เปลี่ยนฤดูแฟชั่นแต่ละที ก็มักจะมีคำถามเกิดขึ้นว่า “แล้วอะไรจะมา?”
The Editors Society จึงรวมรวมคำถาม พร้อมคำตอบให้แจ่มแจ้งจากรันเวย์ปารีส มิลาน นิวยอร์ก และลอนดอน ว่าอะไรจะมา อะไรจะอินเทรนด์ เพื่อจะได้ให้เหล่าแฟชั่นนิสต้าทั้งหลายเตรียมมอง และเลือกว่าอยากจะอินเทรนด์แบบไหน
ถามว่า สีไหนจะมา
คำตอบ: สีแซ่บของใบไม้ร่วงและหนาวนี้ มีหลายเฉดหลากสี ตั้งแต่สีคลาสสิกไปจนถึงสีอ่อนหวานที่น่าจะเป็นซัมเมอร์ ก็มาอยู่ฤดูนี้ เรียกว่าเต็มไปด้วยสีสันพัลวัน แต่ขอหยิบสีเด่นๆ ที่เห็นกันมากหน้าบนรันเวย์มาให้ชมกัน เริ่มที่

Red
แดงเกลื่อนรันเวย์ มาตั้งแต่ลำลองไปจนถึงราตรี และแน่นอนว่ามาครบทุกเฉด
(Trussardi, Marni, Loewe และ Elie Saab )

Pink
อ่อนกว่าแดงก็ชมพู ที่ดูซ้ำไปมาหลายรอบก็ไม่เข้ากับฤดูหนาวสักเท่าไร แต่ขอให้เชื่อเถิดว่า ชมพูมาทุกแบบ ตั้งแต่ชมพูอ่อน ชมพูกุหลาบ ไปจนช้อกกิ้งพิงค์
(Vivienne Westwood Red Label, Kenzo, Miu Miu และ Gucci)

Green
อีกหนึ่งสีเด็ดที่มาคู่กันกับชมพู และสีข้างล่าง หลายคนอาจไม่คิดว่า เขียวจะอินกะเข้าด้วย แต่ดูมาแทบครบทุกรันเวย์ สีเขียวก็มาเกือบครบทุกโชว์
(Emilio Pucci, Tory Burch, Burberry และ Rick Owens)

Blue
น้ำเงินถือเป็นสีประจำฤดูหนาวไปแล้ว แน่นอนคราวนี้ก็มาครบทุกความน้ำเงิน ตั้งแต่ฟ้าไปจนถึงกรมท่า และต่อเนื่องไปถึงสีเขียวข้างบน
(Carven, Prabal Gurung, Tod’s และ Marchesa)

Brown
สีน้ำตาล ไปจนถึงนู้ด และเบจ คือสีส่งท้ายความฮิตของฤดูกาลนี้ จริงๆ มีสีอื่นๆ อีก แต่ก็สุดๆ ละกับ 4 สีนี้
(Giorgio Armani. Hermes, Maiyet และ Celine)

Black and White
สีนี้ถือเป็นสีคลาสิกของทุกฤดูกาล จริงๆ ฤดูนี้ก็เต็มไปทั้งสีดำ และขาว ก็เลยขอจับมารวมกันเลย
(Port 1961, Dries Van Noten, Victoria Beckham และ Derek Lam)
ถามว่า ลายอะไรจะมา
คำตอบ: ก็เช่นเดียวกับสีสัน เนื่องจากคอนเซ็ปต์ของหนาวนี้คือการกลับมาของความเยอะ ฉะนั้นก็จะเยอะทั้งสี ทั้งแบบ และทั้งลวดลาย ไม่ว่าจะจิ้มลายไหนก็ถูกต้องแทบทั้งหมด เอาเป็นว่าคัดมาให้ดูเฉพาะที่เด่นๆ เห็นบนบนรันเวย์ เมืองแฟชั่น

