Clarins บอกเคล็ดลับผิวสวยด้วยออยล์ และการบำรุงเรียวปากนุ่มละมุนด้วยออยล์

พูดถึงผลิตภัณฑ์ที่เชิดชูความ Oil เป็นสำคัญ สาวๆ หลายคนรีบบอกตัวเองไว้ก่อนเลยว่านี่คงไม่ใช่ทางของฉัน ทางเราก็เลยต้องรีบแชร์ข้อมูลเพื่อให้คุณกลับเข้ามาสู่กระแสเทรนด์การใช้ออยล์หรือน้ำมันสกัดอย่างรีบด่วนเช่นกัน

 

oil-beauty

 

Oil หรือน้ำมันสกัด มีอนุภาคใหญ่ตามธรรมชาติ ถ้าเราเคยหยดน้ำมันลงในน้ำ เราจะเห็นว่าน้ำมันรวมตัวกันใหญ่มากในน้ำ และอนุภาคที่ใหญ่ขึ้นนี้จะแทรกตัวลงรูขุมขนหรือเซลล์ผิวไม่ได้แน่นอน ดังนั้นเวลาเราใช้ออยล์เราจึงรู้สึกเหนียวเหนอะหนะ ไม่สบายตัว เคล็ดลับของการใช้ออยล์หรือน้ำมันสกัดอย่างถูกวิธี นั่นคือเราต้องใช้น้ำมันในเวลาที่ผิวเปียกหรือหมาด เพื่อให้น้ำบนผิวแตกน้ำมันให้มีอนุภาคเล็กนั่นเอง ดังนั้น สำหรับออยล์ที่ใช้กับผิวหน้า แค่เราลองผสมออยล์กับโทนเนอร์ แล้วกดเบาๆ ให้ทั่วใบหน้า เราก็จะได้รับคุณค่าบำรุงของออยล์ดูแลผิวหน้าอย่างเต็มที่และมีประสิทธิภาพ

 

 

สำหรับ Clarins เป็นแบรนด์ที่เลื่องชื่อในฐานะผู้เชี่ยวชาญและผู้นำด้านผลิตภัณฑ์ Treatment Oil อันเป็นเอกลักษณ์ และเป็นที่ยอมรับทั่วโลกมากว่า 60 ปี Double Serum ขนาด 30 มล. 3,500 บาท เซรั่มแรกที่คงความเป็นหนึ่งด้วยแนวคิดแห่งการคิดค้น และการพัฒนาตั้งแต่ปี 1985 ซึ่งได้ก่อกำเนิด Double Serum ครั้งแรกกับเซรั่มที่แยกน้ำและน้ำมันออกจากกัน และยังคงตอบโจทย์ความงามแห่งผิวพรรณของหญิงสาวได้อย่างแม่นยำ ด้วยนวัตกรรมใหม่ล่าสุดจากการวิจัยของคลาแรงส์ที่ผสมผสานสารสกัดจากพืชธรรมชาติอันทรงประสิทธิภาพ ในการลดเลือนริ้วรอยมากถึง 20 ชนิด เพื่อ 5 ปัจจัยสำคัญแห่งความงามมอบผิวดูแข็งแรง เรียบเนียน ยืดหยุ่นยิ่งขึ้น รูขุมขนเล็กลง ผิวแลดูกระจ่างใส คงความอ่อนเยาว์ ด้วยสูตรเข้มข้นที่ตรงเข้าจัดการกับทุกสัญญาณแห่งวัย

 

clarins-lip-oil

 

