Craft Beer – เบียร์เทรนด์ใหม่แห่งยุคมิลเลนเนียม

ในยุคมิลเลนเนียมนี้ เครื่องดื่มที่ต้องยอมรับว่ามาแรงแซงโค้งก็เห็นจะเป็นเบียร์ Craft Beer โดยเฉพาะวงการเบียร์ในหลายๆ ประเทศเริ่มมีการปฏิวัติฉีกกฎและไม่ยึดติดกับรูปแบบเดิม จริงๆ Craft Beer มีหลากหลายยี่ห้อเหลือเกิน วันนี้เราจะมาแนะนำให้รู้จักยี่ห้อหนึ่งที่มีขายในบ้านเรา

 

how-to-drink-craft-beer-3

how-to-drink-craft-beer-4

จริงๆ แล้วเบียร์ในโลกนี้แบ่งออกได้เป็นสองกลุ่มใหญ่ๆ กลุ่มแรกก็คือกลุ่มเบียร์ลาเกอร์ (Lager) ซึ่งเบียร์เจ้าใหญ่ๆที่ผลิตในบ้านเราจะเป็นประเภทนี้ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นเบียร์สิงห์ ช้าง หรือไฮเนเก้น พวกนี้จะเป็นเบียร์ที่ดื่มง่ายๆ เบาๆ เย็นกริบๆ คนไทยคุ้นเคยดี กับอีกกลุ่มหนึ่งคือเบียร์ประเภทเอล (Ale) เป็นเบียร์ที่กำลังมาแรงในหมู่ผู้ผลิตCraft Beer และผู้ที่ชื่นชอบความแตกต่างฉีกกฎการดื่มเบียร์แบบเดิมๆ และค่อนข้างจะเป็นเบียร์ของนักดื่มเบียร์จริงจัง

การผลิตเบียร์ไม่ได้มีอะไรมาก หากคุณมีธัญพืช เช่น ข้าวบาร์เลย์ ข้าวสาลี มียีสต์ มีน้ำ และมีดอกฮ็อปส์ คุณก็สามารถผลิตเบียร์ได้ เราจึงอาจเคยเห็นผู้ผลิตเบียร์รายย่อยที่ทำเบียร์ดื่มกันเองตามบ้าน แต่จะอร่อยหรือไม่อร่อยนั้นคงต้องขึ้นกับฝีมือ

 

how-to-drink-craft-beer-6

เบียร์ที่อยากแนะนำในวันนี้เป็นเบียร์เชื้อสายอเมริกา พอพูดถึงเบียร์อเมริกาหลายๆ คนอาจนึกถึงยี่ห้อใหญ่ๆ ดังๆ ที่มักมีรสชาติอ่อนๆ ไม่ค่อยถูกปากคนไทยเท่าไหร่ แต่เบียร์ยี่ห้อ Rogue เป็นCraft เบียร์แนวใหม่มีถิ่นกำเนิดที่รัฐโอเรกอน ซึ่งทั้งปลูกข้าวบาร์เลย์ และปลูกต้นฮอปส์เอง จริงๆ แล้ว Rogue ผลิตเบียร์หลายรุ่น แต่วันนี้ขอแนะนำสองตัว ตัวแรกชื่อ Rogue Dead Guy เป็นเอลสีอำพัน หอมกลิ่นมอลต์ น้ำผึ้ง และฮอปส์ มีเนื้อสัมผัสปานกลางถึงเข้นข้น อีกตัวนึงชื่อ Rogue Hazelnut Brown Nectar เป็นเอลอีกเช่นกัน แต่ตัวนี้ผู้ผลิตใส่เฮเซลนัทสกัดลงไปเพื่อให้มีกลิ่นหอมลงตัวของถั่วเฮเซลนัท น่าจะถูกใจนักดื่มสุภาพสตรีทั้งหลาย เบียร์ทั้งสองตัวนี้เป็นเบียร์ที่เหมาะที่จะทานกับอาหารโดยเฉพาะพวกเนื้อสัตว์ ประเภทเนื้อวัวกับเนื้อหมู แต่เอาเข้าจริงๆ ฉันชอบทานเดี่ยวๆ มีกับแกล้มง่ายๆ พวกถั่วหรือกับเพรทเซลก็อร่อยสุขใจแล้ว

 

หาซื้อ Rogue Beer ได้ที่ Beervana และ www.passiondelivery.com

 

