Night Out In The City That Never Sleep… (ต่อ)
…เนื่องจากตอนที่แล้วเราพูดถึงช่วงหัวค่ำเป็นช่วงโหมโรงด้วย Cocktail ไปแล้ว ต่อจาก Cocktail ควรเป็นอะไรที่ไม่หนักมาก ผมคิดว่าการไปฟังแจ๊สน่าจะเป็นทางเลือก เพราะบาร์แจ๊สหลายแห่งมักขายอาหารด้วย เราก็ไม่ต้องไปเสียเวลาที่ร้านอาหารก่อน…
ดนตรีและการแสดงในนิวยอร์ก
ความโดดเด่นของนิวยอร์กในช่วงหลังจากพระอาทิตย์ลับขอบ(ตึกระ)ฟ้าไป ก็คงเป็นเรื่องของดนตรีและการแสดง เพราะที่นี่เป็นต้นกำเนิดของดนตรีหลากหลายประเภทเซ่น Jazz, Rock , Blues, หากเป็นรุ่นเก่าหน่อย หรือถ้าเป็นรุ่นหลังก็ Hip Hop, Freestyle, Doo Wop, Bebop, Disco, Punk Rock, หรือ New Wave และที่นี่ก็เป็นแหล่งที่ศิลปินดังถือกำเนิดหรือโด่งดังขึ้นที่นี่เช่นกัน ส่วนการแสดงก็มีละครเวที ละครร้องหรือ โอเปร่า
ดังนั้นการจะดูการแสดงของบรรดาเหล่าศิลปินในสไตล์ดนตรีและการแสดงที่เราซอบจะมีให้เลือก 2 แบบ
1.สถานที่แสดงดนตรีและการแสดง Concert Hall หรือ Music Hall
การไปดูแต่ละครั้งท่านจะต้องตรวจสอบ NYC Event Calendar เพิ่อดูตารางการแสดงล่วงหน้าและอาจจะต้องจองตั๋วล่วงหน้าผ่านหน้าWeb-ที่ขายตั๋วสัก 1 เดือนเพื่อป้องกันผิดหวัง
สถานที่จัดแสดงที่นี่ก็ถูกบรรจงสร้างขึ้นมาให้มีแต่ระดับโลกทั้งนั้น มีระบบAcousticsที่ยอดเยี่ยม เช่นที่ Carnegie Hall สำหรับดนตรีClassic ประเภทวง Symphony Orchestra หรือ Radio City Music Hall ที่เปิดมาตั้งแต่ปี 1932, สร้างในสถาปัตยกรรมแบบ Art Deco ก็เป็นที่จัดแสดงคอนเสิร์ตหลากหลายประเภท
Lincoln Center for the Performing Arts คือสุดยอดของสถานที่จัดแสดงของสถาบัน 12 สถาบันต่อไปนี้ที่จะสลับกันใซ้สถานที่จัดการแสดงชั้นเลิศ ได้แก่ Metropolitan Opera, New York Philharmonic, New York City Ballet, Chamber Music Society, New York City Opera, Juilliard School, Lincoln Center Theater, และJazz at Lincoln Center ในขณะที่วง The New York Philharmonic, วงOrchestra ที่เก่าแก่ที่สุดของอเมริกามักจะแสดงที่ Avery Fisher Hall,
และเนื่องจากที่เมืองนี้ได้รับอิทธิพลด้านดนตรีจากคนผิวสีอย่างก้วางขวาง สถานที่มักใช้จัดแสดงของศิลปิน African Americanก็คือ The Apollo Theater เป็นต้น
2. ประเภท Night Club
คลับต่างๆ ในนิวยอร์กมีบทบาทต่อความโด่งดังหรือโปรโมทดนตรีประเภทต่างๆ ของแต่ละยุค เช่น ถ้าเป็นพวกDisco, Rock, Punk Rock ก็ได้แก่ Studio 54, Max’s Kansas City, Mercer Arts Center, ABC No Rio และCBGB’s หรือถ้าเป็นแจ๊สก็จะมีพวก Major Jazz Club sระดับโลก ได้แก่ Birdland, Sweet Rhythm, Village Vanguard และThe Blue Note ในสมัยปัจจุบันยุคที่เพลงElectronicเสียงsamplingจากเครื่องคอมพิวเตอร์ที่บรรดาDJ ดังนำมาทำเพลง หรือเอาเพลงคนอื่นที่มีอยู่มาทำแบบที่เรียกว่า Remixed เกิดเป็นเพลงประเภท House, Acid-Jazz , Groove Collective หรือ Nuyorican Soul ก็มักจะหาฟังกันได้ที่คลับแถวถนน 52nd
