ตัวเลือกสุดฮิปสำหรับหน้าฝน

ฝนตกก็ตกพรำๆ น้ำก็ยังรอการระบาย อย่ากระนั้นเลย มาแต่งตัวสวยหล่อดีกว่า แต่แต่งอย่างไรให้เข้ากับวันฝนตกอย่างมีสไตล์ The Editors Society เลือกเครื่องแต่งกายชิ้นเด็ดจาก Lazada เป็นแนวทางให้หนุ่มๆ สาวๆ ได้สวยหล่อรับฝนกัน

 

For Her

Rainy Coat 2

ช็อป Lazada คลฺิ๊ก! http://ho.lazada.co.th/SHHbL4

Banana Banana เสื้อกันฝน สไตล์เสื้อโค้ทเกาหลี (750 บาท)

“จะฝ่าฝนทั้งที ก็ต้องมีสไตล์”

 

Me Kloset

 

ช็อป Lazada คลฺิ๊ก! http://ho.lazada.co.th/SHHbL8

MeKloset คาดิแกนสีขาวสำหรับสวมออกงานและลำลอง  (368 บาท)

“ครบเครื่องพร้อมลุยฝน”

 

VRGIRL 1

ช็อป Lazada คลฺิ๊ก! http://ho.lazada.co.th/SHHbLA

VRG รองเท้าแตะรัดส้น ประดับพลอยกลม (196 บาท)

“ในวันที่ชื้นแฉะ อย่างน้อยก็เดินได้อย่างมั่นใจ”

 

Coach

ช็อป Lazada คลฺิ๊ก! http://ho.lazada.co.th/SHHbLE

Coach X Peanuts Snoopy กระเป๋า tote สีน้ำตาลแบบเรียบ (6,590 บาท)

“ทั้งสไตลลิสต์ ทั้งกันละอองฝน ครบเครื่อง”

 

Anello

ช็อป Lazada คลฺิ๊ก! http://ho.lazada.co.th/SHHbLG

Anello กระเป๋าแบคแพคผ้าแคนวาส สี Dark Green (1,990 บาท)

“สะพายได้สะดวก สำหรับวันที่ต้องลุย”

 

For Him

B&B

ช็อป Lazada คลฺิ๊ก! http://ho.lazada.co.th/SHHbLI

B&B เสื้อสูทลำลองสีเทาเข้ม (799 บาท)

“อย่างน้อย ถ้าต้องเปียกปอน เนื้อผ้าก็ยังพอช่วยชีวิตได้”

 

Minime

ช็อป Lazada คลฺิ๊ก! http://ho.lazada.co.th/SHHbLK

miniME เสื้อแจ็คเก็ตสีกรมท่า พร้อมแถบขาวช่วงแขน (740 บาท)

“ในวันสบายๆ ก็ต้องการความครบเครื่อง ไม่หวั่นฝน”

 

Converse 1

ช็อป Lazada คลฺิ๊ก! http://ho.lazada.co.th/SHHbLQ

Converse รองเท้าผ้าใบ All Star Ox สีกรมท่า (1,400 บาท)

“เลือกรองเท้าแบบเรียบสีเข้ม จะได้ไม่ต้องกังวลกับน้ำท่วม”

 

Fjallraven

ช็อป Lazada คลฺิ๊ก! http://ho.lazada.co.th/SHHbLU

Fjallraven Kanken กระเป๋าเป้แบบคลาสสิกสีอิฐ (2,890 บาท)

“สะพายไปได้ทุกที ในโทนสีต้อนรับใบไม้ร่วง”

 

เข้าไปชมของเก๋ชิ้นอื่นจาก Lazada เพิ่มได้ที่ http://ho.lazada.co.th/SHHbLY

เครื่องประดับต้องห้ามพลาดสำหรับหน้าฝน

มาว่ากันด้วยเครื่องของแว่น นาฬิกา และเครื่องประดับ สำหรับหน้าฝนกันบ้าง เหล่านี้เป็นสีสัน และรูปแบบของเหล่าเครื่องประดับต่างๆ ที่อินเทรนด์ทั้งโทนสีและรูปแบบ ลองเลือกชิ้นที่ชอบ สไตล์ที่ใช่ สำหรับหน้าฝนแม้ฝนสาดก็ไม่หวั่น!

 

Carrera

ช็อป Lazada คลฺิ๊ก!  http://ho.lazada.co.th/SHHbKG

Carrera แว่นทรงอวิเอเตอร์เคลือบปรอทสีฟ้า (3,000 บาท)

“จะแดด จะฝน แว่นก็ต้องคูล”

 

Issey Miyake

ช็อป Lazada คลฺิ๊ก! http://ho.lazada.co.th/SHHbKK

Bao Bao Issey Miyake แว่นสายตา ไม่ใช้น็อต วัสดุจากเยอรมนี (1,490 บาท)

“แว่นตาของคนช่างเลือก”

 

Poca 2

ช็อป Lazada คลฺิ๊ก! http://ho.lazada.co.th/SHHbKc

Poca แว่นกันแดดทรงอวิเอเตอร์ กรอบแว่นสีพิ้งโกลด์ เลนส์ปรอทสีเีขียวเหูลือบชมพู (1,490 บาท)

“เหลือบสีของแว่น ยังคงอินเทรนด์อยู่นะ รู้ยัง”

 

Macopolo

ช็อป Lazada คลฺิ๊ก! http://ho.lazada.co.th/SHHbKi

Macopolo แว่นตากันแดดทรงตาแมวกรอบแว่นสีกระและเหลือง (1,490 บาท)

“สวมสีสันให้กับแว่นกันแดด”

 

MKK

ช็อป Lazada คลฺิ๊ก! http://ho.lazada.co.th/SHHdiU

Michael Kors นาฬิกาหน้าปัดทูโทนสีทองและดำลายเสือ ตกแต่งคริสตัล เข้ากับสายนาฬิกาสีเดรยวกัน (6,500 บาท)

“นาฬิกาเรือนสวยของสาวหวาน”

 

Jewelry

ช็อป Lazada คลฺิ๊ก! http://ho.lazada.co.th/SHHbKk

555 jewelry กำไลข้อมือสเตนเลส สตีล (204 บาท)

“เทรนด์เครื่องประดับปีนี้ แม้ชิ้นเล็กชิ้นน้อยก็ต้องมีดีเทล”

 

Jewelry 2

ช็อป Lazada คลฺิ๊ก! http://ho.lazada.co.th/SHHbKo

W-Jewelry กำไลข้อมือสีทองประดับคริสตัล (329 บาท)

“ช่วงนี้กำไล และแหวนเส้นบาง กำลังฮิตทีเดียวนะ”

 

Jewelry 3.1

ช็อป Lazada คลฺิ๊ก! http://ho.lazada.co.th/SHHbKs

Tips Gallery สร้อยคอพร้อมจี้เงินเคลือบทอง และคริสตัล (395 บาท)

“ความวิบวับ ขาดไม่ได้เลยจริงๆ”

 

 

เข้าไปชมสินค้าเก๋ชิ้นอื่นๆ จาก Lazada กันต่อได้ที่ http://ho.lazada.co.th/SHHbLY

รู้หรือยัง!? ออกแบบกระเป๋าหนัง Longchamp ง่ายแสนง่าย

LP05

 

