“วราวุฒิ แก้วเจริญ” กับเหล่าผลงานศิลปะที่กลั่นมาจากหัวใจ “Love from Griffith Park to Thailand”

การได้ใช้ชีวิตก้าวเดินช้าๆ ในผืนป่าสีเขียวหัวใจของเมือง
“วราวุฒิ แก้วเจริญ” ศิลปินผู้หลงใหลในความสุนทรีย์ การได้รับพลังงานจากธรรมชาติ ตลอดการเดินขึ้นเขา การนอนทอดกายบนผืนหญ้า ได้นั่งมองดอกไม้ที่ปกคลุมผืนดิน และการรอคอยพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า ตลอดระยะเวลา 17 ปี เกิดเป็นแรงบันดาลใจที่มากล้นจนอยากส่งต่อความสุข ผ่านงานศิลปะโทนสีละมุนละไม ที่อบอวลไปด้วยความรัก และพลังงานความสุขจากธรรมชาติ

ก่อนที่จะทุ่มเทกับงานศิลปะเต็มตัว คุณวุฒิได้ทำงานอยู่ในบริษัทโฆษณาพร้อมกับใช้เวลาตอนกลางคืนหลังเลิกงานออกไปวาดรูปตามที่ต่างๆ ทั้งใน และนอกกรุงเทพ จนได้มีโอกาสจัดงานแสดงเดี่ยว ที่เซ็นทรัลชิดลม ณ วันนั้น ทำให้เข้าใจในความต้องการของตัวเองว่า อยากใช้เวลาชีวิตไปกับการทำงานศิลปะ จึงตัดสินใจไปตามความฝันที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อ พ.ศ. 2544

unnamed (3

“ผมต้องทำงานในร้านอาหาร เพื่อสร้างรายได้ พอเลิกงานตอนกลางคืนผมทำงานศิลปะ ซึ่งตอนนั้นถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีพอสมควร ทั้งได้มีโอกาสได้แสดงงานศิลปะในร้านอาหารของคนดังใน Los Angeles และคลับใน New York รวมทั้งมีบริษัทโปรดักชั่น ของฮอลลีวูดติดต่อเพื่อขอเก็บผลงานเป็นคอลเลคชั่นสำหรับถ่ายภาพยนตร์  จนกระทั่งได้พูดคุยอย่างจริงจังกับ Art Dealer ท้องถิ่นเพื่อเริ่มต้นการโชว์ภาพตามสถานที่ต่างๆ” คุณวุฒิ กล่าว

เป้าหมายใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยความรักในธรรมชาติ

unnamed (4

“แต่แล้วไฟในการทำงานศิลปะของผมได้ดับลงแบบหมดแรงจูงใจจากข้างใน ผมหยุดการทำงานของตัวเองเอาไว้ ผมอยากใช้เวลาทั้งหมดกับธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ และสิ่งรอบตัวดนตรี ผู้คน การเดินทางไปตาม National Park สวนป่าธรรมชาติขนาดใหญ่ ซึ่งตอนนั้นผมหลงใหลการเดินเข้าไปใน “Griffith Park” ซึ่งอยู่ใกล้กับ Thai Town มาก ที่นี่ คือสถานที่ออกกำลังกาย สำหรับ Hiking เดินป่าในตอนเช้าและเหมาะที่จะเฝ้าดูพระอาทิตย์ตกดินในวันหยุดงานของผม”

unnamed (5

และที่ Griffith Park นี่เอง ที่บ่มเพาะความคิดของคุณวุฒิ ให้เข้าใจในคุณค่าของชีวิต มุมมองต่อความงดงามของธรรมชาติ ความรัก โอกาส และประสบการณ์ต่างๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต จากวันนั้นจนถึงวันนี้เวลาได้หมุนผ่านไปถึง 17 ปีเพียงพอแล้วสำหรับการได้รับ ในวันนี้คุณวุฒิ จึงอยากขอบคุณธรรมชาติ และส่งต่อความสุขรื่นรมย์ผ่านผลงานที่อิ่มเต็มด้วยสุนทรีย์แห่งสีสัน และเส้นสายศิลปะสุดละเมียดละไมเดินตามหัวใจ เพื่อส่งมอบของขวัญที่หล่อหลอมจากความรัก

unnamed (6

“วันนี้ผมกลับมาเดินตามหัวใจตัวเองอีกครั้ง เพื่อแสดงความขอบคุณในทุกสิ่งที่ผ่านมา นี่คือเวลาของผม เวลาที่ผมจะมอบของขวัญจากชีวิตของผมเพื่อส่งต่อออกไป นับเป็นคุณค่าอันสูงสุดที่เกิดขึ้นด้วยการทำงานจากความรัก เพื่อส่งต่อความสุข และแรงบันดาลใจให้กับผู้คน”