เนื่องจากตอนที่แล้วเราพูดถึงช่วงหัวค่ำเป็นช่วงโหมโรงด้วย Cocktail ไปแล้ว ต่อจาก Cocktail ควรเป็นอะไรที่ไม่หนักมาก ผมคิดว่าการไปฟังแจ๊สน่าจะเป็นทางเลือก เพราะบาร์แจ๊สหลายแห่งมักขายอาหารด้วย เราก็ไม่ต้องไปเสียเวลาที่ร้านอาหารก่อน
แต่ก่อนไปฟัง Jazz ต้องปูพื้นกันแบบย่อๆ เล็กน้อย เพื่อให้ได้อรรถรสว่า Jazz ในนิวยอร์กเริ่มโด่งดังมาตั้งแต่ซ่วงปี 1920’sเมื่อวง Fletcher Henderson’s Jazz Orchestra ที่มีนักดนตรีอย่าง Coleman Hawkins และ Louis Armstrong ที่มาจากNew Orleans เริ่มค้นพบดนตรีแจ๊สในสไตล์ New York’s Big Jazz Bands ในขณะที่ตำนานแจ๊สอย่าง Duke Ellington ก็ย้ายมาจาก Chicago มาเล่นที่ New York ยิ่งตอนที่ Big Band Jazz พัฒนาเข้าสู่แจ๊สแบบ Swing Musicซึ่งมี Jimmy Dorsey และBenny Goodman เป็นหัวหอกนั้น การพัฒนาของนักดนตรีนักร้องก็ยิ่งเข้าสู่มาตรฐานที่สูงขึ้นไปอีก ตัวอย่างศิลปินก็คือ Billie Holiday และElla Fitzgerald
แล้ว New York’s Jazz Scene ก็เริ่มมีประเภทหรือแขนงต่างๆ(genre)ของแจ๊ส เช่น Bebop ในช่วงกลางปี 1940 มีนักดนตรีดังอย่าง Charlie Christian, Dizzy Gillespie, Charlie Parker และThelonious Monk เป็นตัวชูโรง จนกระทั่งเข้าปี 1950’s, Standard Jazz เป็นที่นิยมในหลายเมืองของอเมริกามากขึ้น โดยเฉพาะฝั่ง West Coast เกิดเป็นประเภท Cool Jazz ขึ้นมาโดยนักดนตรีจากนิวยอร์กทื่อ Miles Davis จากนั้นก็เกิดประเภท Hard Bop โดยศิลปินจากNYCเช่นกัน คือ Sonny Rollins และArt Blakey สุดท้ายของยุค Standard Jazz ก็คือยุคปลาย 1950’s เกิดประเภท Free Jazz ที่มีศิลปินดังอย่าง John Coltrane แลพวกคือ Albert Ayler และSun Ra เป็นตัวชูโรง ก่อนที่แจ๊สจะเข้าสู่ยุคของ Modern Jazz ซึ่งมักจะเป็นดนตรีจากฝั่ง West Coast แล้ว
แนะนำ Jazz Bar
จริงๆ แล้วJazzมันไม่สำหรับทุกคน แต่ถ้าคุณเกิดเป็นคอแจ๊สขึ้นมาแล้วได้โอกาสมาที่นี่ ผมว่าคุณคงจะพลาดมากๆ หากไม่ได้ไปJazz Barที่เมืองนี้ เพราะบาร์หรือHallหลายๆ แห่งที่นี่มันคือตำนานแห่งแจ๊สครับ มันแทบจะเป็นสถานที่ศักดิสิทธิ์เลยสำหรับนักดนตรีรุ่นใหม่ๆ ที่ต้องทำความเคารพบรรดารุ่นพี่รุ่นพ่อระดับบรมคูรแจ๊สที่เคยบุกเบิกที่นี่มาก่อน ขอแนะนำให้ไปแถวเขต West Village ลองเช็ครายละเอียดและโปรแกรมของสถานที่เหล่านี้ดูครับ
Best Jazz Clubs in NYC
Birdland