 *** พิเศษสุดสำหรับแฟนๆ ของ The Editors Society เมื่อช้อปปิ้งผลิตภัณฑ์ของ Passion Delivery ผ่านทางเว็บไซด์ของ The Editors Society จะได้รับส่วนลด 200 บาทจากการสั่งซื้อของครั้งแรก เมื่อช้อปขั้นต่ำ 1,000 บาท เพียงใส่โค้ด PDEDITOR ในช่องลดราคาก่อนเช็คเอ้าท์จาก www.passiondelivery.com ***

 

เครดิตภาพ : 1, 2, 3, 4, 5, 6

 

Cava – สปาร์คกลิ้งไวน์ ทางเลือกที่ดี ราคาสบายกระเป๋า

ถึงช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองแล้ว ถึงแม้ว่าปีนี้อาจไม่ค่อยมีกะจิตกะใจอยากจะออกมาเฮฮาปาร์ตี้อะไรมากมายแต่อาจจะมีบางวันที่เราอยากฉลองเทศกาลปลายปีกันแบบเงียบๆ ส่วนตัวนิดนึง และหากไม่อยากลงทุนเปิดแชมเปิญขวดละหลายพันแต่อยากดื่มอะไรที่คล้ายๆ กันในราคาสบายกระเป๋า วันนี้จะขอแนะนำไวน์ตัวนึงที่อาจเป็นหนึ่งในทางเลือกนั้นได้

 

how-to-drink-sparkling-wine-1

how-to-drink-sparkling-wine-with-appetizer

คาว่า Cava เป็นสปาร์คกลิ้งไวน์สัญชาติสเปนที่ถือได้ว่ามีความใกล้เคียงแชมเปญเป็นอย่างมาก เพราะคาว่าผลิตด้วยกรรมวิธีที่เรียกว่า Traditional Method ซึ่งเป็นวิธีเดียวกับที่แชมเปญทำ นั่นก็คือการทำให้เกิดพรายฟองโดยการหมักตัวของยีสต์ครั้งที่สองในขวด ซึ่งการหมักตัวของยีสต์ครั้งที่สองนี่เองที่ทำให้ไวน์ในขวดนั้นมีฟอง เพราะยีสต์จะผลิตก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมานั่นเอง โดยไม่ได้มีการอัดก๊าซเหมือนน้ำอัดลมแต่อย่างใด การทำให้เกิดฟองในไวน์มีหลายวิธี แต่วิธี Traditional Method นั้นถือว่าเป็นวิธีดั้งเดิม มีกระบวนการผลิตที่ซับซ้อน และทำให้เกิดรสชาติอันบ่งบอกถึงเอกลักษณ์และคุณภาพ  ซึ่งสมัยก่อนผู้ผลิตประเทศอื่นมักใช้คำว่า Champagne Method บนฉลาก แต่ปัจจุบันไม่อนุญาตให้ใช้คำนี้กันแล้ว เพราะชาว Champagne ได้จดลิขสิทธิ์การใช้ชื่อนี้ไปแล้วเรียบร้อย เราจึงเห็นคำว่า Traditional Method บนฉลากของไวน์ที่ไม่ได้มาจากแคว้นแชมเปญแต่ผลิตด้วยกรรมวิธีแบบนี้ รวมทั้งคาว่าด้วย

 

how-to-drink-sparkling-wine-with-salad

how-to-drink-sparkling-wine-with-appetizer-1

คาว่าส่วนใหญ่ผลิตที่แคว้นกาตาลุญญา ใกล้ๆ บาร์เซโลน่า ทำจากองุ่นสามพันธุ์ผสมกัน ได้แก่ Macabeo Parellada และ Xarel-lo ซึ่งเป็นองุ่นพื้นเมือง โดยคาว่าที่ในวันนี้เป็นของ Louis de Vernier มีสีทองอ่อนพรายฟองละเอียดเป็นสาย มีกลิ่นหอมของเลมอน แอปเปิ้ลเขียว และหอมขนมปังบริออชจางๆ เป็นคาว่าที่มีแอซิดิตี้ค่อนข้างสูง น้ำหนักเบา และแอลกอฮอล์ปานกลางจึงเหมาะสำหรับดื่มเป็น aperitif หรือเรียกน้ำย่อยก่อนอาหาร หรือจะดื่มกับ appetizer เบาๆ เช่น อาหารทะเลสดๆ และสลัดเบาๆ และที่สำคัญคือคาว่าตัวนี้มีระดับความหวานที่เรียกว่า Brut Nature ซึ่งแปลว่าไม่มีการใส่น้ำตาลลงไปเพิ่มเลย จึงน่าจะเหมาะกับสาวๆ ที่กำลังควมคุมน้ำหนัก เรียกได้ว่าดื่มได้ ไม่ต้องกลัวอ้วน

