ตุลาคม เป็นเดือนที่มีความหมายสำคัญในเรื่องสุขภาพของผู้หญิงทั้งโลก ด้วยการเตือนให้เราได้ตระหนักถึงความจำเป็นในการดูแลสุขภาพของ “เต้านม” อวัยวะสำคัญของความเป็นเพศหญิง
มะเร็งเต้านม เป็นโรคที่มีสถิติเกิดขึ้นกับผู้หญิงและเป็นสาเหตุของอัตราการเสียชีวิตมากที่สุดโรคหนึ่งของผู้หญิง ซึ่งถึงแม้ว่าอัตราการเกิดโรคนี้จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่สิ่งที่เป็นเรื่องดีก็คือ วิทยาการของเทคโนโลยีการรักษายุคใหม่ที่ก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆ จนสามารถพูดได้ว่าขณะนี้ โรคมะเร็งเต้านมเป็นโรคที่สามารถรักษาให้หายได้ หากมีการตรวจพบและรักษาแต่เนิ่นๆ ทำให้ทัศนคติแบบเดิมๆที่คิดกันว่าหากเป็นโรคนี้แล้วจะไม่มีทางรอด ได้ถูกเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
จากสถิติขององค์การอนามัยโลกที่ระบุว่า สามารถพบอัตราการเกิดโรคมะเร็งเต้านมนี้ได้ในผู้หญิง 1 คนของจำนวนผู้หญิงทุกๆ 8 คน และผู้หญิงจะมีความเสี่ยงต่อโรคนี้จนถึงเธอมีอายุ 85 ปี ความเสี่ยงนี้จึงลดน้อยลงก็ตาม สิ่งที่เราควรจะรู้สึกกับตัวเลขสถิตินี้ไม่ใช่การ “ ตระหนก” แต่ควรเป็นการ “ ตระหนัก” ว่าปัจจุบันโรคมะเร็งเต้านม กลายเป็นโรคธรรมดาที่เกิดได้ไม่ยากกับผู้หญิงทุกคนในโลก และขณะที่เรายังไปไม่ถึงการค้นพบวัคซีนใช้ป้องกันโรคมะเร็งเต้านมนี้ได้ เหมือนการพบวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก คำแนะนำที่แพทย์และนักวิจัยมีก็คือ การปรับไลฟสไตล์เพื่อให้ลดความเสี่ยงจากโรคนี้ เป็นวิธีที่ดีที่สุด
จากสถิติพบว่า ไลฟสไตล์ 3 สิ่งนี้คือพฤติกรรมที่ทำให้ผู้หญิงเสี่ยงต่อมะเร็งเต้านมได้มากที่สุด
1. ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์: ไม่ว่าจะดื่มเป็นประจำหรือบางครั้งก็ตาม แต่ถ้าคุณดื่มไวน์วันละสองแก้วเป็นประจำ คุณก็จะมีความเสี่ยงที่จะพัฒนาไปสู่โรคมะเร็งเต้านมได้ 51% หรือถ้าดื่มสัปดาห์ละ 3 -6 แก้ว ก็จะมีความเสี่ยงต่อโรคนี้ได้ประมาณ 15% ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะ แอลกอฮอล์จะไปเปลี่ยนระดับของฮอร์โมนในร่างกายของคุณ ทั้งไปกระตุ้นการผลิตสารที่ก่อมะเร็งในร่างกาย รวมทั้งขัดขวางการทำงานของระบบภูมิต้านทานมะเร็งของให้มีประสิทธิภาพด้อยลงอีกด้วย
2. น้ำหนักตัวเกินมาตรฐาน: สิ่งนี้จะเพิ่มความเสี่ยงโรคมะเร็งเต้านมให้ผู้หญิงในช่วงหลังจากหมดประจำเดือนหรือวัยทอง ให้เพิ่มขึ้นอีก 42% ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะเซลล์ไขมันที่สะสมอยู่นั้นจะไปทำให้เกิดฮอร์โมนเอสโตรเจนเพิ่มมากขึ้น ซึ่งทำให้ร่างกายมีฮอร์โนเพศหญิงมากเกินไป เอสโตรเจน จะไปกระตุ้นฮอร์โมนที่เป็นตัวรับมะเร็งเต้านมในร่างกายให้ให้มีการพัฒนาเติบโตขึ้นได้ และเมื่อมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น ก็หมายถึงการมีไขมันวิสเซรัลในช่องท้องมากขึ้น ซึ่งไขมันชนิดนี้เป็นไขมันที่ทำให้เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งเต้านมได้มากกว่าไขมันที่สะสมในส่วนอื่นๆ
3. การใช้ฮอร์โมนทดแทน (HRT): การรักษาอาการบกพร่องของฮอร์โมนโดยการให้ฮอร์โมนทดแทนหรือ Hormone Replacement Therapy (HRT) มักใช้รักษาสำหรับผู้หญิงที่อยู่ในช่วงวัยทอง ซึ่งจะทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งเต้านมได้มากกว่าปกติเป็น 2 เท่า ในขณะที่ยังรับการรักษาด้วยวิธีนี้อยู่ ยิ่งใช้วิธีนี้นานเท่าไหร่ ก็จะยิ่งมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นเท่านั้น และยิ่งหากเป็นการให้ฮอร์โมนทดแทนในแบบผสมผสาน ที่ใช้ฮอร์โมนทั้งเอสโตรเจนและ โปรเจสโทเจน ซึ่งเป็นฮอร์โมนเพศหญิงทั้งคู่มาผสมผสานกันเพื่อเป็นฮอร์โมนทดแทน ก็จะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงขึ้นกว่าการใช้ฮอร์โมนเอสโตรเจนเพียงอย่างเดียว ความเสี่ยงนี้จะมีอยู่ในช่วง 3 ปีหลังจากการใช้ฮอร์โมนทดแทนในแบบที่ว่านี้แล้ว และยังไม่มีการระบุช่วงเวลาของความปลอดภัยว่าเมื่อไหร่ ดังนั้น หากคุณอยู่ในช่วงของการให้ฮอร์โมนทดแทน ก็ควรไปพบแพทย์ทุกๆ 6 เดือนเพื่อเฝ้าระวังตัวเองจากความเสี่ยงนี้ให้ดีที่สุด
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับมะเร็งเต้านมอีกเรื่องหนึ่งก็คือ ไลฟสไตล์ของเราเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดที่จะทำให้เกิดความเสี่ยงต่อโรคนี้หรือไม่ การมีประวัติครอบครัวที่ไม่มีใครเคยป่วยด้วยโรคมะเร็ง ไม่ได้แปลว่าจะทำให้เราปลอดภัยจากโรคนี้เสมอไป หากมีไลฟสไตล์ที่ไม่เหมาะสม ซึ่งนอกจากการปรับตัวเองด้วยการเลี่ยงจากการดื่มแอลกอฮอล์ รักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในมาตรฐาน และไปพบแพทย์สม่ำเสมอหากใช้ฮอร์โมนทดแทนแล้ว ยังมีเคล็ดลับดีๆที่จะลดความเสี่ยงจากโรคมะเร็งเต้านมได้มากขึ้น สัปดาห์หน้า จะมาเล่าให้ฟังกันค่ะ