วันนี้คุณดื่มน้ำมากเกินไปหรือเปล่า…ลองเช็คดู
น้ำเป็นสิ่งสำคัญสำหรับสิ่งมีชีวิต เป็นสิ่งสำคัญสำหรับกิจกรรมทุกสิ่งของเราทั้งเรื่องของสุขภาพเรื่องของความงาม และการใช้ชีวิต การขาดน้ำของร่างกายคือสาเหตุของสิว, ท้องอืด, น้ำหนักที่ลดลงได้ยากซี่งความคิดนี้ทำให้เราบอกตัวเองให้ดื่มน้ำมากๆระหว่างวันแต่อย่าลืมว่า ของทุกอย่างที่ดีมันก็ต้องมีความ “พอดี” ด้วย เพราะถ้ามากเกินไป ของที่ดีก็จะกลายเป็นไม่ดีไปได้
การบอกตัวเองให้ดื่มน้ำมากๆ ก็จะเป็นไปได้ที่ทำให้คุณทำร้ายตัวเองด้วยการดื่มน้ำมากเกินไป เรื่องนี้ฟังดูแปลกๆใช่ไหมคะแต่มันคือความจริง การดื่มน้ำมากเกินไปก็สามารถทำให้ร่างกายเกิดอันตรายได้เท่าๆกับการขาดน้ำ เพราะมันจะทำให้ปริมาณของเหลวในร่างกายเกิดการท่วมล้นขาดสมดุลเพราะมีของเหลวในปริมาณมากเกินที่ไตจะทำงานตามปกติของมันได้ นอกจากนี้คำแนะนำที่ให้ดื่มน้ำวันละ 8 แก้ว ก็ไม่ได้บอกว่าควรดื่มเวลาไหนอย่างไร ซึ่งสิ่งนี้ต่างหากคือสิ่งที่คุณควรรู้และทำ
เพราะปริมาณน้ำที่เหมาะสมที่ควรดื่ม เป็นเรื่องของแต่ละบุคคล
เมื่อจะบอกตัวเองว่าควรดื่มน้ำกี่แก้ว สิ่งที่ควรเข้าใจก็คือองค์ประกอบในการตัดสินเรื่องนี้นั้นมีหลากหลาย อัน ได้แก่ :
– ขนาดตัวของคุณ ( Body Size) คนตัวเล็กกับคนตัวใหญ่ย่อมต้องการน้ำในปริมาณที่ต่างกัน
– ระดับความกระตือรือร้นของพฤติกรรมที่ทำประจำวัน (Level of Daily Activities) นักกีฬากับคนที่นั่งทำงานกับโต๊ะออฟฟิศก็จะมีปริมาณน้ำที่ต้องการแตกต่างกันออกไปด้วย
– พื้นที่ที่คุณอาศัยอยู่และระดับอุณหภูมิในพื้นที่นั้นๆ (Area of Living and Temperature Level) พื้นที่ในเมืองที่เต็มไปด้วยมลพิษและสิ่งก่อสร้างคอนกรีตที่มีอุณหภูมิความร้อนของอากาศภายนอกและความแห้งเย็นจากเครื่องปรับอากาศภายในอาคาร คนที่อาศัยอยู่ก็ย่อมต้องการน้ำในปริมาณต่างจากบ้านชนบทในป่าเขาหรือทะเลที่มีภูมิอากาศอีกอย่างหนึ่ง
ทั้งสามสิ่งข้างต้นคือองค์ประกอบของการดื่มน้ำที่เราควรนึกถึง แล้วทีนี้คำถามก็คือ จะกำหนดมาตรฐานของระดับการดื่มน้ำของแต่ละคนได้อย่างไร ซึ่งวิธีการดื่มน้ำที่ถูกต้องก็คือ ให้คุณตั้งเป้าหมายว่าแต่ละวันจะดื่มน้ำให้ได้เท่ากับ “ครึ่งหนึ่ง”ของค่าน้ำหนักตัวที่เป็นปอนด์ของคุณเช่นถ้าคุณหนัก 140 ปอนด์หรือประมาณ 64 กิโลกรัม คุณก็ควรจะดื่มน้ำให้ได้วันละ 70 ออนซ์หรือประมาณ 1.9 มิลลิลิตรหรือเกือบ 2 ลิตร แต่ถ้าคุณน้ำหนักตัวน้อยกว่านี้ ปริมาณน้ำที่ควรดื่มก็จะลดลงตามไปด้วย (1 กิโลกรัมเท่ากับ 2.2 ปอนด์ และ1 ออนซ์เท่ากับ 28.41 มิลลิลิตร)ตัวอย่างนี้จะเป็นไอเดียที่ดีใรการคำนวณปริมาณน้ำโดยเฉลี่ยที่คุณควรดื่มแต่ละวัน จากนั้นเมื่อนำมาเทียบกับพฤติกรรมการใช้ชีวิตและพื้นที่ๆคุณอยู่แล้ว ความต้องการน้ำของร่างกายคุณก็อาจมีการบวกลบได้ประมาณ 10-15% ซึ่งการดื่มน้ำมากๆจนเกินกว่าปริมาณที่ร่างกายควรได้รับ นอกจากจะไม่มีประโยชน์แล้ว ยังกลับเกิดโทษได้ด้วย
5 สัญญาณร่างกายว่าคุณดื่มน้ำมากเกินไป:
1. สีปัสสาวะใสเหมือนน้ำ: คุณอาจคิดว่านี่คือตัวบ่งชี้ที่ดีของสุขภาพแต่ที่จริงแล้ว สีปัสสาวะที่ใสเกินไปก็น่าห่วงเช่นกันเพราะมันหมายถึงร่างกายของคุณกำลังได้รับความชุ่มชื้นมากเกินไปปกติแล้ว สีของปัสสาวะที่ดีควรมีสีเหลืองใสจางๆไม่ใช่ใสเหมือนน้ำ
2. เซลล์บวม: ส่วนประกอบสำคัญของเซลล์ในร่างกายของเราคือโปตัสเซียมกับโซเดียม ซึ่งแร่ธาตุทั้งสองต้องมีความสมดุลจึงจะทำให้ระบบโลหิตสมดุลทั้งปริมาณและความดันโลหิตซึ่งโลหิตในร่างกายเราจะมีการสกัดของเหลวส่วนเกินออกไปและแปรสภาพมันให้เป็นปัสสาวะ หากร่างกายเรามีน้ำมากเกินการใช้งาน สิ่งที้เกิดขึ้นก็คือระดับโซเดียมในโลหิตก็จะเจือจางซึ่งเมื่อโลหิตที่มีโซเดียมเจือจางนี้ไปหล่อเลี้ยงเซลล์ ผลที่ตามมาก็คือในเซลล์ก็จะมีน้ำมากกว่าที่ควรจะเป็นทำให้เซลล์เกิดบวมตัวจากน้ำที่คั่งอยู่นั้นซึ่งหากสิ่งนี้เกิดขึ้นกับอวัยวะบางส่วนเช่นกับระบบประสาทนิวรอนของสมอง ซึ่งเป็นเซลล์ของระบบประสาทที่มีพื้นที่เล็กมากๆอยู่ในกระโหลกศีรษะ การบวมตัวของนิวรอนก็จะทำให้เกิดอันตรายถึงเสียชีวิตได้เพราะสมองได้เกิดการบาดเจ็บขึ้น
3. คลื่นไส้: สิ่งนี้เกิดจากการมีระดับของโปตัสเซียมในเซลล์ต่ำเกินไป ทำให้คุณรู้สึกคลื่นไส้อยากอาเจียน
4. กล้ามเนื้อเกร็งและเป็นตะคริวบ่อยๆ: เรามักคิดว่าตะคริวเกิดจากการขาดน้ำ แต่จริงๆแล้วการดื่มน้ำมากเกินไป ก็ทำให้เกิดเป็นตะคริวได้จากการที่สารอิเล็คโทรไลท์ในร่างกายเช่นสารโซเดียมมีปริมาณลดลงซึ่งเราสามารถทดแทนสารอิเล็คโทรไลท์ที่ลดลงไปนี้ได้ ด้วยการดื่มน้ำที่มีสารอิเลคโทรไลท์ตามธรรมชาติเช่นน้ำมะพร้าว ก็จะช่วยคืนสมดุลให้ร่างกาย
5. ความเหนื่อยล้า: ลองนึกภาพดูว่า ถ้าไตของเราถูกสั่งให้ทำงานหนักเกินขีดจำกัด ด้วยการต้องกรองของเสียออกจากน้ำปริมาณมากที่ดื่มเข้าไปแล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับมันอวัยวะทุกอย่างในร่างกายเมื่อต้องทำงานหนักก็ย่อมเหนื่อยล้าและชลอการทำงานลงเหมือนที่เราทำงานหนักจนขี้เกียจตื่นเช้าเพื่อไปทำงานนั่นแหละ ไตของคุณก็จะทำงานช้าลงและเกิดปัญหาสุขภาพในระยะยาว
