อากาศร้อนๆบริโภคอะไรก็ไม่ชื่นใจเท่าผลไม้ ทั้งแบบสดๆ, แบบน้ำผลไม้คั้นสด หรือแบบสมูตตี้ปั่นก็อร่อยสดชื่นได้เหมือนกัน แต่มีหลายคนที่รู้สึกว่าบางครั้งดื่มหรือบริโภคผลไม้บางอย่างด้วยกันแล้ว จะมีอาการผิดปกติของร่างกายเช่นปวดท้อง, แน่นอึดอัดจากแกส, ท้องเสีย หรือแม้แต่ปวดศีรษะ นั่นเป็นเพราะเราผสมผสานชนิดของผักผลไม้ที่บริโภคเข้าไปนั้นอย่าง “ไม่เข้ากัน” ทำให้ร่างกายเกิดมีปัญหา วันนี้ชวนมาเรียนรู้เรื่องของหลักการผสมผสานผักผลไม้สด เพื่อให้คุณดื่มน้ำผักผลไม้หน้าร้อนได้อย่างชื่นใจพร้อมสุขภาพดีกันค่ะ
หลีกเลี่ยงการผสมผสานสิ่งเหล่านี้
ไม่ว่าจะเป็นการนำมารวมกันเพื่อทำน้ำผลไม้ หรือจะบริโภคมันในรูปแบบผลไม้สดก็ตาม ผักผลไม้เหล่านี้รวมถึงขนมหวานบางอย่าง ที่มักถูกนำมาผสมผสานเพื่อทำเป็นสมูตตี้ปั่นให้คุณดื่ม ก็มีสารเคมีในอาหารที่ขัดหรือตรงกันข้ามกันและมีความยากที่จะผสมผสาน เมื่อมันถูกนำมารวมกันและเข้าสู่ระบบการย่อย สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ ร่างกายไม่สามารถย่อยสลายมันได้หมดทำให้เกิดอาการต่างๆ ต่อไปนี้คือสิ่งที่ไม่ควรถูกนำมารวมเข้าด้วยกัน
1. กล้วยหอมกับขนมพุดดิ้ง: มักเป็นเมนูปั่นที่ครีเอทโดยร้านขายสมูตตี้ที่ขาดความรู้เรื่องของ food combining และหวังเพียงแต่จะนำเสนอรสชาติที่เข้มข้นเท่านั้น แต่การจับเอาสองสิ่งนี้มารวมกันเพื่อครีเอทเป็นน้ำผลไม้ คือการสร้างงานหนักให้กับกระเพาะอาหารต่อการทำหน้าที่ในการย่อย ทั้งเครื่องดื่มนี้ยังไปชลอความคิดให้เฉื่อยชา รวมทั้งเพิ่มการสร้างมลพิษจากปริมาณน้ำตาลที่สูงให้กับร่างกายแทนที่จะดีต่อสุขภาพ และถ้านำเครื่องดื่มนี้ไปให้เด็กๆบริโภค มันก็อาจจะเป็นสิ่งที่ส่งผลเสียอย่างมากต่อระบบการย่อย
2. ส้มกับแครอท: ถึงแม้การนำสองสิ่งนี้มาผสมกัน จะเป็นยอดนิยมของน้ำผลไม้ทั้งในรูปแบบของน้ำผลไม้กล่องหรือแบบคั้นสดก็ตาม แต่การดื่มน้ำผสมสองสิ่งนี้ จะทำให้เกิดอาการแสบร้อนในช่องอกหรือที่เรียกว่าฮาร์ทเบิร์น ตลอดจนอาการกรดไหลย้อนที่ทำให้รู้สึกมีรสขมของน้ำดี หรือรสเปรี้ยวของกรดในคอหรือในปาก เพราะมีการย้อนกลับของกรดในกระเพาะอาหาร ( bile reflux) รวมทั้งอาการแสบร้อนในช่องอกจากการถูกกรดกัดกร่อน เช่นทั้งยังทำให้ไตต้องทำงานหนักขึ้น ซึ่งเป็นเครื่องดื่มที่ไม่เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับไต
3. สับปะรดกับนม: เมื่อสองสิ่งนี้มารวมกัน จะทำให้เกิดแกสในกระเพาะอาหาร, อาการคลื่นไส้, ปวดศีรษะ,และการปวดท้อง และอาจนำไปสู่การติดเชื้อในระบบการย่อยรวมไปถึงท้องร่วงได้
4. มะละกอกับมะนาว: เมื่ออยู่ด้วยกันจะทำให้เกิดการพัฒนาไปสู่โรคโลหิตจางหรือภาวะซีด รวมทั้งทำให้เกิดความยุ่งยากของเฮโมโกลบิน ซึ่งเป็นสารโปรตีนที่อยู่ในกระแสโลหิตของร่างกาย ควรเลี่ยงการผสมผสานของสองสิ่งนี้และระวังให้กับเด็กๆของคุณด้วย
5. กล้วยหอมกับฝรั่ง: เมื่ออยู่ด้วยกันจะทำให้เกิดแกสและกรดในกระเพาะอาหาร ทำให้รู้สึกคลื่นไส้และจุกแน่น, หนักท้อง, ปวดศีรษะ, และปวดท้อง
