City Break Paris Part XXX

By Pusit Sansopone

เบรกเที่ยวในกรุงปารีส ตอนที่ 30
‘พระราชวังแวร์ซาย’ ตอนที่ 2
เรามาพูดกันถึงเหตุการณ์ในยุคสมัยนั้นของฝรั่งเศสและไทยกันต่อครับ คราวที่แล้วพูดไป 3 หัวข้อแล้วมาต่อกันเลยครับ ต้องบอกว่าการศึกษาประวัติศาสตร์สมัยนี้เปลี่ยนแปลงไปมาก เมื่อก่อนเรามักจะพูดหรือเชื่อกันว่า History will never change หรือหมายถึง ประวัติศาสตร์จะไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่สมัยนี้มันอาจไม่ใช่แล้วครับ เพราะมันอาจเปลี่ยนแปลงได้ในรายละเอียดเสมอ เพราะประวัติมันมาจากการบันทึก, การสำรวจ, หลักฐาน และสมมุติฐาน แล้วมาสรุป ดังนั้นหากมีหลักฐานใหม่หรือบันทึกใหม่ก็เป็นเรื่องราวใหม่ได้ มันก็เลยน่าสนใจตรงนี้ครับ

4.ช่วงความวุ่นวายภายในเรื่องการเมืองไทย

City Break Paris 30 Thai France History King Narai Louis XiV -18

ภาพคณะทูตไทยพร้อมล่ามที่เดินทางไปเข้าเฝ้าพระเจ้าหลุยส์ที่14 ในปี ค.ศ. 1684 วาดโดยจิตรกรชาวฝรั่งเศสที่ชื่อ  Jacques Vigoureux-Duplessis ตอนนี้ถูกเก็บรักษาอยู่ที่หอสมุดแห่งชาติของฝรั่งเศสในปารีส  Bibliotheque Nationale de France, Paris

ไทย การสร้างเมืองลพบุรีเป็นราชธานีแห่งที่ 2 นั้นไว้ต่อต้านการรุกรานของฮอลันดา นักประวัติศาสตร์ไทยอธิบายว่าด้วยเหตุผลทางการเมืองระหว่างประเทศ แต่หลักฐานทั้งหลายไม่สนับสนุนอย่างนั้น กลับพบว่าพระนารายณ์ไปอยู่เมืองลพบุรี เพื่อความมั่นคงทางการเมืองของพระองค์เอง เพราะในอยุธยามีพวกขุนนางคิดยึดอำนาจทำรัฐประหารโค่นล้มตลอดเวลา

City Break Paris 30 Thai France History King Narai Louis XiV -15

โดยเมื่อวันที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๖๐ รองศาสตราจารย์ ดร. ปรีดี พิศภูมิวิถี ได้บรรยายเรื่อง “Siam in the Reign of King Narai the Great” ให้แก่อาจารย์ นักศึกษา และผู้สนใจเข้าร่วมรับฟัง ที่สถาบันเอเชีย-แอฟริกาศึกษา มหาวิทยาลัย Humboldt กรุงเบอร์ลิน

สอดคล้องกับการเขียนของนักประวัติศาสตร์ในยุคต่อมาว่า เหตุที่สมเด็จพระนารายณ์โปรดจะประทับที่ลพบุรี ถ้าตามที่สันนิษฐานเดิมก็คือตั้งเป็นราชธานีสำรองเอาไว้หนีจากพวกดัตช์ เพราะลพบุรีเป็นที่ดอน กำปั่นรบของฝรั่งขึ้นไปไม่ถึง แต่เรื่องนี้ก็ขัดกับหลักฐานของราชทูตฝรั่งเศสที่ว่าสันดอนปากแม่น้ำเจ้าพระยาก็มากพอที่จะกีดขวางเรือใหญ่ไม่ให้เข้ามาได้แล้ว

City Break Paris 30 Thai France History King Narai Louis XiV -17

City Break Paris 30 Thai France History King Narai Louis XiV -20

ข้อสันนิษฐานใหม่คือพระองค์ต้องการหลบเลี่ยงจากสภาวะกดดันที่อยุธยาตามที่หลักฐานร่วมสมัยหลายชิ้นระบุ พระองค์ระแวงว่าจะถูกรัฐประหารซึ่งขุนนางทั้งหลายมีไพร่ในสังกัดที่อยุธยามาก ส่วนลพบุรีมีหลักฐานที่กล่าวว่าเหมือนเป็น ‘ฐานอำนาจ’ ของสมเด็จพระนารายณ์ พระองค์สามารถอยู่ได้อย่างมั่นคงมากกว่า พระองค์โปรดจะประทับอยู่นานๆ สามารถไว้พระเกียรติได้น้อยกว่าที่อยุธยา ขุนนางที่ตามเสด็จไม่ได้มีกำลังเหมือนอยู่ที่อยุธยา พระองค์สามารถเสด็จออกประพาสล่าสัตว์โดยไม่ต้องมีผู้ติดตามมากเหมือนที่อยุธยา มีชาวฝรั่งเศสร่วมสมัยกล่าวว่า เปรียบว่าลพบุรีเหมือนกับแวร์ซาย ซึ่งมีความหมายคือเป็นที่ๆ พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ทรงหลบหลีกจากความฉ้อฉลทางการเมืองในปารีส จึงเป็นการสื่อว่าลพบุรีนั้นมีนัยยะทางการเมืองอยู่

City Break Paris 30 Thai France History King Narai Louis XiV -2

หนังสือเล่าเรื่องการเดินทางมาสยามของ Abbé de Choisy ชื่อ Journal du voyage de Siam ของช่วงปี 1685 et 1686

อย่างไรก็ตามเมื่อสมเด็จพระนารายณ์มหาราชสวรรคต ในปี พ.ศ.2231 ณ พระที่นั่งสุทธาสวรรค์ ภายในพระนารายณ์ราชนิเวศน์ เมืองลพบุรีก็หมดความสำคัญลง สมเด็จพระเพทราชาได้ทรงย้ายหน่วยราชการทั้งหมดกลับกรุงศรีอยุธยา และในสมัยต่อมาก็ไม่มีกษัตริย์พระองค์ใดเสร็จมาประทับที่เมืองลพบุรีอีก จนกระทั่งถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์โปรดให้บูรณะเมืองลพบุรีขึ้นมาอีกครั้งในปี พ.ศ.2406 มีการซ่อมกำแพงเมือง ป้อมและประตู รวมทั้งมีการสร้างพระที่นั่งพิมานมงกุฎในพระราชวัง พร้อมทั้งพระราชทานนามพระราชวังว่า “พระนารายณ์ราชนิเวศน์” ซึ่งปัจจุบันเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ในขณะที่พระราชวังแวร์ซายนั้นยังถูกใช้ต่ออีก2รัชกาลคือในรัชสมัยของหลุยส์ที่15 และ16

 

ฝรั่งเศส ในส่วนของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 นั้น เนื่องจากพระองค์ทรงขึ้นครองราชย์ตั้งแต่ทรงเยาว์วัยพระชนม์มายุแค่ 5 ชันษา เนื่องจากพระองค์ยังทรงพระเยาว์มาก พระราชมารดาของพระองค์คือพระนางแอนจึงทำหน้าที่เป็นผู้สำเร็จราชการแทน โดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี และมีคาดินัล(สังฆราช)มาซาแร็งเป็นผู้อุปถัมภ์พระเจ้าหลุยส์ ช่วงนั้นก็เกิดมีความวุ่นวายภายในความขัดแย้งระหว่างพวกขุนนางกับฝ่ายราชวงศ์นำโดยพระนางแอนและคาดินัล

City Break Paris 30 Thai France History King Narai Louis XiV -19

คาดินัล(สังฆราช)มาซาแร็งเป็นผู้อุปถัมภ์พระเจ้าหลุยส์

เมื่อพระนางพยายามรวมอำนาจเข้าสู่ศูนย์กลางให้มากขึ้น และลดบทบาทของพวกขุนนางและสภาปารีสลง แต่พวกขุนนางซึ่งเสียผลประโยชน์ไม่ยอมตามด้วย ในปี 1648 พระนางแอนและคาดิดัลมาซาแรงจึงพยายามเก็บภาษีพวกขุนนางในสภาปารีส แต่พวกเขาปฏิเสธที่จะปฏิบัติตามและเผาพระราชโองการทิ้ง พระนางแอนจึงให้จับพวกขุนนางในสภาหลายคนที่ต่อต้านแต่ขณะเดียวกันก็มีปฏิกริยาจากฝ่ายประชาชน เมื่อพวกเขาเริ่มรู้สึกว่ากษัตริย์เริ่มดึงอำนาจเข้าศูนย์กลางมากเกินไป ทั้งยังเพิ่มภาษีและลดอำนาจของสภาและฝ่ายพระ(บาทหลวง)ลงไปมาก ทำให้เกิดการลุกฮือขึ้น พวกม็อบบุกไปถึงห้องนอนของพระเจ้าหลุยส์(ตอนทรงพระเยาว์)พระนางแอนกับพวกผู้ติดตามพากษัตริย์หนีออกจากปารีสตอนเกิดกบฎฟร็อง

City Break Paris 30 Thai France History King Narai Louis XiV -12

ภาพในปี 1649จะเห็นราชินีแอนแห่งออสเตรีย (ยืนซ้ายสุด)พระราชมารดาของพระเจ้าหลุยส์ที่14 (ในวงกลมแดง)โดยมี Nicolas V de Villeroy ผู้เป็นเสมือนติวเตอร์ฝึกสอนวิธีการปกครองแบบกษัตริย์(นอกเหนือจากคาดินัล(สังฆราช)มาซาแร็ง)ของฝรั่งเศสยืนอยู่ด้านหลังพร้อมกับพระอนุชาของพระเจ้าหลุยส์ที่14 คือ ฟลิลิปป์ ดยุคแห่ง ออเรอง(ในวงกลมแดง)

หลังจากที่พระมารดาของพระองค์สวรรคตในปี 1666 แล้ว หลุยส์ก็มีอำนาจโดยไม่ต้องเกรงใจใครอีกต่อไป ช่วงวัยเยาว์พระองค์ฝังใจกับการที่พวกขุนนางก่อกบฎจนพระองค์ต้องหนีออกไปจากปารีส จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทรงให้สร้างวังใหม่นอกปารีสที่แวร์ซาย เพื่อให้พระองค์อยู่ห่างจากปารีส

พระเจ้าหลุยส์ทรงปกครองเองโดยเริ่มจากจากการลดทอนอำนาจของชนชั้นสูงที่เชี่ยวชาญในการรบ ด้วยมีรับสั่งให้พวกเขาเหล่านั้นรับใช้พระองค์เช่นเดียวกับเหล่าสมาชิกในราชสำนัก ซึ่งพระองค์คิดว่าถ้าอยู่ปารีสก็ควบคุมลำบากเพราะยังมีประชาชนที่ยากจนหิวโหย ที่พร้อมจะต่อต้านและก่อกบฏอยู่ตลอด และเรื่องขุนนางก่อกบฏก็ควบคุมยาก ดังนั้นพระราชวังแวร์ซายซึ่งอยู่ห่างออกไปจึงเป็นคำตอบเรื่องความปลอดภัย และใช้เป็นกลยุทธในการถ่ายโอนอำนาจแบบรวมศูนย์ เสริมสร้างความแข็งแกร่งของระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช เพื่อให้พระราชอำนาจอันเด็ดขาดและพระองค์ก็ทรงเสนอให้ขุนนางทั้งหลายมาพำนักอยู่ที่แวร์ซายด้วย เพื่อให้ควบคุมได้ง่ายเพราะพวกขุนนางก็จะอยู่นอกสายตาของพระองค์ พระองค์จึงสร้างแวร์ซายให้ใหญ่โตมากพอที่ขุนนางทั้งราชสำนักจะมาอาศัยอยู่ได้ พระองค์ตกแต่งวังอย่างหรูหราที่สุดเพื่อให้พวกขุนนางเพลิดเพลินจนไม่คิดก่อกบฎ ในขณะเดียวกันพระองค์ก็ให้ข้าราชการที่สามารถไว้ใจได้เข้าไปจัดการการปกครองดินแดนของพวกขุนนางโดยตรง ทำให้อำนาจของพระองค์เข้มแข็งขึ้นมาก แต่กระนั้นใน TV series เรื่องแวร์ซายก็ยังพยายามจะถ่ายทอดว่าขุนนางที่มาอยู่ที่แวร์ซาย ก็มีหลายรายที่เป็นปฎิปักษ์ต่อพระองค์และมีความพยายามจะใช้ยาพิษลอบปลงพระชนม์อีกด้วย

City Break Paris 30 Thai France History King Narai Louis XiV -10

Catherine Monvoisin กัตตริน มงวัวแซงน์ ผู้ที่เป็นหมอดูเชื่อเรื่องด้านมืดนำเข้ามาในพระราชวังแวร์ซายโดยมาดาม มงเตส์ปาน (Madame de Montespan).พระสนมคนโปรดของพระเจ้าหลุยส์ที่ต้องการให้เธอมาทำยาเสน่ห์เพราะกลัวพระเจ้าหลุยส์เลิกโปรด แล้วกัตตรินก็มีการแอบเอายาพิษมาจำหน่ายในแวร์ซายให้กับฝ่ายต่อต้านพระเจ้าหลุยศ์ที่แผงตัวอยู่ในวัง และภายหลังกัตตรินถูกกล่าวหาว่าเป็นแม่มดถูกตัดสินให้นำไปเผาทั้งเป็น

