ล้างพิษฟลูออไรด์ให้ร่างกายคุณ

 

เวลาพูดถึงฟลูออไรด์ เราก็มักนึกแต่ข้อดีของมันที่ได้ยินว่าช่วยเรื่องการป้องกันฟันผุ ซึ่งที่จริงแล้ว ฟลูออไรด์ก็เหมือนสารทั่วไปที่จะมีทั้งประโยชน์และโทษ หากได้รับมากเกินไปหรือไม่ถูกวิธี ก็อาจเกิดพิษสะสมจนเกิดความเสี่ยงสุขภาพหลายอย่างได้เช่นกัน

 

ฟลูออไรด์ในน้ำประปา ปลอดภัยแค่ไหน

มันอาจจะน่ากลัวถ้าเราจะต้องมาคิดว่า น้ำประปาที่เราดื่มหรือใช้อยู่ทุกวันนี้มันจะมีฟลูออไรด์อยู่แค่ไหน ปลอดภัยหรือเปล่า ซึ่งต้องบอกว่า ฟลูออไรด์ เป็นแร่ธาตุธรรมชาติที่มีอยู่ตามแหล่งน้ำใต้พื้นดินและน้ำในมหาสมุทร ฟลูออไรด์ในธรรรมชาติ จะเป็นเกลือของแร่ธาตุที่ชื่อว่า ฟลูออรีน (fluorine) ส่วนฟลูออไรด์ในน้ำประปานั้น จะเป็นเกลือโซเดียมฟลูออไรด์ที่ถูกเติมลงในน้ำประปา ด้วยเหตุผลที่เชื่อว่าจะช่วยรักษาสุขภาพฟันที่ดี แต่สำหรับเรื่องนี้เมื่อหลายปีก่อน มีการศึกษาของมหาวิทยาลัยเวสท์ เวอร์จิเนีย (The West Virginia University Rural Health Research Center) ออกมาระบุว่า ที่จริงแล้ว ฟลูออไรด์ช่วยอะไรไม่ได้มากนักในเรื่องการป้องกันโรคฟันผุ ซึ่งคุณสมบัติข้อนี้ของมันไม่สามารถสู้กับวิตามินดีและกรดไขมันโอเมก้า -3 ที่ให้ประสิทธิภาพป้องกันฟันผุได้ดีกว่ามากมาย ในสหรัฐอเมริกาเอง ก็ยังมีการเรียกร้องให้ลดปริมาณฟลูออไรด์ที่ผสมอยู่ในน้ำประปาลง หลังจากที่มีการยืนยันจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดว่า ปริมาณฟลูออไรด์ที่ร่างกายได้รับมากเกินไป อาจไปลดระดับไอคิวของสมองได้ ซึ่งเรื่องนี้ก็ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ในนักวิทยาศาสตร์ แต่ไม่ว่าบทสรุปจะเป็นอย่างไรก็ตาม มันสำคัญอย่างมากที่จะต้องรู้เรื่องการทำทรีทเมนท์ล้างพิษสะสมของฟลูออไรด์นี้เอาไว้บ้าง รวมทั้งศึกษาข้อมูลข้อดีข้อเสียของมันด้วย

 

องค์การอนามัยโลก ได้กำหนดค่ามาตรฐานของฟลูออไรด์เพื่อความปลอดภัยในคู่มือมาตรฐานน้ำในปี 1996 กำหนดค่าไว้ที่ 1.5 ส่วนในล้านส่วนหรือ ppm. โดยขึ้นอยู่กับอุณหภูมิเฉลี่ยของแต่ละประเทศด้วย สำหรับประเทศไทย ปริมาณฟลูออไรด์ในน้ำที่เหมาะสม ควรอยู่ที่ 0.6 – 0.8 ppm. ซึ่งจากข้อมูลการเฝ้าระวังน้ำบริโภคธรรมชาติ ของกองทันตสาธารณสุข ในปี 2532 – 2544 พบว่าแหล่งน้ำทั่วประเทศ ร้อยละ 97.6 จะมีฟลูออไรด์อยู่ต่ำกว่า 1.5 ppm.ส่วนแหล่งน้ำที่เหลืออีกร้อยละ 2.4 จะมีฟลูออไรด์อยู่ในระดับเท่ากับหรือสูงกว่า 1.5 ppm. ซึ่งจะมีปัญหาต่อสุขภาพหากบริโภคเป็นเวลานานๆ โดยปริมาณฟลูออไรด์ในน้ำที่พบสูงสุดคือ 16.4 ppm. ที่ ต. บ่อพลอย จ.กาญจนบุรี ซึ่งเป็นน้ำจากแหล่งน้ำหลักคือ น้ำบ่อบาดาล แหล่งน้ำชุมชน และประปาผิวดิน

