เบรกเที่ยวในโรม…เที่ยวโรมแบบผู้ที่มาโรม หลายครั้งแล้ว (ต่อ)
โดย Paul Sansopone
คราวที่แล้วเป็นการแนะนำ Day Trip แบบไปเที่ยวนอกกรุงโรม แต่คราวนี้จะสำหรับผู้ที่ไม่ชอบเดินทางคือยังอยากอยู่ในตัวเมืองแต่ก็อยากดูอะไรที่ไม่ใช่พื้นฐานมากเพราะไปมาหมดแล้ว
ผมคิดว่าถ้างั้นก็คงไม่มีอะไรดีไปกว่าการไปเที่ยวชมสิ่งที่โรมเป็นมากว่า 2000 ปี นั่นก็คือการเป็นศูนย์กลางของคริสต์ศาสนา ทำให้ที่นี่มีโบสถ์วิหารอยู่กว่า 4,000 แห่งเลยทีเดียวซึ่งการเที่ยววัดต่างๆ ในโรมถือเป็นสิ่งที่น่าสนใจมาก คงเหมือนเราไปเที่ยวอยุธยาหรือเชียงใหม่แม้แต่กรุงเทพฯ เพราะเป็นศูนย์รวมของพุทธศาสนา อย่าลืมว่าการไปเที่ยววัดนั้นมันได้ทั้งด้านประวัติศาสตร์ เรื่องราวทางศาสนา และยังเป็นผลพลอยได้สำหรับผู้ที่หลงใหลงานศิลปะ เพราะวัดดังๆในสมัยก่อนเมื่อสร้างขึ้นก็ต้องเรียกศรัทธาโดยเกณฑ์บรรดาช่างฝีมือนักปั้นนักวาดมาแสดงฝีมือกันเต็มที่ ทำให้ใครมาถึงวัดนั้นๆ ก็ต้องทึ่งกันไป ดังนั้นการไปเที่ยวชมวัดชมโบสถ์ในโรมถือเป็นอะไรที่น่าสนใจทีเดียว เพราะจะได้ดูงานศิลปะระดับอาจารย์ไปในตัว
เราหาผลงานของบรรดาอัจฉริยะในด้านงานศิลปะอย่าง Andrea Mantegna, Caravaggio, Raphael, Michelangelo กับงานยุคของเรเนซองส์หรือยุคถัดมาคือยุคบาโร๊ค Baroque ได้จากวัดต่างๆใน Rome แน่นอนว่าวิหารที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่นี่ก็คือวิหาร St. Peter’s Basilica ที่อยู่ตรงวาติกัน แต่เนื่องจากใครๆ ก็รู้จักที่นั่นดีแล้ว ผมจึงขอแนะนำโบสถ์วิหารที่สุดยอดดังต่อไปนี้เป็นทางเลือก เพราะทำให้ท่านทึ่งและประทับใจได้ไม่ต่างกันในด้านศิลปะภายในโบสถ์และสถาปัตยกรรมด้านนอก
Santa Maria in Cosmedin
เริ่มต้นด้วยการแนะนำวัด Santa Maria in Cosmedin เป็นวัดในยุคกลางที่โดดเด่นอยู่ทางใต้ของจัตุรัสPiazza Bocca della Verità ก่อสร้างในปี 772 เสร็จประมาณปี 1124 ความสมบูรณ์แบบของงานด้านสถาปัตยกรรมนั้นเป็นที่ยอมรับแต่ผู้คนมาที่นี่กลับไม่ได้สนใจมาก เพราะต้องการแค่จะมาถ่ายรูปกับ Bocca della Verità หรือ The Mouth of Truth โดยตำนาน(Myth) กล่าวว่าหนุ่มสาวจะสาบานกันก่อนตกลงเป็นคู่รักกันต่อหน้า‘ปากแห่งความจริงใจ’ นี้ โดยเอามือใส่ไว้ในปากหากพูดไม่จริงใจหรือโกหกก็จะเอามือออกมาไม่ได้ก็ได้ผลดีนะครับเป็น Marketing ระดับโลกที่ทำให้คนมาเที่ยวที่นี่กันเยอะเลย
วัด Santa Maria in Cosmedin
The Basilica di Santa Maria Maggiore วิหารซานตามารีอา มาญญอเร่