City Break Paris 30 Thai France History King Narai Louis XiV -4

Madame de Montespan เป็นสนมเอกของ Louis XIV อยู่กว่า 10 ปี

อีกทั้งในยุคของพระองค์ที่ทรงทำให้ประเทศเกรียงไกรและแผ่ขยายอาณาเขตไปเป็นอันมาก อย่างไรก็ดี การตกอยู่ในภาวะสงครามตลอดเวลาทำให้รัฐต้องขาดดุล และต้องเก็บภาษีอากรจากชาวไร่ชาวนาเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก อเล็กซิส เดอ ทอกเกอวิลล์ นักประวัติศาสตร์ฝรั่งเศสได้แสดงความเห็นว่า การที่พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 เปลี่ยนพวกชนชั้นสูงให้กลายเป็นข้าราชบริพารธรรมดา รวมทั้งยังเข้าพวกกับผู้ดีใหม่ที่สามารถแสดงความคิดเห็นได้แต่ไม่ให้มีอำนาจทางการเมือง มีส่วนผลักดันให้เกิดความไม่มั่นคงในเสถียรภาพทั้งทางด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมในเวลาต่อมา และเป็นชนวนก่อให้เกิดการปฏิวัติฝรั่งเศสในที่สุด

 

5.ช่วงแห่งการเจริญสัมพันธ์ไมตรีและการค้า

City Break Paris 30 Thai France History King Narai Louis XiV -6

ราชทูตสยามนำโดยโกษาปานเข้าเฝ้าพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ที่ ห้องกระจก พระราชวังแวร์ซาย ณ วันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2229 (ค.ศ. 1686)

ไทย จริงๆ แล้วเรื่องการค้าการทูตนั้นมีมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย(คศ. 1238-1438) ซึ่งก็ปลดแอกจากอาณาจักรละโว้นั่นเองซึ่งตอนนั้นเรามีการค้าขายกับจีนในยุคของราชวงศ์ซ่งต่อเนื่องราชวงศ์หยวน โดยมีชามสังคโลกที่มีความคล้ายคลึงหัตถกรรมของจีนอยู่มาก การค้าการทูตในสมัยก่อนนั้นมีการบันทึกเป็นเรื่องเป็นราวก็ในยุคของมาร์โค โปโลชาวเวนิสที่เดินทางตามเส้นทางสายไหม ไปเข้าเฝ้ากุบไล ข่าน หลาน เจงกิส ข่านแห่งมองโกลที่ยึดจีนได้ทำให้ราชวงศ์ซ่งสิ้นสุดไปนั่นเอง แต่การเดินทางส่วนใหญ่นั้นยังเป็นการเดินทางทางบกจนมาถึงยุคเรเนซองค์ กาลิเลโอออกมาประกาศว่าโลกกลม การเดินทางทางเรือจึงไปไกลขึ้น เพราะไม่ต้องกลัว ‘ตกโลก’ ที่ขอบโลกตามที่เชื่อกันมานาน กาลิเลโอยังสอนเรื่องดาราศาสตร์ ทำให้วิชา ‘ต้นหน’ (navigation) เดินทางไปไกลได้ไม่หลง คือใช้ตำแหน่งดาวนำทาง จะเห็นว่าความนิยมและการศึกษาเรื่องหมู่ดาว(ดาราศาสตร์)นั้นเป็นที่นิยมถึงขนาดมีการสร้างหอดูดาวที่ต่างๆ เช่นที่โคเปนฮาเกน และที่พระราชวังลพบุรีของสมเด็จพระนารายณ์ก็ถือเสมือนเป็นหอดูดาวแห่งแรกของไทย

City Break Paris 30 Thai France History King Narai Louis XiV -14

สมเด็จพระนารายณ์มหาราชทอดพระเนตรจันทรุปราคาร่วมกับคณะทูต นักบวชคณะเยสุอิต และนักดาราศาสตร์ชาวฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2228 ณ พระที่นั่งเย็น ทะเลชุบศร เมืองลพบุรี

ครั้นดูดาวเป็นก็เดินทางไกลได้ คนสร้างเรือก็สร้างให้เรือใหญ่ขึ้นแข็งแรงขึ้น นั่นแหละครับเริ่มสมบรูณ์แบบก่อนช่วงสมเด็จพระนารายณ์พอดี จึงมีอาคันตุกะจากยุโรป(ชำนาญเรื่องการเดินเรือต่อเรือ) ประกอบกับการชอบสำรวจเพื่อหาอะไรใหม่ๆกลับไปขาย โดยเฉพาะเครื่องเทศและของกิน ของดื่มเช่น ชา กาแฟ นั่นแหละครับแรกเริ่มก็มีagendaแบบนั้น แต่ทำไปทำมาก็อยากจะคิดหาแผ่นดินใหม่ให้เป็นอาณานิคมของตัวเองด้วย ยุคล่าอาณานิคมจึงตามมา และชาติมหาอำนาจตอนนั้นเลยมักเป็นชาติผู้ชำนาญเรื่องการเดินเรือ

City Break Paris 30 Thai France History King Narai Louis XiV -3

กลับเข้าเรื่องเราดีกว่าครับ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในสมัยสมเด็จพระนารายณ์รุ่งเรืองขึ้นมาอีกครั้ง โดยมีการติดต่อทั้งด้านการค้าและการทูตกับประเทศต่าง ๆ เช่น จีน ญี่ปุ่น อิหร่าน อังกฤษ และฮอลันดา มีชาวต่างชาติเข้ามาในพระราชอาณาจักรเป็นจำนวนมาก ในจำนวนนี้รวมถึงเจ้าพระยาวิชเยนทร์ (คอนสแตนติน ฟอลคอน) ชาวกรีกที่รับราชการตำแหน่งสูงได้เป็นถึงสมุหนายก ขณะเดียวกันยังโปรดเกล้าฯ ให้แต่งคณะทูตนำโดย เจ้าพระยาโกษาธิบดี (ปาน) ไปเจริญสัมพันธไมตรีกับราชสำนักฝรั่งเศส ในรัชสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ถึง 4 ครั้งด้วยกัน ผู้ที่เขียนเกี่ยวกับกรุงศรีอยุธยา และสยามมากที่สุดในสมัยนี้ก็คือ มองซิเออร์ เดอ ลาลูแบร์

City Break Paris 30 Thai France History King Narai Louis XiV -9

สมเด็จพระนารายณ์มหาราชเป็นพระมหากษัตริย์ผู้เป็นที่เลื่องลือพระเกียรติยศในพระราโชบายทางคบค้าสมาคมกับชาวต่างประเทศ รักษาเอกราชของชาติให้พ้นจากการเบียดเบียนของชาวต่างชาติและรับผลประโยชน์ทั้งทางวิทยาการและเศรษฐกิจที่ชนต่างชาตินำเข้ามา นอกจากนี้ ยังได้ทรงอุปถัมภ์บำรุงกวีและงานด้านวรรณคดีอันเป็นศิลปะที่รุ่งเรืองที่สุดในยุคนั้น

City Break Paris 30 Thai France History King Narai Louis XiV -13

ลา ลูแบร์ (Simon de La Loubère) เป็นราชทูตจากประเทศ ฝรั่งเศส ของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 โดยเดินทางมาที่กรุงศรีอยุธยา เพื่อเจริญสัมพันธไมตรีกับไทย ในแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช สิ่งที่สำคัญของลา ลูแบร์ ก็คือ จดหมายเหตุลา ลูแบร์ ที่บอกถึงชีวิตความเป็นอยู่ สังคม ประเพณี ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม หลายสิ่งหลายอย่างของคนในสมัยกรุงศรีอยุธยา จึงนับได้ว่าเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่มีจารึกเป็นลายลักษณ์อักษรอีกด้วย

เมื่อสมเด็จพระนารายณ์เสด็จเถลิงถวัยราชสมบัติ ณ ราชอาณาจักรศรีอยุธยาแล้ว ปัญหากิจการบ้านเมืองในรัชสมัยของพระองค์เป็นไปในทางเกี่ยวข้องกับชาวต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ ด้วยในขณะนั้น มีชาวต่างประเทศเข้ามาค้าขาย และอยู่ในราชอาณาจักรไทยมากว่าที่เคยเป็นมาในกาลก่อน ที่สำคัญมาก คือ ชาวยุโรปซึ่งเป็นชาติใหญ่มีกำลังทรัพย์ กำลังอาวุธ และผู้คน ตลอดจนมีความเจริญรุ่งเรืองทางวิทยาการต่าง ๆ เหนือกว่าชาวเอเซียมาก และชาวยุโรปเหล่านี้กำลังอยู่ในสมัยขยายการค้า ศาสนาคริสต์ และอำนาจทางการเมืองของพวกตนมาสู่ดินแดนตะวันออก

ยกตัวอย่างเช่นในปี พ.ศ. 2230 (ค.ศ. 1687) ออกญาพระเสด็จสุเรนทราธิบดี พระยาพระคลัง และออกพระศรีพิพัทธ์รัตนราชโกษาได้ลงนามในสนธิสัญญาทางการค้ากับประเทศฝรั่งเศส อีกทั้งการส่งราชทูตไปเจริญสัมพันธไมตรีกับพระเจ้าหลุยส์ที่14 แห่งฝรั่งเศส ซึ่งทรงพระบรมเดชานุภาพในยุโรป และกำลังขัดแย้งกับฮอลันดา เพื่อเป็นการคานอำนาจ

City Break Paris 30 Thai France History King Narai Louis XiV -5

Siamese embassy to Louis XIV in 1686, by Nicolas Larmessin

 

ฝรั่งเศส ในขณะที่ประเทศฝรั่งเศสในยุคของพระเจ้าหลุยส์ที่14 นั้นได้มีการสร้างสัมพันธ์ทางการทูตและการค้ามากมาย เช่น ประเทศเปอร์เซียที่พระเจ้าหลุยส์ที่สิบสี่ส่งคณะทูตไปเข้าเฝ้าสุลต่านฮุสเซนในปี ค.ศ. 1715 สร้างความสัมพันธ์กับอาณาจักร์อ๊อตโตมาน Franco-Ottoman alliance และดินแดนตอนเหนือของอาฟริกา เช่น โมรอกโค และตูนิเซีย รวมทั้งอินเดีย

City Break Paris 30 Thai France History King Narai Louis XiV -21

หนังสือบันทึกการเดินทางมาสยามโดย นักบวชคณะเยสุอิต และนักดาราศาสตร์ชาวฝรั่งเศส

มีการขยายอาณาเขตก่อตั้งอาณานิคมของฝรั่งเศสในทวีปแอฟริกา, อเมริกา และเอเชีย ในสมัยรัชกาลหลุยส์14 ก็ยังส่งนักสำรวจชาวฝรั่งเศสไปค้นพบสิ่งสำคัญในทวีปอเมริกาเหนือ ในปี ค.ศ. 1673 เช่น Louis Jolliet และ Jacques Marquette ได้ค้นพบแม่น้ำมิสซิสซิปปี Mississippi River ในปี 1682, René-Robert Cavelier, Sieur de La Salle ล่องเรือตามแม่น้ำมิสซิสซิปปีลงใต้ไปยังอ่าวเม็กซิโกและเคลมแผ่นดินที่ราบลุ่มน้ำมิสซิสซิปปีเรียกดินแดนนี้ตามชื่อพระเจ้าหลุยส์ว่า Louisiana

 

6.ช่วงแห่งการนำประเทศสู่เจริญสูงสุดของยุคสมัยทำให้ได้สมัญญานาม “มหาราช”

ไทย สมเด็จพระนารายณ์มหาราชเป็นพระมหากษัตริย์ผู้เป็นที่เลื่องลือพระเกียรติยศในพระราโชบายทางคบค้าสมาคมกับชาวต่างประเทศ รักษาเอกราชของชาติให้พ้นจากการเบียดเบียนของชาวต่างชาติและรับผลประโยชน์ทั้งทางวิทยาการและเศรษฐกิจที่ชนต่างชาตินำเข้ามา นอกจากนี้ยังได้ทรงอุปถัมภ์บำรุงกวีและงานด้านวรรณคดีอันเป็นศิลปะที่รุ่งเรืองที่สุดในยุคนั้น เมื่อสมเด็จพระนารายณ์เสด็จเถลิงถวัยราชสมบัติ ณ ราชอาณาจักรศรีอยุธยาแล้ว ปัญหากิจการบ้านเมืองในรัชสมัยของพระองค์เป็นไปในทางเกี่ยวข้องกับชาวต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ ด้วยในขณะนั้นมีชาวต่างประเทศเข้ามาค้าขาย และอยู่ในราชอาณาจักรไทยมากกว่าที่เคยเป็นมาในกาลก่อน ที่สำคัญมากคือชาวยุโรปซึ่งเป็นชาติใหญ่มีกำลังทรัพย์ กำลังอาวุธ และผู้คน ตลอดจนมีความเจริญรุ่งเรืองทางวิทยาการต่างๆ เหนือกว่าชาวเอเซียมาก และชาวยุโรปเหล่านี้กำลังอยู่ในสมัยขยายการค้า ศาสนาคริสต์ และอำนาจทางการเมืองของพวกตนมาสู่ดินแดนตะวันออกทำให้พระองค์ต้องมีการจัดการอย่างละมุนละหม่อมไม่ให้เสียเปรียบ และต้องสามารถ ปฎิเสธเรื่องที่อาจทำให้ขัดแย้งกันเช่นเรื่องศาสนา