วันนี้แวะมาที่ Longchamp แฟล็กชิพ สโตร์ ดิเอ็มควอเทียร์ ที่เขามีกระเป๋า เลอ ปลิยาจ เควียร์ เพอร์เซอนัลไลซ์ (Le Pliage Cuir Personalized) มาให้ประดิษฐ์กระเป๋าในแบบของตนเอง เอาใจแฟนคลับ และไม่แฟนคลับทั้งหลาย ที่ต้องการมีกระเป๋ารุ่นฮิต เลอ ปลิยาจ ไว้ในครอบครอง แต่ก็ต้องไม่ซ้ำแบบใครด้วย

กระเป๋าเลอ ปลิยาจ เป็นกระเป๋าคู่ตำนานแบรนด์ลองฌอมป์มาทุกยุคสมัย รุ่นดั้งเดิมทำจากไนลอน มีหูและฝาปิดหนัง พับเก็บได้ เบา และจุใจ ทำให้เป็นที่นิยมสำหรับเหล่านักเดินทางเป็นอันมาก กระทั่ง เลอ ปลิยาจ พัฒนาและอัพเวอร์ชั่นให้เปรี้ยว และหรูหราขึ้นด้วยการใช้วัสดุหนัง แทนไนลอน ให้ชื่อว้า เลอ ปริยาจ เควียร์ ดังที่กล่าวถึง ณ ที่นี้

ขณะที่ ลองฌอมป์ ที่เป็นแฟล็กชิพสโตร์ไซส์ใหญ่ (ซึ่งมีไม่กี่แห่งบนโลกนี้) เขาจะมี เลอ ปลิยาจ และ เลอ ปริยาจ เควียร์ แบบสั่งทำ หรือ เพอร์เซอนัลไลซ์ ประจำถาวร ส่วนร้านลองฌอมป์ ขนาดและไซส์ที่เล็กๆ ลงมา (รวมถึงบ้านเรา) ก็จะต้องอาศัยการเวียนไปตามประเทศต่างๆ เหมือนเดินสายทัวร์คอนเสิร์ตรอบโลก และในเดือนกันยายน ก็ถึงคราวประเทศไทย ที่จะได้โอกาสสั่งทำกระเป๋าลองฌอมป์ใบพิเศษ เฉพาะตน

อันว่า เลอ ปลิยาจ เควียร์ เพอร์เซอนัลไลซ์ คุณๆ จะสามารถเลือกไซส์กระเป๋า สีตัวกระเป๋า ฝาปิด หูหิ้ว มุมหัวซิบ สายสะพายไหล่ ตลอดจนผ้าซับใน และที่สำคัญที่สุด คือสามารถเลือกฉลุอักษรบนตัวกระเป๋าได้ 3 ตัวรวมถึงสามารถใส่ emoji เป็นหนึ่งในตัวอักษร หรือทั้งหมดได้ด้วย หรือถ้าเป็นคนเรียบๆ ก็อาจจะเลือกสลักอักษรบนฝาปิดกระเป๋าแทนก็ได้

ทีมลองฌอมป์ แสดงขั้นตอนในการออกแบบกระเป๋าด้วยตนเอง ทาง The Editors Society ก็เห็นแล้วว่า เขาให้จิ้มๆ บนแท็บเล็ต สังเกตดูมันมาจากเว็บไซด์นี่นา จึงสอบถามได้ความว่า นอกจากคุณๆ จะสามารถมาเลือกทำกระเป๋าใบเด็ด พร้อมรับคำแนะนำจากพนักงานลองฌอมป์แล้ว ก็ยังสามารถที่จะเลือกได้ด้วยตัวเองผ่านเว็บไซด์ลองฌอมป์เช่นกัน

เราจึงมีขั้นตอนการเลือกแบบกระเป๋ามาให้ลองทำเองที่บ้าน (แนะนำให้ทำผ่านแท็บเล็ตจะง่ายกว่า) เมื่อทำเสร็จแล้ว ก็ไม่ต้องสั่งซื้อ แต่ให้เอาแบบไปให้ทางร้านลองฌอมป์ แฟล็กชิพ ณ ดิเอ็มควอเทียร์ อำนวยความสำดวกต่อไป

 

Le Pliage Personalized web 01

(จากซ้ายไปขวา) 1. เมื่อเข้ามาในหน้าเพจ Le Pliage Cuir Personalized ก็จะพบกระเป๋าใบแดง 2. เลือกขนาดกระเป๋า มีทั้งสิ้น 4 ขนาด ตามความกว้างยาวบอกให้เสร็จสรรพ 3. จากนั้นเลือกสีกระเป๋า โดยขอเริ่มจากสิ่งใหญ่ไปเล็ก คือตัวกระเป๋า โดยคลิ๊กที่ปุ่มสีขาวบนตัวกระเป๋า จะปรากฏแถบสีมาให้เลือก

 

Le Pliage Personalized web 02

(จากซ้ายไปขวา) 4. เลือกสีของฝาปิดและหูหิ้ว ด้วยการกดปุ่มขาวบนหูหิ้ว 5. เลือกสีของสายสะพายด้วยการกดปุ่มขาวบนสายสะพาย 6. เลือกสีของมุมหัวซิบ สังเกตปุ่มขาวบนหัวซิบซ้ายมือ

 

Le Pliage Personalized web 03

(จากซ้ายไปขวา) 7. เลือกสีผ้าซับใน ด้วยการกดไอคอน Lining color บนแถบด้านล่าง ก็จะมีกล่องข้อความปรากฎดังรูป เลือกเสร็จกด confirm 8. เลือกออฟชั่น ฉลุอักษรบนตัวกระเป๋า หรือสลักอักษรบนฝาปิดกระเป๋า จากไอคอน Options บนแถบด้านล่าง ก็จะปรากฎกล่องข้อความดังรูป เสร็จแล้วกด confirm 9. ก็จะได้กระเป๋าใบเก๋ที่คุณออกแบบเอง หาอยากแก้ไข ก็แค่ย้อนกลับไปในขั้นตอนที่ต้องการแก้ แค่นั้นเอง

 

กระเป๋าเลอ ปลิยาจ เควียร์ เพอร์เซอนัลไลซ์ ทุกใบ เมื่อออเดอร์แล้วจะส่งออเดอร์นั้นไปผลิตอย่างประณีตโดยผู้เชี่ยวชาญของแบรนด์ ที่เวิร์คช็อปลองฌอมป์ที่เมืองเซอเกร ประเทศฝรั่งเศส โดยมีระยะเวลาการผลิตจนถึงมือคุณๆ ตั้งแต่ 4-6 สัปดาห์ แค่นั้นก็มีกระเป๋า (เกือบจะ) หนึ่งเดียวในโลกให้ได้ภาคภูมิใจในการสร้างสรรค์ด้วยตนเอง

 

Le-Pliage-Cuir-Personalized-01

Le-Pliage-Cuir-Personalized-02

 

(ภาพ: ลิขสิทธิ์แบรนด์, วีรพล วัฒนกุลจรัส)

