เทรนด์โชว์หน้าสดกระหน่ำโลกโซเชี่ยล #MakeupFreeTrend

เราสังเกตการณ์มาได้ซักพัก เอ๊ะ! ทำไม IG ของบรรดาเซเลบริตี้ที่เราตามฟอลโล่พวกนางถึงมีอะไรเหมือนกัน ความรู้สึกเหมือนนัดกัน เหมือนจะสร้างเทรนด์ เหมือนจะบอกทุกคนบนโลกใบนี้

ความเหมือนที่ว่าก็คืออยู่ๆ เหล่าเซเลบริตี้ตัวท็อปตัวแม่ก็พากันเซฟฟี่หน้าตัวเองแบบหน้าสด No Makeup แล้วพร้อมใจกันอัพลง IG เป็นว่าเล่น ตื่นนอน ก่อนนอน หรือบางคนอัพโชว์หน้าสดได้ทุกวัน ส่วนก่อนหน้านี้ที่ได้เห็นอยู่บ่อยๆ ใน IG ของ Kylie Jenner เคสนี้เราว่าไม่เกี่ยว เพราะไคลี่ชอบถ่ายแนวนี้อยู่แล้ว เป็นเรื่องปกติของนาง…เราชอบนะ ดูสบายๆ เป็นธรรมชาติดีออกค่ะ

 

drew-barrymore-friend

แกนนำหาใช่ใครอื่น แต่เป็น 3 นางเอกนี้ค่ะ Drew Barrymore, Gwyneth Paltrow และCameron Diaz ถามถึงวัตถุประสงค์ พวกเธอไม่ได้ต้องการอะไรใหญ่โตมากมาย เพียงแค่อยากให้สาวๆ ทุกคนรู้สึกปล่อยวาง ปล่อยใจ สบายใจ มีความสุขในการดำเนินชีวิต ผู้หญิงทุกคนสวยมาก สวยจากข้างใน ฉันแค่อยากจะให้พวกเราไปปีนเขา ไปวิ่งมาราธอน ด้วยใบหน้าที่ไม่ต้องแต่งก็ไปได้ ไปรับอากาศบริสุทธิ์ ไม่ต้องห่วงสวย ให้เพื่อนๆ ได้ยิ้มได้มองเราแบบธรรมชาติๆ (บ้าง) แบบแก้มแดงๆ มีเลือดฝาด เพราะฉันเหนื่อย ฉันร้อน ฉันออกกำลังกาย เพราะสิ่งที่เราจะได้กลับมามันมีมากกว่านั้น…มิตรภาพไงค่ะ ดรูว์ให้สัมภาษณ์

 

adriama-lima

Adriama Lima

 

alexa-chung

Alexa Chung

 

arizona-muse

Arizona Muse

 

bella-hadid

Bella Hadid

 

beyonce

Beyoncé

 

cameron-diaz

Cameron Diaz

 

cara-delevingne

Cara Delevingne

 

cindy-crawford

Cindy Crawford

 

demi-lovato

Demi Lovato

 

drew-barrymore

Drew Barrymore

 

emily-ratajkoski

Emily Ratajkoski

 

gigi-hadid

Gigi Hadid

 

gisele-bundchen

Gisele Bündchen

 

gwen-stefani

Gwen Stefani

 

gwyneth-paltrow

Gwyneth Paltrow

 

jennifer-lopez

Jennifer Lopez

 

katy-perry

Katy Perry

 

kendall-jenner

Kendall Jenner

 

kesha

Kesha

 

kim-kardashian

Kim Kardashian

 

kylie-jenner

Kylie Jenner

 

lady-gaga

Lady Gaga

 

lily-aldridge

Lily Aldridge

 

megan-fox

Megan Fox

 

milley-cyrus

Milley Cyrus

 

nicole-scherzinger

Nicole Scherzinger

 

sharon-stone

Sharon Stone

 

sofia-vergara

Sofia Vergara

 

taylor-swift

Taylor Swift

 

