City Break: New York City Part X (Episode.1 Cocktail Bar)

Night Out In The City That Never Sleep…

ถ้าท่านติดตามเรื่องราวของ City Break New York มาตลอดนั้น เราก็คงพอจะได้ไอเดียในการbreakใช้ชีวิต2-3วันที่นี่พอสมควรแล้ว แต่อาจจะรู้สึกว่าก่อนจะจากเมืองนี้ไป มันเหมือนกับขาดอะไรไปอย่างนึง ใช่แล้วครับเราคงจะจากเมืองนี้ไปไม่ได้ถ้าไม่ได้เที่ยวกลางคืนในมหานครแห่งนี้สักหน่อย เพราะมันเป็นที่สุดของเรื่องแสง, สี, เสียง แบบต้นตำรับ ที่เอาใจทุกรสนิยม ทุกสไตล์
การเที่ยวกลางคืนของที่นี่มันก็คงเริ่มต้นมาตั้งแต่โทมัส เอดิสันคิดค้นไฟฟ้า, ไมโครโฟน, เครื่องเสียงขึ้นมาได้ไม่นาน พวกละครเวทีแบบmusicalแถวBroadway ก็เริ่มต้นมาตั้งแต่ต้นๆ ปี 1900 แต่ถ้าจะมันเข้ายุคของผมหน่อยที่มาเมืองนี้แรกๆ ก็คงย้อนกลับไปตั้งแต่ช่วงปี 70 ตอนนั้นใครบ้างที่จะไม่รู้จัก Studio 54 ดิสโก้เทคดังที่เกิดมาพร้อมๆ กับดารา John Travolta จากหนัง Saturday Night Fever แต่ไนท์ไลฟ์ของนิวยอร์กมันไม่ได้ตายไปพร้อมกับยุคของดิสโก้ มันปรับตัวเข้ากับสมัยหรือนำสมัยมาตลอด ลองมาดูทางเลือกที่ผมเสนอดีกว่าครับ ชอบแบบไหนลองไปดูครับ (จะมีประมาณ 3 Episode หรือ 3 ตอนย่อย)

 

image

เริ่มจากช่วงหัวค่ำกันก่อน(โหมโรง)

ไปดื่ม ‘Manhatton’ ที่ Cocktail Bar ระดับโลกกัน
มหานครแห่งนี้มีบาร์หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเบียร์บาร์, ไวน์บาร์ หรือวิสกี้บาร์ชั้นดี แต่ที่ถือว่าล้ำหน้าเมืองอื่นๆ คงต้องยกให้ Cocktail Bar เนื่องจากนิวยอร์กเป็นที่รวมตัวของบาร์เทนเดอร์หรือบาร์เทนดี้ระดับแนวหน้าซึ่งปัจจุบันเขาเรียกตัวเองเท่ๆ ว่า Mixologist กันแล้ว ความหมายก็คือ ‘นักผสม’ อาจเป็นเพราะเป็นที่ๆ อาชีพดังกล่าวมีรายได้ดีมากๆ ในเมืองนี้ แล้วในเมื่อคุณมาถึงบาร์เหล่านี้คุณจะสั่งแต่ไวน์หรือเบียร์คงไม่ใช่ เพราะมันไม่ได้ใช้ฝีมือชงจากบรรดาบาร์เทนเดอร์มืออาชีพเลยแค่รินเฉยๆ เอง ผมแนะนำให้ลองสั่งเหล้าค็อกเทลสักแก้วครับ เพราะมันใช้ฝีมือชงและผสมอย่างชำนาญอาจแถมลีลาน่าดูมาให้ด้วย และถ้ามาที่เมืองนี้แล้วต้องการค็อกเทลที่คิดค้นมาจากที่นี่ก็ต้อง ‘Manhattan’ เท่านั้นครับ มันมีประวัติว่ามันถูกทำมาตั้งแต่ปี 1870 ที่ Manhattan Club ที่เมืองนี้ โดย Dr. Iain Marshall เนื่องในงานเลี้ยงที่มีเจ้าภาพเป็น Jennie Jerome (Lady Randolph Churchill, แม่ของWinston Churchill) เพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้สมัครคัดเลือกตำแหน่งประธาณาธิบดีของสมัยนั้นที่ชื่อ Samuel J. Tilden. แต่บางแหล่งก็บอกว่าทำคิดขึ้นมาที่บาร์แถว Broadway ใกล้ถนน Houston โดยบาร์เทนเดอร์ชื่อ Black ในปี 1860 ต่างหาก แต่ช่างมันเถอะครับ ถ้าเราต้องดื่มCocktail Manhattan ดีๆ บนเกาะ Manhattan ก็ให้ลองไปที่บาร์เหล่านี้ (ดูที่listข้างล่าง)