‘Gucci is Back’ เมื่อกุชชี่กลับมาฮอต…

“กุชชี่” (Gucci) แบรนด์เก่าแก่สัญชาติอิตาเลี่ยนที่โด่งดังทั้งเสื้อผ้าและเครื่องหนังมาตั้งแต่ปีค.ศ. 1921 ในฟลอเรนซ์ ก่อตั้งโดยกุซิโอ้ กุชชี่ (Guccio Gucci) เริ่มต้นจากเป็นธุรกิจแบบครอบครัวและมีลูกชาย 3 คนดำเนินธุรกิจต่อ แรกเริ่มทำธุรกิจกระเป๋าและเครื่องหนังหรูหรา จากนั้นก็มีสินค้าอื่นๆ เพิ่มเติมอย่างรองเท้า นาฬิกาและเครื่องใช้อื่นๆ ที่พวกเราคุ้นๆ กันก็อย่างกระเป๋าสะพายตกแต่งด้วยเหล็กคาดปากม้า (Snaffle-Bit) ปีค.ศ.1960, รองเท้าสวมตกแต่งเหล็กคาดปากม้า ออกขายปีค.ศ.1966, กระเป๋าหูหิ้วไม้ไผ่ (Bamboo) ปีค.ศ.1974 และของใช้อื่นๆ ที่ตกกแต่งด้วยโลโก้ G ไขว้

 

Gucci-01

 

และหลังจากธุรกิจสืบต่อมาพร้อมๆ กับความเปลี่ยนแปลงและเรื่องราวฉาวๆ ของคนในครอบครัว ในปี 1994 ธุรกิจได้เปลี่ยนมือมาสู่มือของ โดเมนิโก้ เดอ โซล (Domenico De Sole) ซีอีโอของกุชชี่กรุ๊ปในตอนนั้น ต่อมาทางแบรนด์ได้ว่าจ้างดีไซเนอร์สุดฮอต ทอม ฟอร์ด (Tom Ford) มาดูแลคอลเล็กชั่นเสื้อผ้า Ready-to-Wear ในปี 1990 และโปรโมตขึ้นเป็นครีเอทีฟไดเร็กเตอร์คุมการออกแบบทั้งหมดใน 4 ปีต่อมา การเข้ามาของฟอร์ดทำให้กุชชี่ขายดิบขายดีและปรับโฉมแบรนด์ให้ดูเซ็กซี่ เย้ายวนมากขึ้น หลังทอม ฟอร์ดพลิกโฉมหน้ากุชชี่ให้เป็นสาวสุดแซ่บได้ 14 ปี ก็ถึงเวลาโบกมือบ๊ายบายกันไปในปี 2004 โดยคอลเล็กชั่นฤดูใบไม้ผลิปีนั้นเป็นคอลเล็กชั่นหนึ่งที่ขายดิบขายดีสุดๆ ปีต่อมา ได้ดีไซเนอร์และครีเอทีฟไดเร็กเตอร์คนใหม่คือฟรีด้า เจียนนินี่ (Frida Giannini) ซึ่งทำงานกับกุชชี่มาตั้งแต่ปี 2002 แล้ว ฟรีด้ามาปรับลุคให้สาวๆ กุชชี่ลดความเย้ายวน เปิดเผยกลายมาเป็นสาวเจ็ตเซ็ตสวยหรู หลังร่วมงานกันเป็นเวาลา 9 ปี ฟรีด้าก็เอ่ยปากอำลากุชชี่ในเดือนธันวาคม 2014 และมีการคาดเดาและสงสัยกันว่าแล้วใครกันนะจะมาดำรงตำแหน่งหัวหอกสำคัญของแบรนด์ที่กระแสเริ่มแผ่วลง

 

Gucci-02

Gucci แบบ Tom Ford

 

Gucci-03

Gucci แบบ Frida Giannini

 

แล้วอัศวินม้าขาวก็มาถึง หลังคอลเล็กชั่น Ready-to-Wear Fall/Winter 2015 ที่มิลานตอนต้นปี 2015 จบลง มีแต่คนสงสัยและอยากรู้จักกับดีไซเนอร์ผู้ออกแบบเสื้อผ้าคอลเล็กชั่นนี้ แล้วชื่อของ อเลสซานโดร มิเชลลี่ (Alessandro Michelle) ก็ถูกเอ่ยออกมาว่าเป็นคนดีไซน์เสื้อผ้าที่ทุกคนฮือฮาและจับจ้อง เนื่องจากสไตล์ของเสื้อผ้าที่ผสมผสานกันระหว่างความเท่ของชายหนุ่ม กับความอ่อนหวานของหญิงสาว ไม่มีการแบ่งแยกเพศสภาพชัดเจนนัก และมีการเดินโชว์ผสมกันระหว่างนางแบบกับนายแบบซึ่งแตกต่างจากโชว์เดิมๆ ของกุชชี่ สไตล์เสื้อผ้าของฤดูใบไม้ร่วง-ฤดูหนาว 2015-2016 เลือกให้นางแบบสวมใส่สูท ส่วนนายแบบเลือกใส่เสื้อผูกโบหรือเสื้อผ้าลูกไม้ที่มีกลิ่นอายย้อนยุคสลับกัน

 

Gucci-05

Gucci-06

Gucci-04

 

แล้วอเลสซานโดร มิเชลลี่คือใคร?

 

จริงๆ แล้วเขาทำงานในกุชชี่มาเป็นเวลา 12 ปีแล้วแต่งานแรกเขาทำกับเฟนดิ (Fendi) ในตำแหน่ง Senior Accessories Designer แล้วจึงย้ายมาที่กุชชี่เมื่อปี 2002 หลังถูกชักชวนจากทอม ฟอร์ด ด้วยความที่มิเชลลี่เป็นดีไซเนอร์เอ็กเซสซอรี่มาก่อนทำให้เขาสนใจ และให้ความสำคัญกับบรรดาข้าวของเครื่องประดับมากๆ ก่อนหน้ามารับตำแหน่งมือหนึ่งของแบรนด์ เขาช่วยให้กุชชี่ทำกำไรจากการขายเครื่องหนัง เพราะแบรนด์เนมดังๆ ต่างอยู่ได้จากรายได้ของสิ่งเหล่านี้ หลังจากผู้คนสงสัยว่าใครคือคนที่ดีไซน์ หลังจากโชว์ 2 วันก็เปิดตัวว่าเขาคือผู้ออกแบบคอลเล็กชั่นพลิกประวัติศาสตร์ที่ทำให้แวดวงแฟชั่นฮือฮา จากนั้นทุกสายตาของแฟชั่นนิสต้าต่างคาดเดาและฟันธงว่าไอเท็มทุกชิ้นต้องเป็นของฮอต และมิเชลลี่ก็ทำสำเร็จ สไตล์ผสมผสานของเขาให้ความรู้สึกเซนชวลไม่ได้เซ็กซี่ เป็นแบบเรโทรยุคหลุยส์ที่ 13 แหวนวงโตๆ เสื้อฮู้ดใส่กับสูทลายดอก เสื้อผ้าโปร่งบาวพลิ้วกับกระโปรงหนังสีสดที่ไม่เหมือนใคร เหมือนที่เราเห็นในหนังของ Wes Anderson ทำให้มีแต่คนจับจ้องสิ่งที่เขาจะดีไซน์ออกมาในซีซั่นต่อไปว่าจะเป็นยังไง?