เครดิตภาพ : 1, 2, 3, 45, 6, 7, 8, 9, 10, 11, 12, 13, 14, 15, 16, 17, 18, 19, 20, 21, 22, 23, 24, 25, 26, 27, 28, 29, 30, 31

ลไมย์ – รัมไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก

รัม เครื่องดื่มนี้มีถิ่นกำเนิดที่ประเทศแถบแคริบเบียนที่มีประวัติอันยาวนานน่าสนใจ แฝงไปกับวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของประเทศเหล่านั้น  แต่ละประเทศไม่ว่าจะเป็นจาไมก้า คิวบา มาร์ตินิก เฮติ เวเนซูเอล่า และอื่นๆ อีกในระแวกนั้น ต่างก็ล้วนแต่มีวัฒนธรรมการผลิตและดื่มรัมทั้งสิ้น เมื่อเราดื่มรัมก็เหมือนเรากำลังดื่มชีวิตความเป็นอยู่ของคนในประเทศนั้นๆ

 

recommend-rum-by-beverage-expert-4

รัมมีทั้งแบบดาร์ครัมและไวท์รัม  ดาร์ครัมก็คือรัมที่ผ่านการบ่มในถังไม้โอ๊คและ/หรือผ่านการแต่งสีด้วยคาราเมล รัมประเภทนี้นิยมนำมาดื่มเพียวๆ หรือผสมน้ำเพื่อให้ปรุงแต่งน้อยที่สุด เพราะกลิ่นและรสชาติจะออกเข้มข้นมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอยู่แล้ว สำหรับคนไทยเราน่าจะคุ้นเคยกับไวท์รัมกันมากกว่า รัมประเภทนี้มักไม่เคยผ่านการบ่มในไม้จึงมีสีขาวใสรสชาติอ่อน นิยมนำรัมประเภทนี้มาทำค็อกเทล นอกจากนี้ก็มีโกลเด้นรัม กับสไปซ์รัมที่บ้านเราอาจไม่ได้เห็นบ่อยนัก

 

recommend-rum-by-beverage-expert-1

recommend-rum-by-beverage-expert-2

อย่างที่กล่าวไปเนื่องจากรัมมักมีถิ่นกำเนิดจากประเทศติดทะเล เพราะฉะนั้นอาจจะเป็นเหตุบังเอิญก็ได้ที่ค็อกเทลที่มีรัมเป็นส่วนประกอบมักเป็นค็อกเทลที่เหมาะสำหรับดื่มในเวลาเราไปเที่ยวทะเล หรือเมื่ออยู่ริมสระว่ายน้ำ หรือในวันอากาศร้อนๆ เพราะคนมักนำรัมไปผสมกับน้ำผลไม้ต่างๆให้หอมหวานชื่นใจ เช่น โมฮิโต้ ค็อกเทลยอดนิยมตลอดกาลที่นำไวท์รัมผสมกับน้ำตาลทราย น้ำมะนาว โซดาและสะระแหน่ หรือจะเป็่น Daiquiri ค็อกเทลสุดคลาสสิคอันเป็นค็อกเทลโปรดของ Ernest Hemmingway ซึ่งก็เป็นรัมผสมกับน้ำมะนาวและน้ำเชื่อม และสามารถเพิ่มรสชาติหลากหลายลงไป เช่น สตรอเบอรี่ไดคีรี่ แถมจะนำไปปั่นจนเย็นเจี๊ยบก็สามารถทำได้