 

สุดยอด Manhattans ใน NYC

ไปดื่ม Manhattan ที่ Booker and Dax

จริงๆ แล้วที Booker and Dax ดังเรื่องการผสมเหล้าจิน (Gin) แต่ความทันสมัยคิดนอกกรอบของที่นี่ก็ไม่ได้ทำให้ Manhattan ของร้านซึ่งเป็นค็อกเทลประเภทจารีตนิยม Old School มันดูด้อยไปตามสมัยที่นิยมของแปลกใหม่ ที่นี่จะเสิร์ฟด้วยแก้วแบบChillไอเย็นลอยฟุ้ง แล้วจึงรินตัวค็อกเทลลงตรงหน้าคุณ รสมันจะคม (Crisply Refreshing) แห้งผากแต่สดชื่นไม่เหมือนเหล้าที่ไม่โดนเจือจางโดยน้ำหรือน้ำแข็ง East Village

 

ไปดื่ม Manhattan ที่ Bemelmans Bar

bemelmans-bar

บางครั้งการดื่มอะไรที่พิเศษ สถานที่มันก็เกี่ยว สมัยที่นิวยอร์กเข้าสู่ยุคฟู่ฟ่านั้น เป็นยุคศิลปะและสถาปัตยกรรมแบบ Art Deco ถ้านึกไม่ออกก็ลองนึกถึงตึก Empire State หรือตึก Chrysler หรือในช่วงที่มีการแต่งตัวแบบในหนังเรื่อง The Great Gatsby นั่นแหละครับ อยากให้มาที่นี่โรงแรม Carlyle Hotel ที่มี Upscale Piano Bar ที่มีจิตรกรรมฝาผนังชื่อดังของ Ludwig Bemelmans ที่มาของชื่อบาร์ แต่บางครั้งรู้จักกันในนามของ Carlyle’s Jazz Club, มันตกแต่ด้วยศิลปะแบบ Art Deco เรียบหรู ประดับประดาด้วย 24-Karat Gold-Leaf ตามมุมเสาและเพดาน แต่อย่ามัวตื่นตาตื่นใจกับงานศิลปtจนลืมสั่ง Manhattan รสคมเข้มมาจิบให้มันรู้สึกร้อนๆ ที่หน้าหน่อย และที่นี่ก็ยังมี Live Jazz ฝีมือของ Chris Gillespie สุดยอด Jazz Piano ได้บรรยากาศเหลือหลาย

 

ไปดื่ม Manhattan Cocktail ที่ Employees Only
ย่าน East Village

employees-only

Employees Only คือบาร์ชื่อเท่อยู่ย่าน West Village ที่นี่ถือเป็น Craft Cocktail Institution ที่เน้นบาร์เทนเดอร์มือฉมังขึ้นชื่อเรื่องอาหารมื้อดึก และเหล้าแก้วสุดท้ายก่อนจาก (One for the road) เหล้า Manhattan ของที่นี่ใช้วิสกี้ Rittenhouse Rye ผสม Sweet Vermouth และ Grand Marnier เหยาะด้วย Traditional Angostura Bitters แล้วคนให้เข้ากันแบบมืออาชีพเรียกว่าคุ้มค่าราคา $16 ที่สุดแล้วครับ

 

Other cocktail variety

ทีนี้ต้องขอบอกไว้ก่อนว่า Mahattan อาจไม่ใช่ Cocktail สไตล์ที่ผู้หญิงชอบนะครับ เพราะมันผสมแบบครึ่งๆ จากอเมริกันวิสกี้โดยเฉพาะที่ทำจากข้าวRye (แคนาเดียนวิสกี้ก็ได้) กับเวอร์มุตอิตาเลียน ตามด้วยเหล้าขมอิตาเลี่ยน(Bitter)นิดหน่อย ซึ่งอาจแรงไป(Punchy) สำหรับผู้ไม่ถนัดเราก็สามารถสั่งจาก Cocktail List ในเมนูได้ แต่ถ้าไม่มีไอเดียใดๆ เลยก็สั่งตัวใดตัวหนึ่งจาก Top 10 Most Popular Cocktail ที่ผมแนะนำข้างล่างนี้แล้วกันครับ
เร็วๆนี้มีการทำสำรวจจากบาร์ค็อกเทลดังๆทั่วโลกเพื่อหาอันดับ1-10 ของค็อกเทลที่เป็นที่นิยมสั่งมากที่สุดในโลก ก็ออกมาตามlistข้างล่างนี้ครับ ผู้ที่ไม่สันทัดก็จำชื่อไปลองสั่งได้เลย