 

Gucci-12

Gucci-11

Gucci-10

 

นับว่ามิเชลลี่เหมือนคุณหมอที่มากระตุ้นปลุกชีพจรของแบรนด์อิตาลีแบรนด์นี้ที่เกือบจะอ่อนแรงให้กลับมาเต้นแรงเต้นเร็วกระชุ่มกระชวยได้อีกครั้ง ไอเท็มต่างๆ ที่เขาออกแบบต่างเป็น Must-Have ทั้งกระเป๋า รองเท้าและเอ็กเซสซอรี่อื่นๆ ต่างกลายเป็น IT Items ที่ทุกคนอยากเป็นเจ้าของ เพราะเขาไม่ใช่แค่ดีไซน์ให้ตื่นตาแต่เขาทำให้โดนใจทุกคนที่พบเห็นและใช้ได้จริงต่างหาก นั่นคือสิ่งที่มิเชลลี่ทำให้เราเห็นและสัมผัสได้ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเขาจึงเป็นหนึ่งในดีไซเนอร์ที่ใช่ในตอนนี้! และเขายังมีเหล่าดารา นักร้องและนางแบบที่ติดใจผลงานจนกลายมาเป็นลูกค้าไปแล้วอย่างจอร์เจีย เมย์ แจ็กเกอร์ (Georgia May Jagger) ฟลอรเนซ์ แอนด์ เดอะ แมชชีน (Florence and The Machine) ลูปิต้า ยงโง (Lupita Nyong’o) และจาเรด เลโต้ (Jared Leto)

 

Gucci-13

 

แต่เขาก็มีแรงกดดันไม่น้อยเพราะต้องทำโชว์ให้ดีไม่มีตกและยังต้องทำให้ยอดขายไปได้ดีเช่นกัน “Great Power Comes Great Responsibility” เอาใจช่วยเขาต่อไปค่ะ

 

 

เรื่อง: ลลิดา สันพินิจสุนทร

 

(เครดิตภาพ: style.astroawani.com; www.telegraph.co.uk; fashionista.com; www.nytimes.com; www.papermag.com; weirdent.com; www.zimbio.com; variety.com; www.pinterest.com; luxurylaunches.com; www.gucci.com; milandesignagenda.com; www.hollywooddreporter.com; i-d.vice.com; www.thefashionlaw.com; fashionweekdaily.com; ikifashion.com; www.thefashionspot.com; www.popsugar.com; www.purseblog.com; theboyandthebag.com; www.bragmybag.com; www.guccimuseo.com; www.hitthefloor.com; fashionsizzle.com; www.franciscolachowski.com; in.pinterest.com)

เปิดกระเป๋าใบใหม่ของ Furla ลูกเล่นเพียบ!

Furla เปิดฤดูกาลใหม่ ใบไม้ร่วงและหนาว 2016 ก็ขอเอาใจขาร็อก ด้วยกระเป๋าสไตล์ที่จัดจ้าน ทั้งลวดลายและสีสัน จนแทบจะเรียกว่าเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ไปแล้ว

ไล่ไปตั้งแต่งานร็อกสตาร์ ด้วยกิมมิคเด็ด ตั้งแต่สายกระเป๋าแบบสายกีตาร์ งานปักหมุด ปักรูปดาว ตลอดจนงานศิลปะแบบลวงตา kaleidoscope ที่นิยมกันในช่วงทศวรรษที่ 70 ต่อ 80 ยาวไปถึงศิลปะแบบชนเผ่าที่ปรับประยุกด์ให้ดูใหม่เก๋ไก๋ไฉไล เรียกว่าสาวฟูร์ล่า “ครบรส”

 

club-03

แวะชมคอกเล็กชั่นใหม่ทั้งที ก็ต้องเริ่มต้นด้วยของใหม่ ดีไซน์ใหม่ เริ่มที่ Club กระเป๋าทรงอานม้าแบบวินเทจ ปรับให้เป็นร็อกมากขึ้น ทั้งการตอกหมุด หรือทำสายให้เป็นแบบสายกีตาร์ ขณะเดียวกันก็แอบมีสายแบบสั้นเอาไว้สะพายบ่า จุดเด่นของกระเป๋ารุ่นนี้คือตัวล็อคแบบใหม่ ให้บีบปุ่มข้าง แล้วยกขึ้นเพื่อเปิดออก ดูแปลกตา

 

valentina-02

กระเป๋าใบใหม่แบบที่สอง คือ  Valentina ออริจินอลคือกระเป๋าด็อกเตอร์ ที่ปรับให้ทันสมัยขึ้น และให้เหมาะกับสไตล์ของสาวทำงานที่ไม่มีเวลามาจัดแจงกระเป๋ามากนัก กระเป่าจึงออกแบบให้ใช้ง่าย น้ำหนักเบา และเปิดปิดง่ายด้วยตัวปิดแบบแม่เหล็ก

 

metropolis-09

metropolis-08

metropolis-04

ที่จะลืมไม่ได้ คือรุ่นที่เป็นไอคอนนิกอย่าง Metropolis ที่คอลเล็กชั่นนี้มาแบบสนุก และโชว์งานฝีมือแบบใส่ไม่ยั้ง สำหรับคนที่ยังไม่รู้ว่ากระเป๋าใบนี้ฮิตเพราะอะไร ก็ต้องบอกว่าเป็นเพราะเสน่ห์ที่มีความครบเครื่องในใบเดียว คือกระเป๋าฝาปิด สะดวกต่อการใช้สอย และการหิ้วไปแบบง่ายๆ ได้ทุกวัน แถมมีลูกเล่นโดยการนำสีสันและลวดลายมาแต้มแต่งบนกระเป๋าสนุกไปได้ทุกฤดูกาล จนถึงขนาดออกเวอร์ชั่นที่สามารถปรับเปลี่ยนฝาปิดกระเป๋าได้ตามแบบและสีที่ต้องการ

สำหรับคอลเล็กชั่นฤดูใบไม้ร่วง และหนาว 2016 นี้ ฟูร์ล่า นำกระเป๋าเมโทรโพลิส มาใส่ลวดลายที่ทั้งแสดงงานฝีมือ และเทคโนโลยีใหม่ อย่างการทำลายฉลุด้วยเลเซอร์คัท หรืองาน patchwork หรืองานสาน และตอกหมุด เรียกว่าคอนเซ็ปต์ของฤดูกาลนี้ จัดครบในทุกแบบของกระเป๋ารุ่นนี้ ให้สมกับเป็นกระเป๋าใบฮิตสุดของฟูร์ล่า

 

คอลเล็กชั่นอื่นๆ

candy-02

Candy ความกิ๊บเก๋นอกจากจะมาหลายสี ก็อยู่ที่สติ๊กเกอรี่ถอดเปลี่ยนได้ และการปะติดไวนิลและซิป เป็นรูปหน้าการ์ตูนน่ารักน่าหยิก

 

astesia-02

Astesia เป็นรุ่นที่ขายดีมากทั้งยุโรปและเอเชีย เพราะออกแบบมาให้ใช้งานง่ายและมีฝาปิด ทำให้ดูปลอดภัย คอลเล็กชั่นนี้มาในไซส์เล็กลง คล่องตัวขึ้น