ART IN THE PARK “Love from Griffith park to Thailand”

unnamed (7

ต้องยอมรับว่าทุกวันนี้งานศิลปะได้แตกออกเป็นหลายแขนงหลายสาขา ทั้งยังไร้ขีดจำกัด และไร้พรมแดน เช่นเดียวกับงานศิลปะ ภายใต้ชื่อ ART IN THE PARK คอลเลคชั่น“Love From Griffith Park To Thailand” ของคุณวุฒิ-วราวุฒิ แก้วเจริญ ที่เปรียบเสมือน Soft Power ในการช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทย และประเทศสหรัฐอเมริกา ทั้งยังส่งเสริมการสร้างพื้นที่สีเขียวในเมืองอย่างยั่งยืน โดยทั้งหมดเกิดขึ้นจากความรัก ความเข้าใจในธรรมชาติ และการค้นหาแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตถ่ายทอดออกมาเป็นงาน Painting ที่ใช้เทคนิคการเขียนภาพแบบโปร่งแสง ผสมกับการเขียนภาพแบบทึบแสง ด้วยสีอะคริลิกในรูปแบบ Impressionism ทั้งหมด 25 ชิ้น และผลงาน Stop Motion Animation จากงานวาดสีน้ำ และตัดกระดาษด้วยมือ 1 เรื่อง เพื่อแทนคำขอบคุณ และส่งพลังให้ทุกคนที่เข้ามาชมงานคอลเลคชั่นนี้ ได้รับทั้งความรัก ความสุข พร้อมรอยยิ้มที่งดงามกลับไป

ที่มาของงานศิลปะในชื่อ ART IN THE PARK

unnamed (8

เพื่อพูดถึงความสำคัญและประโยชน์ของพื้นที่ส่วนรวมสำหรับทุกคน ที่ได้รับจากสวนสาธารณะขนาดใหญ่ประจำเมือง ผ่านการทำงานศิลปะ ซึ่งเกิดขึ้นจากแรงบันดาลใจและประสบการณ์แห่งความสุข ทั้งยังสนับสนุนให้เกิดวัฒนธรรมทางความคิด การมองเห็นคุณค่า การรักษาไว้ซึ่งสิ่งแวดล้อมที่ดีของส่วนรวม ตลอดจนการระลึกให้เป็นสถานที่ชุบใจ ที่พร้อมสร้างประโยชน์ทางความคิด ทางกาย และทางจิตใจให้กับคนทุกเพศ ทุกวัย

Love From Griffith Park To Thailand. กลิ่นอายธรรมชาติ ที่ไม่มีคำว่าล้าสมัย

unnamed (9

“ผมรักงานตัดกระดาษ” ประโยคที่บอกถึงความอ่อนโยนและสื่อถึงความละเอียดอ่อนในงานของคุณวุฒิ

“ผมจำได้ว่าช่วงวัย 10 ปี ที่บ้านผมไม่ค่อยมีเงินซื้อของเล่นผมอยากทำให้น้องสาวมีความสุข ก็เลยวาดรูปแล้วตัดกระดาษเป็นตัวตุ๊กตา ที่มีชุดแต่งตัวหลายๆ ชุดให้น้องสาวภาพความสุขในวันนั้นกลับมาอยู่ในการทำงานของผมอีกครั้ง ผมอยากให้งานตัดกระดาษกลับมาเล่าเรื่องราว และสร้างความสุขให้ผู้คน จากแผ่นกระดาษว่างเปล่า ผมวาดฉาก ตัวละคร ลงสี และค่อยๆ ตัดกระดาษที่ละชิ้นอย่างตั้งใจซึ่งใช้เวลาและความพยายามกว่า 2 ปี จนกลายเป็น Stop-Motion Animation 5 นาที ที่บอกเล่าเรื่องราวจากแรงบันดาลใจ และความประทับใจจากวันเวลาที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของผม ผมหวังว่าทุกคนจะชอบ และรู้สึกถึงความรักที่ผมได้ส่งไป”