1.Old Fashioned

2.Mojito

3.Negroni

4.Manhattan

5.Dry Martini

6.Martini

7.Margarita

8.Whisky Sour

9.Cosmopolitan

10.Dark & Stormy

ที่มา: http://drinksint.com/
ตัวอย่าง ค็อกเทล ชื่อดังอันดับ 3 คือ Negroni ที่เหล้าBase เป็น Gin ขึ้นชื่อมากที่บาร์ Gin Palace (ตอนนี้ปิดปรับปรุงอาคารทรุด)
“White Negroni” ที่ Gin Palace ถือว่าเป็นค็อกเทลที่แรงที่สุดสูตรหนึ่งในNew York

cocktail

Credit: Elilitetraveller.com

 

มาดู Bar Cocktail ที่คุณไม่จำเป็นต้องสั่งเฉพาะ Manhattan กันต่ออีกหน่อย

ATTABOY

ย่าน LOWER EAST SIDE

attaboy

เจ้าของที่นี่เป็น Bartenders เก่าแก่คือ Sam Ross และMichael McIlroy มาหุ้นกันเปิดAttaboy โดยตั้งใจวัตถุดิบชั้นดีเช่น เหล้า liquor คุณภาพ, น้ำผลไม้สด, น้ำแข็งจากน้ำบริสุทธิ์ ในขณะที่เน้นบรรยากาศแบบกันเอง less-formal atmosphere แถมยังไม่ทำให้ผู้ไม่สันทัดในเหล้าค็อกเทลต้องอึดอัด โดยไม่ต้องสนใจเมนู หากท่านสนใจจะดื่มเหล้าหลักเป็นอะไร เช่น วิสกี้, รัม หรือจิน ก็สั่งว่าอยากดื่มเหล้าหลักเป็นจิน บาร์เทนเดอร์จะสร้างสรรค์มาให้คุณเองให้ลองรายการพิเศษของที่นี่ เช่น Penicillin, ซึ่งผสมจาก Whiskey, Honey-ginger Syrup, มะนาว และ Islay Scotch

 

CLOVER CLUB
ย่าน COBBLE HILL

clover-club

ถ้าชอบสถานที่แบบเรียบหรูดูอินเตอร์ติดอันดับบาร์ค็อกเทลระดับโลก มีบริกรที่มีความเป็นมืออาชีพ และแน่นอนว่าเครื่องดื่มค็อกเทลที่สร้างสรรค์โดยบาร์เทนเดอร์ค่าตัวสูงคงต้องมาลองที่ Clover Club

 

ANGEL’S SHARE (ANNEX)
ย่านEAST VILLAGE

angels-share-annex

ว่ากันว่าเครื่องดื่ม Cocktails ที่นี่ ถือเป็นตัวเช็คมาตรฐานของเมืองเลยก็ว่าได้ มันอยู่ในย่านนี้มา20 ปี เป็นแบบ Old School Cocktail บาร์อยู่ใต้ดิน ผสมเหล้าแบบ Traditional แต่ตอนหลังมาเปิด The Annex ที่มีเหล้าแบบสร้างสรรค์แปลกใหม่ใจกว้าง ไม่ยึดติดอยู่กับความคิดเดิมอีกต่อไป

 

LEYENDA
ย่าน COBBLE HIL
leyenda
Courtesy of Leyenda.com

เราต้องยอมรับว่าค็อกเทลหลายๆ ตัวมาจากแถบอเมริกากลาง(แคริบเบียน) หรืออเมริกาใต้ เพราะเป็นแหล่งผลิตเหล้ารัมดังนั้นหากต้องการบาร์เทนเดอร์มือดีที่เป็นละตินสไตล์ ต้องมาที่นี่ Leyenda นอกเหนือจากนั้นอาหารที่นี่ก็ถือว่าเข้าขั้นพูดถึง เหล้ารัมนั้นถ้าดื่มแล้วติดใจอยากจะซื้อติดบ้านไว้ก็แนะนำเป็น The Best of Rum เลยละกันคงต้องเจาะจงยี่ห้อนี้เลยครับ Ron Zacapa เป็น Premium Rum ผลิตจากกัวเตมาลา

ron-zacapa

 

MACE
ย่าน EAST VILLAGE

mace_interior_bleicher

แนะนำ Cocktail Club’s Nico de Soto ที่นี่มักนำเอาสิ่งที่เหมือนจะเข้ากันไม่ได้มาผสมกันแต่ออกมาเป็นอะไรที่พิเศษและให้ลอง Yerba Mate, Aperol ผสม Beet Juice, Coconut Cordial และMace Mist แต่ถ้ายังไม่แปลกพอก็ลอง Saffron Cocktail ดูครับ