 

อย่างไรก็ตามสำหรับน้ำประปาที่ใช้ในกรุงเทพฯ ขณะนี้ มีปริมาณฟลูออไรด์เพียงเล็กน้อยมาก และไม่ถึงระดับที่จะป้องกันโรคฟันผุได้ คือมีอยู่เพียง 0.3 ppm. เท่านั้น และประเทศไทย จะมีการเติมฟลูออไรด์ลงในน้ำประปาเพียง 2 จังหวัดเท่านั้น คือที่จังหวัดนครนายกและที่จังหวดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งเป็นพื้นที่เล็กๆทำให้การประปามารถควบคุมคุณภาพได้อย่างมีความพร้อมและกำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณาประเมินผลโครงการการเติมฟลูออไรด์ดังกล่าว ซึ่งถึงแม้ประเทศไทยจะมีความเสี่ยงเรื่องนี้อยู่น้อยมาก แต่เมื่อโลกยุคนี้สามารถเชื่อมต่อกันได้ในทุกพื้นที่ด้วยการเดินทาง จึงมีความจำเป็นที่เราจะต้องเรียนรู้ ถึงวิธีทำทรีทเมนท์ล้างพิษของฟลูออไรด์ที่สะสมอยู่ในร่างกาย เพื่อความปลอดภัยไว้ก่อน

 

ทรีทเมนท์ล้างพิษฟลูออไรด์ด้วยสารธรรมชาติ

 

healthtoxin003

 

ไอโอดีน (Iodine)

ไอโอดีน ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่มีอยู่ในเกลือที่เราบริโภค ถึงแม้แร่ธาตุนี้ จะช่วยล้างพิษสะสมของฟลูออไรด์ได้ แต่ก็มีข้อควรระวังก็คือ การได้รับไอโอดีนมากหรือน้อยเกินไป ก็จะนำเราไปสู่ความเสี่ยงของโรคเกี่ยวกับต่อมไทรอยด์ได้เช่นกัน การทำงานของเกลือในการล้างพิษฟลูออไรด์ก็คือ มันจะทำให้กระเพาะปัสสาวะขับสารโซเดียมฟลูออไรด์และแคลเซียมฟลูออไรด์ให้ออกมาจากร่างกายได้มากขึ้น แต่แน่นอนก็คือจะมีแคลเซียมบางส่วนจากกระดูกของเราที่ถูกนำพาออกไปกับปัสสาวะด้วย ดังนั้นหากคุณเลือกที่จะใช้การล้างพิษด้วยไอโอดีน ก็ควรบริโภคผลิตภัณฑ์เสริมอาหารแคลเซียมคู่กันไปด้วยเพื่อทดแทนสิ่งนี้ ซึ่งนอกจากไอโอดีนแล้ว เลซิติน ก็สามารถช่วยขจัดฟลูออไรด์ส่วนเกินออกไปจากร่างกายได้ดีเช่นกัน

 

มะขาม (Tamarind)

เป็นวิธีล้างพิษสะสมของฟลูออไรด์ในร่างกายด้วยวิธีการใช้พืชธรรมชาติที่มีความปลอดภัยอยู่มาก มะขามมีคุณสมบัติที่ดีหลายอย่างในการแพทย์อายุรเวท ซึ่งถูกนำมาทำเป็นชาหรือเป็นสารละลายในแอลกอฮอล์และนำมาใช้เพื่อช่วยดึงเอาฟลูออไรด์ออกมาจากร่างกายเราโดยการขับออกมาทางปัสสาวะ วิธีใช้ก็คือนำเนื้อมะขามมาต้มกับน้ำเป็นชาใช้ดื่มอุ่นๆจิบเรื่อยๆเป็นระยะๆตลอดวัน ประมาณ 2-3 วันก็จะช่วยเรื่องนี้ได้ดี