เช่นตอนนั้นพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 มีพระราโชบายที่จะให้สมเด็จพระนารายณ์ และประชาชนชาวไทยรับนับถือคริสต์ศาสนา ซึ่งบาทหลวงฝรั่งเศสนำมาเผยแผ่ โดยพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ทรงส่งพระราชสาสน์มาทูลเชิญสมเด็จพระนารายณ์เข้ารับ นับถือคริสต์ศาสนาพร้อมทั้งเตรียมบาทหลวงมาไว้คอยถวายศีลด้วย สมเด็จพระนารายณ์ได้ทรงใช้พระปรีชาญาณตอบปฏิเสธอย่างทะนุถนอมไมตรี ทรงขอบพระทัยพระเจ้าหลุยส์ที่มีพระทัยรักใคร่พระองค์ถึงแสดงพระปรารถนาจะให้ร่วมศาสนาด้วย แต่เนื่องด้วยพระองค์ยังไม่เกิดศรัทธาในพระทัย ซึ่งก็อาจเป็นเพราะพระเป็นเจ้าประสงค์ที่จะให้นับถือศาสนาคนละแบบคนละวิธี เช่นเดียวกับที่ทรงสร้างมนุษย์ให้ผิดแผกเชื้อชาติเผ่าพันธุ์ หรือทรงสร้างสัตว์ให้มีหลายชนิดหลายประเภทก็ได้ หากพระเป็นเจ้ามีพระประสงค์จะให้พระองค์ท่านเข้ารับนับถือศาสนาตามแบบตามลัทธิที่พระเจ้าหลุยส์ทรงนับถือแล้ว พระองค์ก็คงเกิดศรัทธาขึ้นในพระทัย และเมื่อนั้นแหละ พระองค์ท่านก็ไม่รังเกียจที่จะทำพิธีรับศีลร่วมศาสนาเดียวกัน

ในมุมมองของต่างชาติ สมเด็จพระนารายณ์มหาราชถือเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้แก่ประเทศชาติ และนำชาติรอดพ้นจากการถูกล่าเป็นอาณานิคมนอกจากนี้พระองค์ยังทรงรับเอาวิทยาการสมัยใหม่มาใช้ เช่น กล้องดูดาว และยุทโธปกรณ์บางประการ รวมทั้งยังมีการรับเทคโนโลยีการสร้างน้ำพุ จากชาวยุโรป และวางระบบท่อประปาภายในพระราชวังอีกด้วย มีการยกย่องโดยนักประวัติศาสตร์ต่างประเทศว่า “Narai[ was the king of Ayutthaya from 1656 to 1688 and arguably the most famous Ayutthayan king. His reign was the most prosperous during the Ayutthaya period and saw the great commercial and diplomatic activities with foreign nations including the Middle East and the West. …”

City Break Paris 30 Thai France History King Narai Louis XiV -16

พระบรมสาทิสลักษณ์โดยจิตรกรชาวฝรั่งเศส

 

ฝรั่งเศส ส่วนพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ก็ทรงเป็นที่รักและเคารพของประชาชนชาวฝรั่งเศส จากการที่พระองค์ทำให้ประเทศเกรียงไกรและแผ่ขยายอาณาเขตไปเป็นอันมาก ช่วงรัชสมัยของพระองค์นั้นโดดเด่นด้วยการรังสรรค์วัฒนธรรมชั้นสูงของฝรั่งเศส ภาษาฝรั่งเศสได้กลายเป็นภาษาของคนชั้นสูง และภาษาทางการทูตในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 17 และ 18 โดยเฉพาะอย่างยิ่งถือว่าฝรั่งเศสถือเป็นประเทศมหาอำนาจไม่ต่างจากสเปนและออสเตรียในช่วงนั้น

Louis le Grand; หลุยส์ เลอ กร็อง

จึงไม่น่าแปลกใจที่กษัตริย์ทั้งองพระองค์จะได้สมัญญานาม “มหาราช” ต่อท้ายพระองค์
หมายเหตุ**คำว่า มหาราช หรือ The Great เป็นชื่อต่อท้ายพระนามของกษัตริย์หรือผู้ปกครองที่ได้ทำภารกิจอย่างมากมายช่วยเหลือผู้คนทั้งด้านการรบ การแก้ไขปัญหาภายในประเทศ การรักษาเอกราชของประเทศ คงไว้ด้วยความยุติธรรมอันเป็นแบบอย่างที่ดี ในกลุ่มคนที่พูดภาษานั้นๆ จึงได้รับการยกย่องว่าเป็น “มหาราช” เขียนไว้ที่ท้ายพระนาม ในขณะที่หลุยส์มหาราช ในภาษาฝรั่งเศสจะใช้เป็น Louis le Grand หลุยส์ เลอ กร็อง

Credit : วิกิพีเดีย, infothailand.eu, matichon.co.th,pantip

City Break Paris Part XXIX

By Pusit Sansopone

เบรกเที่ยวในกรุงปารีส ตอนที่ 29
‘พระราชวังแวร์ซาย’ ตอนที่ 1

หลังจากคุยกันถึงเรื่องอาหารการกินกันไปหลายตอนแล้ว ตอนนี้ก็เลยต้องขอกลับมาพาเที่ยวกันต่อครับซึ่งตามที่ผมเคยเกริ่นไว้ก่อนหน้านี้ ก็คือถ้ามาปารีสทั้งทีจะเที่ยวให้คุ้มค่าก็ต้องมี 3 แห่ง 3 แบบนี้ครับ คือทัวร์วัด, ทัวร์วัง และทัวร์พิพิธภัณฑ์ สถานที่อื่นๆที่เหลือแค่ไปโฉบถ่ายรูปหรือselfie ก็พอได้ครับ ไม่เสียเวลามาก ผมพาไปทัวร์วัดคือวิหารโนตเทรอะดาม และทัวร์พิพิธภัณฑ์มาแล้ว ขาดแต่ทัวร์วัง ซึ่งก็คือเรื่องที่จะแนะนำในวันนี้ครับ ‘พระราชวังแวร์ซาย’ โดยวันนี้เราจะพูดถึงที่มาของพระราชวังแวร์ซายและเรื่องราวของยุคสมัยนั้น เนื่องจากยุคสมัยนั้นประเทศไทยเราก็เริ่มมีความสัมพันธ์กับฝรั่งเศสเป็นครั้งแรก ก็เลยถือโอกาสกล่าวถึงเรื่องราวที่มาของความสัมพันธ์ดังกล่าวเล็กน้อยด้วย

City Break Paris Thai France History 18

ในขณะที่ในเมืองไทยมีความตื่นตัวเรื่องประวัติศาสตร์เพราะความดังของละครทีวีหรือซีรี่ส์ของไทยเรื่อง บุพเพสันนิวาส ซึ่งผู้เขียนบทได้อ้างอิงถึง ยุคสมัยของสมเด็จพระนารายณ์ ซึ่งถือเป็นbackground หรือฉากหลังของละครนั้น ในยุโรปและอเมริกาก็ได้ให้ความสนใจกับภาพยนตร์ซีรี่ส์อิงประวัติศาสตร์ที่มีชื่อเรื่องว่า Versailles แวร์ซาย (ซึ่งเพิ่งจะออกอากาศ season 3 ไปในเดือนเมษาที่ผ่านมา) กันพอสมควรทีเดียวและซีรี่ส์เรื่องนี้ก็อ้างอิงถึงยุคสมัยของ The Sun King สุริยกษัตริย์ของฝรั่งเศส ซึ่งก็คือ พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 นั่นเอง โดยมีพระราชวังแวร์ซายเป็นbackground หรือฉากหลังของละคร

City Break Paris Thai France History 9

ที่น่าสนใจก็คือซีรี่ส์ทั้งสองนั้นมีช่วงเวลาที่คาบเกี่ยวกัน (Overlap) และมีเรื่องราวหลายอย่างที่คล้ายกันอยู่ในมิติของประวัติศาสตร์ (fact)ที่ไม่เกี่ยวกับfiction หรือบทละครที่ปรุงแต่งเรื่องราว เช่น การย้อนยุคมาเกิดหรือ Time Travel แบบในซี่รี่ส์ของไทย เรามาดูกันว่าความเหมือนหรือความคล้ายที่ว่านั้นมีอะไรบ้าง

 

City Break Paris Thai France History 15

1. ช่วงเวลาที่คาบเกี่ยวกัน
ไทย ยุครัชกาลของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช หรือสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 3 หรือในช่วงขึ้นครองราชย์ก็คือ พ.ศ. 2199-2231 (ค .ศ 1656 -1688) พระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ไทยรัชกาลที่ 27 ในสมัยกรุงศรีอยุธยาโดยทรงขึ้นครองราชย์ในวันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2199 หรือตั้งแต่มีพระชนมายุได้ 25 พรรษา และทรงครองราชย์อยู่นานถึง 32 ปี

City Break Paris Thai France History 12

 

ฝรั่งเศส  ในขณะที่พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 (Louis XIV de France; หลุยส์กาโตร์ซเดอฟร็องส์, 5 กันยายน พ.ศ. 2181 – 1 กันยายน พ.ศ. 2258) หรือเรียกว่าหลุยส์มหาราช (Louis le Grand; หลุยส์ เลอ กร็อง) หรือ สุริยกษัตริยาธิราช (le Roi Soleil) เป็นพระมหากษัตริย์ฝรั่งเศสและนาวาร์ ทรงครองราชย์เมื่อมีพระชนมายุได้เพียง 5 ชันษา เป็นกษัตริย์พระองค์ที่ 3 ของราชวงศ์บูร์บงแห่งราชวงศ์กาเปเตียง เสวยราชสมบัติเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2186 และทรงครองราชย์นานถึง 72 ปี นับเป็นพระมหากษัตริย์ที่ครองราชย์ยาวนานที่สุดในยุโรป

City Break Paris Thai France History 2

หากศึกษาจากวันประสูติของกษัตริย์ทั้ง 2 พระองค์จะสังเกตได้ว่าพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 จะมีพระชนมายุน้อยกว่าสมเด็จพระนารายณ์ ประมาณ 7 ปี แต่ทรงขึ้นครองราชย์ก่อนถึง 13 ปี

 

2. ช่วงการเปลี่ยนย้ายที่ประทับสร้างเมืองหลวงใหม่

City Break Paris Thai France History 8

ซุ้มประตูทางเข้าวังพระนารายณ์ที่ลพบุรี

ไทย หลังจากประทับในกรุงศรีอยุธยาได้ 10 ปี สมเด็จพระนารายณ์ได้ทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างเมืองลพบุรีขึ้นเป็นราชธานีแห่งที่ 2 เมื่อปี พ.ศ. 2209 โดยพระองค์ท่านทรงเลือกพื้นที่ที่เคยเป็นอาณาจักรละโว้ เป็นอาณาจักรโบราณในมณฑลอำนาจแห่งหนึ่งในอดีต ซึ่งตั้งอยู่บนฝั่งซ้ายของลุ่มน้ำเจ้าพระยา สถาปนาขึ้นราวปลายยุคทวารวดี แรกเริ่มมีศูนย์การอำนาจอยู่ที่ลวปุระ(ปัจจุบันคือเมืองลพบุรี) ทำให้เมืองลพบุรีได้รับการทำนุบำรุงขึ้นมาอีกครั้ง เพราะเมืองลพบุรีมีที่ตั้งทางยุทธศาสตร์เหมาะสม ซึ่งในการสร้างเมืองลพบุรีนั้น สมเด็จพระนารายณ์มหาราชได้รับความช่วยเหลือจากช่างชาวฝรั่งเศสและอิตาเลี่ยน ได้สร้างพระราชวังที่มีป้อมปราการเป็นแนวป้องกันอย่างมั่นคง ซึ่งสมเด็จพระนารายณ์มหาราชก็ทรงโปรดประทับที่เมืองลพบุรี ตามหลักฐานปรากฏว่า พระองค์ประทับอยู่ที่เมืองลพบุรี ปีละ 8-9 เดือน โปรดให้ทูตและชาวต่างประเทศเข้าเฝ้าที่เมืองลพบุรีหลายครั้ง

City Break Paris Thai France History 10

ฝรั่งต่างชาติบันทึกว่า สมเด็จพระนารายณ์ประทับอยู่กรุงศรีอยุธยา รู้สึกอึดอัดไม่เป็นอิสระเช่นเดียวกับพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ประทับอยู่ที่กรุงปารีส โปรดแวร์ซาย เพราะให้ความรู้สึกปลอดโปร่งกว่า สบายกว่า ซึ่งสมเด็จพระนารายณ์ก็โปรดเมืองลพบุรี (ละโว้) มากกว่า เพราะคลายความอึดอัด ความเครียด ดังบันทึกฝรั่งว่า
“…เพื่อเสด็จพระราชดำเนินแปรพระราชฐานไปยังเมืองละโว้ เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ห่างกรุงศรีอยุธยาไปทางเหนือประมาณสิบห้าหรือยี่สิบลิเออ และประทับที่เมืองนั้นเก้าหรือสิบเดือนในปีหนึ่งๆ ด้วยว่าเป็นเสรีดี ไม่ต้องทรงทนอุดอู้อยู่แต่ในพระบรมมหาราชวัง เช่นที่กรุงศรีอยุธยา…”
(credit: De La Loubere. A New Historical Relation of the Kingdom of Siam. Bangkok : White Lotus, 1980)