ผลจากความสำเร็จที่ทางคลาแรงส์ได้รับจากผลิตภัณฑ์ยอดนิยม Clarins Face Oil และ Clarins Body Oil สร้างสรรค์สู่ Instant Light Lip Comfort Oil ขนาด 7 มล. 950 บาท มอบคุณค่าฟื้นบำรุง คืนความชุ่มชื้น ปกป้องเรียวปากจากความแห้งกร้าน พร้อมทั้งเติมสีสันและประกายแวววาวให้ริมฝีปากเต็ม เอิบอิ่ม เย้าย้วน มาพร้อม 3 สี 3 สูตร 3 ส่วนผสม จากคุณค่าน้ำมันสกัด ส่วนผสมหลักจาก Clarins Face Oil และ Clarins Body Oil อันเลื่องชื่อ มีให้เลือกถึง 3 สูตรการบำรุง Raspberry Oil , Mirabelle Oil และAnnatto Oil โดยทุกเฉดสีจะมีส่วนผสมหลักเป็น Hazelnut Oil Corylusavellana บำรุงริมฝีปาก ช่วยรักษาความชุ่มชื้น และ Organic Jojoba Oil Simmondsiachinensis บำรุงริมฝีปากอย่างล้ำลึก โดยไม่ทิ้งความเหนอะหนะบนผิว

 

clarins-01-honey

 

clarins-02-raspberry

 

clarins-lip-oil-03-red-berry

 

ส่วนผสมหลักที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวในแต่ละสี Mirabelle Oil (01 Honey สีเหลือง) Prunusdomestica L subsp. Syriaca ป้องกันการสูญเสียความชุ่มชื้น ช่วยให้ริมฝีปากอ่อนนุ่ม เรียบเนียน Raspberry Oil (02 Raspberry สีชมพู) Rubusidaeus บำรุงริมฝีปากอย่างล้ำลึก ฟื้นฟูให้ริมฝีปากกลับนุ่มชุ่มชื่น Annatto Oil (03 Red Berry สีแดง) Bixaorellana คุณสมบัติในการบำรุงอย่างดีเยี่ยมให้ริมฝีปากรู้สึกเนียนนุ่มสบาย แลดูสว่างกระจ่างใสสุขภาพดี

เติมความสดใสให้กับริมฝีปากด้วยชิมเมอร์ประกายแต่ไม่รู้สึกมันเกินไป หรือเหนียวเหนอะหนะ มาในบรรจุภัณฑ์ที่ดูใช้ง่าย สามารถหยิบขึ้นมาใช้แต่งเติมเพื่อเพิ่มความวาวและสีสันได้มากน้อยตามความต้องการ

 

ภาพผลิตภัณฑ์ : ลิขสิทธิ์แบรนด์

เครดิตภาพ :

ขจัดรอยคราบไม่พึงประสงค์ 8 ประการ ง่ายแสนง่าย!

คุณเคยประสบปัญหาเช่นนี้บ้างมั้ย ไวน์หกใส่เสื้อตอนปาร์ตี้ ลิปสติกจากเธอคนนั้นบนปกเสื้อ คราบวงเหงื่อที่วงแขนเสื้อ ถูกสาดกาแฟใส่เสื้อเพราะมือที่สาม ฯลฯ แต่เดี๋ยวก่อน เรามีทางแก้ไขคราบรอยไม่พึงประสงค์ทั้ง 8 ประการ ด้วยวิธีง่ายๆ โดยยังไม่ต้องพึ่งอุปกรณ์มหัศจรรย์จากโฆษณาทางทีวี

 

p209

1. คราบลิปสติก

ป้ายสบู่ล้างจาน (น้ำยาล้างจานก็ได้นะ) บนรอยลิปสติก จากนั้นทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด

 

p210

2. คราบน้ำมัน / ไขมัน

โรยแป้งฝุ่น หรือฝนแท่งชอล์คสีขาว ทั้งหน้าและหลังจุดที่เปื้อนน้ำมัน ทิ้งไว้ 30 นาที ระหว่างนั้นก็อาจจะขยี้ผ้าไปด้วย ทั้งนี้เพื่อให้ดูดซับน้ำมันออกไป จากนั้นก็ปัดแป้งหรือผงชอล์คออกไป แล้วนำขัดในน้ำที่เจือน้ำยาล้างจาน จากนั้นล้างออกด้วยน้ำอุ่น หากยังออกไม่หมดสามารถทำซ้ำได้