ตารางเวลาการดื่มน้ำ 8 แก้วที่เหมาะสม:
การดื่มน้ำ 8 แก้วต่อวัน ถ้าดื่มให้ถูกเวลาก็จะเป็นการดื่มน้ำที่ให้ประโยชน์ ลองพิจารณาข้อมูลการดื่มน้ำข้างล่างนี้
6.00 – 7.00 น.: น้ำแก้วแรกหลังจากตื่นนอน
ข้อดี: น้ำแก้วนี้จะช่วยขจัดมลพิษที่ตกค้างช่วยทำความชุ่มชื่นให้กับสมองช่วยกระตุ้นระบบการย่อยเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการย่อยอาหารเช้าของคุณอย่างมีประสิทธิภาพ
8.00 – 9.00 น.: น้ำแก้วที่สองหนึ่งชั่วโมงหลังอาหารเช้า
ข้อดี: ช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน, ช่วยสมดุลกรดด่างของร่างกาย,ช่วยหล่อลื่นข้อต่อและกระดูกอ่อน
11.30 – 12.00 น.: น้ำแก้วที่สาม ครึ่งชั่วโมงก่อนมื้อเที่ยง
ข้อดี: ช่วยให้ร่างกายเผาผลาญไขมันส่วนเกิน, ช่วยฟื้นฟูระบบเมตาบอลิซึ่มใน 30-40 นาทีหลังจากการดื่มน้ำ, ช่วยให้ระบบการย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น
13.00– 14.00 น.: น้ำแก้วที่สี่ หนึ่งชั่วโมงหลังมื้อเที่ยง
ข้อดี: ป้องกันร่างกายจากความชราก่อนวัย, ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตโลหิตและเซลล์กล้ามเนื้อ
15.00 – 16.00 น.: น้ำแก้วที่ห้า ครึ่งชั่วโมงก่อนพักดื่มกาแฟหรือชาตอนบ่าย
ข้อดี: ช่วยจำกัดการผลิตกรดในร่างกายให้น้อยลง, ขจัดสารพิษออกจากร่างกาย
17.00 – 19.00 น.: น้ำแก้วที่หก หนึ่งชั่วโมงก่อนมื้อเย็น
ข้อดี: ป้องกันการบริโภคอาหารมากเกินไป, ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดมะเร็งลำไส้ลงได้ 45%
20.00 – 21.00 น.: น้ำแก้วที่เจ็ด หนึ่งชั่วโมงหลังมื้อเย็น
ข้อดี: ช่วยให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้ดีขึ้น, ป้องกันท้องผูก
21.30 – 22.00 น. PM: น้ำแก้วที่แปดครึ่งชั่วโมงก่อนนอน
ข้อดี: ช่วยเติมเต็มของเหลวที่ร่างกายสูญเสียไป, ป้องกันการเกิดโรค Stroke หรือหลอดเลือดสมองอุดตันและโรคหัวใจ
นี่คือระยะเวลาของการดื่มน้ำที่ช่วยสุขภาพอย่างเหมาะสม อย่างไรก็ตาม คุณอาจดื่มน้ำในช่วงเวลาอื่นๆเสริมจากช่วงเวลาหลักที่ว่านี้ก็ได้เพื่อให้ร่างกายได้รับน้ำในปริมาณเท่าที่ต้องการ เรื่องเล็กๆน้อยๆที่เราทำเป็นประจำ หากใส่ใจในรายละเอียดและทำได้ถูกวิธี ก็จะเพิ่มผลกำไรสุขภาพให้เราได้มากมาย ว่าแล้วก็ต้องขอไปดื่มน้ำแก้วต่อไปตามเวลาก่อน พบกันใหม่คราวหน้าค่ะ