หากท่านเคยฟังเพลงของคณะ The Manhattan Transfer ท่านอาจเคยฟังเพลงที่ชื่อนี้ แต่จริงๆ แล้วเพลงนี้ถูกแต่งขึ้นมาโดยวง The Weather Report ในปี 1977 อยู่ในอัลบั้ม Heavy Weather แน่นอนชื่อเพลงถูกตั้งขึ้นมาเพื่อให้เกียรติ คลับชื่อดังบนถนน 52 แห่งนี้ ที่เป็นสังเวียนการดวลโซโล่เดี่ยวหรือการ Improvise ของบรรดานักดนตรีแจ๊สระดับปรมาจารย์ ว่าแต่ทำไมคลับนี้มีชื่อนี้ล่ะ อันนี้คงต้องบอกว่าเป็นเพราะนักดนตรีที่ชื่อ Charlie Parker (คอแจ๊สStandardรู้จักกันดี) ที่เคยมาลงเล่นประจำที่นี่ เขามีฉายาว่า “The Bird” พอเขามาลงเล่นที่นี่บ่อยๆ ก็เลยเป็นที่ๆ เรียกกันว่า Birdland นั่นเอง
Blue Note
The Blue Note ได้รับฉายาอันทรงเกียรติว่าเป็น “The Jazz Capital of The World” ผมคงไม่ต้องอธิบายให้เสียเวลาว่าทำไมคุณถึงควรจะไปสัมผัสบรรยากาศที่นี่ ก็ขนาดนักดนตรีดังๆ เมื่อได้ขึ้นเวทีที่คลับแห่งนี้ยัง‘ขนลุก’เพราะความตื่นเต้น แล้วอย่างเราไปดูเขาแสดงถ้าไม่‘ขนลุก’ก็คงเป็นคนไร้อารมย์อย่างแรง ผมมั่นใจว่าท่านที่มีแผ่นเสียงเพลงประเภท Standard Jazz อยู่คงจะมีบางแผ่นหรือหลายแผ่นที่อัดการแสดงสดจาก Bluenote
Jazz Standard
ดูจากข้างนอกที่นี่ก็เหมือนเป็นร้านอาหาร Danny Meyer’s Blue Smoke Barbecue แต่ลงไปในห้องใต้ถุนข้างล่างเราจะเจอกับ The Jazz Standard ที่เล่นเพลงสุดมันสไตล์ Groovy, และSwinging ที่นี่เคยเป็นเวทีBill Frisell และ Jimmy Cobb เป็นวงที่เล่นสไตล์big band ไหนๆมาที่นี่เราก็ควรสั่งBBQจากร้านข้างบนมาทานควบคู่ไปด้วย เพราะจริงๆ แล้วผมว่ามันเข้ากันเนื่องจาก JazzและBBQ มีต้นกำเนิดมาจากที่เดียวกันคือเริ่มมาจากทางภาคใต้ของอเมริกานั่นเอง
Jazz Standard อยู่ที่ 116 East 27th Street ระหว่างPark Ave South และ Lexington Ave เขตFlatiron (212-576-2232, jazzstandard.net)
JAZZ AT LINCOLN CENTER
ที่นี่ไม่ใช่คลับแต่เป็นConcert Hall เราควรต้องไปสัมผัสเพราะแม้แต่คนที่ไม่อยากฟังแจ๊สยังอยากเข้าไปดูเ พราะสถานที่โอ่อ่าหรูหราจำลองแบบจาก Greek Amphitheater ตกแต่งด้วยกระจกสูงโปร่งมองออกไปหลังเวที เห็นวิววงเวียน Columbus Circle และCentral Park ที่นี่มักจัดเทศกาลแจ๊สดังๆ อย่างเช่น John Coltrane Festival
Jazz at Lincoln Center อยู่ที่ Broadway ตัด 60th Street เขต Upper West Side (212-258-9800, jazzatlincolncenter.org)
THE IRIDIUM
The Iridium เป็นสถานที่แสดงประจำของตำนานมือกีตาร์อย่างนาย Les Paul, แม้ว่าชาร์จค่าเข้าแพงหน่อยแต่คุณภาพของแจ๊สที่นี่ก็ยังสมราคาอยู่ แต่ควรต้องตรวจสอบตารางการเล่นดีๆ เพราะมีวงหมุนเวียนสลับกันมาแสดง ถ้ามาเจอวงที่ไม่ใช่ไตล์ที่ต้องการแล้วโดนค่า Cover $40, บวกอย่างต่ำ $15 ของอาหารและเครื่องดื่มที่ต้องสั่งคงจะเข็ดไปอีกนานในความไม่คุ้ม