 

การล้างพิษสะสมในตับ (Liver Cleanse)

หน้าที่ของตับ คือการขจัดสารพิษที่สะสมในร่างกาย การทำทรีทเมนท์ล้างพิษในตับด้วยวิธีการต่างๆ จึงเป็นการทำความสะอาดล้างพิษของฟลูออไรด์ที่สะสมอยู่ด้วย โดยมากการล้างพิษตับจะใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์และสามารถทำได้ด้วยตนเองแบบค่อยเป็นค่อยไป แต่ต้องแน่ใจถึงความปลอดภัยและความสะอาด รวมทั้งต้องทำตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญอย่างจริงจัง อย่างไรก็ตาม คุณสามารถทำความสะอาดตับได้ในทุกๆวันด้วยการบริโภคอาหารที่จะทำความสะอาดให้ตับ

 

โบรอน Boron

เป็นสารอาหารที่น่าสนใจในการล้างพิษสะสมจาอกฟลูออไรด์ โบรอนจะทำให้ร่างกายลดการขับแคลเซียมในกระดูกออกมาทางปัสสาวะลงได้ถึง 40% ทั้งยังมีคุณสมบัติช่วยให้กล้ามเนื้อและกระดูกยืดหยุ่นแข็งแรงมากขึ้น องค์การอนามัยโลกระบุว่า โบอนช่วยคงสภาพของกระดูกให้กับผู้ที่ร่างกายขาดวิตามินดี แมกนีเซียมและโปตัสเซียม ช่วยเพิ่มการดูดซึมของแคลเซียม ลดโอกาสการเกิดหินปูนที่เกาะตามกระดูก รวมทั้งช่วยล้างพิษสะสมของฟลูออไรด์ได้ด้วย ปริมาณที่แนะนำคือ การบริโภคให้ได้ 3 มิลลิกรัมต่อวัน โดยพืชผักธรรมชาติที่มีสารนี้ได้แก่ แอปเปิ้ล กีวี ลูกพีช องุ่น อโวคาโด ธัญพืชต่างๆ นมถั่วเหลือง มะเขือเทศ อัลมอนด์ บร็อคโคลี กล้วย ไวน์และน้ำผึ้ง

 

การทำซาวน่าแบบแห้ง (Dry Saunas)

 

healthtoxin004

 

ซาวน่า เป็นการขับเหงื่อออกจากร่างกายโดยการใช้ความร้อน ตามด้วยการอาบน้ำเย็น การทำซาวน่าแห้ง จะต่างจากซาวน่าปกติคือ ห้องที่ใช้จะเป็นห้องที่มีอุณหภูมิสูงแต่จะไม่มีความชื้น โดยจะใช้กระแสไฟฟ้าเปลี่ยนเป็นคลื่นความร้อนอินฟราเรด ข้อดีของซาวน่าแห้งคือร่างกายจะถูกกระตุ้นให้ขับสารพิษจากโลหะออกมาได้มากขึ้น ช่วยเร่งกระบวนการเผาผลาญอาหารให้ทำงานได้ดีขึ้น เพราะซาวน่าแห้งจะทำให้เสียเหงื่อมากกว่าซาวน่าแบบไอน้ำ อย่างไรก็ตาม ซาวน่าแห้ง ถือว่าเป็นการทำทรีทเมนท์แบบเข้มข้น เป็นการระบายโซเดียมฟลูออไรด์ออกจากเนื้อเยื่อและไขมันของคุณโดยทางเหงื่อ เพียงแต่ให้แน่ใจว่าคุณรักษาร่างกายไว้ไม่ให้ขาดน้ำในระหว่างการทำซาวน่านี้เท่านั้น ด้วยการจิบน้ำกลั่นหรือน้ำสะอาดตลอดเวลา

 