unnamed (10

4 ปี จาก Stop motion-Animation สู่ Painting ของขวัญจากความตั้งใจ

ใครจะเชื่อว่าจุดเริ่มต้นในงานศิลปะคอลเลคชั่นนี้ เกิดขึ้นจากความรักในงานตัดกระดาษ และความคิดที่จะสร้างStory Teller ด้วยการใช้เทคนิค Stop Motion Animation ซึ่งคุณวุฒิได้ใช้การวาดสีน้ำ และตัดกระดาษด้วยมือ เพื่อบอกเล่าเรื่องราวของความรักที่เกิดขึ้นในความสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิต ที่ผ่านวันเวลาภายใต้กฏธรรมชาติของการได้พบได้รัก และจากกันในที่สุด ทว่าเป็นการวาด และตัดกระดาษมากกว่า 4,000 ชิ้น เพื่อถ่ายทอดออกมาในรูปแบบ Stop Motion Animation เพียง 5 นาที

unnamed (11

สู่การรังสรรค์ผลงานชิ้นสำคัญผ่านการ Painting จำนวน 25 ภาพ ขนาด 90X120 ซ.ม. โดยใช้เทคนิคการเขียนภาพแบบโปร่งแสง ผสมกับการเขียนภาพแบบทึบแสง ด้วยสีอะคริลิกรูปแบบ Impressionist ที่แสดงถึงช่วงเวลาที่แตกต่างกันตามสีสันบรรยากาศของสิ่งแวดล้อมในสวนสาธารณะGriffith Park เพื่อส่งต่อความรักและชื่นชมในธรรมชาติ ทั้งยังช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทย และประเทศสหรัฐอเมริกา พร้อมกับส่งเสริมการสร้างพื้นที่สีเขียวในเมืองอย่างยั่งยืน

unnamed (12

“ในวันนี้ที่ผมได้ส่งต่อความสุข และมอบความรักผ่านงานศิลปะ ถือเป็นเพียงจุดเริ่มต้นในการเดินตามหาหัวใจอีกครั้งทว่าผมยังคงมุ่งมั่นค้นหาความสุขจากการทำงานศิลปะART IN THE PARK ในชุดต่อๆ ไป และพร้อมที่จะถ่ายถอดทอดเรื่องราวของความรื่นรมย์ ความประทับใจ จากสถานที่ต่างๆ ที่ผมได้รับแรงบันดาลใจ เพื่อให้ทุกคนได้มีรอยยิ้มไปด้วยกัน แล้วพบกันนะครับ” เป็นคำกล่าวจากคุณวราวุฒิ แก้วเจริ

unnamed (13

สำหรับผู้ที่ชื่นชอบงานศิลปะเตรียมตัวพบการแสดงงานศิลปะที่กลั่นมาจากหัวใจของ “วราวุฒิ แก้วเจริญ” ในชุดART IN THE PARK คอลเลคชั่น “Love from Griffith Park to Thailand”

ซึ่งจะจัดแสดงขึ้นในวันที่19 ธันวาคม พ.ศ. 2565 ถึงวันที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2566

ณ ศูนย์การค้า Central Embassy ชั้น 4 กรุงเทพฯ

ช่องทางการติดตาม IG : waravut_k, FB : warawood

E-mail : warawoodstudio@gmail.com

VIVIENNE WESTWOOD คอลเลคชั่นฤดูใบไม้ร่วง/ฤดูหนาว 2020 ระเบิดแรงบันดาลใจสายแฟปลุกสังคม เชิดชูความยั่งยืนเซฟโลก

คอลเลคชั่นฤดูใบไม้ร่วง/ฤดูหนาว จาก Vivienne Westwood เปี่ยมไปด้วยเรื่องราวของการออกแบบที่หลากหลาย ผสมผสานการตัดเย็บแบบอังกฤษงานศิลปะทำมือที่น่าทึ่ง ให้เข้ากับสไตล์ที่สั่งสมไว้ โดยนำมาออกแบบใหม่ให้เกิดความสมดุลระหว่างความคลาสสิคและความสมัยใหม่