 

ประเภท Rooftop Bar
หากท่านมาที่นิวยอร์กในฤดูที่ไม่หนาวมาก การขึ้นไปดื่มบนยอดตึกที่เป็น Rooftop Bar หรือRestaurant ก็เป็นทางเลือกที่ไม่เลวนัก เพราะจะได้วิวและบรรยากาศตึกระฟ้าในนิวยอร์ก ต้องขอบอกว่าระยะหลังนี้ Rooftop Restaurant หรือบาร์เกิดขึ้นในทุกๆ เมืองทั่วโลก รวมทั้งที่กรุงเทพฯ เหมือนเป็นเทรนด์ที่ทำตามๆ กันมาแต่คงต้องยอมรับว่าที่ไหนๆ ก็ไม่เหมือนที่นี่ซึ่งเป็นต้นตำรับ และหากว่าท่านคิดว่าอยากจะไปชนแก้วกันบนตึกสูงละก็ลองไปที่เหล้านี้ดูครับ

 

Gallow Green
ย่าน Midtown

gallow-green

ชื่อ Gallow Green มาจากทุ่งในสก็อตแลนด์ที่เคยเอาไว้แขวนคอพวกนอกรีต แล้วโดนกล่าวหาว่าเป็นพวกแม่มด เลยเป็นที่มาของเครื่องแบบคนเสิร์ฟที่นี่ที่เป็นผ้าคลุมสีขาวสไตล์ผีฝรั่ง มีที่นั่งด้านนอกที่เป็นสวน และด้านในที่แต่งแบบตู้สเบียงรถไฟที่เก่าๆ หลอนๆ หน่อย ตามcoceptของบาร์นี้ มาที่นี่ให้สั่งVanessa’s Cup ทำจากเหล้ารัม, Pimm’s, sirop de canne—ที่ทำจาก syrup ผสมcinammon และvanilla— strawberries, ginger และnettle tincture ราคาแก้วละ $14

 

Top of the Strand
ย่าน Chelsea

top-of-the-strand-summer

Courtesy of top of the Strand.com

ถ้าอยากได้วิวของที่สุดของแลนด์มาร์กของเมืองนี้ ต้องมาที่ชั้น 21 ของโรงแรมStrand คุณจะได้วิวแบบสุดๆ ของตึก Empire State ที่มีตึกอื่นเป็นbackground การมาดื่มที่นี่เหมือนจะคุ้มมากๆ ไม่ต้องกลัวว่าฝนจะตกมาทำลายบรรยากาศเพราะที่นี่มีหลังคากระจกที่พร้อมจะเลื่อนเปิดปิดให้เหมาะกับฤดูอีกต่างหากราคา Specialty Cocktails ก็เริ่มจาก $15 ถ้า beer ก็แค่ $9

 

Berry Park
ย่าน Midtown West

3-z-hotel-rooftop

หากต้องการวิว Manhattan Skyline ข้ามฝั่งจากแม่น้ำ East River ที่นี่น่าจะเหมาะเพราะมีDeckขนาด 3,000 ตารางฟุต และหลังคากระจกเปิดปิดได้เผื่ออากาศไม่เป็นใจ มาที่นี่อาจต้องลองเบียร์ด้วย ให้ลองสั่ง Schöfferhofer หรือHefeweizen ($7) และไหนๆ ก็เยอรมันดริ๊งแล้วก็ต้องสั่งไส้กรอก Bratwurst with Sauerkraut ($6)

 

Pod 39 Rooftop
ย่าน Greenpoint ใน Brooklyn

pod-39-rooftop

Credit:Dave Wilson Photography

แนะนำแต่สถานที่แบบupscaleมาหลายแห่ง ขอแนะนำแบบพื้นๆ บ้าง ถ้าชอบเหล้าMexicanแบบ Margarita, , Tequila และบรรยากาศดิบๆ ก็ต้องมาที่ Rooftop Bar, ที่อยู่ชั้น17 แห่งนี้มีวิว East River และถ้าต้องการกับแกล้มที่นี่ก็มี Tacoที่ขึ้นชื่อ

ใน Episod2 เราจะมาพูดถึงที่เที่ยวกลางคืนแบบอื่นๆ หลังจากที่เราโหมโรงกันด้วยค็อกเทลจนหน้าเริ่มร้อนกันแล้ว ตอนหน้าจะมีการแนะนำ Jazz Bar และ Live Music Hall ของที่นี่ด้วย