City Break Paris Thai France History 7

โบราณสถานที่เหลืออยู่ที่จังหวัดลพบุรีและข้างล่างคือแผนที่เมืองละโว้ที่ทำไว้โดยชาวฝรั่งเศสที่เข้ามาในสมัยนั้น

 

City Break Paris Thai France History 19

ฝรั่งเศส ในขณะที่ พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศส หลังจากทรงขึ้นครองบัลลังก์ได้ 8 ปี เมื่อ พ.ศ. 2204 ก็มีประสงค์ที่จะสร้างพระราชวังแห่งใหม่ เพื่อเป็นศูนย์กลางในการปกครองของพระองค์ จึงเริ่มปรับปรุงพระตำหนักล่าสัตว์เดิมของพระเจ้าหลุยส์ที่ 13 ที่สร้างไว้ในปี พ.ศ. 2167 ในเมืองแวร์ซายย์ตั้งอยู่ห่างออกไปราว 15 กิโลเมตรทางตะวันตกของกรุงปารีส (ดูภาพพัฒนาการของแวร์ซายข้างล่าง)

City Break Paris Thai France History 1

City Break Paris Thai France History 11

ภาพทั้ง 2 ภาพด้านบน คือกระท่อมล่าสัตว์ก่อนดัดแปลงมาเป็นพระตำหนักในสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 13 เสด็จพ่อของพระเจ้าหลุยส์ที่14 ซึ่งท่านได้ติดตามเสด็จพ่อของท่านมาล่าสัตว์ที่นี่ในช่วงก่อนอายุได้ 5 ชันษา จึงเกิดความประทับใจในบรรยากาศและทำเลของที่นี่

City Break Paris Thai France History 3

Versailles ในยุคปี พ.ศ 2211 (ค.ศ 1668) วาดโดย Pierre Patel ตอนนั้นเพิ่งจะขยายไปเพียงบางส่วนแต่พระเจ้าหลุยส์ก็เริ่มมาประทับที่นี่แล้วตอนนั้นมีพระชนมายุได้ 30 ชันษา

City Break Paris Thai France History 13

Palace of Versailles หลังจากที่มีการขยายเสร็จสมบูรณ์โดยพระเจ้า Louis XIV หลังจากปี 2231

โดยทรงสร้างต่อเติมเป็นพระราชวังแวร์ซาย ใช้เงินทั้งหมด 500,000,000 ฟรังก์ คนงาน 30,000 คน และใช้เวลาอยู่ถึง 30 ปีจึงแล้วเสร็จในพ.ศ. 2231 แต่พระองค์ก็ทรงมาประทับที่แวร์ซายตั้งแต่ก่อนพระราชวังจะสร้างเสร็จสมบูรณ์ และประกาศให้แวร์ซายเป็นเมืองหลวงของฝรั่งเศส (จริงๆแล้วในอดีตถ้าพระมหากษัตริย์พระองค์ใดทรงเลือกที่ประทับถาวรที่ใดเมืองนั้นก็กลายเป็นเมืองหลวงไปโดยปริยายเพราะศูนย์กลางของอำนาจทุกอย่างจะมารวมอยู่ที่นั่น)

City Break Paris Thai France History 17

แผนที่ของเมืองแวร์ซายโดยตัวพระราชวังจะอยู่ด้านเหนือสุด

 

3. ช่วงความวุ่นวายภายนอกและศึกสงคราม

City Break Paris Thai France History 4

ดูจากแผนที่ด้านบนจะเห็นแผนที่ในเอเชียแสดงให้เห็นประเทศที่ตกเป็นอาณานิคมของประเทศมหาอำนาจตะวันตก (มีสีของประเทศตามchart เช่น สีส้มคือฮอลันดา, เหลืองคืออังกฤษ และชมพูคือฝรั่งเศส) จะเห็นว่าประเทศไทยเป็นสีเทาคือสีที่บ่งบอกว่าไม่เคยเป็นอาณานิคมของใคร ซึ่งเราควรต้องภูมิใจและรำลึกถึงผู้ปกป้องอธิปไตยของเราในสมัยนั้นไว้

ไทย ในสมัยที่พระองค์ครองราชย์ ระหว่างปี พ.ศ. 2199-2231 เป็นยุคที่มหาอำนาจตะวันตกแผ่อิทธิพลเข้ามา โดยเฉพาะฮอลันดา ซึ่งหลังจากยึดชวาหรืออินโดนีเซียได้แล้ว ก็คุกคามสยามและมีท่าทีที่ไม่น่าไว้วางใจ ชาวฮอลันดาหรือพวกดัตช์ได้กีดกันการเดินเรือค้าขายของไทย ครั้งหนึ่งถึงกับส่งเรือรบมาปิดปากแม่น้ำเจ้าพระยา ขู่จะระดมยิงไทย จนไทยต้องผ่อนผันยอมทำสัญญายกประโยชน์การค้าให้ตามที่ต้องการ เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้สมเด็จพระนารายณ์จึงทรงย้ายที่ประทับไปอยู่เมืองละโว้หรือลพบุรี ไว้เป็นเมืองหลวงสำรอง อยู่เหนือขึ้นไปจากกรุงศรีอยุธยาให้ห่างทะเลออกไปอีก และเตรียมสร้างป้อมปราการไว้คอยต่อต้านข้าศึก เพื่อความปลอดภัย

 

City Break Paris Thai France History 6

City Break Paris Thai France History 5

ฝรั่งเศส  ไม่น่าเชื่อว่านอกจากฮอลันดาหรือพวกดัตช์จะเป็นปฎิปักษ์กับไทย และก็ยังเป็นศัตรูคู่อาฆาตกับฝรั่งเศสในช่วงเดียวกันอีกด้วย เหมือนว่าไทยกับฝรั่งเศสถูกกำหนดให้ต้องเป็นมิตรกันเฉพาะหน้าโดยปริยาย สำหรับเหตุการณ์บาดหมางระหว่างชาวดัตช์กับฝรั่งเศสนั้นมีการปะทะหรือรบกันหลายครั้งในยุคของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 โดยเฉพาะช่วงที่คาบเกี่ยวกับสมัยของสมเด็จพระนารายณ์ เช่น
ในปี 1665 กษัตริย์ฟิลิปที่ 4 แห่งสเปน (Philip IV of Spain) สวรรคตลง พระโอรสวัย 4 ชันษาซึ่งป่วยออดแอดได้ครองราชย์เป็นกษัตริย์ชาร์ลที่ 2 (Charles II) พระเจ้าหลุยส์อ้างว่าตามกฎของแคว้นบราบ็อง (Brabant) (คาดว่าเป็นแคว้นในแถบสแปนิช เนเธอร์แลนด์ (Spanish Netherlands) นั้นให้สิทธิ์ของลูกคนแรกเป็นผู้ปกครองสืบต่อ พระมเหสีของพระเจ้าหลุยส์คือพระนางมารีเป็นลูกคนแรกของกษัตริย์ฟิลิปจึงควรได้รับแคว้นนี้เป็นมรดก จากนั้นพระองค์ก็ใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้างในการโจมตี สแปนนิช เนเธอร์แลนด์ (Spanish Netherlands) ของสเปน กองทัพฝรั่งเศสรุกคืบไปโดยที่สเปนไม่สามารถต้านทานได้ ส่วนพวกดัตช์ที่มีชายแดนติดกับสแปนนิชเนเธอร์แลนด์ก็กำลังมีปัญหาภายใน โดย โจฮาน เดอ วิต (Johan de Witt) ที่ดำรงตำแหน่งบริหารสูงสุดของสาธารณรัฐระแวงว่าวิลเลียมที่ 3 เจ้าชายแห่งออเรนจน์ (William III, Prince of Orange) จะมีอิทธิพลเหนือเขาและสร้างความยิ่งใหญ่ให้ราชวงศ์ออเรนจ์อีกครั้ง อีกทั้งยังมีสงครามกับอังกฤษอยู่ ทำให้การบุกสแปนิช เนเธอร์แลนด์ของฝรั่งเศสเป็นไปอย่างสะดวก แต่หลังจากนั้นดัตช์ก็เริ่มรู้สึกไม่ปลอดภัย จึงสงบศึกกับอังกฤษและตกลงเป็นพันธมิตรกัน และไปดึงสวีเดนมาเป็นพวก เรียกว่ากลุ่มสามพันธมิตร (Triple Alliance) ในปี 1668 ทำให้พระเจ้าหลุยส์ต้องพ่ายถอยไป

City Break Paris Thai France History 16

อีกครั้งหนึ่งในปี 1670 พระเจ้าหลุยส์ได้ส่งทองคำไปกำนัลแด่พระเจ้าชาล์ลที่ 2 แห่งอังกฤษเพื่อให้พระองค์ยุติการเป็นพันธมิตรกับดัตช์และหันมาร่วมมือกับพระองค์ อีกทั้งพระองค์ยังชักชวนให้บรรดารัฐในเยอรมันมาเข้าร่วมกับพระองค์ในการรบกับดัตช์ ในปี 1672 หลุยส์ก็ประกาศสงครามกับดัตช์ และบุกยึดดินแดนอย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกันที่ดัตช์ก็เกิดการรัฐประหารโค่นล้ม เดอ วิต ออกจากตำแหน่งสูงสุด และให้วิลเลียมแห่งออเรนจ์ขึ้นแทน สงครามก็ยังดำเนินต่อไป
City Break Paris Thai France History 14

ปี 1674 อังกฤษถอนตัวออกจากการรบ ส่วนพวกดัตช์ได้รับความช่วยเหลือจากสเปนและจักรวรรดิโรมันอันศักดิสิทธิ์ แต่ถึงแม้กระแสสงครามจะดูเหมือนจะเอนไปทางฝ่ายดัตช์ แต่กองทัพฝรั่งเศสกลับสามารถยึดแคว้นฟร็อง คอมเต้ (Franche-Comté) ของสเปนเอาไว้ได้ และยังบดขยี้ทัพผสมของจักรวรรดิ ดัตช์และสเปนที่มีจำนวนมากกว่าได้ในการรบที่เซเนฟ (Battle of Seneffe) ส่วนแนวรบกับจักรวรรดิ แม่ทัพทูแรน (Turenne) ก็เอาชนะกองทัพจักรวรรดิของแม่ทัพ ไรมอนโด มอนเตกูโกลิ (Raimondo Montecuccoli) ได้ และบีบให้ถอยกลับแม่น้ำไรน์และยึดแคว้นอัลซาสไว้ได้ ในปี 1678 กองทัพฝรั่งเศสก็ล้อมยึดเมืองเกนต์ (Ghent) เอาไว้ได้

 

เรื่องราวต่อไปโปรดติดตามได้ที่นี่นะครับ

Credit : วิกิพีเดีย, infothailand.eu, matichon.co.th,pantip.com

เคล็ดลับความสำเร็จของเชฟระดับโลก Thomas Bühner สามดาวมิชลิน และคะแนน GaultMillau 19 จาก 20

จับใจความจากงานเปิดตัวเชฟ ณ โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล หัวหิน รีสอร์ท ในรอบผู้สื่อข่าว และจากที่ได้เจอเชฟกับผู้ช่วย (Head Chef) โดยบังเอิญ ในช่วงบ่ายก่อนงานแถลงข่าว จึงมีโอกาสได้พูดคุยกันแบบสบายๆก่อนใคร (เพราะเชฟไม่นึกว่าอายุขนาดนี้จะเป็นผู้สื่อข่าว ฮ่ะ ฮ่ะ!) เชฟเป็นคนสุภาพ ติดดิน และให้เกียรติผู้อื่น หลักๆ ที่อยากนำมาคุยเล่าสู่กันฟังคือ(เราคิดว่า)ความสำเร็จของเชฟนั้นมาจาก