 

carpriccio-02

Carpriccio กระเป๋าทรงโบโฮ ต้องการให้เอามาสะพายช่วงแขนแล้วได้เทกเจอร์นุ่มๆ จึงใช้ขนแพะ สายถักเพิ่มอารมณ์ความเป็นร็อกแอนด์โรล

 

stacy-02

Stacy กระเป๋ารุ่นยอดนิยม คราวนี้นำมาทำให้ดูเป็นร็อกมากขึ้น และพร้อมกับสีทองและเงินรับปาร์ตี้ปลายปี

 

piper

Piper เดิมเป็นรุ่นสำหรับสาวทำงาน แพทเทิร์นกระเป๋าจึงดูเป็นทางการ แต่คอลเล็กชั่นนี้เอาใจตลาดญี่ปุ่นก็เลยทำเป็นเป้ เป็นครั้งแรก จึงได้อารมณ์ที่ดูเด็กลงด้วย

 

ครบรส ครบเครื่อง (ราคาดี) ที่สาว Furla ต้องไม่พลาด!

“Jennifer x Giuzeppe” เมื่อเจโลออกรองเท้าสุดแซ่บ

หลังเคยร่วมทำคอลเล็กชั่นพิเศษกับนักร้องสาวฮอต Beyoncé และนางแบบสาวก้านยาว Anja Rubik ล่าสุดดีไซเนอร์รองเท้าฝีมือดีชาวอิตาเลียน Giuzeppe Zanotti ก็มีอะไรพิเศษๆ มาให้ตื่นเต้นกันอีกแล้ว

 

anja-beyonce

Anja Rubik (ซ้าย) และ Beyoncé (ขวา) ถ่ายภาพคู่กับ Giuzeppe

 

ก็เขาจับมือกับดีว่าสาวฮอตสะโพกดินระเบิด Jennifer Lopez สร้างสรรค์คอลเล็กชั่นรองเท้าและเอ็กเซสซอรี่แซ่บๆ ออกมาในชื่อ Giuzeppe for Jennifer Lopez ที่จะวางขายปีหน้าเดือนมกราคม (อดใจรอนิดนะคะ) ข่าวว่าในคอลเล็กชั่นนี้มีบู๊ตโชว์เรียวเล็บตกแต่งด้วยคริสตัลวิบวับ สนีกเกอร์ส้นหนา รองเท้าแบบแกลดิเตอร์หนังพิมพ์ลายงู ในเฉดสีสวยแบบผู้หญิงๆ แบบพาสเทล เบจและเทา แล้วก็มีกระเป๋าหนัง 2 แบบ

 

Jennifer-Giuseppe--04

Jennifer-Giuseppe--03

 

เอาจริงๆ นะ จูเซปเป้เปิดใจไว้ว่า “ผมได้อินสไปร์จากเจนนิเฟอร์ตลอดเวลาและรักสไตล์ของเธอเวลาใส่รองเท้าของผม มันไม่แปลกที่เราจะมาร่วมมือกันครับ คอลเล็กชั่นนี้ก็จะเป็นเหมือนตัวตนของเจนนิเฟอร์เลย ทั้งมีเสน่ห์ เย้ายวน เก๋ไก๋และก็ขี้เล่น” ส่วนนักร้องสาวเผยว่า “ชั้นคิดว่ามันเป็นอะไรที่ใช่แบบที่ไม่ต้องพูดอะไรออกมา คิดว่าสาวๆ ก็คงคิดแบบนี้แหละ ชั้นชอบรองเท้าที่สะกดใจใครๆ รองเท้าที่ใช่จะต้องเข้ากับสไตล์ของชั้นไม่ว่าชั้นไปออกงานพรมแดงหรือวันพักผ่อน ทำให้รู้สึกสวยงาม เซ็กซี่และมั่นใจ ชั้นและจูเซปเป้ตั้งใจออกแบบทุกชิ้นที่เป็นแบบเราๆ อย่างส้นสูงเฟี้ยวที่ดูเปรี้ยวจี๊ดและแน่ๆ คือต้องส่งประกายระยิบระยับ”

 

Jennifer-Giuseppe-02

 

อะค่ะ ต้องอดใจรอกันนี้ดนะคะสาวๆ ที่เลิฟรองเท้าแซ่บๆ จี๊ดๆ อีกไม่กี่เดือนเอง

 

 

เรื่อง: ลลิดา สันพินิจสุนทร

(ภาพ: www.bellanaija.com; www.famouslive.com; www.fashionstylemag.com; www.gotceleb.com; www.baddicbeyfashion.wordpress.com; www.popsugar.com; love2lux.com)

Yves Saint Laurent Birth of a Legend by Pierre Boulat นิทรรศการดี ที่ไม่ควรพลาดชม

ปิแอร์ บูลาต์ (Pierre Boulat) ช่างภาพดังของนิตยสาร Life และเพื่อนของทั้ง อีฟ แซงต์ โรลองต์ (Yves Saint Laurent) และ ปิแอร์ แบร์แจ (Pierre Berge) ถ่ายภาพของแซงตฺ์ โลรองต์ และผลงานของเขามาตลอดทั้งชีวิต หนึ่งในภาพชุดที่มีชื่อเสียงของเขาคือ เบื้องหลังการทำงานตลอด 5 สัปดาห์ของแซงต์ โลรองต์ ขณะเตรียมงานคอลเล็กชั่นแรกของตนเองเมื่อปี 1962

 

YSL-PB-003

YSL-PB-002

YSL-PB-001

บรรยากาศงานนิทรรศการ

 

“Yves Saint Laurent Birth of a Legend by Pierre Boulat” คือนิทรรศการที่นำภาพชุด 49 ภาพ เบื้องหลังการออกแบบคอลเล็กชั่นแรกของแซงต์ โลรองต์ นับตั้งแต่การร่างแบบ การขึ้นแพทเทิร์ตหุ่น การตัดเย็บ การฟิตติ้ง ไปจนถึงวันแสดงแฟชั่นโชว์ ภาพถ่ายนี้ ไม่เพียงแสดงให้เห็นถึงอัจฉริยภาพในการสร้างสรรค์ผลงานของแซงต์ โลรองต์ หนึ่งในดีไซน์เนอร์ผู้เป็นตำนานของแฟชั่นฝรั่งเศสนับจาก โคโค่ ชาเนล และคริสเตียน ดิออร์ ยังบอกความเป็นผู้นำแฟชั่นโลกของฝรั่งเศสอีกด้วย

 

YSL-PB-004

แซงต์ โลรองต์ ในระหว่างการออกแบบคอลเล็กชั่น

 

สยามพารากอน และสถานทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทย จึงได้ร่วมกันนำนิทรรศการภาพถ่ายนี้มาจัดแสดงระหว่างวันที่ 18-30 สิงหาคมนี้ ณ ชั้น M สยามพารากอน ผู้ที่สนในทั้แฟชั่น และภาพถ่าย จึงไม่ควรพลาดชมงานมาสเตอร์พีช จากทั้งดีไซน์เนอร์ และช่างภาพในตำนานทั้งสองคน

 