รัมจะเป็นรัมไม่ได้ถ้าไม่มีอ้อย จริงๆ แล้วผู้ผลิตมักใช้กากน้ำตาลอ้อยในการผลิตรัมแต่ก็มีหลายประเทศที่ใช้น้ำอ้อยสด (บางที่เรียกรัมชนิดนี้ว่า Rhum Agricole) ซึ่งผลที่ได้ก็จะมีความต่างกันอยู่บ้าง เพราะฉะนั้นประเทศใดก็ตามที่ปลูกอ้อยประเทศนั้นก็สามารถผลิตรัมได้ รวมทั้งประเทศไทย วันนี้ขอแนะนำรัมไทยยี่ห้อเก๋ชื่อ ลไมย์ (Lamai Thai Rum)

 

recommend-rum-by-beverage-expert-3

recommend-rum-by-beverage-expert-5

ลไมย์เป็นรัมที่ผลิตจากน้ำอ้อยที่ผ่านการสกัดเย็น เพื่อให้ได้รสชาติอันบริสุทธิ์ก่อนจะนำไปหมักและกลั่นเพื่อให้ได้รัมที่มีกลิ่นหอมรสชาตินุ่มละมุนปากสมชื่อจริงๆ เป็นรัมที่มีกลิ่นหอมสะอาดๆ ของหญ้าตัดใหม่ และต้นอ้อยสด กลิ่นจางๆ ของแอปเปิ้ลเขียว ลไมย์ไทยรัมบรรจุมาในขวดเซรามิคจากลำปางจึงถือได้ว่าเป็นการใช้ภูมิปัญญาของคนไทยตั้งแต่ต้นจนจบ ดีแท้ไม่ต้องง้อเหล้าต่างชาติให้เสียดุลการค้า  อีกทั้งยังมีภาพลักษณ์สุดเก๋จึงไม่แปลกที่บาร์ส่วนใหญ่จึงนิยมมีลไมย์ไว้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้กับลูกค้าเวลาดื่มค็อกเทล

 

หาซื้อลไมย์ได้ที่  www.passiondelivery.com

เครดิตภาพ : 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7

กาแฟเป็นมากกว่าเครื่องดื่มช่วยเพิ่มพลังความสดใสประจำวัน

กลายเป็นภาพที่ดูชินตาของทุกเช้าไปซะแล้วล่ะค่ะ ได้เห็นแต่คนทำงานมีกาแฟร้อนควันพุ่งอยู่ในมือ เดินเข้าออฟฟิศแบบสวยๆ ถัดไปอีกหน่อยมีคู่รักเดินคุยกันส่งตาหวานยิ่งกว่าไซรัปในถ้วยกาแฟ สาวแฟชั่นแต่งตัวจัดประคองกาแฟในมือราวกับเป็นเครื่องประดับซีซั่นใหม่

 

celebrity-coffee-story-2

celebrity-coffee-story-3

 

หรือจะเรียกได้ว่าการดื่มกาแฟกลายเป็นไลฟ์สไตล์ที่ดูแนบเนียน ใช่ ! นี่คือวัฒนธรรมทางการดื่มชัดๆ  ดื่มได้อย่างไม่ต้องใช้เหตุผล เข้าร้านกาแฟเป็นเรื่องปกติของชีวิต เช้า สาย บ่าย ค่ำ นัดเจอนัดเม้าส์ก็เลือกร้านที่ดูเก๋มีคอนเซ็ปต์ เพิ่มอรรถรสได้อย่างไม่น่าเชื่อ

นอกจากความพึงพอใจในกลิ่น รสชาติ และความรู้สึกตื่นตัวนั้น คุณได้อะไรจากการดื่มกาแฟอีกบ้าง สิ่งที่ได้อาจไม่ใช่ผลดีเพียงอย่างเดียว หากไม่รู้จักควบคุมปริมาณการดื่มให้เหมาะสม แน่นอนว่าคุณอาจได้รับผลอันไม่พึงปรารถนาจากการดื่มกาแฟไปด้วย เพราะกาแฟมีสารที่เรียกว่า ‘คาเฟอีน’ เป็นองค์ประกอบสำคัญนั้น มีผลต่อร่างกายและอารมณ์ความรู้สึก

 

 