Vivienne Westwood Autumn Winter 2020-1

ประเทศอังกฤษ และมรดกชิ้นสำคัญจากอังกฤษ: Vivienne Westwood มุ่งที่จะผลิตเสื้อผ้าที่ยั่งยืน ยาวนาน และไร้กาลเวลาที่สามารถสวมใส่ได้เรื่อยๆ ในทุกๆ ปี สำหรับคอลเลคชั่นนี้ประกอบไปด้วยผ้าทอขนที่ยั่งยืนอย่างแฮร์ริสทวีด (Harris Tweed) อันเป็นที่โปรดปราน โดยเล่นกับสีที่สอดแทรกของสีม่วงบนสีเทาแกมเหลือสุดคลาสสิค และผ้าลายตารางสีเบจ รวมไปถึงผ้าทอแฮร์ริ่งโบน (Harringbone) และผ้าวูลธรรมชาติที่ถูกนำมาใช้บนเสื้อตัวนอก ที่ผลิตจากผ้าวูลขนแกะที่มาจากธรรมชาติล้วน และปราศจากการย้อมสี

คอมมีเดีย เดล อาร์ต (Commedia Dell’art): โรงละครบนท้องถนน และงานรื่นเริงต่างๆ คือแรงบันดาลใจหลักในการออกแบบของ Vivienne Westwood โดยสะท้อนให้เห็นผ่านศิลปะของวิเวียนในคอลเลคชั่นนี้ อย่างจุดวงกลมจุดใหญ่ ลายทางวาดมือ เปลวไฟ รวมถึงลายพิมพ์หนังสัตว์ โดยเล่นกับมาตราส่วนและเนื้อผ้า ช่วยเพิ่มเอกลักษณ์ให้กับเสื้อผ้าแต่ละชิ้น

ความยั่งยืน: สำหรับคอลเลคชั่นนี้ Vivienne Westwood มุ่งเน้นไปที่การลดทอนโดยยึดถือความยั่งยืนเป็นเสาหลัก

คุณภาพและปริมาณ: คอลเลคชั่นนี้มุ่งเน้นการลดทอนการสร้างขยะ ไม่ว่าจะเป็นระบบแพทเทิร์นการตัดเย็บแบบไม่มีอะไรเหลือทิ้ง การเลือกใช้ผ้าที่มีความยั่งยืน และเปี่ยมไปด้วยนวัตกรรมใหม่ๆ รวมถึงกระดุมรีไซเคิล

Vivienne Westwood Autumn Winter 2020-2

Vivienne Westwood Autumn Winter 2020-3

Vivienne Westwood Autumn Winter 2020-4

Vivienne Westwood Autumn Winter 2020-5

Vivienne Westwood Autumn Winter 2020-6

Vivienne Westwood Autumn Winter 2020-7

งานของฉันในฐานะนักกิจกรรมคือการรื้อถอนความเชื่อ การเข้าร่วมงานลอนดอน แฟชั่น วีค ถือเป็นโอกาสดีที่ฉันจะได้ออกมาปกป้องสิทธิมนุษยชนและอิสรภาพในการแสดงความคิดเห็น การใช้กฎหมายในทางที่ไม่ถูกต้องเกิดขึ้นทั่วโลกในตอนนี้ รัฐบาลในหลายประเทศใช้กฎหมายเพื่อปกป้องตนเอง รัฐบาลอเมริกันตั้งข้อหา “จูเลียน แอสแซนจ์” ผู้ก่อตั้ง WikiLeaks เพราะมองว่าการที่เขาตีพิมพ์เรื่องอาชญากรรมสงครามของอเมริกานั้นถือเป็นอาชญากรรม แล้วก็คิดบทลงโทษด้วยการจองจำนานถึง 175 ปีออกมา ซึ่งฉันคิดว่า มติมหาชนเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งต่อการแก้ไขสถานการณ์เหล่านี้

Vivienne Westwood Autumn Winter 2020-8

Vivienne Westwood Autumn Winter 2020-9

Vivienne Westwood Autumn Winter 2020-10

Vivienne Westwood Autumn Winter 2020-11

Vivienne Westwood Autumn Winter 2020-12

Vivienne Westwood Autumn Winter 2020-13

 