Exclusive-Dinner-with-Thomas-Buhner-5

1. ได้รับการแนะแนวที่ดี ในการเลือกสายอาชีพตั้งแต่อายุยังน้อย เชฟเล่าว่า เมื่ออายุประมาณ 13 ปี เรียนจบชั้นมัธยมปลาย ยังไม่ได้ต่อ High School ไม่รู้ว่าควรจะไปเรียนต่อทางไหนดี จึงไปทำการทดสอบที่เอเจนซี่ที่เกี่ยวกับการศึกษา ใช้เวลา 6 ชั่วโมง ได้คำตอบมาว่า อาชีพที่ควรทำในอนาคตคือเป็นเกษตรกร หรือ คนอบขนม หรือคนทำอาหาร เชฟเลือกอันสุดท้ายก็เพราะคิดว่า มันน่าจะลำบากน้อยกว่าสองอันแรก โดยให้สัญญากับพ่อแม่ที่ไม่เต็มใจจะให้ลูกเลือกเดินทางนี้เลยว่า อย่าห่วงเลย ถ้าฉันจะไปเป็นคนทำอาหาร ฉันก็จะเป็นคนทำอาหารที่ดีที่สุด นั่นคือเมื่อสัก 20-30 ปีมาแล้ว ฟังแล้วกลับมาย้อนคิดถึงบ้านเรา เราไม่มีการแนะแนวที่เป็นรูปธรรมแบบนี้ในระบบการศึกษาของบ้านเราเลย อีกทั้งพ่อแม่ชาวเอเชียเราก็ไม่ได้มีใจที่เปิดกว้างแบบนี้กันมากนัก หลายๆคนต้องเสียเวลาในชีวิตไปเรียนในวิชาที่ไม่ได้ชอบ ไม่ได้ถนัด สูญเสียศักยภาพ และพรสวรรค์ไปทำสิ่งที่ไม่มีใจรัก แล้วสุดท้ายก็เป็นได้แค่ฟันเฟืองตัวเล็กๆ ตัวหนึ่งในระบบกระแสหลัก อีกอย่างที่น่าสังเกตตรงนี้คือความคิดที่ว่า ฉันจะเป็นอะไรก็ตาม แต่ฉันจะเป็นให้ดีที่สุด ในอาชีพนั้นๆ ทัศนคติเช่นนี้ พบได้มากในประเทศที่เจริญแล้วและค่อนข้างมีวินัยในตัวเอง เช่น ญี่ปุ่น เยอรมัน ถ้าเราสามารถปลูกฝังให้เด็กของเรารู้จักคิดแบบนี้ ไม่คิดเลือกงาน คงจะดีไม่น้อย

2. ทำในสิ่งที่รัก ข้อนี้สืบเนื่องมาจากข้อแรกเป็นข้อขยายว่า เมื่อคนเราได้ทำในสิ่งที่รักที่ถนัดย่อมจะทำได้ดี อันนี้อยากฝากถึงพ่อแม่ ผู้ปกครอง บางครั้งเราอยากให้ลูกประกอบอาชีพที่เราเห็นว่า ปลอดภัยทั้งทางกายภาพและทางการเงิน มีงานที่มีเกียรติ แต่บางครั้งก็ต้องยอมผ่อนปรน สังเกตดูความถนัดของลูกด้วย งานหลายๆอย่างในสมัยนี้ เป็นสิ่งใหม่ๆที่ยังไม่เคยเกิดขึ้นในยุคสมัยของเรา การที่เราอนุญาตให้ลูกได้มีโอกาสคิดริเริ่มทำสิ่งใหม่ๆ ในสิ่งที่เขารัก ให้กำลังใจเมื่อเขาท้อแท้ ย่อมจะทำให้เกิดผลสูงสุด ในอาชีพการงานของเขา

3. ให้เกียรติ และทำดีกับเพื่อนร่วมงาน เชฟย้ำแล้วย้ำอีกว่า เขาคงมาไม่ถึงจุดนี้ได้หากขาดทีมที่ดี เชฟเล่าว่าในสมัยก่อนเชฟรุ่นโบราณมักจะปฏิบัติต่อเด็กฝึกงานในร้านอาหารอย่างไม่ให้เกียรติ ดังนั้นเมื่อเขาได้มาเป็นเจ้าของร้านอาหาร เป็นเชฟใหญ่เองแล้ว เขาจึงตั้งใจว่าจะไม่ทำแบบคนรุ่นก่อนๆ เรื่องนี้เห็นด้วยเป็นอย่างมาก จากประสบการณ์ตรง มีหลายคนที่สมัยเรียนด้วยกันในโรงเรียนทำอาหาร ไม่ได้เป็นคนเก่งหรือท็อปของห้อง แต่เป็นคนมีน้ำใจ ช่วยเหลือผู้อื่น ไม่กั๊ก ไม่วิ่งประจบครู ทำดีของเขาไปเรื่อยๆ แล้วเขาก็ก้าวหน้าไปได้ ไกลกว่าคนที่ได้คะแนนสูงๆ เห็นแก่ตัวเสียอีก งานอาชีพส่วนใหญ่ จำเป็นจะต้องอาศัยทีมที่ดี ดังนั้นอุปนิสัยใจคอที่แท้จริงจะปรากฎออกมาในระยะยาว คนที่มีคนชอบพอ ก็จะมีคนเต็มใจให้การช่วยเหลือสนับสนุน ให้ได้รับความสำเร็จในที่สุด

Secret Of Success Chef Thomas Buhner 1

Secret Of Success Chef Thomas Buhner 3

Secret Of Success Chef Thomas Buhner 2

4. ควรมีความคิดสร้างสรรค์ และสามารถนำเอาสิ่งต่างๆ รอบตัวมาประยุกต์ให้เกิดประโยชน์กับงานของตัวเอง อันนี้เชฟไม่ได้พูด แต่สังเกตเอาเอง ว่าคนจะประสบความสำเร็จได้นั้น ถามเชฟว่า อะไรคือแรงบันดาลใจของเชฟ เชฟตอบว่าทุกสิ่งรอบตัว เราต้องหัดสังเกต หัดใช้ความคิด และเรียนรู้เพิ่มประสบการณ์ให้มากขึ้นในทุกๆทาง เรื่องนี้มีตัวอย่างชัดๆ คือในช่วง Press Conference เชฟอธิบายถึงวิธีการทำอาหารแต่ละชนิดให้สื่อมวลชนฟังโดยละเอียด ปิดท้ายด้วยจานขนมหวาน เป็นรูปเป็ดรสเหมือนพุดดิ้งมะม่วง นั่งอยู่บนมะม่วงสดที่หั่นเต๋าเล็กอย่างสวยงาม มีเกล็ดน้ำแข็ง Granita ทำจากน้ำส้มและมีโฟมทำจากซอสส้มอยู่ข้างๆ เชฟได้ความคิดมาจากเป็ดยักษ์ลอยน้ำโดยศิลปินชาวดัชช์ ในอ่าวฮ่องกงในปี 2556 เชฟเล่าขำๆว่า เป็ดยักษ์ตัวนั้นเป็นที่ฮือฮา เป็นข่าวใหญ่ ผู้คนตื่นเต้น ดังนั้นพ่อค้าชาวจีนก็จะทำ ตัวเป็ดก็อปปี้ขายกันไปเกลื่อนทั่วบ้านทั่วเมือง เป็ดจานนี้ เราก็อปปี้ของก็อปปี้มาอีกทีนึง ^_^ เป็นจานอาหารที่แฝงไปด้วยอารมณ์ขัน และอร่อยมาก เชฟบอกว่า เมื่อคุณมีมะม่วงที่ดีที่สุดแบบนี้ ทางที่ดีที่สุด คือไม่ต้องไปทำอะไรกับมันเลย

 

ประสบการณ์สุดหรูกับเชฟมิชลินสามดาว Thomas Bühner ณ โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล หัวหิน รีสอร์ท

คุณบรรณาธิการมอบหมายงานให้ไปสังเกตการณ์ งานเปิดตัวเชฟมิชลินสามดาว Thomas Bühner เมื่อวันเสาร์ที่ 12 พฤษภาคมที่ผ่านมา โชคดีตอนที่รับโทรศัพท์ กำลังดูหนังจาก Netflix อยู่ สมองทำงานแค่ครึ่งส่วน จึงตอบรับไปแบบไม่มีอาการลิงโลด เสียสติจนเกินงาม

Exclusive-Dinner-with-Thomas-Buhner-3

Exclusive-Dinner-with-Thomas-Buhner-2

คุณขา ..สำหรับคนทำอาหาร บอกให้ไปงานแบบนี้ มันเหมือนส่งไปเมกกะ!! มันเหมือนเป็นติ่งเกาหลี แล้วอยู่ดีๆ วันนึงจะได้ไปเจอตัวเป็นๆของวงเกาหลี BTS!! ขนาดระดับหนึ่งดาวอย่างเจ๊ไฝ ถ้าอยากชิมอาหาร ยังต้องถามใจเธอดูก่อน ว่าพร้อมจะเข้าคิวรอทีละ 4-5 ชั่วโมงมั๊ย นี่ระดับสามดาว มีสตางค์ก็ไม่ใช่จะได้ทานง่ายๆ ค่ะ ต้องจองล่วงหน้ากันเป็นเดือนๆ แล้วนี่เชฟจะบินมาพร้อมอาหารแสนพิเศษ นำเข้ามาจากเยอรมัน รวมถึงไวน์ฝรั่งเศสที่จะให้ดื่มไปพร้อมกับอาหาร ก็นำมาพร้อมๆกับเชฟด้วย ไม่ให้ตื่นเต้นได้ยังไง อารมณ์ประมาณซินเดอเรลล่า แทบอยากจะควบรถฟักทองไปเสียตั้งแต่คืนวันศุกร์เลยทีเดียวจ้า

เชฟ Thomas Bühner เป็นชาวเยอรมัน เป็นเจ้าของร้านอาหารฝรั่งเศส La Vie ในเมืองเก่าแก่ Osnabrück ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเยอรมัน นอกจากเชฟจะได้ดาวถึงสามดวงจากมิชลินแล้ว ร้าน La Vie ก็ยังได้คะแนน GaultMillau points ถึง 19 คะแนนจาก 20 มีเพียงไม่กี่ร้านในโลกนี้ที่ได้คะแนนสูงถึงขนาดนี้

Exclusive-Dinner-with-Thomas-Buhner-4

Exclusive-Dinner-with-Thomas-Buhner-5

Exclusive-Dinner-with-Thomas-Buhner-6

Chef’s signature dish : Marinated cod covered with sliced Australian wagyu beef served with saffron reduction

อาหารของเชฟ Thomas Bühner เป็นอาหารฝรั่งเศสแนวสมัยใหม่ เน้นหลักปรัชญาเป็น 3 มิติด้วยกันคือ มิติแรกเน้นเรื่องรสตามธรรมชาติของอาหารแต่ละชนิด มิติที่สองคือการอธิบายว่าอาหารแต่ละจานถูกเตรียมมาอย่างไร มิติที่สามเพื่อเป็นการแสดงถึงความหลากหลายของวัตถุดิบและองค์ประกอบของอาหาร

ดังนั้นอาหารส่วนใหญ่จะถูกทำให้สุกด้วยความร้อนต่ำ และใช้เวลาไม่นาน เพื่อดึงรสชาติของวัตถุดิบแต่ละชนิดออกมาให้ได้มากที่สุด เชฟให้สัมภาษณ์ว่า วัตุดิบ หรืออาหารแต่ละชนิด เหมือนกับเครื่องดนตรีแต่ละชิ้น มันดีในตัวของมันเอง แต่มันจะดีขึ้นไปอีกระดับ เมื่อเราสามารถนำเอามันมารวมกัน และสรรค์สร้างดนตรีเช่นวงออเคสตร้าขึ้นมาได้ เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงที่เราได้สัมผัสจากอาหารของเชฟในคืนนั้น ยกตัวอย่างจานขนมหวาน เมนูบอกไว้ว่าเป็น “Cube of smoked banana, pecan nut and tamarind” (ตามรูปข้างล่าง) เวลาที่จานของหวานนี้มาเสิร์ฟ มีไอศครีมมาด้วย ตักเข้าปากไป ..เอ๊ะ ! เค็ม ! ถามเชฟว่า จานนี้สตาฟท์ของเมืองไทยทำหรือ (นึกว่าเขาทำผิด) เชฟทำหน้ายิ้มๆตอบว่า เราทำเอง (เชฟมีทีมมาด้วย เป็น Head chef หนึ่งคน และเชฟรองลงมาอีกหนึ่งคน) เชฟบอก ลองทานด้วยกันทั้งหมดดูสิ แล้วมันก็จริงอย่างที่เขาแนะนำ คือรสหวานจัดของช็อกโกแลตขาว รสเปรี้ยวของมะขามเปียก รสหวานอ่อนๆจากกล้วยย่างรมควัน รวมกับไอศครีมที่ออกรสเค็ม มันรวมกันแล้ว เกิดเป็นอีกรสที่กลมกล่อม ที่ลงตัว อย่างไม่น่าเชื่อ ยิ่งดื่มไวน์หวานที่จัดมาให้คู่กัน ยิ่งเพิ่มมิติของการรับรสให้ทวีคูณ

Exclusive-Dinner-with-Thomas-Buhner-8

Cube of smoked banana, pecan nut and tamarind

Exclusive-Dinner-with-Thomas-Buhner-7

อาหารหลายๆจานที่เสิร์ฟในคืนนั้น ก็จะมีลูกเล่นทำนองนี้ มีบางอย่างที่ทำให้ประหลาดใจ เช่น เอากิมจิมาเป็นส่วนผสมของซอส รับประทานกับหนวดปลาหมึกยักษ์และเนื้อหมูป่า บางอย่างก็น่าทึ่ง เช่น อาหารร้อนกับเย็นในจานเดียวกัน (Potato foam with pumpkin curry ice-cream) การทำซอสเสิร์ฟกับนกพิราบด้วยการเอามันฝรั่งไปย่างจนเกรียมมีรสหวานเกิดขึ้น แล้วจึงคั้นเอาน้ำจากมันฝรั่งย่างสีน้ำตาลสวยนั้นมาราดเป็นซอสแล้วก็มีบางอย่างที่ทำให้ช็อคเล็กๆ สำหรับคนที่ไม่คุ้นเคย เช่น Blood pudding ที่มาในจานเนื้อกวาง Roebuck โดยเชฟใช้เทคนิคในการปรุงอาหารแต่ละชนิดเพื่อต้องการให้รสของวัตถุดิบเด่น เช่น การนึ่งปลาในอุณหภูมิเพียง 65 องศา หรือวิธีปรุงอาหาร Étouffée คือการตุ๋นด้วยไฟอ่อนๆโดยให้น้ำจากผักหรือวัตถุดิบออกมาเอง บางชนิดอาจใช้ไวน์เพืยงเล็กน้อยมาช่วย นกพิราบในเมนูปรุงสุกด้วยวิธีนี้ ได้เนื้อนกรสชุ่มฉ่ำ ไม่คาว เรียกได้ว่า ใน 6 course Menu ที่เสิร์ฟมาแต่ละจาน มีหลากหลายอารมณ์ ทำให้น่าสนใจ ไปตลอดการรับประทานอาหารนั้นเลยค่ะ