The Iridium อยู่ที่ 1650 Broadway ระหว่าง 50th และ 51st Street เขตMidtown West (212) 582-2121, theiridium.com)
VILLAGE VANGUARD
ที่นี่เก่าแก่กว่า 78 ปี แล้วอยู่ย่าน West Village ได้ชื่อว่าเป็น The Most Serious Club in Town และสำหรับนักดนตรีแจ็สเองที่นี่ถือเป็น”The Carnegie Hall of Jazz” เนื่องจากมีระบบซึมซับเสียงทำให้มี Acoustics สมบูรณ์แบบเข้ากับแสงไฟสลัวได้ Mood ดีมากๆ ที่นี่ต้อนรับนักดนตรีอย่าง Thelonious Monk, Bill Evans หรือ Miles Davis มานับครั้งไม่ถ้วน ตั๋วราคา $25 และต้องสั่งอย่างต่ำ 1 ดื่ม ที่นั่งก็ระบบ first-come first-serve แต่แม้จะมาสายที่นั่งด้านหลังก็ไม่ได้ไกลเวทีมาก เพราะคลับนี้ไม่ได้ใหญ่มากนักขนาดกำลังCozy
Village Vanguard อยู่ที่ 178 7th Ave South ระหว่าง Perry Street และ Waverly Place เขต West Village (212-255-4037, villagevanguard.com)
BARBES
หากท่านอยู่แถว Brooklyn แต่มีอารมณ์แจ๊ส คุณก็มา Park Slope ได้เลย มันไม่ได้หรูหรา แต่เราเน้นดนตรีครับ ไวน์อาจไม่เหมาะนักก็ต้องเบียร์ครับ ที่นี่ยังมีดนตรีแปลกลักษณะ Global Music ที่มีวงดนตรีรับเชิญจากทั่วโลกผลัดกันมาEntertain เช่นวง Slavic Soul Party และCumbia Band Chicha Libre and the Guinean Mandingo Ambassadors
Barbes อยู่ที่ 376 9th Street ระหว่างถนน 6th และ 7th Ave เขต Park Slope, Brooklyn (347-422-0248, barbesbrooklyn.com)
SMALLS
ถ้าชอบแบบดิบๆ อยู่ใต้ถุนในห้องแคบๆ มืดๆแบบหนัง Film Noir ละก็น่าไปลองดูครับ ค่า Cover Charge $20 แต่บรรยากาศสไตล์ Underground แบบนี้หายากแล้วที่จะมีให้สัมผัสแบบ Smalls Jazz Club
Smalls อยู่ที่ 183 West 10th Street ระหว่าง4th Street กับ 7th Ave South เขต the West Village (212-252-5091, smallsjazzclub.com)
SMOKE JAZZ CLUB
ใครที่พาเพื่อนที่ไม่ใช่คอแจ๊สไปขอแนะนำที่นี่เพราะมีอาหารSupperอร่อยๆ ให้ทานไปด้วยฟังไปด้วย อย่างผมไปคงไม่สนอาหารนักเพราะเป็นคนชอบฟังแจ๊สอยู่แล้วก็จะตั้งใจฟังไป อย่างแฟนผมอาจไม่ชอบฟังก็สั่งอาหารแล้วก็ทานไป สรุปแล้วลงตัวครับ แต่ว่าที่นี่จะเป็นสถานที่สำหรับSerious Jazz Fan มันคือที่ๆ นักดนตรีอย่าง George Coleman, Bill Charlap , Wynton Marsalis เคยเล่นประจำอยู่ มีค่า Entertainment Charge ($20-$40) ดนตรีดีระบบเสียงเยี่ยม และอาหารมื้อดึกที่แนะนำคือ Buttermilk Fried Chicken ($24.95) และซี่โครงหมู Short Ribs ($33) สถานที่เล็กควรต้องจองครับ
Smoke Jazz Club อยู่ที่ 2751 Broadway ระหว่างถนน 105th และ 106th Street เขต Upper West Side (212-864-6662, smokejazz.com)