YSL-PB-005

ชาลี จารุวัสตร์ ที่ปรึกษาประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านกิจการองค์กรสัมพันธ์ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด ,ฯพณฯ จิลส์ การาชง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐฝรั่งเศสประจำประเทศไทย และ มยุรี ชัยพรหมประสิทธิ์ผู้บริหารสยาม พารากอน ในวันแถลงข่าวเปิดนิทรรศการ

 

 

เมื่อ Paul Smith หันมาเป็นดีเจบน Apple Music

Paul Smith แฟชั่นดีไซน์เนอร์ที่มีงาน collaborate กับแบรนด์ต่างๆ ชุกชุม ล่าสุดท่านเซอร์ก็ลองมาเป็นดีเจ เปิดเพลงให้กับ Apple Music ผ่านชาแนลแฟชั่นที่แอปเปิ้ลเปิดให้เป็นพิเศษสำหรับชาวแฟชั่นได้ฟังเพลงคูลๆ ผ่านทาง applemusic.com/fashion

นับวันแอปเปิ้ลก็ยิ่งรุกคืบเข้าสู่โลกของแฟชั่น นับตั้งแต่การเปิดตัวแอปเปิ้ลวอทซ์ เป็นครั้งแรกในระหว่างปารีสแฟชั่นวีค หรือการนำไอโฟนไปถ่ายวิดีโอรันเวย์ของ Burberry หรือแอปเปิ้ลวอทซ์ด้วยความร่วมมือจาก Hermes และ Coach จะแปลกอะไร หากต่อไปเทคโนโลยีจะผสานกับแฟชั่นกันเป็นเนื้อเดียว

โปรเจ็กต์แฟชั่นล่าสุดของแอปเปิ้ลคือการเชิ้อเชิญพอล สมิธ แฟชั่นดีไซน์เนอร์อารมณ์ดี มาร่วมแชร์เพลงโปรดของเขา ผู้ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นหนุ่มอังกฤษผู้รุ่มรวบรสนิยมแถวหน้าของวงการ “หลายปีแล้วที่ผมทำงานร่วมกับนักดนตรี ตั้งแต่การออกแบบปกอัลบั้ม ไปจนถึงความเป็นเพื่อน นั้่นคือส่วนหนึ่งของกระบวนการสร้างสรรค์ของผม” พอล สมิธกล่าวถึงที่มาของการสร้างสรรค์เพลย์ลิสต์ให้กับ Apple Music ซึ่งมีทั้งหมด 3 เพลย์ลิสต์ฺ

 

003

 

‘Around the World in 20 Tracks’ เป็นเพลย์ลิสต์แรกที่พอลทำขึ้น อันมาจากการเก็บเกี่ยวดนตรีที่เกินจากการเดินทางรอบโลก ‘From Herbie to Holiday’ ดนตรีแจ๊สที่เขาเคยฟังตั้งแต่เมื่อสมัยหนุ่มๆ และ  “Something Old, Something New…” บนเพลงทั้งเก่าและใหม่ ที่ม่ส่วนสำคัญต่อประสบการณ์ออกแบบของเขา

โดยทั้ง 3 เพลย์ลิสต์ จะมาพร้อมกับคลิปวิดีโอสั้นๆ ที่ภ่ายทำในย่าน Notting Hill รวมทั้ง Rough Trade ร้านเพลงร้านโปรดของเขา และสโตร์ของเขาที Covent Garden

ขอเชิญรับฟัง และรับชมดนตรีแฟชั่นจากท่านเซอร์ได้นับแต่ยัดนี้

Karl is King

ถ้าถามคนในแวดวงแฟชั่นหรือคนที่สนใจแฟชั่นว่าดีไซเนอร์คนไหนที่ชอบ คงมีชื่อ ‘คาร์ล ลาเกอร์เฟลด์’ (Karl Lagerfeld) ติดโผต้นๆ อยู่เป็นแน่ แหม…ก็จะผ่านชื่อนี้ไปได้ยังไง ใครๆ ก็ต้องรู้จัก ใครๆ ก็ต้องอยากเป็นเหมือนชายคนนี้ แต่จะมีซักกี่คนที่รู้จักตัวตน ประวัติหรือความเป็นคาร์ลมั่ง?

 

Kael-Lagerfeld-007

 

ที่คุ้นๆ ก็คงว่าเป็นดีไซเนอร์ให้กับแบรนด์สุดหรูอย่างชาเนล (Chanel) เฟนดิ (Fendi) และมีแบรนด์ของตัวเอง คาร์ล ลาเกอร์เฟลด์ (Karl Lagerfeld) แถมยังมีงานดีไซเนอร์กับคนโน้นคนนี้อีกมากมาย แล้วยังเป็นช่างภาพอีกด้วย แต่จะมีใครเคยรู้หรือไปตามอ่านประวัติของคุณลุง (เอ๊ะ! หรือคุณป้าดี? ขำๆ นะคะ) ว่ามีมายังไง?

 

Kael-Lagerfeld-014

 

คาร์ล ลาเกอร์เฟลด์เกิดวันที่ 10 กันยายน ปี 1933 (ปีเกิดจริงๆ) ในฮัมบูร์ก (Hamburg) ประเทศเยอรมัน แต่ตัวเขาเองเคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่าเกิดปี 1935 ก่อนหน้านั้นมีข้อมูลว่าเกิดปี 1938 พ่อเป็นนักธุรกิจชื่อออตโต ลาเกอร์เฟลดต์ (Otto Lagerfeldt) แม่เป็นลูกสาวของนักการเมือง ชื่อเอลิซาเบ็ธ บาห์ลมานน์ (Elizabeth Bahlmann) ก่อนแต่งงานทำงานเป็นพนักงานขายเสื้อชั้นใน แต่คาร์ลเองเคยให้ข้อมูลว่าพ่อเป็นคนสวีเดน ก่อนเขาเกิดในปี 1930 ครอบครัวได้โยกย้ายไปอยู่ทางเหนือของเยอรมันหลบหนีสงครามที่มีฮิตเลอร์นำทัพและย้ายกลับมาฮัมบูร์กอีกครั้งหลังคาร์ลอายุได้ 10 ขวบ

คาร์ลสนใจด้านดีไซน์และวาดรูป เขาชอบตัดรูปในแมกกาซีนแฟชั่นมาเล่น ตอนเด็กเขาเข้าเรียนเบื้องต้นที่ St.Annes School และจบการศึกษาด้านศิลปะและประวัติศาสตร์จาก Lycée Montaigne ว่าสังเกตกันหรือเปล่าว่าตัวสะกดนามสกุลของพ่อเขาไม่ใช่ลาเกิร์เฟลด์สะกดตอนนี้ คาร์ลเคยบอกไว้ว่า “เพราะเขียนแค่ Lagefeld มันดูขายมากกว่า”

 

Kael-Lagerfeld-010

Kael-Lagerfeld-002

 