การใช้เครื่องกรองน้ำที่ใช้ระบบ Reverse Osmosis

เป็นวิธีที่ง่ายที่สุดและได้ผลดี เครื่องกรองนำระบบนี้ จะช่วยจำกัดปริมาณของฟลูออไรด์ที่จะเข้าสู่ร่างกายได้ส่วนหนึ่ง เพราะมันจะช่วยกรองกำจัดสารละลายในน้ำออกไป ทำให้มีความปลอดภัยในระดับหนึ่งต่อการบริโภค การกรองน้ำด้วยระบบนี้ ถือว่าเป็นการกรองในขั้นละเอียดที่สุดที่ใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วโลก ดังนั้น การดื่มน้ำที่ผ่านกระบวนการกรองแบบนี้ จึงมีความปลอดภันจากสารฟลูออไรด์ในระดับหนึ่ง

 

ไม่ว่าจะเป็นการล้างพิษฟลูออไรด์ด้วยวิธีการใดก็ตาม ควรใช้ด้วยความระมัดระวัง และใช้ความถี่ของระยะการล้างพิษที่เหมาะสมที่ทำให้คุณรู้สึกดีทั้งร่างกายและจิตใจ และเมื่อได้ล้างพิษสะสมของฟลูออไรด์ออกไปแล้ว สิ่งที่ควรทำต่อไปก็คือ การจำกัดการนำสารนี้เข้าสู่ร่างกายให้อยู่ในปริมาณที่เหมาะสม พยายามหาความรู้ใหม่ๆอยู่เสมอ อย่ายึดติดกับข้อมูลหรือความเชื่อเดิมๆใดๆเป็นเวลานานๆ เพื่อคุณจะได้มีพัฒนาการที่ดีขึ้นของสุขภาพโดยรวม

 

เครดิตรูป: Water Tap

Beauty Review: สกินบูสเตอร์ใหม่จาก Clarins ที่ช่วยฟื้นฟูผิวแบบเร่งด่วน!

 

นับเป็นความโชคดีของสาวๆในยุคนี้ ที่แค่มี ‘Skin Booster’ อยู่ในมือ คุณก็สามารถเพิ่มประสิทธิภาพของมอยส์เจอไรเซอร์ที่คุณใช้อยู่ตามปกติได้แล้ว ‘Skin Booster’ คืออะไรและดียังไงน่ะเหรอ? เชิญอ่านรายละเอียดได้เลย

 

 

Skin Booster’ คืออะไร?

สกินบูสเตอร์คือนวัตกรรมใหม่ล่าสุดในการฟื้นฟูผิว ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมเข้มข้นของสารออกฤทธิ์ต่างๆ เพื่อช่วยแก้ปัญหาผิวที่คุณเป็นกังวล โดยแค่หยดสกินบูสเตอร์นี้ลงในมอยส์เจอไรเซอร์หรือเซรั่มที่คุณใช้ตามปกติเท่านั้น

 

ซึ่งก็เหมือนกับตอนที่เราเติมส่วนผสมเริ่ดๆ (อย่างชาเขียวหรือน้ำผึ้ง) ลงในน้ำปั่นเพื่อสุขภาพนั่นแหละ ตอนนี้เราสามารถผสมครีมบำรุงผิว เพื่อช่วยเพิ่มความกระจ่างใส ต่อสู้กับมลภาวะ และซ่อมแซมผิวที่อ่อนแอได้ด้วยตัวเองแล้วนะ!

 

clarins006

 

3 Skin Boosters to Try Right Now!

Clarins เปิดตัว ‘Skin Booster’ 3 สูตรใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน นั่นก็คือ

– Clarins Skin Booster ‘Energy’ ขนาด 15 มล. ราคา 1,800 บาท (ขวดสีแดง)

ดียังไง?: บูสเตอร์สูตรเพิ่มคุณค่าให้ผิว สำหรับผิวหมองคล้ำขาดความสดใส โดยใช้สารสกัดจาก Gingseng ซึ่งใช้ในวงการแพทย์แผนจีนโบราณมากว่าสองพันปี มีสรรพคุณในการฟื้นบำรุงผิว ช่วยให้ผิวหมองคล้ำกลับมาดูเปล่งปลั่งสดใสได้อย่างรวดเร็ว

 

– Clarins Skin Booster ‘Repair’ ขนาด 15 มล. ราคา 1,800 บาท (ขวดสีฟ้า)