 

สามารถซื้อ Louis de Vernier Cava Brut Nature ได้ที่ www.passiondelivery.com

 

*** พิเศษสุดสำหรับแฟนๆ ของ The Editors Society เมื่อช้อปปิ้งผลิตภัณฑ์ของ Passion Delivery ผ่านทางเว็บไซด์ของ The Editors Society จะได้รับส่วนลด 200 บาทจากการสั่งซื้อของครั้งแรก เมื่อช้อปขั้นต่ำ 1,000 บาท เพียงใส่โค้ด PDEDITOR ในช่องลดราคาก่อนเช็คเอ้าท์จาก www.passiondelivery.com ***

 

เครดิตภาพ : 1, 2, 3, 4, 5, 6

Organic Wine – ปลอดภัยไร้สารตกค้าง

ทุกวันนี้อาหารที่เรารับประทานส่วนใหญ่มีสารเคมีตกค้างแทบทั้งสิ้น ผักผลไม้ที่เราคิดว่ามีประโยชน์แท้จริงแล้วหากไม่ระวังเราอาจรับยาฆ่าแมลงที่ตกค้างอยู่ได้ ไม่มากก็น้อย ทั้งนี้ทราบหรือไม่ว่าไวน์ก็หนีไม่พ้น เคยมีการศึกษาที่ประเทศฝรั่งเศสในปี 2009 และ 2010 พบว่ามีโมเลกุลสารเคมีทั้งจากยาฆ่าแมลงและยาฆ่าเชื้อราตกค้างในไวน์ถึงกว่า 50 โมเลกุลด้วยกัน ถึงแม้ว่าแต่ละโมเลกุลนั้นมีปริมาณที่ไม่มากและไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย แต่หากใครที่ดื่มไวน์ทุกวันๆ ก็อาจเสี่ยงต่อการมีสารเคมีสะสมในร่างกายได้

 

how-to-drink-organic-wine-3

how-to-drink-organic-wine-4

how-to-drink-organic-wine-6

ในการปลูกองุ่นนั้น ผู้ปลูกทั่วไปมีความจำเป็นต้องใช้สารเคมีเป็นจำนวนมาก เพราะองุ่นเป็นผลไม้ที่มีความเสี่ยงต่อศัตรูพืชและเชื้อราสูงพอสมควร แต่ปัจจุบันเริ่มมีผู้ผลิตหลายๆ เจ้าหันมาผลิตไวน์แบบออร์แกนิกและแบบไบโอไดนามิกกันมากขึ้น เพราะพวกเขาเชื่อว่าการใช้วิธีตามธรรมชาติในการปลูกพืช เมื่อสภาพแวดล้อมมีความอุดมสมบูรณ์ ดินสมบูรณ์ ต้นองุ่นย่อมแข็งแรงผลิตผลองุ่นที่มีคุณภาพตามไปด้วย

 

how-to-drink-organic-wine-2

จริงๆ บ้านเรามีไวน์ออร์แกนิกขายอยู่เยอะพอสมควร แต่บางทีก็ต้องศึกษากันเอาเองว่าผู้ผลิตคนไหนผลิตไวน์แบบออร์แกนิก เพราะเขามักไม่ระบุบนฉลาก สำหรับไวน์ที่อยากแนะนำในครั้งนี้ชื่อไวน์ Terre de Garance โดย Domaine Rouge Garance นี้เป็นไวน์ Côtes du Rhône จากลุ่มแม่น้ำ Rhône โดยผลิตที่เมือง Saint Hilaire d’Ozilhan ไม่ไกลจาก Pont du Gard จุดท่องเที่ยวอันเลื่องชื่อทางตอนใต้ของฝรั่งเศส เป็นไวน์ออร์แกนิกที่แน่นอนว่ามีการใช้สารเคมีน้อยที่สุด แม้กระทั่งยีสต์ที่ใช้ในการหมักไวน์ยังเป็นยีสต์ธรรมชาติที่พบได้บนผลองุ่น