ที่นี่คือวิหารที่ใหญ่ที่สุดของโรม (อย่าลืมว่าSt.Peterนั้นอยู่ในวาติกัน) ที่นี่คือโบสถ์แม่ถือเป็นโบสถ์แคทอลิกที่สำคัญที่สุดสร้างครั้งแรกเมื่อประมาณปี 440 ในศตวรรษที่ 5 มีศิลปะโมเสสหาดูยากเล่าเรื่องตามคัมภีร์เก่า Old Testament ถึง 36 เรื่องราวแต่ก็มีการปรับเปลี่ยนบูรณะมาตามยุคสมัยจนในช่วงศตวรรษที่ 18 ก็เสริมความวิจิตรแบบ Baroque (การ Remodel, Rebuiltเช่นเดียวกับโบสถ์หลายๆ แห่งในโรมที่ยุคแรกสร้างมานับ 1,000 ปีแล้วแต่รูปแบบธรรมดาเกินไป และเสื่อมโทรมมาก คริสตจักรโดยสันตะปาปาในแต่ละยุคสมัยก็จะเกณฑ์ช่างฝีมือมาประยุคใหม่ให้เข้ากับยุคสมัย ถ้าหากเป็นสันตะปาปาในช่วงยุคเรเนซองส์เป็นผู้ดำริให้ทำศิลปะก็ออกมาเป็นแบบเรเนซองส์ ถ้าเป็นยุคใหม่หน่อยก็อาจเป็นแบบบาโร๊ค) ที่นี่เปิดให้เข้าชมฟรีทุกวัน ปิดประมาณ 6โมงครึ่ง แต่ถ้าจะเข้าชมส่วนพิพิธภัณฑ์จะเสียเงินคนละ €4
ที่อยู่ก็ตามนี้ครับห่างจากสถานีรถไฟ Termini ไปไม่ไกล Piazza Santa Maria Maggiore, Rome, Latium, 00185,
Tel. 06-69886802
San Lorenzo Fuori le Mura ซาน ลอเรนโซ่ ฟูโอรี่ เลมูร่า
จริงๆ แล้วโบสถ์นี้ถูกสร้างขึ้นนอกกำแพงกรุงโรมในสมัยจักรพรรดิ Constantine ซึ่งท่านได้สร้างคร่อมหลุมฝังศพของนักบุญ St. Lawrence ผู้ที่พยายามเผยแพร่คริสต์ศาสนาในโรมในยุคแรกเริ่มและจบด้วยการโดนตรึงกางเขน นอกเหนือจากนักบุญ St. Stephen และSt. Justin. มันถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 6โดดเด่นด้วยภาพพระเยซูกับนักบุญที่ทำด้วยโมเสส Mosaics สมัย Byzantine
ที่อยู่คือ Piazzale Del Verano, 3 Quartiere San Lorenzo, 00185 Tel. 06 44 66 184
San Giovanni in Laterano ซานจอวานนี่ อิน ลาแตรราโน
โบสถ์ St. John Lateran ถือเป็นวิหารหลวงของโรม ไม่ใช่ St. Peter เหมือนที่ทุกคนคิด ที่นี่ใช้ประกอบพิธีสำคัญของ Bishop of Rome มันถูกสร้างในศตวรรษที่ 4 เชื่อกันว่าเป็นโบสถ์ของคริสต์ศาสนาแห่งแรกของ Rome แต่โชคไม่ดีเพราะมีไฟไหม้และแผ่นดินไหว ทำให้ที่นี่มีการบูรณะแบบ Remodel กลายเป็นสไตล์ Baroque ในยุคศตวรรษที่16-17ไปแล้ว ไปในโบสถ์เพื่อดูภาพ Frescoes, เสาหินcolumns, โมเสส Mosaics และรูปปั้น Sculptures นำโดยปรมาจารย์ด้านศิลปะชื่อดัง ส่วนที่เก่าแก่ที่สุดของโบสถ์คือส่วนที่หลงเหลืออยู่เป็นของเดิมคือห้องรับศีลจุ่มล้างบาป Baptistery สร้างโดย Emperor Constantine ในปี AD 315ซึ่งถือเป็นส่วนที่เก่าแก่ที่สุดของทุกโบสถ์ในโรมด้วย ที่นี่เปิดให้เข้าชมฟรีทุกวัน ปิดประมาณ 6 โมงครึ่ง
ที่อยู่ก็ตามนี้ครับ Piazza di Porta San Giovanni, Rome, Latium, 00185 Tel. 06-69886433
Santa Maria in Trastevere ซานตามาริอา อิน ตราเตแวเร่