ปริมาณของคาเฟอีนที่มีผลต่อร่างกายและอารมณ์ คาเฟอีนขนาดต่ำ (50-200 มก.)  จะกระตุ้นให้ร่างกายตื่นตัว กระปรี้กระเปร่า สดชื่น ไม่ง่วงนอน คาเฟอีนขนาดปานกลาง (200-500 มก.)  อาจทำให้ปวดศีรษะ เครียด กระวนกระวาย มือสั่น นอนไม่หลับ คาเฟอีนขนาดสูง (1,000 มก.) จะเริ่มทำให้เกิดคาเฟอีนเป็นพิษ (Caffeinism) ซึ่งจะมีอาการกระสับกระส่ายอยู่นิ่งไม่ได้ หัวใจเต้นเร็ว คลื่นไส้ เบื่ออาหาร ปัสสาวะบ่อย

การเปลี่ยนแปลงของร่างกายและอารมณ์หลังจากดื่มกาแฟ คาเฟอีนในกาแฟถูกดูดซึมได้หมดและค่อนข้างเร็วในระบบทางเดินอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งขณะท้องว่างการดูดซึมจะยิ่งเร็วขึ้น ภายหลังจากการดื่มกาแฟ 30-60 นาที ความเข้มข้นของคาเฟอีนในเลือดจะขึ้นสู่ระดับสูงสุด และหลังจากคาเฟอีนถูกดูดซึม จะกระจายตัวไปตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะอวัยวะที่มีเลือดไปเลี้ยงมาก เช่น หัวใจ ตับ ไต และสมอง นอกจากนี้ คาเฟอีนยังสามารถกระจายสู่รกและน้ำนมได้บ้างประมาณร้อยละ 0.06 การขับคาเฟอีนออกจากร่างกายจะแตกต่างกันในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับอายุและสภาพร่างกาย โดยทั่วไปแล้ว ผู้ใหญ่จะใช้เวลา 5-6 ชั่วโมงในการขับคาเฟอีนปริมาณครึ่งหนึ่งที่ได้รับออกจากร่างกาย

 

coffee-story-1

 

ดื่มกาแฟอย่างไรให้เกิดประโยชน์มากที่สุด และเกิดผลเสียน้อยที่สุด

1.ควรสังเกตว่าตัวคุณเอง มีความไวของการตอบสนองต่อปริมาณกาแฟกี่ถ้วย มีอาการอย่างไรบ้าง เพื่อหาปริมาณที่เหมาะสมสำหรับตัวเอง

2.หากมีอาการนอนหลับยาก ควรหลีกเลี่ยงการดื่มกาแฟในช่วงบ่ายหรือช่วงหัวค่ำ

3.ไม่ควรดื่มกาแฟขณะท้องว่าง เนื่องจากคาเฟอีนเร่งการหลั่งกรดในกระเพาะอาหาร

4.ไม่ควรดื่มกาแฟเพื่อหักโหมทำงาน และอดนอนติดต่อกันหลายๆ คืน แม้ว่าคาเฟอีนช่วยให้ร่างกายตื่นตัวจริง แต่สมองต้องการเวลาพักผ่อนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการรับรู้

5.หากคุณเป็นผู้ที่ดื่มกาแฟเป็นประจำ ควรกินอาหารที่เป็นแหล่งของแคลเซียมเพิ่มเติม เช่น นม โยเกิร์ต ปลาเล็กปลาน้อย คะน้า บรอกโคลี เป็นต้น เพื่อทดแทน แคลเซียมที่สูญเสียไปกับปัสสาวะ และลดความเสี่ยงต่อโรคกระดูกพรุน หรืออาจปรับเปลี่ยนโดยการชงกาแฟใส่นมแทนครีมเทียม เป็นต้น