Flower
จริงๆ ดอกไม้บนรันเวย์ก็มีแทบทุกฤดู เหมือนดอกไม้จริงๆ ก็ให้เห็นทั้งปีไม่่เว้นหน้าหนาว แต่ฤดูนี้ดอกไม้มาเต็ม และมาสีจัดจ้านแทบทุกแบรนด์ แต่ดอกไม้สีหวานก็ไม่ใช่จะถูกลืมนะ
(Paul Smith, Balenciaga, MSGM และ Dolce & Gabbana)

Tiger skin
ที่เห็นบ่อยสุดคือเสือดาว เป็นหนึ่งหนังดาวเด่น แต่ก็ลืมเสือลายพาดกลอนไม่ได้เหมือนกัน
(Veronique Branquinho, Emanuel Ungaro, Givenchy และ Roberto Cavalli)

Plaid
ความจริงต้องรวมไปทั้งลายตาราง ลายสก็อต และสีสารพัดลายตัดขวาง ทั้งลายใหญ่ ลายเล็ก ลายน้อย และมาทุกสีเลยสิน่า
(Prada, Etro, Preen by Thornton Bregazzi และ Calvin Klein Collevtion)
ถามว่า ไอเท็มไหนจะมา
คำตอบ: หน้าหนาว หลักๆ ก็ต้องหาอะไรมาห่มหนาว ไอเท็มเจ๋งเด็ด คงหนีไม่พ้นแจ๊กเก็ต และเฟอร์ แต่ที่น่าจับตามองก็คือพวกงานคลุมไหล่ ห่อร่าง ทั้งผ้าคลุมไหล่ โบเลโร

Biker Jacket
สาวนักบิด ต้องงัดแจ๊กเก็ตออกมาคลายหนาวกันอีกครั้ง และก็แน่นอน แจ๊กเก็ตมอเตอร์ไซค์มาทุกที มาทุกปี
(Ann Demeulemeester, Courreges, Coach 1941 และ Topshop Unique)

Cape
งานคลุมไหล่ต้องมาก มาทั้ง cape, bolero และ poncho เลือกเอาตามถนัด แค่ไม่ปล่อยให้ไหล่หนาว
(Andrew Gn, Paul & Joe, Sportmax และ Chalayan)

Fur
งานเฟอร์ต้องมา และก็มาแน่นมากในซีซั่นนี้ และก็ดูปล่อยพลังกันสุดฤทธิ์
(Michael Kors, Hood By Air, Fendi และ Saint Laurent)

Jumpsuit
มาพร้อมกับงานมอเตอร์ไซค์ และงานสปอร์ตแวร์ จั๊มพ์สูท เป็นอะไรที่ยังรอให้สาวๆ ใส่จริงๆ แล้วไม่ดูแปลกอยู่นะ
(Emilio Pucci, Louis Vuitton, Sibling และ Lemaire)

Single Shoulder
ตำราบอกว่า แขนเดี่ยวนี้มาพร้อมกับยุค’80s รองเท้นส้นเข็มต้องพร้อม แต่งหน้าตาเฉี่ยวให้พร้อมกับความเปรี้ยวของสาวแขนเดี่ยว
(Isabel Marant, Jeremy Scott, Julien Macdonald และ Maison Margiela)

Puffa
หน้าหนาวนี่นะ งานบุนวมก็ต้องมา เดี๋ยวนี้งานบุนวมไม่ได้ไก่กาเชยแสนเชย ใส่แล้วเป็นแหนม เพราะดีไซน์เนอร์ออกแบบงานบุนวมให้เปรี้ยวจริง เปรี้ยวจัง
(Rag & Bone, Stella McCartney, Iceberg และ Alexander McQueen)
ถามลึกๆ ว่า ต้องเลือกวัสดุไหนมาห่อร่างถึงจะอิน
คำตอบ: ที่แซงเบียดคอตต้อน ไหม หรือเหล่านิตแวร์ทั้งหลาย ก็เห็นจะมีดังนี้