วิหาร Santa Maria in Trastevere ถือเป็นโบสถ์ที่เก่าแก่ที่สุดใน Rome อีกแห่ง สร้างในช่วงปี 350 AD เป็นโบสถ์แม่พระ Virgin Mary แห่งแรกถูกบูรณะปฏิสังขรณ์ใหม่ โดย Pope Innocent II แห่งเมือง Trastevere, ในศตวรรษที่12 ทำให้เราสามารถหาดูศิลปะโมเสสยุคศตวรรษที่ 12-13 ที่หาชมได้ยากได้ที่นี่ ส่วนเสา Columns 22 ต้นก็นำมาจากวัดโรมันโบราณแท้ไปที่นี่เพื่อชื่นชมโมเสสโดย Domenichinoในส่วนโดมที่เสร็จในปี1617 ที่นี่เปิดให้เข้าชมฟรีทุกวัน ปิดประมาณ 3 ทุ่ม
ที่อยู่ก็ตามนี้ครับ Piazza Santa Maria in Trastevere, Rome, Latium, 00153 Tel. 06-5814802
Santa Maria Sopra Minerva ซานตามาริอาโซปรามิเนอวา
Santa Maria Sopra Minerva เป็นวิหารในแบบสถาปัตยกรรม Gothic หนึ่งในไม่กี่แห่งในอิตาลี มันถูกสร้างคร่อมวัดโรมันโบราณ (Sopra) ที่บูชา Minerva เทพแห่งความฉลาดสุขุม (ในสมัยก่อนที่ชาวโรมันจะนับถือศาสนาคริสต์ในยุคของจักรพรรดิConstantin นั้น ชาวโรมันจะนับถือเทพเจ้าหลายองค์แบบเดียวกับกรีก เพียงแต่ชื่อจะเรียกไม่เหมือนกัน) มันถูกสร้างในศตวรรษที่ 13 ไปชมภาพ Frescoeฝีมือของ Filippino Lippi และที่เก็บอัฐิของ St. Catherine of Siena ซึ่งเป็นรูปปั้นหินอ่อนฝีมือMichelangelo ที่นี่เปิดให้เข้าชมฟรีทุกวัน ปิดประมาณ 1 ทุ่ม
ที่อยู่ก็ตามนี้ครับPiazza della Minerva, Rome, Latium, 00186 Tel. 06-6793926 หรือเช็ค www.basilicaminerva.it
Basilica of Santa Maria del Popolo วิหารซานตามาริอาเดลปอโปโร
วิหารนี้สำหรับท่านที่รักศิลปะที่ปรมาจารย์ระดับต้นๆ ของยุคเรเนซองส์ คือ Pinturicchio, Raphael, Berniniและ Caravaggio ฝากผลงานทิ้งไว้โบสถ์ที่นี่สร้างในปี 1099 มีตำนานกันว่าวิญญาณของจักรพรรดิ Nero จอมบ้าคลั่ง ที่เผากรุงโรมนั้นสิงสถิตอยู่ที่นี่
ที่นี่เปิดให้เข้าชมฟรีทุกวันปิดประมาณ1ทุ่มที่อยู่ก็ตามนี้ Piazza del Popolo 12, near Porta Pinciana, Rome, Latium, 00186 Tel. 06-3610836หรือเช็ค www.santamariadelpopolo.it
St. Clement’s Basilica วิหารซานคลีเมนเต้
โบสถ์ St. Clement’s Basilicaอยู่ไม่ห่างจาก Colosseum ได้ชื่อมาจากสันตะปาปาองค์ที่ 3 ของคริสต์ศาสนาคือนักบุญ แต่ที่น่าสนใจก็คือโบสถ์นี้สร้างในศตวรรษที่ 12 โดยสร้างคร่อมวิหารเดิมในศตวรรษที่ 4 และวิหารนั้นสร้างคร่อมวัดของ Pagan (พวกนอกศาสนาคริสต์นับถือเทพเจ้า) ที่สร้างในศตวรรษที่1 มีคนมักพูดว่าโรมก็เหมือนลาซานญ่าเพราะมันถึงสร้างทับกันเป็นชั้นๆ แบบลาซานญ่านั่นเอง ถ้าอยากพิสูจน์มาที่วัดนี้ได้ ที่นี่เป็นเหมือนกรณีศึกษาให้เห็น เนื่องจากที่นี่เราสามารถลงไปทัวร์ใต้ดินจะเห็นว่าโรมนั้นสร้างไม่หยุดและทับของเดิมหลายชั้น อย่างที่นี่วัด Pagan ที่สร้างในศตวรรษที่ 1 ลึกลงไปถึง 60ฟุตเมื่อเทียบกับระดับพื้นดินปัจจุบัน มาชมภาพ Frescoes และMosaics