ส่วนไวน์ที่เชฟจัดมาให้ดื่มคู่กันนั้น ยอมรับเลยว่าสุดยอดจริงๆ ในความแตกต่างกันของแต่ละชนิดไวน์ ได้ถูกจัดสรรมาอย่างรอบคอบเพื่อให้เหมาะกับอาหารแต่ละชนิด

Exclusive-Dinner-with-Thomas-Buhner-9

Potato foam with pumpkin curry ice-cream

Exclusive-Dinner-with-Thomas-Buhner-10

Roebuck venison served with red cabbage gel Asian spices

Exclusive-Dinner-with-Thomas-Buhner-11

Lightly étouffée breast pigeon served with smoked juniper and caramelized sweet potato

Exclusive-Dinner-with-Thomas-Buhner-12

Marinated cod covered with sliced Australian wagyu beef served with saffron reduction

Exclusive-Dinner-with-Thomas-Buhner-13

Octopus cooked with kimchi and wild boar emulsion

ประสบการณ์ทั้งหมดนี้ ทำให้นึกนิยมในโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล หัวหิน รีสอร์ท การที่จะประสานจนได้ตัวเชฟระดับโลกขนาดนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ราคาก็คงสูง เทียบกับที่คิดเงินกับแขกในโรงแรมเพียงไม่กี่มื้อคงไม่ได้กำรี้กำไรสักเท่าไหร่ แต่อุตส่าห์ทำ เพื่อให้แขกของโรงแรมได้รับความสะดวก ได้มีโอกาสสัมผัสประสบการณ์ชั้นยอดจากเชฟระดับสามดาว และเพื่อให้พนักงานของโรงแรมได้เห็นการทำงานของเชฟระดับมืออาชีพ ได้ยกระดับของตัวเองขึ้นมาอีก นับว่ามีความตั้งใจที่จะทำให้การบริการของตัวเอง อยู่ในระดับแนวหน้า

 

นอกจากโลเคชั่นที่ดี มีศูนย์การค้าอยู่ใกล้ ได้ทั้งวิวทะเล วิวสวน โรงแรมเป็นรูปแบบโคโลเนียล สบายตา และห้องที่สวยงามน่าพักผ่อนแล้ว การที่โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัลยังใส่ใจจัดกิจกรรมต่างๆเพื่อคืนกำไรให้ลูกค้าแบบนี้ โรงแรมน่าจะก้าวขึ้นมาอยู่ในระดับแถวหน้า ล้ำนำคนอื่นไปได้อีกหลายก้าวทีเดียว

Marimekko Spring/Summer 2018 ส่องสว่างความสดใสสู่ลายพิมพ์

เมื่อไอเดียในการใช้ชีวิตไม่มีวันหยุด และสิ่งรอบตัวเราก็ล้วนมีแต่ความน่าคิดแฝงอยู่ในนั้นเสมอ นี่ยิ่งทำให้เราคิดถึงคำพูดนี้ “ที่จริงแล้ว ฉันไม่ได้ขายเสื้อผ้า แต่ฉันนำเสนอวิถีแห่งการใช้ชีวิต มารีเมกโกะ คืองานออกแบบ ไม่ใช่แฟชั่น ฉันขายไอเดียให้คนออกแบบชีวิตมากกว่าขายชุดเดรสให้คนแค่นำไปสวมใส่” -อาร์มี ราเทียร์, ผู้ก่อตั้งแบรนด์ Marimekko กล่าวไว้เมื่อปี 1963

Marimekko Spring Summer 2018-1

Marimekko Spring Summer 2018-2

มารีเมกโกะ คอลเล็คชั่นสปริง/ซัมเมอร์ 2018 (Marimekko Spring/Summer 2018) เล่าเรื่องราวของลายพิมพ์อันเป็นเอกลักษณ์ ระหว่างลายพิมพ์คลาสสิค ที่ถูกออกแบบโดยไอคอนิคดีไซเนอร์ ไมจา ไอโซลา (Maija Isola) และ แอนนิกา ริมาลา (Annika Rimala) ตั้งแต่ปี 1950 และ 1960 กับลายพิมพ์ปัจจุบันที่ออกแบบโดยดีไซเนอร์เลือดใหม่ที่น่าจับตามองของวงการออกแบบอย่าง ปาโว ฮาโลแนน (Paavo Halonen) และ เอริยา ฮีร์วี (Erja Hirvi) ลายพิมพ์ทั้งหมดโดดเด่นบนสีหลักของคอลเล็คชั่น เช่น สีเหลือง สีแดง สีน้ำเงิน และสีเขียวพฤกษศาสตร์ โดยทีมออกแบบได้แรงบันดาลใจหลักมาจากธีม Growth Story หรือ เรื่องราวของการเติบโตจากรากเหง้าสู่การเจริญพันธุ์ที่บานสะพรั่งที่ไม่ใช่แค่พันธุ์ไม้ แต่หมายรวมถึงเส้นทางการเดินทางของการออกแบบและสร้างสรรค์จากอดีตจนถึงปัจจุบัน

Marimekko Spring Summer 2018-3

Marimekko Spring Summer 2018-4

ความท้าทายของทีมออกแบบแบรนด์มารีเมกโกะ คือ การทำอย่างไรให้การนำลายพิมพ์ในอดีตที่มีอายุกว่า 50 ปีกับลายพิมพ์ใหม่ได้รับการสร้างสรรค์ออกมาในรูปแบบที่ร่วมสมัย และได้รับการยอมรับในปัจจุบัน สำหรับสินค้า Ready-to-Wear โครงร่างของชุด (Silhouette) จึงเป็นสิ่งที่ทีมออกแบบให้ความสำคัญพอๆ กับลายพิมพ์ที่ถูกเลือกมาใช้ในแต่ละคอลเล็คชั่น รวมถึงการใช้งาน (Functional) ของสินค้า โดยเฉพาะกระเป๋าและเครื่องประดับ เพราะทีมสร้างสรรค์ของมารีเมกโกะตระหนักดีเสมอว่า ไม่มีใครอยากได้สินค้าที่ไร้ประโยชน์หรือสวยแบบชั่วครั้งชั่วคราว คอนเซ็ปต์ของการออกแบบนี้จึงสะท้อนภาพของผู้หญิงในแบบมารีเมกโกะ ว่าเป็นผู้ที่รู้จักตนเอง รู้ว่าจะเลือกสินค้าอย่างไรให้เข้ากับตนเอง คำนึงถึงการใช้สอย คำนึงถึงผู้อื่น คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ไม่ตามเทรนด์หรือตามแฟชั่น

ลายพิมพ์บนผ้าคอตต้อนและผ้าลินินของคอลเล็คชั่นนี้ ผลิตในโรงงานพิมพ์ผ้าที่เมืองเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ ที่ซึ่งผ้านับล้านๆเมตรต่อปีถูกผลิตและส่งออกไปเป็นผลิตภันฑ์อันสร้างสรรค์และมีคุณภาพทั่วโลกซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นและเป็นศูนย์กลางของนวัตกรรมและการระดมความคิดสร้างสรรค์ที่ทีมมารีเมกโกะจะไม่หยุดอยู่กับที่

Marimekko Spring Summer 2018-6

Marimekko Spring Summer 2018-7

ธนพงษ์ จิราพาณิชกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท ธนจิรา รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวถึงการเติบโตเข้าสู่ปีที่ 8 และความสำเร็จตลอดระยะเวลา 3 ปีของการนำเข้าแบรนด์ไลฟ์สไตล์แฟชั่น “มารีเมกโกะ” สู่เมืองไทย “ปีนี้เข้าสู่ปีที่ 8 ของธนจิรา รีเทลฯ ผมมีความมุ่งมั่นที่จะสร้างให้บริษัทเป็นพันธมิตรสำคัญสำหรับ แบรนด์ต่างประเทศที่ตั้งใจจะเข้ามาขยายตลาดสู่ภูมิภาคเอเชียอาคเนย์ โดยนำเสนอความหลากหลาย ของสินค้า, เรื่องราวและคุณภาพของแต่ละแบรนด์สู่ผู้บริโภคคนไทย

ล่าสุดได้เจรจากับแบรนด์มารีเมกโกะที่ประเทศฟินแลนด์ให้ออกแบบและจัดทำ Tote Bag-Exclusively for Thailand หรือกระเป๋าผ้าอันเป็นซิกเนเจอร์ของมารีเมกโกะลาย Unikko (ดอกป๊อปปี้) โทนสีชมพูและเบจ ซึ่งลายอูนิโกะลายนี้ ได้รับการออกแบบโดยแม่ลูกผู้ซึ่งเป็นไอคอนิค ดีไซเนอร์ของแบรนด์มารีเมกโกะ คือ คุณไมจา (Maija) และคุณคริสตินา ไอโซลา (Kristina Isola) โดยปรับสเกลของลายให้ดูร่วมสมัยมากขึ้น จากลายดั้งเดิมที่มีอายุกว่า 50 ปี ซึ่งลายนี้ผลิตจำนวนจำกัดและจำหน่ายเฉพาะในประเทศไทยเพียงแห่งเดียวในโลก”

โดยงานนี้ยังเปิดตัว Ready-to-Wear คอลเล็คชั่นสปริง/ซัมเมอร์ 2018 ซึ่งจำลองรูปแบบการจัดงานมาจาก งาน Paris Fashion Week เผยคีย์ลุคที่โดดเด่นด้วยลายพิมพ์อันเป็นเอกลักษณ์ ทั้งลายพิมพ์ไอคอนิค เมื่อ 50 ปีที่แล้ว และลายพิมพ์ปัจจุบัน อาทิ ลายพิมพ์ล็อกกิ (Lokki), ลายพิมพ์ทิฟฟาแนล (Tiffanylle), ลายพิมพ์รักกิ (Rakky) พร้อมคอลเล็คชั่นกระเป๋า, แอ๊กเซสซอรี่และรองเท้าที่เข้ากันอย่างลงตัว

Marimekko Spring Summer 2018-10

Marimekko Spring Summer 2018-11

Marimekko Spring Summer 2018-12

Marimekko Spring Summer 2018-13

Marimekko Spring Summer 2018-14

Marimekko Spring Summer 2018-15

ส่วน Tote Bag-Exclusively for Thailand สามารถเป็นเจ้าของได้ทันที เมื่อซื้อสินค้าที่ร้านมารีเมกโกะทุกสาขาครบ 20,000 บาท หรือสะสมใบเสร็จแบรนด์ในเครือธนจิราฯ ครบ 5,000 บาท สามารถนำมาแลกซื้อได้ที่ร้านมารีเมกโกะในราคา 1,500 บาท

Marimekko Spring Summer 2018-5

 

แฟนๆ ของมารีเมกโกะรีบตามไปอัพเดตเทรนด์ล่าสุดกันแล้ว ที่ร้านมารีเมกโกะ (Marimekko) ทุกสาขา ได้แก่ มารีเมกโกะ แฟล็กชิพ สโตร์ ชั้น 1 โซนเอเทรียม เซ็นทรัลเวิลด์, ชั้น G สยามดิสคัพเวอรี่, ชั้น 1 ลักซ์ แกเลอรี เซ็นทรัล ชิดลม, ชั้น G ดิเอ็มโพเรียม ดีพาร์ทเมนท์ สโตร์ และชั้น 1 เซ็นทรัลพลาซา บางนา ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Line @marimekkothailand, Facebook และ Instagram marimekkothailand และ www.tanachira.co.th

แต่งตัวหนาวๆ แบบเซเลบริตี้ เขาแต่งได้ เราก็ต้องได้ #ปรับใช้กับตัวเอง #ดูให้เกิดแรงบันดาลใจ

หลังจากส่งใบลาล่วงหน้าเรียบร้อย ตั้งใจจะพาตัวเองไปเจอไอเย็นติดลบเหมือนกับคนอื่นเขาบ้างน่ะสิ ตอนนี้ก็เหลือแค่มองหาคอลเล็กชั่นเสื้อผ้ากันหนาวในสไตล์เรา เพื่อจะแพ็กลงกระเป๋าใบใหญ่ๆ…มีอะไรเอาไปไว้ก่อนละกัน

โห! เตรียมตัวมาดีขนาดนี้ มาดูกันก่อนไหมคะว่าเซเลบริตี้แต่ละคนเขามีวิธี Mix & Match แต่งตัวช่วงวินเทอร์กันอย่างไรบ้าง เผื่อใช้เป็นอินสไปร์ทในชีวิต บางครั้งการได้ดูได้เห็นอะไรไว้บ้างก็ช่วยให้เราตัดสินใจอะไรได้เยอะนะคะ จัดไป!