พออายุประมาณ 14 ครอบครัวย้ายมาอยู่ที่ปารีส ฝรั่งเศส เขาไปเข้าเรียนการวาดรูปและเรียนรู้เรื่องผ้าอยู่ 2 ปี จากนั้นเข้าแข่งขันการออกแบบและชนะเป็นที่ 1 ตอนนี้เองที่ทำให้เขาได้พบกับอนาคตดีไซเนอร์ชื่อดังอีกคน อีฟส์ แซงต์ โลรองต์ (Yves Saint Laurent) ที่กลายเป็นเพื่อนสนิทกันต่อมา ปี 1955 เข้าทำงานดีไซน์เต็มตัวครั้งแรกในตำแหน่งผู้ช่วยมือใหม่กับปิแอร์ บัลแมง (Pierre Balmain)

จากนั้น 3 ปีเขาย้ายมาทำงานกับฌอง พาตู (Jean Patou) และได้เริ่มงานออกแบบคอลเล็กชั่นโอต์ กูตูร์ (Haute Couture) มี 10 ชิ้นแต่ใช้ชื่อตัวเองว่า Roland Karl ในปี 1960 คอลเล็กชั่นโอต์ กูตูร์ที่เขาทำ โดนวิพากษ์จากนักข่าวสาวชาวอเมริกัน แคร์รี่ โดโนแวน (Carrie Donovan) ว่า “มันก็สวยดีค่ะ แต่มันควรจะเป็นคอลเล็กชั่นขายปกติ (Ready-to-Wear) มากกว่าเป็นกูตูร์นะคะ” จากนั้น ไปร่วมทำกับแบรนด์อิตาเลียน Tiziano ที่มีลูกค้าเป็นเหล่าดาราและสาวชั้นสูงอย่าง Elizabeth Taylor, Doris Duke, Princess Marcella Borghese ต่อมาในปี 1964 เป็นฟรีแลนซ์ดีไซเนอร์ให้กับแบรนด์โคลเอ้ (Chloe) แรกๆ ก็ดีไซน์แค่บางแบบแต่ต่อมาเขาได้ทำหมดทั้งคอลเล็กชั่น มีผลงานแปลกใหม่นำเสนอผู้ชม ‘Surprise Skirt’ กางเกงพลีตยาวแค่เข่าที่ดูเหมือนกระโปรง และในปี 1970 ทำกับแบรนด์ Curiel และตามด้วย Fendi

 

Kael-Lagerfeld-013

 

กระแสตอบรับฝีมือของลาเกอร์เฟลด์ยังไม่หยุดนิ่ง ในปี 1982 อแลง เวอร์ไธห์เมอร์ (Alain Wertheimer) ประธานบริหารของ Chanel ได้มาทาบทามให้เป็นดีไซเนอร์ของแบรนด์ คาร์ลเคยให้สัมภาษณ์กับ The New York Times ว่าทำไมถึงรับตำแหน่งนี้ “ใครๆ ก็บอกว่ามันน่ากลัว ใครมาอยู่ตรงนี้ต้องแย่และจะกลับมาใหม่ยาก แต่ผมว่ามันท้าทายดีออกนะ” และคาร์ลบอกกับนิตยสาร Marie Claire ว่า “อะไรที่ผมออกแบบ โคโค่คงไม่ชอบ แต่แบรนด์ก็เป็นแค่สัญลักษณ์ ผมต้องมาอัพเดทให้มันมีอะไรใหม่ๆ ผมทำในสิ่งที่เธอไม่ได้ทำไว้ ผมต้องทำสิ่งที่เป็นตัวเอง ผมต้องเอาตัวเองออกมาจากสิ่งที่ชาเนลจะเป็นหรือควรจะเป็น ต้องเป็นอะไรที่ต่างออกไป” เขาทำให้ผ้าทวีด, ไข่มุก, รองเท้าทูโทน และโลโก้ C ไขว้เป็นที่นิยม นอกจากนี้ เขายังให้ความสำคัญกับช่างฝีมือต่างๆ ที่เรียกว่า Métiers d’Art ที่รวบรวมฝีมือช่างในแขนงต่างๆ เอาไว้ครบ

 

Kael-Lagerfeld-005

Kael-Lagerfeld-006

 

 

นอกจากเขาเป็นดีไซเนอร์ยอดฝีมือให้กับแบรนด์ดังๆ หลายแบรนด์แล้ว ในปี 1984 คาร์ลได้เปิดห้องเสื้อในชื่อของตัวเอง Karl Lagerfeld เขาบอกว่า “ผมไม่เคยคิดว่าจะมีร้านและแบรนด์ในชื่อตัวเองเลยนะ แต่ก็นะ ในเมื่อมันเป็นจังหวะที่ใช่ก็ใช่อะนะ” ในปี 2005 เขาได้ขายกิจการให้กับ Tommy Hilfiger Group แต่ยังคงดูแลและเป็นหัวหน้าครีเอทีฟดีไซเนอร์

ด้วยความเป็นคาร์ล ลาเกอร์เฟลด์ในตอนนี้คงไม่มีใครปฏิเสธไอเดียและความฮอตของเขาไปได้ เรียกว่าหยิบจับอะไรก็ได้เงิน ได้กระแสแน่นอน ถ้าเอ่ยชื่อคาร์ล ลาเกอร์เฟลด์แล้ว ใครก็ต้องยอมใจและยอมรับ แล้วจะไม่ให้ยกย่องเขาว่า Karl is King ได้ยังไง?

More & More

 

 

-เมื่อปี 1993 เขาเลือกนางโชว์และดาราหนังโป๊ Moana Pozzi มาเป็นนางแบบเดินให้ Fendi ทำเอา Anna Wintour บก. Vogue US เดินออกจากโชว์ทันที

 

Kael-Lagerfeld-003

 

– ปี 2002 เขาชวนเรนโซ่ รอสโซ (Renzo Rosso) ผู้ก่อตั้งแบรนด์ Diesel ให้ทำคอลเล็กชั่นกางเกงยีนส์ด้วยกันในชื่อ Lagerfeld Gallery by Diesel และออกโชว์ 5 ชิ้นในช่วง Paris Fashion Week แล้ววางขายแบบลิมิเต็ดในปารีส โมนาโก นิวยอร์กและโตเกียว ฟีดแบคตอบรับดีทุกชิ้น Sold Out ส่วนปี 2004 ดีไซน์คอลเล็กชั่นพิเศษให้กับ H & M เพียงแค่ 2 วันที่วางขาย ทุกชิ้นก็ขายเกลี้ยงเช่นกัน

 

Kael-Lagerfeld-004

 

-ปี 2005 เริ่มจับกล้องเป็นช่างภาพถ่ายให้กับ Visionaire23 ‘Emporor’s New Clothes’ หนังสือรวมรูปนู้ดของนางแบบนายแบบและเซเลบ, V, Harper’s Bazaar, Numéro, Vogue German, Vogue Russia และถ่ายภาพโฆษณาให้กับ Chanel, Fendi, Karl Lagerfeld

 

Kael-Lagerfeld-015

 

-ปี 2007 มีหนังชีวประวัติของเขาถ่ายทำโดย Vogue ออกฉายชื่อว่า Lagerfeld Confidential

-เขาพูดได้หลายภาษา ทั้งอังกฤษ, เยอรมัน, ฝรั่งเศส, สเปนและได้ภาษารัสเซียกับจีนกลางด้วย