เพราะจูเลียนถูกจองจำอยู่ที่คุกเบลมาร์ชในอังกฤษเพื่อรอการพิจารณาคดีที่จะเริ่มขึ้นในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ฉันจึงตัดสินใจที่ให้พรีเซนเทชันชุด “True Punk” ของฉันถูกจัดแสดง 1 สัปดาห์ก่อนหน้านั้น เพื่อสร้างการรับรู้เกี่ยวกับคดีสิทธิมนุษยชนครั้งประวัติศาสตร์ที่สำคัญที่สุดครั้งนี้ให้ทุกคนได้รับทราบ สหประชาชาติบอกว่า การทำลายชื่อเสียงของคน ๆ หนึ่งนั้นถือว่าเป็นการสร้างความเจ็บปวดและทรมาน สิ่งที่เกิดขึ้นครั้งนี้ไม่เพียงเป็นอาชญากรรมต่อตัวจูเลียน แต่เป็นความสูญเสียของสังคมโดยรวมด้วย จูเลียนเป็นนักต่อสู้เพื่ออิสรภาพผู้ยิ่งใหญ่และเป็นผู้ที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คน หากเขาต้องพ่ายแพ้ในครั้งนี้ การทำงานข่าวอย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคมก็คงต้องพ่ายแพ้ตามเขาไปด้วย

ชิ้นงานเด่นที่ถูกวางไว้กลางพรีเซนเทชันครั้งนี้คืองานอินสตอลเลชันที่ใช้ชื่อ “WikiLeaks”

ตัวจูเลียน แอสแซนจ์ถูกนำเสนอออกมาในงานอินสตอลเลชันชิ้นนี้ด้วยการเผยความเจ็บปวดในท่วงท่าที่ดูตึงเครียดโดยคอของเขามีขื่อสวมอยู่และถูกข่มเหงจากสาธารณชน แต่ที่ปกป้องเขาอยู่คือเสื้อคลุมของ “จอห์น ลิลเบิร์น” บิดาแห่งสิทธิมนุษยชนจากศตวรรษที่ 17 จากการถูกสวมขื่อสู่การถูกทิ้งไว้ให้โดดเดี่ยวและถูกปิดปากมิให้พูดความจริงออกมา ทว่าเขาได้รับการปลดปล่อยโดย “โอลิเวอร์ ครอมเวลล์” ในช่วงเวลาที่เขาสามารถเอาชนะสงครามกลางเมืองได้สำเร็จ โดยนำเสนอออกมาผ่านขวดแชมเปญ ซึ่งสื่อความหมายถึงการต่อสู้อย่างยาวนานและการสามารถคว้าชัยชนะได้ในที่สุด

Vivienne Westwood Autumn Winter 2020-14

Vivienne Westwood Autumn Winter 2020-15

Vivienne Westwood Autumn Winter 2020-16

Vivienne Westwood Autumn Winter 2020-17

Vivienne Westwood Autumn Winter 2020-18

 

พบกับคอลเลคชั่นเสื้อผ้าและเครื่องประดับคอลเลคชั่นฤดูใบไม้ร่วง/ฤดูหนาว 2020 จาก Vivienne Westwood ได้แล้ว วันนี้ที่ ชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเอ็มบาสซี, ชั้น 1 เซ็นทรัลเวิลด์ และชั้น 1 เซ็นทรัลภูเก็ต

เซ็นทรัล เอ็มบาสซี ชวนมาดูผลงานสตรีทอาร์ตระดับโลก นิทรรศการ MADSAKI : Combination Platter

จากศิลปินธรรมดาคนหนึ่ง MADSAKI เริ่มเป็นที่รู้จักหลังจากที่ศิลปินร่วมสมัยชื่อดังระดับตำนานชาวญี่ปุ่น ทาคาชิ มุราคามิ (Takashi Murakami) ค้นพบผลงานของเขาผ่านอินสตาแกรม มุราคามิกล่าวถึง MADSAKI ว่า “ผมหลงใหลในความเป็นศิลปินของเขา เรียกได้ว่าผมตกหลุมรักเขาในมุมที่เป็นศิลปิน” ตัวมุราคามิเองได้ซื้อผลงานของ MADSAKI เป็นจำนวนมาก เพื่อนำมาจัดแสดงในงานนิทรรศการศิลปะเดี่ยวของเขาที่ชื่อว่า “Superflat” ซึ่งจัดแสดง ณ กรุงโตเกียว ในปี 2017 ซึ่งในงานครั้งนั้น มุราคามิ ได้ขนานนาม MADSAKI ว่าเป็นศิลปินรุ่นใหม่ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์อันไร้ขีดจำกัด