 

winter-style-alexa-chung

Alexa Chung

winter-style-bella-hadid

Bella Hadid

winter-style-cara-delevingne

Cara Delevingne

winter-style-dakota-johnson

Dakota Johnson

 winter-style-diane-kruger

Diane Kruger

winter-style-emma-stone

Emma Stone

winter-style-kendall-jenner-gigi-hadid

Gigi Hadid & Kendall Jenner

winter-style-gigi-hadid

Gigi Hadid

winter-style-gigi-hadid-2

Gigi Hadid

winter-style-kendall-jenner

Kendall Jenner

winter-style-kendall-jenner-1

Kendall Jenner

winter-style-hailey-baldwiin

Hailey Baldwiin

winter-style-jennifer-lawrence

Jennifer Lawrence

winter-style-karlie-kloss-1

Karlie Kloss

winter-style-liv-tyler

Liv Tyler

winter-style-miranda-kerr

Miranda Kerr

winter-style-olivia-palermo-2

Olivia Palermo

winter-style-olivia-palermo-1

Olivia Palermo

winter-style-rita-ora

Rita Ora

winter-style-taylor-swift-2

Taylor Swift

winter-style-victoria-beckham

Victoria Beckham

 

เครดิตภาพ : 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9, 10, 11, 12, 13, 14, 15, 16, 17, 18, 19, 20, 21

 

กาแฟเป็นมากกว่าเครื่องดื่มช่วยเพิ่มพลังความสดใสประจำวัน

กลายเป็นภาพที่ดูชินตาของทุกเช้าไปซะแล้วล่ะค่ะ ได้เห็นแต่คนทำงานมีกาแฟร้อนควันพุ่งอยู่ในมือ เดินเข้าออฟฟิศแบบสวยๆ ถัดไปอีกหน่อยมีคู่รักเดินคุยกันส่งตาหวานยิ่งกว่าไซรัปในถ้วยกาแฟ สาวแฟชั่นแต่งตัวจัดประคองกาแฟในมือราวกับเป็นเครื่องประดับซีซั่นใหม่

 

celebrity-coffee-story-2

celebrity-coffee-story-3

 

หรือจะเรียกได้ว่าการดื่มกาแฟกลายเป็นไลฟ์สไตล์ที่ดูแนบเนียน ใช่ ! นี่คือวัฒนธรรมทางการดื่มชัดๆ  ดื่มได้อย่างไม่ต้องใช้เหตุผล เข้าร้านกาแฟเป็นเรื่องปกติของชีวิต เช้า สาย บ่าย ค่ำ นัดเจอนัดเม้าส์ก็เลือกร้านที่ดูเก๋มีคอนเซ็ปต์ เพิ่มอรรถรสได้อย่างไม่น่าเชื่อ

นอกจากความพึงพอใจในกลิ่น รสชาติ และความรู้สึกตื่นตัวนั้น คุณได้อะไรจากการดื่มกาแฟอีกบ้าง สิ่งที่ได้อาจไม่ใช่ผลดีเพียงอย่างเดียว หากไม่รู้จักควบคุมปริมาณการดื่มให้เหมาะสม แน่นอนว่าคุณอาจได้รับผลอันไม่พึงปรารถนาจากการดื่มกาแฟไปด้วย เพราะกาแฟมีสารที่เรียกว่า ‘คาเฟอีน’ เป็นองค์ประกอบสำคัญนั้น มีผลต่อร่างกายและอารมณ์ความรู้สึก

 

 

ปริมาณของคาเฟอีนที่มีผลต่อร่างกายและอารมณ์ คาเฟอีนขนาดต่ำ (50-200 มก.)  จะกระตุ้นให้ร่างกายตื่นตัว กระปรี้กระเปร่า สดชื่น ไม่ง่วงนอน คาเฟอีนขนาดปานกลาง (200-500 มก.)  อาจทำให้ปวดศีรษะ เครียด กระวนกระวาย มือสั่น นอนไม่หลับ คาเฟอีนขนาดสูง (1,000 มก.) จะเริ่มทำให้เกิดคาเฟอีนเป็นพิษ (Caffeinism) ซึ่งจะมีอาการกระสับกระส่ายอยู่นิ่งไม่ได้ หัวใจเต้นเร็ว คลื่นไส้ เบื่ออาหาร ปัสสาวะบ่อย

การเปลี่ยนแปลงของร่างกายและอารมณ์หลังจากดื่มกาแฟ คาเฟอีนในกาแฟถูกดูดซึมได้หมดและค่อนข้างเร็วในระบบทางเดินอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งขณะท้องว่างการดูดซึมจะยิ่งเร็วขึ้น ภายหลังจากการดื่มกาแฟ 30-60 นาที ความเข้มข้นของคาเฟอีนในเลือดจะขึ้นสู่ระดับสูงสุด และหลังจากคาเฟอีนถูกดูดซึม จะกระจายตัวไปตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะอวัยวะที่มีเลือดไปเลี้ยงมาก เช่น หัวใจ ตับ ไต และสมอง นอกจากนี้ คาเฟอีนยังสามารถกระจายสู่รกและน้ำนมได้บ้างประมาณร้อยละ 0.06 การขับคาเฟอีนออกจากร่างกายจะแตกต่างกันในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับอายุและสภาพร่างกาย โดยทั่วไปแล้ว ผู้ใหญ่จะใช้เวลา 5-6 ชั่วโมงในการขับคาเฟอีนปริมาณครึ่งหนึ่งที่ได้รับออกจากร่างกาย

 

coffee-story-1

 

ดื่มกาแฟอย่างไรให้เกิดประโยชน์มากที่สุด และเกิดผลเสียน้อยที่สุด

1.ควรสังเกตว่าตัวคุณเอง มีความไวของการตอบสนองต่อปริมาณกาแฟกี่ถ้วย มีอาการอย่างไรบ้าง เพื่อหาปริมาณที่เหมาะสมสำหรับตัวเอง

2.หากมีอาการนอนหลับยาก ควรหลีกเลี่ยงการดื่มกาแฟในช่วงบ่ายหรือช่วงหัวค่ำ

3.ไม่ควรดื่มกาแฟขณะท้องว่าง เนื่องจากคาเฟอีนเร่งการหลั่งกรดในกระเพาะอาหาร

4.ไม่ควรดื่มกาแฟเพื่อหักโหมทำงาน และอดนอนติดต่อกันหลายๆ คืน แม้ว่าคาเฟอีนช่วยให้ร่างกายตื่นตัวจริง แต่สมองต้องการเวลาพักผ่อนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการรับรู้

5.หากคุณเป็นผู้ที่ดื่มกาแฟเป็นประจำ ควรกินอาหารที่เป็นแหล่งของแคลเซียมเพิ่มเติม เช่น นม โยเกิร์ต ปลาเล็กปลาน้อย คะน้า บรอกโคลี เป็นต้น เพื่อทดแทน แคลเซียมที่สูญเสียไปกับปัสสาวะ และลดความเสี่ยงต่อโรคกระดูกพรุน หรืออาจปรับเปลี่ยนโดยการชงกาแฟใส่นมแทนครีมเทียม เป็นต้น

6.เนื่องจากในกระบวนการคั่วเมล็ดกาแฟจะมีอนุมูลอิสระเกิดขึ้น ดังนั้นการหมั่นรับประทานผักผลไม้อยู่เป็นประจำ ร่างกายก็จะได้รับวิตามินซี วิตามินอี และเบต้าแคโรทีนในผักผลไม้ เช่น มะเขือเทศ แครอท ผักใบเขียว ฝรั่ง ส้มเขียวหวาน เป็นต้น จะช่วยกำจัดอนุมูลอิสระที่ไม่มีประโยชน์ออกจากร่างกายได้

7.ดื่มน้ำสะอาดมากๆ เพื่อชดเชยการสูญเสียน้ำจากฤทธิ์ในการขับปัสสาวะของคาเฟอีน

ข้อมูล : หมอชาวบ้าน

 

coffee-story-3

coffee-story-6

 

20 ข้อดีที่ได้จากการดื่มกาแฟ

1.ลดอัตราเสี่ยงโรคหัวใจในผู้หญิง 25%

2.ลดอัตราเสี่ยงการเป็นเบาหวาน 60%

3.ชะลอภาวะความจำเสื่อม 65%

4.ลดอัตราเสี่ยงโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ 50%

5.ลดอัตราเสี่ยงโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก

6.ลดอัตราเสี่ยงการเป็นอัลไซเมอร์ 65%

7.ลดอัตราเสี่ยงการเป็นตับแข็ง 80%

8.ลดอัตราเสี่ยงการเป็นนิ่วในถุงน้ำดี 50%

9.ลดอัตราเสี่ยงการเกิดอุดตันเส้นเลือดในผู้หญิง 43%

10.ลดอัตราเสี่ยงการเกิดอาการสั่นของอวัยวะจากระบบประสาท

11.ลดอัตราเสี่ยงการฆ่าตัวตายในผู้หญิง 60%

12.มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง

13.ช่วยให้เรารู้สึกไม่ง่วง และตื่นตัว

14.ช่วยลดความรู้สึกหนาว

15.ลดการเกิดโรคหืด

16.ลดอาการปวดหัว

17.บรรเทาอาการปวด

18.ช่วยทำให้อารมณ์แจ่มใสขึ้น

19.ช่วยทำให้ความสามารถทางการกีฬาสูงขึ้น

20.ป้องกันฝันผุ (ในกาแฟมีสารชื่อว่า Trigonelline เป็นสารที่ทำให้กาแฟมีกลิ่นหอม และรสขม มีประสิทธิภาพช่วยป้องกันและการก่อตัวของแบคทีเรีย)

ข้อมูล : Oknation

เครดิตภาพ : 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9, 10, 11, 12

 

ดวงรายปักษ์ (1-15 ตุลาคม 2559)

ต้องดูดวงรายปักษ์สำหรับผู้ที่เกิดวันอาทิตย์-เสาร์ ประจำวันที่ 1-15 ตุลาคม 2559

 

01-sun-01

คนวันอาทิตย์

 

การงาน

ทำอะไรไม่ค่อยราบรื่นนัก ปัญหาต่างๆรุมล้อมเข้ามาทำให้เราอึดอัดใจ แต่สุดท้ายจะผ่านพ้นไปได้ ให้ระวังในเรื่องเอกสาร สัญญาต่างๆ เรื่องเล็กจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ได้

การเงิน

การเงินติดขัด หากจะลงทุนทำอะไรในช่วงนี้ควรหลีกเลี่ยงไปก่อน แต่ในเรื่องของโชคลาภจะมีเข้ามาแต่ได้มาก็หมดไปเก็บไม่อยู่

สุขภาพ

ระวังของร้อนทำให้เจ็บตัวเช่น โดนน้ำร้อนลวกและของมีคมไม่ว่าจะเป็นใบมีดหรือกระดาษบาด สุขภาพช่วงนี้จะนอนไม่หลับ นอนไม่พอระวังไว้มากๆ

ความรัก

คนมีคู่ให้ระวังในเรื่องคำพูดมากเป็นพิเศษคนรักนำเรื่องเดือดร้อนมาให้ ควรจะนิ่งไม่ควรต่อปากต่อคำ คนโสดจะเจอคนถูกใจแต่ยังไม่สมหวังให้ดูๆไปก่อนยังไม่ควรรีบร้อน

 

 

02-mon-01

คนวันจันทร์

 

การงาน

จะได้รับงานใหม่ที่ต้องรับผิดชอบมากขึ้น ขอให้ลงมือทำด้วยความตั้งใจจะสำเร็จด้วยดี ผู้ใหญ่ให้ความช่วยเหลือให้คำปรึกษาได้ดี

การเงิน

เงินค่อนข้างตึงมือ การเงินรั่วมากรายจ่ายเยอะระมัดระวังการใช้จ่ายมากเป็นพิเศษช่วงนี้

สุขภาพ

ระวังอุบัติเหตุจากความประมาทของตัวเอง ทำอะไรมีสติเยอะๆ สุขภาพให้ระวังเกี่ยวกับผิวหนัง ไม่ว่าจะเป็นสิว ผื่นคัน

ความรัก

คนมีคู่ต่างคนต่างอยู่ไม่ค่อยดูแลเอาใจใส่กันเท่าที่ควร หากใครทะเลาะกันอยู่ช่วงนี้จะเป็นเวลาที่ปรับความเข้าใจให้ดีขึ้น คนโสดจะมีคนมาชอบแต่ยังไม่ตกลงปลงใจให้คุยไปเรื่อยๆดีกว่า

 

 

03-tus-01

คนวันอังคาร

 

การงาน

การงานจะได้รับงานใหญ่ให้รับผิดชอบได้ใช้ความสามารถของตัวเองได้อย่างเต็มที่ แต่ให้ระวังปากเสียงกับเพื่อนร่วมงานไว้มากๆ

การเงิน

การเงินค่อนข้างดี หากคิดจะลงทุนในช่วงนี้สามารถทำได้เลยแต่ทำเล็กๆไปก่อนอย่าเพิ่งทุ่มสุดตัว จะได้ไม่คุ้มเสีย

สุขภาพ

มีเกณฑ์อุบัติเหตุเจ็บตัวเข้าโรงพยบาล บาดเจ็บจากของมีคม สุขภาพค่อนข้างแข็งแรงดีไม่มีปัญหาอะไร