 

how-to-drink-organic-wine-5

6004101_Figs_2014-0829_CL-Figs-180

how-to-drink-organic-wine-3-pasta

ไวน์ตัวนี้ทำจากองุ่นหลายพันธุ์ หลักๆ ก็มี Grenach Syrah และ Cinsault เป็นไวน์สีแดงทับทิมสด มีกลิ่นหอมของผลไม้แดงประเภท Red Currant และ Raspberry ทั้งยังมีบอดี้ปานกลางไม่หนักมาก กลมกล่อม ดื่มง่าย เหมาะที่จะทานคู่กับซี่โครงแกะย่าง หรือพาสต้า เช่น สปาเกตตี้โบลองเนส และชีสต่างๆ

 

หาซื้อ Terre de Garance ได้ที่ www.passiondelivery.com 

*** พิเศษสุดสำหรับแฟนๆ ของ The Editors Society เมื่อช้อปปิ้งผลิตภัณฑ์ของ Passion Delivery ผ่านทางเว็บไซด์ของ The Editors Society จะได้รับส่วนลด 200 บาทจากการสั่งซื้อของครั้งแรก เมื่อช้อปขั้นต่ำ 1,000 บาท เพียงใส่code PDEDITOR ในช่องลดราคาก่อนเช็คเอ้าท์จาก www.passiondelivery.com ***

 

เครดิตภาพ : 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9

 

Chablis…ไวน์ดีที่ไม่ค่อยพลาด

*** พิเศษสุดสำหรับแฟนๆ ของ The Editors Society เมื่อช้อปปิ้งผลิตภัณฑ์ของ Passion Delivery ผ่านทางเว็บไซด์ของ The Editors Society จะได้รับส่วนลด 200 บาทจากการสั่งซื้อของครั้งแรก เมื่อช้อปขั้นต่ำ 1,000 บาท เพียงใส่code PDEDITOR ในช่องลดราคาก่อนเช็คเอ้าท์จาก www.passiondelivery.com ***

 

ปกติมักจะมีคนมาถามอยู่เสมอว่าจะดื่มไวน์อะไรดี ให้ช่วยแนะนำไวน์ให้หน่อย ส่วนใหญ่แล้วมีไวน์อยู่ตัวหนึ่งที่จะแนะนำบ่อยมาก(เพราะเป็นหนึ่งในไวน์โปรดของผู้เขียน) แนะนำทุกครั้งไม่มีพลาด ไวน์ตัวนั้นคือ Chablis

 

how-to-drink-chablis-wine-2

chardonnay-1

chardonnay-2

Chablis เป็นไวน์ขาวที่มาจากแคว้นเบอร์กันดี ทำจากองุ่นพันธุ์ชาร์ดอนเนย์ซึ่งเป็นองุ่นฮอตฮิตสุดคลาสสิค เป็นที่โปรดปรานของคนทุกเพศทุกวัย น่าจะเพราะชาร์ดอนเนย์นั้นตามธรรมชาติของมันจะมีรสชาติกลางๆ จึงสามารถนำมาผลิตเป็นไวน์แบบไหนก็ได้ เลยเป็นที่นิยมปลูกอย่างกว้างขวาง โดยทำได้ทั้งไวน์แบบเบาๆ ดื่มแล้วสดชื่น ไปจนถึงไวน์เข้มข้นหนักแน่นกลิ่นโอ๊ค เปรียบได้กับไอศครีมวานิลาที่รสชาติกลางๆ คลาสสิคจะทานกับอะไรก็ได้ จะราดสตรอเบอรี่ ราดช็อคโกแลต หรือราดซอสคาราเมล ไอศครีมวานิลาก็รับได้หมด