ดียัไง?: บูสเตอร์สูตรซ่อมแซมผิว สำหรับผิวอ่อนแอและถูกทำร้าย มีส่วนผสมจากพืชสมุนไพร Mimosa Tenuiflora ที่ชาวมายันรู้จักและนำคุณสมบัติในการซ่อมแซมเซลล์ผิวมาให้ประโยชน์อย่างยาวนานนับพันปี มีสรรพคุณในการเพิ่มความแข็งแรงให้กับผิว ปลอบประโลมผิว และลดเลือนรอยแดง

 

– Clarins Skin Booster ‘Detox’ ขนาด 15 มล. ราคา 1,800 บาท (ขวดสีเขียว) บูสเตอร์สูตรดีท็อกซ์ผิว สำหรับผิวที่เผชิญมลภาวะ หม่นหมอง และหยาบกร้าน อุดมด้วยสารสกัดจาก Green Coffee ที่มีปริมาณคาเฟอีนสูง ซึ่งมีผลงานวิจัยมากมายระบุว่าช่วยในการดีท็อกซ์ผิวได้เป็นอย่างดี

 

clarins005

 

วิธีใช้: เพียงหยดสกินบูสเตอร์ 3-5 หยดลงในมอยส์เจอไรเซอร์ที่คุณใช้ตามปกติ ซึ่งแค่กดตรงก้นหลอดเบาๆ เนื้อผลิตภัณฑ์ก็จะหยดออกมาอย่างง่ายดาย และขอบอกว่าหลอดก็มีขนาดกระทัดรัดที่สามารถพกติดตัวไปได้ทุกที่ แม้ในยามเดินทางโดยเครื่องบิน ก็สามารถพกพาขึ้นเครื่องได้ด้วย

 

clarins004

 

ความรู้สึกหลังลองใช้: จากการลองใช้ Clarins Skin Booster Energy (หลอดสีแดง) มาระยะหนึ่ง ก็พบว่าผลิตภัณฑ์นี้ไม่ได้สร้างความระคายเคืองให้กับผิวหน้าเลยแม้ซักนิดเดียว แม้จะเป็นคนที่มีผิวแพ้ง่ายอยู่แล้วก็ตาม นอกจากนี้เนื้อผลิตภัณฑ์ซึ่งดูเหมือนเซรั่มที่มีความบางเบามากๆ ก็ช่วยให้เนื้อมอยส์เจอไรเซอร์หนาๆ มีความบางเบาขึ้นและสามารถซึมวับเข้าไปในผิวได้ทันที

 

เคยลองแอบผสมสกินบูสเตอร์ตัวนี้กับครีมรองพื้น ก็พบว่าช่วยให้ครีมรองพื้นหนาๆ มีความบางเบาขึ้นด้วย แต่ไม่ได้เปลี่ยนโทนสีไปจากเดิม เวลาเกลี่ยลงบนผิวหน้าจึงดูเบาบางเป็นธรรมชาติมากกว่า ที่สำคัญคือช่วยเพิ่มประโยชน์ให้ครีมรองพื้นตัวนั้น กลายเป็นครีมบำรุงผิวไปด้วยนี่สิ เริ่ดมาก!

 

และขอบอกว่าเพียงใช้สกินบูสเตอร์นี้ร่วมกับมอยส์เจอไรเซอร์ที่ใช้ตามปกติเพียงสองสามวัน ก็ช่วยให้ผิวหน้าที่เคยหมองๆ ดูเปล่งปลั่งสดใสขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ตอนนี้เลยอยากจะลองอีกสองสูตรขึ้นมาทันที ไว้ได้ผลยังไงจะมาอัพเดทให้ทราบกันอีกทีนะ!

 

เคล็ดลับในการใช้สกินบูสเตอร์: คุณไม่ต้องรอให้เกิดปัญาผิวแล้วจึงค่อยไปเดินหาผลิตภัณฑ์ตัวนี้มาใช้นะ เพราะมีผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังแนะนำเอาไว้ว่า ถ้าคุณอยากปกป้องผิวจากมลภาวะหรือสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป ก็แค่เติมสกินบูสเตอร์ 4-5 หยดลงในมอยส์เจอไรเซอร์ เซรั่ม หรือแม้แต่ทาลงบนผิวหน้าโดยตรง ก่อนที่คุณจะออกไปผจญฝุ่นควันในเมือง หรือเดินทางไปไหนมาไหนโดยเครื่องบิน