 

p211

3. คราบไวน์แดง

ทันทีที่เลอะ ให้ซับไวน์แดงออกด้วยกระดาษให้มากที่สุด (ห้ามถู หรือขยี้เด็ดขาด!) จากนั้นให้นำไวน์ขาวมาราดจุดที่เลอะไวน์แดง จากนั้นล้างออกด้วยน้ำโซดา ตามด้วยน้ำส้มสายชู ทำซ้ำได้ตามต้องการ (ปล. ผู้เขียนเคยถูกไวน์แดงเลอะใส่ วิธีเร่งด่วนที่สุด และไม่เปลืองไวน์ขาว คือทันทีที่เลอะไวน์แดง ให้ซับไวน์แดงออกให้มากที่สุด แล้วนำผ้า หรือทิชชู่ชุ่มน้ำโซดา ค่อยๆ ซับรอยไวน์แดงไปเรื่อยๆ ช่วยได้เช่นกัน)

 

p222

4. คราบช็อคโกแลต

พยายามปาดเศษช็อคโกแลตออกให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ จากนั้นนำไปแช่ในน้ำสบู่อุ่นๆ แต่ถ้ายังมีรอยครบน้ำตาล ให้ลองนำไปแช่ในน้ำยาล้างจานผสมน้ำจากนั้นล้างออกด้วยน้ำอุ่น

 

p212

5. คราบหมึก

ก่อนอื่นหาผ้าสะอาดมารองเสื้อที่เปื้อนหมึก จากนั้นนำสเปรย์ฉีดผมสเปรย์ยังจุดที่เปื้อนจนชุ่ม รอสัก 2-3 วินาที แล้วซับออกด้วยผ้าสะอาด ทำซ้ำจนกว่ารอยหมึกจะหายไป จากนั้นจึงนำไปซักด้วยผงซักฟอก หรืออาจจะแช่ในน้ำนมสักหนึ่งคืน แล้วค่อยซักออกปกติ

 

p219

6. คราบเลือด

เทน้ำส้มสายชูลงบนรอยเลือดให้ชุ่ม แล้วทิ้งไว้สัก 5-10 นาที จากนั้นซับออกด้วยผ้า หรือผ้าเช็ดตัวสะอาดๆ ทำซ้ำถ้าต้องการ จากนั้นรีบนำไปซัก หรืออีกวิธีให้นำไปจุ่มในน้ำเย็นที่ผสมแอมโมเนีย ทิ้งไว้ 20 นาที เมื่อรอยเลือดแข็งตัว จึงนำไปล้างออกด้วยน้ำอุ่น

 

p220

7. คราบเหงื่อ

คราบเหลืองใต้วงแขนเสื้อ และคอเสื้อ ขจัดด้วยน้ำผสมน้ำมะนาวในอัตราส่วนเท่ากันถูบริเวณคราบเหงื่อ หรือจะใช้เบกกิ้งโซดาผสมน้ำมะนาวขจัดคราบเหงื่อออกก็ได้ จากนั้นก็นำไปซักตามปกติ

 

p221

8. คราบกาแฟ

นำผ้า หรือผ้าขนหนูสะอาดๆ ชุบน้ำส้มสายชูให้ชุ่ม แล้วซับรอยเปื้อน แต่หากกาแฟหกใส่เป็นวงใหญ่ ให้น้ำผ้า หรือเสื้อที่เปื้อนไปแช่ในน้ำส้มสายชู 3 ส่วน และน้ำเย็น 1 ส่วน ทิ้งไส้หนึ่งคืน จากนั้นนำไปซักตามปกติ

 

แค่นี้ ทั้งจอร์จและซาร่า จะต้องร้องว้าว ทำเองได้ง่ายจัง

 

 

ที่มา: The Indian Spot