สมัยศตวรรษที่ 12 เป็นภาพพระเยซูถูกตรึงกางเขนแล้วกลายมาเป็นต้นไม้ที่มีชีวิต แต่อย่างที่บอกครับควรไปเพิ่มความรู้ด้านโบราณคดีโดยการไปดูใต้ดินของที่นี่ คือบางครั้งวัดของพวกที่นับถือนิกายที่นอกเหนือจากทางการอาจต้องไปหลบๆ ซ่อนๆ สร้างที่บูชาแบบวัดเล็กๆ อยู่ใต้ดินที่เรียกว่า Mithraeum ที่เป็นแท่นบูชาเทพ Mithrasจาก Persia และถ้าท่านติดใจเรื่องทัวร์ใต้ดินมันก็มีทัวร์แบบนี้ที่เที่ยวชมสุสานใต้ดินของโรม(Crypts and Catacombs Tour)
Santa Cecilia in Trastevere ซานตาเซวิเลีย อิน ตราเตเวเร่
โบสถ์ St. Cecilia in Trastevere สร้างในศตวรรษที่ 9thโดยสร้างคร่อมโบสถ์เดิมที่สร้างไว้เมื่อปี 200 AD เป็นอนุสรณ์ให้St.Cecilia ก่อนที่เธอจะเสียชีวิต เพราะการเผยแพร่ศาสนาคริสต์ที่น่าสนใจคือรูปแกะสลักหินอ่อนของเธอ โดย Stefano Maderno ทำไว้ในศตวรรษที่ 16 ตามที่เขาเห็นตอนที่มีการขุดศพของ St. Cecilia ขึ้นมาเพื่อบรรจุใหม่แต่เหลือเชื่อมากตรงที่ศพของท่านยังสดเหมือนวันที่ถูกฝังวันแรกเลย ทำให้รูปแกะสลักออกมาแบบนั้น มาที่นี่ให้ดู Mosaic ของศตวรรษที่ 9และ Fresco ภาพ Last Judgement โดย Pietro Cavallini ทำทิ้งไว้ก่อนที่ Giottoจะมาทำการตกแต่งเพิ่มเติมให้สมบูรณ์ ที่นี่เปิดให้เข้าชมฟรีทุกวัน ปิดประมาณ 1 ทุ่ม ยกเว้นถ้าจะดูภาพ Fresco เปิดช่วง 10 โมงเช้าถึงเที่ยงครึ่ง เสียค่าเข้าชม €2.50
ที่อยู่ก็ตามนี้Piazza Santa Cecilia in Trastevere 22, Rome, Latium, 00153 Tel. 06-5899289
Basilica di Sant’Agostino วิหารซานดิอากุสติโน
โบสถ์แบบโรมันเรเนซองส์ St.Augustine คือที่นี่ท่านที่รักงานศิลปะต้องไป เพราะที่นี่มีงานชิ้นเอกของCaravaggioสุดยอดจิตรกรยุคบาโร๊คที่ชื่อว่า Madonna of the Pilgrims เป็นรูปที่ถูกกล่าวขานโจษจันนั้นว่าไม่เหมาะสม เพราะดูสมจริงมาก ในรูปเป็นผู้แสวงบุญเข้าไปคุกเข่าไหว้พระแม่มารีแบบไม่ใส่รองเท้า และเท้าสกปรกมากเหมือนไม่เป็นการแสดงความนับถือและรูปแม่พระดูธรรมดาเหมือนชาวบ้านธรรมดาไปหน่อยไม่ยืนตัวตรงสง่าผ่าเผยดูมีบุญญาบารมี และมีแสงส่องเป็นประกายแบบที่ควรจะเป็น และยังมีภาพของ Raphael ที่ชื่อ Isaiah ภาพศาสดา Isaiah นี้ที่เป็นแรงบันดาลใจ และเพิ่มความมั่นใจของตัวเขาเองก่อนไปวาดใน Sistine Chapel และยังมีรูปปั้นแกะสลักของ Sansovino ทื่ชื่อ St. Anne and the Madonna with Child และThe Madonna and Childโดย Jacopo Tatti ลูกศิษย์ของ Sansovino ที่นี่เปิดให้เข้าชมฟรีทุกวัน ปิดประมาณ 1 ทุ่มครึ่ง
ที่ผ่านมาทั้งหมด 8 ตอน ก็เป็นเรื่องราวการท่องเที่ยวในโรม ตอนต่อไปก็จะถึงคราวของเรื่องอาหารการกินในโรมกันบ้างซึ่งน่าสนใจไม่แพ้กัน โปรดติดตามนะครับ