ความรัก

คนมีคู่คนรักดูแลเอาใจใส่กันดี บางคนมีเกณฑ์ได้เดินทางไปต่างประเทศ รวมถึงข่าวดีมีลูกในช่วงนี้ คนโสดอยู่คนเดียวสบายใจกว่าเยอะ ยังไม่เจอคนที่ถูกใจ

 

 

04-wed-01

คนวันพุธ

 

การงาน

มีเกณฑ์โยกย้ายได้งานใหม่ที่ดีกว่าเดิมหรือได้รับตำแหน่งใหม่ การงานประสบผลสำเร็จอย่างดี ให้ระวังปากเสียงกับผู้ใหญ่จะทำให้ตัวเองเดือดร้อน

การเงิน

มีเกณฑ์ได้ที่อยู่ใหม่ไม่ว่าจะเป็นบ้าน คอนโดหรือที่ดิน ให้วางแผนการเงินให้ดี โชคลาภทางการเสี่ยงเด่นมากจะได้เงินก้อนปลดหนี้ปลดสิน

สุขภาพ

ระวังอุบัติเหตุจากความประมาทของผู้อื่น รวมถึงลื่นล้มในห้องน้ำ ตกบันได พื้นที่ต่างระดับระวังไว้มากๆ สุขภาพช่วงนี้เจ็บป่วยง่าย หายยากหายช้า

ความรัก

คนมีคู่มีปัญหามากจนถึงขั้นเลิกราจากกันไป ขอให้อดทนนิ่งไว้ อย่าใช้อารมณ์ คนโสดให้ระวังคนมีเจ้าของมายุ่งวุ่นวายตกเป็นมือที่สามโดยไม่ได้ตั้งใจ

 

 

05-thu-01

คนวันพฤหัส

 

การงาน

การงานดีมาก งานอะไรที่เป็นอุปสรรคอยู่จะผ่านพ้นไปได้ด้วยดี เป็นช่วงที่ทำอะไรก็สำเร็จสมหวัง ทั้งเพื่อนร่วมงานและหัวหน้าจะให้การสนับสนุนอย่างดี

การเงิน

การเงินดีมากหากใครลงทุนในช่วงนี้จะได้ผลกำไรดี ให้ระวังค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับเดินทางหรือรถยนต์เป็นพิเศษในช่วงนี้ หากใครอยากจะออกรถในช่วงนี้จะผ่านฉลุยได้รถใหม่สมใจ

สุขภาพ

ให้ระวังอุบัติเหตุเกี่ยวกับรถเป็นพิเศษ แต่จะไม่เจ็บตัวแต่จะเสียทรัพย์สินโดยใช่เหตุ สุขภาพแข็งแรงดี หากใครเจ็บป่วยจะดีขึ้นหายกลับมาเป็นปกติ

ความรัก

คนมีคู่คนรักค่อนข้างจู้จี้จุกจิกอารมณ์ร้อนเป็นพิเศษนิ่งเฉยไว้เป็นดี ค่อยๆดูแลกันไป คนโสดรักใครชอบใครมีโอกาสสมหวังสูง แต่จะเป็นการคบแบบลับๆยังไม่เปิดเผย

 

 

06-fri-01

คนวันศุกร์

 

การงาน

ค่อนข้างเบื่อหน่ายกับงาน ทำอะไรก็ตามจะยังไม่ประสบผลสำเร็จมีเหตุให้ติดขัดอยู่เสมอ บางคนคิดลาออกจากงานที่ทำ แต่ขอให้อดทนไว้ดีกว่าเพราะหากออกตอนนี้มีเกณฑ์ตกงานสูง

การเงิน

การเงินค่อนข้างฝืดเคือง เงินถึงแม้ได้มาก็เก็บไว้ได้ไม่นานก็ต้องจ่ายออกไป ช่วงนี้งดการหยิบยืมหรือคำ้ประกันให้ใครไม่งั้นตัวเองจะเดือดร้อน

สุขภาพ

ให้ระวังเกี่ยวกับทางเดินหายใจ ปอด รวมถึงชาตามมือตามเท้า ดูแลสุขภาพมากหน่อยในช่วงนี้ ระวังเจ็บตัวจากสัตว์สี่เท้า

ความรัก

คนมีคู่คนรักอารมณ์ร้ายเอาแต่ใจไม่ยอมคน ควรใช้เหตุผลไม่งั้นเรื่องเล็กจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ คนโสดมีคนคุยอยู่บ้างแต่ก็ยังไม่ถูกใจอยู่โสดดีกว่า

 

 

07-sat-01

คนวันเสาร์

 

การงาน

งานใดที่ทำด้วยความตั้งใจจะประสบผลสำเร็จด้วยดี มีชื่อเสียงได้รับการนับหน้าถือตา แต่หากทำเช้าชามเย็นชามจะถูกตำหนิจนถึงขั้นถูกออกจากงานได้ ระวังบริวารนำเรื่องเดือดร้อนทำให้กลุ้มใจ

การเงิน

การเงินดีมากจะได้รับทางลาภลอยหรือทำธุรกิจจะได้รับเงินก้อน หมุนง่ายจ่ายคล่อง เก็บไว้บ้างก็ดี

สุขภาพ

สุขภาพไม่ค่อยดีนักมีเกณฑ์เข้าโรงพยาบาล ให้ระวังในเรื่องของการพักผ่อนและอาหารการกินมากเป็นพิเศษ

ความรัก

คนมีคู่คนรักหากมีปัญหากันอยู่จะเป็นช่วงที่เห็นอกเห็นใจปรับความเข้าใจกัน เรื่องร้ายๆจะกลายเป็นดีคนโสดเจอคนถูกใจได้เริ่มต้นความสัมพันธ์ครั้งใหม่ที่ดีกว่าเดิม

 

 

เรื่อง: ต้องดูดวงอ่านคำพยากรณ์ด้วยไพ่

ดวงรายปักษ์ (16-30 กันยายน 2559)

ต้องดูดวงรายปักษ์สำหรับผู้ที่เกิดวันอาทิตย์-เสาร์ ประจำวันที่ 16-30 กันยายน 2559

 

01-sun-01

คนวันอาทิตย์

 

การงาน

การงานค่อนข้างลงตัว เจรจาติดต่องานประสบผลสำเร็จด้วยดี แต่ให้ระวังในเรื่องของอารมณ์เป็นพิเศษ หงุดหงิดและขี้เบื่อง่าย

การเงิน

การเงินค่อนข้างดี ใช้ง่ายจ่ายคล่องแต่ยังไม่ควรที่จะลงทุนหรือซื้อของชิ้นใหญ่ในช่วงนี้ แนะนำเก็บเงินไว้ก่อนดีกว่า

สุขภาพ

ระวังแผ่นหลัง หมอนรองกระดูก เอว สะโพก รวมถึงช่องท้องลำไส้ กรดไหลย้อน ช่วงนี้เจ็บป่วยได้ง่ายดูแลสุขภาพหาเวลาออกกำลังกายบ้าง

ความรัก

ความรักหากใครมีคู่อยู่แล้วจะดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษ ระวังปากเสียงเล็กๆน้อยๆจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ คนโสดอยู่คนเดียวสบายใจ ยังไม่เจอคนที่ถูกใจ

 

02-mon-01

คนวันจันทร์

 

การงาน

จะได้รับงานที่ตัวเองนั้นไม่ค่อยถนัดนัก แต่เพื่อนร่วมงานยังให้ความช่วยเหลือเป็นอย่างดี ระวังความผิดพลาดในเรื่องเอกสาร ตรวจดูให้ดี

การเงิน

การเงินค่อนข้างฝืดเคือง ระวังในเรื่องของการหยิบยืมหรือค้ำประกันใครจะถูกโกง ไม่ได้คืน

สุขภาพ

ให้ระวังเกี่ยวกับกระดูกและฟัน อุบัติเหตุจากความประมาทของผู้อื่น ทำอะไรก็ตามขอให้ระมัดระวังตัวเป็นพิเศษ

ความรัก

คนมีคู่คนรักจู้จี้จุกจิก เอาแต่ใจเป็นพิเศษ ขอให้ใจเย็นกันไว้ดีกว่า คนโสดระวังคนมีเจ้าของมายุ่งวุ่นวาย ความรักระวังจะตกเป็นมือที่สามโดยไม่ตั้งใจ

 

03-tus-01

คนวันอังคาร

 

การงาน

การงานยุ่งวุ่นวายเป็นพิเศษในช่วงเวลานี้ ให้ระวังมีปัญหากับเพศชายเป็นพิเศษ แต่สุดท้ายแล้วจะผ่านพ้นไปได้ด้วยดี

การเงิน

การเงินราบรื่นดีและมีโชคลาภทางการเสี่ยง ลงทุนทำอะไรในช่วงนี้จะได้ผลกำไรค่อนข้างดี

สุขภาพ

ให้ระวังบาดเจ็บจากของมีคม ปวดหัวไมเกรน ระบบทางเดินหายใจ

ความรัก

คนมีคู่คนรักเอาแต่ใจไปนิด แต่ก็ดูแลเอาใจใส่อย่างดี บางคู่มีเกณฑ์ที่จะได้เดินทางไปท่องเที่ยวในต่างที่ต่างถิ่น คนโสดมีเกณฑ์เจอคนถูกใจได้เริ่มต้นความสัมพันธ์ครั้งใหม่

 

04-wed-01

คนวันพุธ

 

การงาน

การงานดีตัวงานไม่มีปัญหาอะไรให้กังวล แต่ให้ระวังปัญหากับผู้ใหญ่หรือคนอายุมากกว่าในที่ทำงาน นิ่งเฉยไว้ดีกว่า

การเงิน

การเงินถึงแม้จะมีรายรับมากแต่ก็รายจ่ายเยอะ เก็บไม่ค่อยอยู่ แนะนำเก็บเป็นสิ่งของเช่น ทอง สลากออมสิน จะดีกว่า

สุขภาพ

ระวังอาการแพ้ ผื่นคันขึ้นตามผิวหนัง อุบัติเหตุเกิดจากความประมาทของตัวเอง

ความรัก

คนมีคู่ความรักไม่ค่อยหวานชื่น ต่างคนต่างอยู่ มีปากเสียงกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง คนโสดความรักค่อนข้างนิ่ง ถึงแม้จะมีคนมาคุยแต่ก็ยังไม่ถูกใจ

 

05-thu-01

คนวันพฤหัส

 

การงาน

งานค่อนข้างหนักหน่วง แต่เพื่อนร่วมงานคนรอบข้างจะให้ความช่วยเหลือ ได้รับความไว้วางใจจากผู้ใหญ่ ขอให้อดทนจะผ่าพ้นไปได้ด้วยดี

การเงิน

การเงินดีมากหากลงทุนในช่วงนี้ จะได้รับผลกำไรค่อนข้างดี ใครจะซื้อบ้าน ซื้อรถในช่วงนี้ จะกู้ผ่าน ได้สมดั่งใจ

สุขภาพ

ให้ระวังเกี่ยวกับระบบขับถ่าย ท้องผูก ท้องอืด อุบัติเหตุที่เกี่ยวกับหัว

ความรัก

คนมีคู่คนรักดูแลเอาใจใส่กันดี บางคู่มีโอกาสลงเอยได้แต่งานสร้างครอบครัวกัน คนโสดจะเจอคนถูกใจได้เริ่มต้นความรักครั้งใหม่

 

06-fri-01

คนวันศุกร์

 

การงาน

งานยุ่งวุ่นวาย เหน็ดเหนื่อยเป็นพิเศษแต่จะผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ระวังปากเสียงกับหัวหน้าหรือคนอายุมากกว่า ใจเย็นๆไว้เป็นดี

การเงิน

การเงินหมุนง่ายใช้คล่อง อยากกินได้กินอยากเที่ยวได้เที่ยว ระมัดระวังในเรื่องของการลงทุนจะได้ไม่คุ้มเสีย

สุขภาพ

ช่วงนี้ทำอะไรจะเหนื่อยง่าย ระวังปัญหาเกี่ยวกับช่องอก นอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ

ความรัก

คนมีคู่คนรักค่อนข้างน้อยใจหาเวลาไปเติมความหวานให้กันบ้าง คนโสดยังไม่สมหวังในความรัก อยู่ตัวคนเดียวดีกว่า

 

07-sat-01

คนวันเสาร์

 

การงาน

จะได้รับงานใหญ่ให้รับผิดชอบ วางแผนให้ดี เข้าหาผู้ใหญ่จะได้รับคำแนะนำที่ดี ยากลำบากตอนต้นแต่จะสบายตอนปลาย

การเงิน

มีโชคลาภทางการเสี่ยงหรือได้รับสิ่งของจากผู้ใหญ่ การเงินหมุนง่ายใช้คล่อง

สุขภาพ

ให้ระวังอุบัติเหตุแบบไม่คาดฝัน มีเกณฑ์เจ็บป่วยจนต้องเข้าโรงพยาบาล

ความรัก

คนมีคู่คนรักดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดี ให้ระวังเรื่องคำพูดจะทำให้น้อยใจกันโดยใช่เหตุ คนโสดยังไม่เจอคนที่ถูกใจ หากใครมีคนคุยในช่วงนี้ให้ดูๆกันไปก่อน

 

 

เรื่อง: ต้องดูดวงอ่านคำพยากรณ์ด้วยไพ่