ด้วยความที่ Chablis อยู่ตอนเหนือสุดของแคว้นซึ่งมีอากาศค่อนข้างหนาว เพราะฉะนั้นไวน์ Chablis จึงมีบอดี้ที่ไม่หนักหน่วงซะเท่าไหร่ และมีกลิ่นหอมของแอปเปิ้ลเขียว ลูกแพร์ และพวกผลไม้รสเปรี้ยวต่างๆ และที่สำคัญไวน์จาก Chablis มักมีกลิ่นของแร่ธาตุ (Mineral) อันเป็นเอกลักษณ์ที่ทำให้ Chablis เป็นไวน์ที่มีเสน่ห์ไม่เหมือนใคร

white wine

Chablis เป็นไวน์ที่มีทั้งระดับทั่วไปและระดับ Premier Cru และ Grand Cru แต่วันนี้ขอแนะนำไวน์ระดับทั่วไปก่อน เพราะจะดื่มง่ายกว่า โดยขอแนะนำไวน์จากผู้ผลิตที่ชื่อ Joseph Faiveley ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ผลิตที่ใหญ่ที่สุด และดีที่สุดของเบอร์กันดีเลยก็ว่าได้ โดย Chablis ตัวนี้เป็นไวน์ที่เข้าถึงง่าย โดยเฉพาะปี 2014 ถือว่าเป็นปีที่ดีของ Chablis เพราะอากาศดี แดดเยอะ จึงทำให้องุ่นสุกกำลังดี (เนื่องจาก Chablis อยู่ค่อนข้างไปทางเหนือ บางปีองุ่นจะไม่ค่อยสุก) เมื่อองุ่นสุกคุณภาพดีก็จะส่งผลให้ไวน์มีความเข้มข้น และมีกลิ่นหอมของผลไม้สุกมากขึ้น เช่นแทนที่จะเป็นกลิ่นแอปเปิ้ลเขียว ไวน์ตัวนี้มีกลิ่นของแอปเปิ้ลสีเหลือง และAcidity จะไม่บาดแหลม

 

how-to-drink-chablis-wine-4

Chablis เป็นไวน์ที่เข้ากับอาหารหลากหลาย ด้วยความที่มี Acidity ค่อนข้างสูง อาหารจานแรกที่นึงถึงเลยคือหอยนางรมสด เวลาทานก็บีบมะนาวให้น้อยหน่อยอาศัยความเปรี้ยวของไวน์แทน หรือจะเป็นอาหารทะเลต่างๆ ว่ามาเลย Chablis เอาอยู่  ส่วนอาหารไทยก็เหมาะไม่แพ้กัน พวกยำต่างๆ หรือจะทานกับซูชิก็ได้ไม่ผิดอะไร

 

เพราะฉะนั้น…นึกอะไรไม่ออก เลือก Chablis

หาซื้อ Chablis ได้ที่ www.passiondelivery.com

 

เครดิตภาพ : 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8

Lamb Shanks 2 ways

 

เรื่องเนื้อแกะนี้ ออกจะเป็นเรื่องพิเศษกว่าเนื้อสัตว์ชนิดอื่นๆ เท่าที่ฟังมา มีหลากหลายความคิดเห็นมาก บางคนบอกว่า “ชอบมาก แต่หาคนทำอร่อยยาก” บางคนบอก “ก้อ..พอทานได้อยู่นะ แต่ต้องให้เขาทำดีๆ ให้ไม่มีกลิ่น” บางคนก็บอกว่า “ไม่มีกลิ่นแกะแล้วจะกินแกะทำไม กินหมูซะก้อหมดเรื่อง!” นานาจิตตังจริงๆ

 

วันนี้มานำเสนอ วิธีนำเนื้อแกะส่วนน่องมาทำอาหารสัก ๒ วิธีค่ะ พอดีสั่ง Australian Lamb Shank จาก Passion Delivery แล้วได้น่องมาถึง ๔ ชิ้น เลยแบ่งเอามาทำแกงเขียวหวานเสีย ๑ ชิ้น อีก ๓ ชิ้นเก็บไว้ทำแบบอาหารฝรั่ง

 

lamb005

 

วิธีทำแกงเขียวหวานนั้น คิดเอาว่าทุกคนคงรู้อยู่แล้ว จะอธิบาย ๒ สูตรก็มีเนื้อที่ไม่พอ ถ้าหากผู้อ่านหลายๆคนถามมา ก็จะมาอธิบายให้ในภายหลังนะคะ วันนี้เอาสูตรแบบฝรั่งไปก่อนค่ะ

 

BRAISED LAMB SHANK WITH ROSEMARRY AND RED WINE

 

lamb002

 

เครื่องปรุง

น่องแกะ

– Australian Victoria Lamb Shanks (4pcs)

เนื้อตรงส่วนคอ (หั่นชิ้นเล็กๆ) 200 กรัม

หอมหัวใหญ่ 1 หัว

แครอท 1 หัว

ก้านเซเลอรี่ 2 ก้าน

ต้นกระเทียม (เฉพาะส่วนสีขาว) 1 ต้น (หรือ 100 กรัม)

บัลซามิค (Balsamic Vinegarz) 100 กรัม

มะเขือเทศเข้มข้น 2 ช้อนโต๊ะ

ไวน์แดง200 มล.