6.เนื่องจากในกระบวนการคั่วเมล็ดกาแฟจะมีอนุมูลอิสระเกิดขึ้น ดังนั้นการหมั่นรับประทานผักผลไม้อยู่เป็นประจำ ร่างกายก็จะได้รับวิตามินซี วิตามินอี และเบต้าแคโรทีนในผักผลไม้ เช่น มะเขือเทศ แครอท ผักใบเขียว ฝรั่ง ส้มเขียวหวาน เป็นต้น จะช่วยกำจัดอนุมูลอิสระที่ไม่มีประโยชน์ออกจากร่างกายได้

7.ดื่มน้ำสะอาดมากๆ เพื่อชดเชยการสูญเสียน้ำจากฤทธิ์ในการขับปัสสาวะของคาเฟอีน

ข้อมูล : หมอชาวบ้าน

 

coffee-story-3

coffee-story-6

 

20 ข้อดีที่ได้จากการดื่มกาแฟ

1.ลดอัตราเสี่ยงโรคหัวใจในผู้หญิง 25%

2.ลดอัตราเสี่ยงการเป็นเบาหวาน 60%

3.ชะลอภาวะความจำเสื่อม 65%

4.ลดอัตราเสี่ยงโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ 50%

5.ลดอัตราเสี่ยงโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก

6.ลดอัตราเสี่ยงการเป็นอัลไซเมอร์ 65%

7.ลดอัตราเสี่ยงการเป็นตับแข็ง 80%

8.ลดอัตราเสี่ยงการเป็นนิ่วในถุงน้ำดี 50%

9.ลดอัตราเสี่ยงการเกิดอุดตันเส้นเลือดในผู้หญิง 43%

10.ลดอัตราเสี่ยงการเกิดอาการสั่นของอวัยวะจากระบบประสาท

11.ลดอัตราเสี่ยงการฆ่าตัวตายในผู้หญิง 60%

12.มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง

13.ช่วยให้เรารู้สึกไม่ง่วง และตื่นตัว

14.ช่วยลดความรู้สึกหนาว

15.ลดการเกิดโรคหืด

16.ลดอาการปวดหัว

17.บรรเทาอาการปวด

18.ช่วยทำให้อารมณ์แจ่มใสขึ้น

19.ช่วยทำให้ความสามารถทางการกีฬาสูงขึ้น

20.ป้องกันฝันผุ (ในกาแฟมีสารชื่อว่า Trigonelline เป็นสารที่ทำให้กาแฟมีกลิ่นหอม และรสขม มีประสิทธิภาพช่วยป้องกันและการก่อตัวของแบคทีเรีย)

ข้อมูล : Oknation

เครดิตภาพ : 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9, 10, 11, 12

 

Adidas เปิดตัว Z.N.E. Hoodie เสื้อฮู้ดรุ่นใหม่ เสริมทัพให้นักกีฬามีสมาธิอย่างแน่วแน่

Adidas ผู้นำนวัตกรรมชุดกีฬาระดับโลก ได้เปิดตัวกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุด อาดิดาส แอธเลติกส์ (Adidas Athletics) พร้อมเขย่าวงการกีฬา

ด้วยการส่งเสื้อ อาดิดาส ซีเอ็นอี ฮู้ดดี้ (Z.N.E. Hoodie) เป็นสินค้าตัวแรกของกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบพิเศษเพื่อลดบรรยากาศรบกวนรอบข้าง ช่วยให้นักกีฬาสามารถทำสมาธิ เตรียมพร้อมสำหรับการแข่งขันได้มากที่สุด โดยพัฒนาขึ้นจากแนวคิดการสนับสนุนการทำสมาธิของนักกีฬาให้ได้อย่างรวดเร็วก่อนที่จะลงสนามหรือในโซนพักเบรก ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าวถือเป็นช่วงเวลาสำคัญที่จะส่งผลต่อประสิทธิภาพในการแข่งขัน

 

adidas-zne-hoodie-1

adidas-zne-hoodie-2

 