6. ส้มกับนม: ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ชอบผสมน้ำส้มคั้นลงในชามซีเรียลหรือข้าวโอ๊ต บริโภคเป็นอาหารเช้า ก็ควรเลิกทำสิ่งนี้ได้แล้ว เพราะน้ำส้มจะทำให้กระเพาะอาหารเกิดความยุ่งยากในการย่อยสลายอาหารกลุ่มแป้งคาร์โบไฮเดรตที่อยู่ในซีเรียล ยิ่งกว่านั้น เมื่อน้ำส้มกับนมถูกนำมารวมอยู่ด้วยกันในท้อง มันก็จะยากต่อระบบการย่อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเด็กๆ
7. ผักกับผลไม้: การผสมผสานผักเข้ากับผลไม้เพื่อทำเป็นเครื่องดื่ม จะต้องใช้ความระวังเป็นอย่างมาก เพราะผลไม้จะมีน้ำตาลอยู่มากกว่า ทำให้ไม่สามารถย่อยได้ในเวลาที่เท่ากัน และมันก็จะยังคงอยู่ในกระเพาะของคุณ โดยจะถูกหมักเอาไว้และทำให้เกิดเป็นสารพิษ ตามมาด้วยอาการหลายอย่างเช่นปวดท้อง, มีแกส, เกิดการติดเชื้อ, อาเจียน, และแม้แต่การปวดศีรษะ นอกจากนี้ ผลไม้ยังมีแนวโน้มการมีกรดอยู่ในปริมาณมาก ซึ่งอาจจะไปทำลายคุณค่าทางโภชนาการของผักที่ถูกนำมาผสม
กฎยกเว้นของการผสมผสาน
แต่ก็ไม่ใช่ว่าเราจะไม่สามารถนำผักกับผลไม้มาผสมผสานกันได้โดยสิ้นเชิง เพราะมันก็มีข้อยกเว้นเรื่องนี้ที่น่ารู้ นั่นคือมีผักและผลไม้บางอย่าง ที่เราสามารถจะนำมันไปผสมรวมกับอย่างอื่นได้เช่น แอปเปิ้ล, กล้วยหอม, และแครอท ที่จะอยู่ในข้อยกเว้นของกฎที่ว่านี้ แอปเปิ้ลกับกล้วยหอม เป็นผลไม้ที่สามารถนำมาผสมผสานกับเมนูจานผักและน้ำผลไม้หรือสมูตตี้ต่างๆได้ แครอท ก็สามารถนำมาผสมทำเป็นน้ำผลไม้หรือสมูตตี้ต่างๆได้เช่นกัน โดยมันจะไม่ทำลายคุณค่าโภชนาการของผักผลไม้อื่นๆที่ผสมผสาน เพียงแต่ให้ระวังและหลีกเลี่ยงการนำแครอทมาผสมกับส้มเท่านั้นนอกจากนี้ ยังมีสิ่งที่ควรรู้อีกเรื่องหนึ่งก็คือ ถึงแม้แอปเปิ้ล จะเป็นผลไม้ที่สามารถนำมาผสมผสานกับผักผลไม้อื่นๆได้ดีก็ตาม แต่มันก็มีความเข้มข้นของวิตามินและแร่ธาตุมากกว่าผลไม้ชนิดอื่นๆ ซึ่งร่างกายจะต้องใช้เวลาในการย่อยนานกว่าผักผลไม้ชนิดอื่นคือประมาณ 40-60 นาที
กฎง่ายๆที่คุณควรจำและระวังเมื่อจะผสมผักผลไม้เข้าด้วยกันก็คือ “ให้แยกผักผลไม้ที่เป็นกรดออกมาจากผลไม้รสหวาน” อย่าบริโภคสลัดผลไม้แบบมาตรฐานที่ผสมผสานโดยคนขายขาดความรู้ สลัดผลไม้แบบนี้มักวางขายกันทัวไป ซึ่งสร้างปัญหาให้ระบบการย่อย ด้วยการผสมผสานของผลไม้ที่ไม่เข้ากันอย่างเช่นเมลอน, แอปเปิ้ล, สับปะรด, กล้วยหอม,และสตรอเบอร์รี่ ไว้ในชามเดียวกัน ถ้าจะให้ดีควรเลือกผลไม้ที่จะนำมาทำสลัดด้วยตัวคุณเองทุกชนิด หรือลองทำสลัดมิกซ์เบอร์รี่ ที่ผสมเบอร์รี่หลากชนิดเข้าด้วยกัน ก็จะให้ทั้งความอร่อยและสุขภาพที่ดีกว่า
หน้าร้อนเราอาจจะต้องระวังเรื่องของอาหารมากเป็นพิเศษ เพราะนอกจากเราจะใช้สิ่งนี้เพื่อเติมเต็มพลังงานให้กับร่างกายแล้ว เราก็มักจะใช้อาหารเพื่อให้ช่วยคลายความร้อนของสภาพอากาศอีกด้วย การผสมผสานของอาหารที่มีสารเคมีไม่เข้ากัน นอกจากจะไม่ช่วยให้ร่างกายดีขึ้น ก็อาจทำให้เกิดความยุ่งยากขึ้นได้ ช่างเลือกขึ้นอีกสักนิดเมื่อคิดจะบริโภคอะไรเข้าไป ก็จะช่วยให้สุขภาพดีรับร้อนกันได้สบายใจค่ะ