-เคยใช้ชีวิตคู่กับคนดังในสังคม Jacques de Bascher ต่อมาฌาคเสียชีวิตไปในปี 1989 ปัจจุบันคาร์ลอาศัยอยู่กับ Choupette แมวตัวโปรดและบอกว่าการแต่งงานเป็นเรื่องผิดกฎหมาย

 

เรื่อง: ลลิดา สันพินิจสุนทร

 

เครดิตภาพ : www.timeout.com; www.thedailybeast.com; www.ellevant.com; pleasurephoto.wordpress.com; www.pursuit.in; www.babooka.nl; www.thewesteffect.com; newsfashionista.com; vmagazine.com; www.therealreal.com; www.med-eyes.net; asesorateimagepersonal.blogspot.com; officialarti.com; www.thefashionisto.com

11 ข้อ ที่จะทำให้หนุ่มๆ เท่สไตล์อังกฤษ

เป็นผู้ชายพ.ศ. นี้ บอกเลยว่าโชคดีสุดๆ ที่มีหลากแบรนด์แฟชั่นสไตล์หนุ่มทั้งแบบทางการ และแบบลำลองมาให้เลือกมากเสียไม่รู้จะมากอย่างไรดี แถมยังมาจากแหล่งที่เป็นออริจินัลความคลาสสิกอีกด้วย ซึ่งที่กล่าวมาทั้งหมดก็จะมาแนะนำแบรนด์ Hackett เสื้อผ้าหนุ่มที่ส่งตรงจากอังกฤษ มาสู่แฟลกชิพสโตร์ ณ ชั้น M สยามดิสคัฟเวอรี่

 

001

 

1. แบรนด์ Hackett London ก่อตั้งโดย Jeremy Hackett เมื่อปี ค.ศ. 1979 ที่กรุงลอนดอน โดยเริ่มเปิดเป็นร้านตัดเสื้อสูทแบบอังกฤษร้านเล็กๆ

 

004

 

2. ด้วยคุณภาพ และฝีมือการตัดเย็บ แฮกเกตต์ ประสบความสำเร็จอย่างสูง จนขยายร้าน ขยายไลน์เสื้อผ้า และขยายสาขาไปทั้งอังกฤษ และก้าวต่อไปสู่ตลาดต่างประเทศ รวมทั้งประเทศไทย

3. ความสำเร็จของแฮกเกตต์ มาจากไลน์ที่เรียกว่า Hackett Mayfair ซึ่งก็คือเสื้อผ้าระดับพรีเมียม ในราคาที่ใครก็สามารถเป็นเจ้าของได้ ความพิเศษนี้เริ่มตั้งแต่วัสดุ เนื้อผ้า การตัดเย็บ และการบริการเป็นพิเศษ มีเฉพาะสาขาแฟลกชิพเท่านั้น

 

009

 

4. คุณญาณีพัชญ์ เล็กอนุสรณ์ ผู้จัดการแบรนด์ บอกว่า Hackett Mayfair มีอยู้ที่สาขาสยามดิสคัฟเวอรี่เช่นกัน โดยอยู่ในมุมลึกสุดของร้าน เพื่อความเป็นส่วนตัว จะได้ใช้เวลาในการฟิตติ้ง และทำความเข้าใจกับเครื่องแต่งกายพรีเมี่ยมนี้

5. นอกจากความเป็นส่วนตัวของ Hackett Mayfair ในบางสาขาก็ยังมีเสิร์ฟจินและโทนิค  หรือบริการกรูมมิ้ง (ตัดผม หรือโกนหนวด เป็นต้น) เพิ่มความสุนทรีย์ในการรับบริการ

 

003

 

6. สูททั่วไปของแฮกเกตต์ เลือกใช้ผ้าวูลชั้นดีของอังกฤษ เน้นความบางเบา สวมใส่สบาย อันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์

 

009

 

7. แต่ก็มีเนื้อผ้าพิเศษสุดที่จะสั่งทอโดยเฉพาะจาก Loro Piana ซึ่งได้ชื่อผ้าเป็นแบรนด์ผลิตผ้าวูลที่ดีที่สุดของยุโรป โดยแฮกเกตต์เลือกสั่งทอเนื้อผ้าผสม 3 ชนิด เพื่อให้ได้เนื้อผ้าที่สามารถคืนทรงได้ ยับยาก แม้จะใส่กระเป๋าเดินทาง

 

007

 

8. เมื่อประสบความสำเร็จอย่างสูงจากเสื้อสูทอังกฤษ จึงเริ่มขยายไปออกแบบเสื้อเชิ้ตแบบทางการ อันมีสีเนวี เป็นสีสัญลักษณ์ของแบรนด์ รวมทั้งสีอื่นๆ เปลี่ยนไปตามฤดูกาล รวมทั้งแอสเซสวอรี่แบบต่างๆ ให้ครบเครื่องแต่งกายหนุ่ม อาทิ กระเป๋าหนังแซฟเฟียโน หรือเนคไทหลากแบบ

 

008

 

9. แฮกเกตต์ มีเสื้อผ้าลำลอง 2 แบบ แบบหนึ่งคือ smart causal มีความผสมผสานระหว่างแบบทางการและลำลอง อย่างเบลเซอร์สวมกับกางเกงขาสั้น หรือกางเกงชิโน ด้วยโทนสีที่เลือกสรรมาให้ในแต่ละคอลเล็กชั่นสามารถมิกซ์และแม็ตซ์กันได้อย่างง่ายๆ ด้วยตนเอง

 

002

 

10. อีกแบบคือ sport causal เสื้อผ้าที่ผสมผสานระหว่างความลำลอง ทางการ และสปอร์ต อาทิ เสื้อโปโล หรือคอลเล็กชั่นที่ร่วมกับ แอสตันมาร์ติน รถสุดหรูของอังกฤษ (มีจำหน่ายในประเทศไทย) รวมทั้งคอลเล็กชั่นที่ออกแบบพิเศษร่วมกับสโมสรฟุตบอลเชลซี (ซึ่งมีจำหน่ายเฉพาะที่เซลซี ประเทศอังกฤษ เท่านั้น) ด้วยแฮกเกตต์ เล็งเห็นว่า ไม่ว่าผู้ชายสไตล์ไหน สิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือความชื่นชอบในกีฬา

 

005

 

11. ไม่เพียงแต่เสื้อผ้าสำหรับหนุ่มๆ แฮกเกตต์ ยังมีเสื้อผ้าสำหรับเด็กหนุ่มๆ เพื่อตอบสนองการสวมใส่เสื้อผ้าแบบทางการของเด็กๆ ให้เข้ากับการแต่งกายของคุณพ่อ จึงเกิดเป็นไลน์เสื้อผ้าทั้งแบบทางการและลำลองสำหรับเด็ก ที่ยังคงความเป็นอังกฤษไซส์เล็กเอาไว้ครบถ้วนเช่นกัน

 

010

 

มาพารู้จักแบรนด์ แฮกเกตต์ แบบทุกซอกทุกมุม จนเชื่อมั่นว่าถ้าได้แวะเข้ามาที่แฟลกชิฟสโตร์แห่งนี้คงสนุกกับเสื้อผ้าหลากหลาย สไตล์อังกฤษครบเครื่อง!

 

ภาพ: ลิขสิทธิ์แบรนด์