงจะบอกแต่ว่า “จันทร์เจ้า ขอข้าวขอแกง” อย่างเดียวไม่พอเสียแล้ว ใครมองพระจันทร์คืนนี้ อย่าลืมขอสุขภาพดีจากพระจันทร์ให้ตัวเราด้วยนะคะ