เสื้อ Z.N.E. Hoodie ได้รับการออกแบบด้วยหลักการ 3 อย่าง คือ ลดการรบกวนทางเสียงรอบข้าง ลดสิ่งรบกวนทางสายตา และการป้องกันความไม่สบายตัว Z.N.E. Hoodie ผสานการตัดเย็บที่ล้ำสมัยได้อย่างลงตัวกับเนื้อผ้าที่เรียบหรู เหมาะที่จะเป็นเสื้อฮู้ดคู่ใจของนักกีฬา ที่สามารถใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพขณะลงเล่นและขณะพักผ่อน

เนื้อผ้าสองชั้นและส่วนประกอบภายนอกของฮู้ดขนาดสวมใส่สบายรุ่นนี้ ช่วยตัดสิ่งรบกวนภายนอกได้อย่างดี จึงช่วยให้นักกีฬาอยู่กับตัวเองและทำสมาธิได้ดีขึ้น รวมถึงช่วยปรับอุณหภูมิของร่างกายให้เหมาะสม มีพื้นที่เพียงพอสำหรับเก็บหูฟังสำหรับผู้ที่ชอบใช้เสียงเพลงประกอบการทำสมาธิก่อนลงแข่งขัน

อาดิดาส Z.N.E. Hoodie วางจำหน่ายที่อาดิดาสสปอร์ต เพอร์ฟอแมนซ์ช็อป ราคา 3,090 บาท ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ adidas.com/athletics_zne

ภาพ : ลิขสิทธิ์แบรนด์

iRobot เปิดตัวโครงการ Better Together สื่อถึงความรักและใส่ใจคนรอบข้าง พร้อมเผยโฉมหุ่นยนต์ถูพื้นรุ่นใหม่ Braava jet

บริษัท ทีเอช โรโบติก จำกัด ผู้นำเข้าหุ่นยนต์ทำความสะอาดบ้านอัจฉริยะจากสหรัฐอเมริกา แบรนด์ iRobot เปิดตัวโครงการ Better Together พร้อมภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ และเผยโฉมหุ่นยนต์ถูพื้นอัจฉริยะรุ่นล่าสุด Braava jet เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนยุคปัจจุบันได้เป็นอย่างดี

 

 

ม.ล.พลอยนภัส ลีนุตพงษ์ ผู้บริหารและจัดจำหน่าย iRobot “การเปิดตัวโครงการในครั้งนี้ ได้มีการนำเสนอ วัตถุประสงค์ของการเปิดตัวโครงการผ่านมุมมองของภาพยนตร์โฆษณา 2 เรื่อง ได้แก่ เรื่อง Better Together นำเสนอเรื่องราวภาพเหตุการณ์ต่างๆ ของการทำความดีในแต่ละมุมมอง ผ่านสายตาของ iRobot และเรื่อง Bed  ที่ต้องการสื่อถึงความรู้สึกของผู้สูงวัย ว่าไม่มีที่ใดนอนสบายเท่านอนเตียงที่บ้าน ดังนั้น เตียงจึงไม่ใช่แค่เตียง แต่เป็นบันทึกความทรงจำและความผูกพันที่ทำให้นอนหลับ ไปพร้อมกับความอบอุ่นใจในทุกคืน”

https://www.youtube.com/watch?v=eg63D6z9g2I&feature=youtu.be

 

 

โดยงานเปิดโครงการ Better Together ได้เชิญ โตโน่-ภาคิน คำวิลัยศักดิ์ ตัวแทนคนรุ่นใหม่มาร่วมแชร์ประสบการณ์ ผ่านมุมมองแห่งการให้ และงานนี้ยังมี กันต์ กันตถาวร พร้อมด้วยเหล่าเซเลบริตี้คนดังมากมายให้เกียรติร่วมงาน ที่แฟชั่นฮอลล์ ชั้น 1 ศูนย์การค้าสยามพารากอน