MADSAKI Combination Platter 4

MADSAKI ศิลปินเจ้าของผลงาน

MADSAKI Combination Platter 15

MADSAKI Combination Platter 1

บรม พิจารณ์จิตร, พิชัย จิราธิวัฒน์, แมดซะคิ, อลิซ ลัง และ ญาญ่า-อุรัสยา สเปอร์บัน ร่วมเปิดงานนิทรรศการ

MADSAKI Combination Platter 2

ประสาร ไตรรัตน์วรกุล, ทศ จิราธิวัฒน์, บรม พิจารณ์จิตร และ Bernhard Bohnenberger

ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เอ็มบาสซี ร่วมกับ Kaikai Kiki Gallery (ไคไค คิคิ แกเลอรี) และ Galerie Perrotin (แกเลอรี เพอโรติน) สร้างความตื่นตาตื่นใจครั้งยิ่งใหญ่ เชิญศิลปินชื่อดังชาวญี่ปุ่นเจ้าของผลงานอาร์ตสุดแนว MADSAKI (แมดซะคิ) หนึ่งในศิลปินดาวรุ่งแห่งโลกศิลปะร่วมสมัยที่น่าจับตามอง เปิดนิทรรศการสตรีทอาร์ตระดับโลก “Combination Platter” (คอมบิเนชั่น แพลตเตอร์) งานแสดงเดี่ยวครั้งแรกในประเทศไทย ที่ได้คัดสรรผลงานมาสเตอร์พีซหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น ประติมากรรมขนาดใหญ่สูงกว่า 5 เมตร มาจัดแสดงครั้งแรกในโลก หรือภาพวาดที่มีความยาวถึง 13 เมตร รวมทั้งภาพวาดที่สร้างสรรค์ขึ้นใหม่มาเผยสู่สายตาคนไทยเป็นครั้งแรก เมื่อเร็วๆ นี้ เพื่อให้ผู้ชื่นชอบงานศิลปะได้เข้าชมอย่างใกล้ชิด พร้อมเปิดโอกาสให้จับจองภาพผลงานศิลปะและประติมากรรมชิ้นเอกของ MADSAKI โดยนิทรรศการฯ เปิดให้เข้าชมฟรี ตั้งแต่วันนี้ ถึง 3 มิ.ย. 2561 ณ ชั้น G เซ็นทรัล เอ็มบาสซี ตลอดจนสินค้าคอลเลกชั่นพิเศษ ลิมิเต็ด อิดิชั่น ที่ออกแบบเพื่องานนี้โดยเฉพาะ จำหน่ายที่ร้าน SIWILAI Store (ศิวิไล สโตร์) ชั้น 5 แห่งเดียวเท่านั้น

บรรยากาศภายในงาน จัดขึ้น ณ บริเวณชั้น G ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เอ็มบาสซี ได้รับเกียรติจาก MADSAKI ศิลปินชื่อดังชาวญี่ปุ่น เจ้าของผลงานศิลปะร่วมสมัยอันมีเอกลักษณ์และโดดเด่น บินมาร่วมเปิดนิทรรศการในครั้งนี้ ซึ่งนับเป็นการเดินทางมาประเทศไทยเป็นครั้งแรก โดยมี บรม พิจารณ์จิตร กรรมการผู้จัดการ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เอ็มบาสซี พร้อมด้วยคณะผู้บริหารระดับสูงจากกลุ่มเซ็นทรัล อาทิ ทศ จิราธิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร, ดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล ที่ปรึกษาอาวุโส, พิชัย จิราธิวัฒน์ กรรมการบริหาร บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด ร่วมให้การต้อนรับ พร้อมด้วย ญาญ่า-อุรัสยา เสปอร์บันด์ แบรนด์แอมบาสเดอร์สาวคนล่าสุดของ เซ็นทรัล เอ็มบาสซี ตลอดจนเหล่าเซเลบริตี้ผู้หลงใหลและรักการสะสมงานศิลปะมาร่วมงานคับคั่ง อาทิ เพชร โอสถานุเคราะห์, ศักดิ์วุฒิ วิเศษมณี, ชำนิ ทิพย์มณี, วินัย ฉัยรักษ์พงศ์, จิตต์สิงห์ สมบุญ, ดร.ดิสพล จันศิริ, วสุ วิรัชศิลป์, ศีกัญญา ศักดิเดช ภาณุพันธุ์, วรรณพร โปษยานนท์, วรรณสิริ คงมั่น, นภมณี ไกรฤกษ์, ภัทรีดา ประสานทอง, พลอย จริยะเวช, ประคุณ พรประภา, เจย์-จริยดี สเปนเซอร์, อัครรัตน์ วรรณรัตน์, สรรพสิทธิ์ ฟุ้งเฟื่องเชวง ฯลฯ