น้ำสต๊อกเนื้อ 500 มล.

มันฝรั่ง

โรสแมรี่ และใบกระวาน

เกลือ

พริกไทย

– เนย

 

ผักสำหรับตกแต่ง

เกลามันฝรั่งและแครอทให้เป็นรูปสวยงาม ผักสีเขียวที่เราชอบที่เข้ากันได้ดี คือกะหล่ำดาว Brussels Sprout ถั่วลันเตา ผักเหล่าต้มหรือลวกแล้วมาผัดเนย เติมไปในจานเวลาจัดเสิร์ฟ

 

lamb003

 

วิธีทำ

เทเกลือ พริกไทยลงบนน่องแกะให้ทั่ว แล้วทอดน่องแกะทั้งหมดด้วยไฟแรง และใช้น้ำมันเพียงเล็กน้อย จนเป็นสีน้ำตาลสวย ยกน่องแกะไปพักไว้ในหม้อ

ในกระทะเดิม นำเนื้อตรงส่วนคอ (หั่นชิ้นเล็กๆ)ลงไปผัดต่อ จนเนื้อเป็นสีน้ำตาลสวยเช่นกัน ตักออกพักไว้ในหม้อที่มีน่องแกะ

ลดไฟลงเป็นไฟกลางค่อนข้างอ่อนนำหอมใหญ่ แครอท เซเลอรี่ และต้นกระเทียมที่เราหั่นไว้แล้ว ลงไปผัด เติมเนยเล็กน้อย เกลือ พริกไทย

ผัดจนผักเริ่มนิ่ม หอมใหญ่เป็นสีใส ผัดมะเขือเทศเข้มข้น ( Tomato paste 2 ชต) ลงไปให้เข้ากัน

เติม Balsamic Vinegar แล้วปล่อยไว้สักครู่ จนน้ำเริ่มงวดลง เติมไวน์แดง ใช้ไม้พายหรือตะหลิวขูดเศษเนื้อที่ติดกระทะออกมาให้มากที่สุด ส่วนนี้เป็นส่วนที่เสริมรสชาติดีที่สุด รอจนไวน์แดงงวดลงเหลือสัก 1/3

เร่งไฟเป็นไฟแรง เติมน้ำสต๊อกเนื้อ ตั้งไฟให้เดือด

นำผักและน้ำสต๊อกนี้เทลงในหม้อรวมกับน่องแกะ ให้น้ำสต๊อกท่วมน่องแกะ ถ้าไม่พอให้เติมน้ำเปล่าได้ ตั้งไฟให้เดือดอีกครั้ง ตักฟองออก

ลดไฟลง เติมใบกระวาน ช่อโรสแมรี่ และตั้งเคี่ยวไปเรื่อยๆ คอยตักฟองออกบ้าง จนเนื้อเริ่มนุ่ม ราวๆ1ชั่วโมงครึ่งหรือกว่านั้น ถ้าเห็นว่าน้ำแห้งไปก็เติมน้ำได้อีก ชิม ปรุงรส ณ จุดนี้ ที่บ้านใช้วิธีใส่หม้อตุ๋นไปเลยค่ะ

เมื่อเนื้อเริ่มนุ่มดีแล้ว ให้ตักส่วนที่เป็นน้ำออกไปกรอง เอาผักออก แบ่งสัก 300 มล. มาใส่กระทะ พร้อมกับเนื้อน่อง (ที่เหลือเคี่ยวต่อไปด้วยไฟอ่อนๆ) ตั้งไฟกลาง ชิมรส และเคี่ยวน้ำซอสส่วนนี้ให้งวดลง โดยตักมาราดส่วนที่เป็นน่องอยู่เรื่อยๆเพื่อให้น้ำซอสเคลือบเนื้อเป็นเงาสวย ชิมรสครั้งสุดท้าย

 

lamb004

 

จัดเสิร์ฟใส่จาน พร้อมด้วยผักเครื่องเคียงที่ลวกหรือต้มไว้แล้ว มาผัดกับเนยตอนสุดท้ายเพื่อให้เป็นเงาสวย