Denim
เดนิมถูกปรับเปลี่ยนจนแทบไม่เหลือความเซอร์ ผลที่ได้กลายเป็นงานแฟชั่นชั้นสูงเลยนะ
(Off-White, Moschino, Manish Arora และ Dsquared2)

Velvet
เพิ่มเนื้อสัมผัสให้กับการสวมใส่ และยังได้ความอบอุ่นจากเนื้อกำมะหยี่ ที่นำไปทำเป็นเครื่องแต่งกายสารพัดแบบ
(Alberta Ferretti, Roland Mouret, Dolce & Gabbana และ MSGM)

Metallic
ประกายวาววับของเนื้อผ้าเมทัลลิก สื่อแฟชั่นหลายสำนักยกให้เป็นไอเท็มของปลายปี
(Opening Ceremony, Jil Sander, Pamella Roland และ Marc Jacobs)
ถามว่า แนวไหนจะมา
คำตอบ: เอาจริงๆ คือมาทุกแบบ ตั้งแต่ชนเผ่า ไปถึงแนวอนาคต ตั้งแต่เรียบมาก ไปจนถึงแน่นมาก อยากแต่งอย่างไรก็แต่ไปตามใจ ทว่า ถ้ายังไม่มีแนว ก็จะสรุปแบบกว้างขวางให้ 4 แนว

Retro
มีคนย่อยแฟชั่นย้อนยุคไปถึงเรอเนซองส์ วิคตอเรียน เอ็ดเวิร์ดเดรียน เอาจริงแฟชั่นย้อนยุคก็ลามมาทุกยุค ทั้งโบฮีเมียน ฮิปปี้ ดิสโก้ มาถึงยุคมินนิมัล เปิดประวัติศาสตร์แฟชั่นแต่งตัวกันเลย
(Veronique Branquinho, Derek Lam, Gucci และ Marchesa)

Military
แนวทหารคราวนี้ไม่ใช่ลายพราง แต่เป็นเครื่องแบบแม่ทัพนายกอง ตลอดจนทหารเรือรอรัก
(Tommy Hilfiger, Givenchy, Mulberry และ Sacai)

Menswear
ผู้หญิงแกร่งเทียบชายก็เป็นอะไรที่แสดงออกได้ด้วยการแต่งกายที่หยิบแรงบันดาลใจจากเสื้อผ้าหนุ่มๆ หรือาจจะเอาเสื้อผ้าหนุ่มๆ นี่แหละมาปรับให้ดูหวานด้วยตัวเองก็ได้
(Andreas Kronthaler for Vivienne Westwood, Giambattista Valli, Issey Miyake และ Thom Browne)

Rock
สาวร็อคในวันนี้ เป็นทั้งร็อคโหดๆ และกรันจ์ร็อคในแบบ Courtney Love ก็ไม่เลว
(Julien Macdonald, Alexander Wang, Herve Leger by Max Azria และ DKNY)

Sport
ตราบที่ยังรักการดูแลตนเอง สปอร์ตเวร์ก็จะฝังร่างมาแทบทุกการออกแบบของดีไซน์เนอร์ในปัจจุบัน ยังไงก็ไม่พลาดแต่งสปอร์ต
(Damir Doma, Vetements, Coach 1941 และ Celine)

Volume
ในที่นี้หมายถึงการเพิ่มวอลลุ่มให้กับเสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย ไม่ว่าจะเป็นการจับจีบ จับระบาย สม็อค รวมทั้งการเล่นระดับ ล้วนเป็นดีเทลสำคัญของเสื้อผ้าในฤดูกาลล่าสุดนี้ “ต้องห้ามพลาด”
(Fendi. Valentino, Mary Katrantzou และ Chanel)
สาวๆ คงเกิดไอเดียแต่งตัวรับปลายปีนี้กันแล้วนะ