MADSAKI Combination Platter 3

MADSAKI Combination Platter 7

MADSAKI Combination Platter 9

MADSAKI Combination Platter 8

MADSAKI Combination Platter 18

MADSAKI Combination Platter 6

MADSAKI Combination Platter 19

MADSAKI Combination Platter 10

MADSAKI Combination Platter 20

MADSAKI Combination Platter 11

MADSAKI Combination Platter 5

MADSAKI Combination Platter 12

จากนั้นทางคณะผู้จัดได้เชิญผู้มีเกียรติทุกท่านขึ้นไปยังที่ SIWILAI CITY CLUB (ศิวิไล ซิตี้ คลับ) ชั้น 5 ซึ่งถูกจัดให้เป็นสถานที่พบปะของผู้ที่มีความสนใจงานศิลปะได้สังสรรค์และพูดคุยกัน พร้อมฉายวิดีโอ พรีเซนเทชั่น เรื่องราวของ MADSAKI จัดทำโดยเว็บไซต์ชื่อดังอย่าง Hypebeast ให้ผู้ร่วมงานทุกท่านได้ชมกัน ก่อนจะต่อด้วยงานปาร์ตี้ด้วยเสียงดนตรีจาก DJ TOB และ DJ Quietstorm ที่มาร่วมสร้างสีสันส่งท้ายคืนสุดพิเศษนี้

MADSAKI Combination Platter 17

MADSAKI Combination Platter 16

MADSAKI Combination Platter 14

นิทรรศการสตรีทอาร์ตระดับโลก “Combination Platter” เปิดให้เข้าชมโดยไม่เสียค่าใช้จ่าน ตั้งแต่วันนี้ ถึง 3 มิ.ย. 61 ณ ชั้น G ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เอ็มบาสซี

2 นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติเดือนสิงหาคม ที่ชาวไทยไม่ควรพลาดชม

เนื่องในวโรกาสที่เดือนสิงหาคม 2559 เป็นเดือนมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ จึงมีงานนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติยิ่งใหญ่ ถึง 2 งาน คือ “งานสมบรมราชินีนาถ” (Fit For a Queen: Her Majesty Queen Sirikit’s Creations by Balmain) และ “วิจิตรพัสตรา 84 พรรษา บรมราชินีนาถ”

 

003-1

 

เริ่มที่งานใหญ่ “งานสมบรมราชินีนาถ” (Fit For a Queen: Her Majesty Queen Sirikit’s Creations by Balmain) โดยพิพิธภัณฑ์ผ้าในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ จัดแสดงฉลองพระองค์ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ออกแบบโดย ปิแอร์ บัลแมง นักออกแบบชาวฝรั่งเศสผู้ดูแลการตัดเย็บฉลองพระองค์ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถมาเป็นเวลากว่า 22 ปี และมีส่วนสำคัญในการเผยแพร่ความงดงามของผ้าไหมให้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก

 

003-2

 

ด้วยทรงมีพระราชประสงค์ทรงฉลองพระองค์แบบสากลตามความเหมาะสมแก่โอกาสในการโดยเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไปทรงเยือนสหรัฐอเมริกา และประเทศต่างๆ ในทวีปยุโรปอย่างเป็นทางการเมื่อปี พ.ศ. 2503 จึงมีพระราชดำริให้ว่าจ้างนักออกแบบต่างชาติ ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญมาแนะนำเรื่องการแต่งกายให้ถูกต้องตามธรรมเนียมตะวันตก

 

006-1

 

สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงพอพระราชหฤทัยผลงานออกแบบของห้องเสื้อบัลแมง เนื่องจากรูปแบบชุดดูเรียบง่ายแต่สง่างาม จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้บัลแมง เป็นช่างออกแบบตัดเย็บฉลองพระองค์แบบสากล ในการโดยเสด็จต่างประเทศอย่างเป็นทางการในครั้งนั้น และโปรดเกล้าฯ ให้ใช้พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ในการจัดเตรียมฉลองพระองค์ทั้งหมด

ฉลองพระองค์ที่ตัดเย็บด้วยผ้าไทย แสดงให้เห็นถึงพระอัจฉริยภาพในการเผยแพร่ความงามอันมีเอกลักษณ์ของผ้า อันเกิดจากภูมิปัญญาของคนไทย และการที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นักออกแบบต่างชาติที่มีชื่อเสียงมาดูแลฉลองพระองค์ ที่ตัดเย็บจากผ้าไหมไทย ยังถือเป็นพระราชกุศโลบายในการส่งเสริมผ้าไทยให้เป็นที่รู้จักแก่ขาวโลกได้เป็นอย่างดี ทำให้เกิดความนิยมสวมใส่เครื่องแต่งกายที่ตัดเย็บด้วยผ้าไหมอย่างกว้างขวางทั้งในและต่างประเทศมาจนทุกวันนี้

แม้ภายหลังบัลแมงถึงแก่กรรม เมื่อปีพ.ศ. 2525 สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ห้องเสื้อบัลแมง ซึ่งมี อีริค มอร์เทนเซน เป็นหัวหน้านักออกแบบ รับผิดชอบดูแลงานตัดเย็บฉลองพระองค์ต่อไป นับเป็นการสืบทอดงานออกแบบตัดเย็บฉลองพระองค์ที่ยาวนานมากว่าสองทศวรรษ

 

004-1

 

ต่อกันที่งาน “วิจิตรพัสตรา 84 พรรษา บรมราชินีนาถ” ที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ชิดลม และศูนย์การค้าเซ็นทรัล เอ็มบาสซี ร่วมกับมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ และพิพิธภัณฑ์ผ้าในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ถ่ายทอดพระราชกรณียกิจ ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ อันเกี่ยวเนื่องกับผ้าไทย และผ้าปักในภูมิภาคต่างๆ ของประเทศ ซึ่งทรงเล็งเห็นความงดงามบนผืนผ้า อีกทั้งภูมิปัญญาที่สะท้อนอยู่ในศิลปะการปักผ้าตาแบบดั้งเดิม จากหลากหลายกลุ่มวัฒนธรรม ประกอบกับทรงมีพระราชหฤทัยตั้งมั่น ให้คนไทยพ้นจากความยากลำบาก และสามารถพึ่งพาตนเองได้ จึงทรงสนับสนุนให้ชาวบ้านทอผ้าและปักผ้าเป็นรายได้เสริม

 

005-1

 

และยังได้รับอนุญาตให้เชิญฉลองพระองค์ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ จำนวน 7 องค์ ประดับด้วยงานปักเชิงช่างชั้นสูงมาจัดแสดงในนิทรรศการนี้เป็นการพิเศษ

นอกจากนี้ ภายในนิทรรศการยังนำเสนอผ้าไทยและผ้าปักแบบต่างๆ ที่ทรงอนุรักษ์ รวมทั้งยังได้รับเกียรติจาก เหล่านักออกแบบชั้นนำของประเทศไทย นับตั้งแต่ Tirapan, Pichita, Nagara, Anchavika, Asava, Calista, Kemissara, Kloset, Patinya และ Vickteerut ออกแบบเสื้อผ้าไหมและผ้าปักจำนวน 18 ชุด ที่ภายหลังเสร็จสิ้นนิทรรศการ จะนำไปจำหน่ายเพื่อนำรายได้โดยไม่หักค่าใช้จ่าย สมทบทุนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ต่อไป

 

สำหรับ “งานสมบรมราชินีนาถ” (Fit For a Queen: Her Majesty Queen Sirikit’s Creations by Balmain) เปิดให้เข้าชมตั้งแต่วันที่ 4 สิงหาคม 2559 ไปจนถึงเดือนมิถุนายน 2561 ณ ห้องจัดแสดง 1-2 พิพิธภัณฑ์ผ้าในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในพระบรมมหาราชวัง ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00 – 16.30 น. (ปิดจำหน่ายบัตรเข้าชมเวลา 15.30 น.) และ “วิจิตรพัสตรา 84 พรรษา บรมราชินีนาถ” จัดแสดงตั้งแต่วันนี้ จนถึง 17 สิงหาคม 2559 ณ ดิ อีเว้นต์ฮอลล์ ชั้น 3 ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ชิดลม และจัดแสดงจนถึงวันที่ 21 สิงหาคม 2559 ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เอ็มบาสซี เวลา 10.00 – 22.00 น.