City Break Paris Part XIX

By Pusit Sansopone
เบรกเที่ยวในกรุงปารีส ตอนที่ 19

เที่ยวพิพิธภัณฑ์ลูฟว์ Louvre ตอนที่ 3
การปรับเปลี่ยนของ Louvre จากการเป็นพระราชวังมาเป็นพิพิธภัณฑ์

กลับมาพูดเรื่อง Louvre จริงๆ แล้วในช่วงที่มีการย้ายเมืองหลวงไปแวร์ซายส์ในช่วง 3 รัชสมัยนั้น ได้มีความคิดจากราชสำนักจะนำเอาวัง Louvre ไปทำประโยชน์ เช่น การทำเป็นหอศิลป์ นำโดย พระเจ้าหลุยส์ที่ 15 ได้นำภาพศิลปะที่พระองศ์สะสมจากวังลุกซอมบูรก์ The Luxembourg Palace โดยมีผลงานสุดยอดจากศิลปินชั้นนำ

เช่น Andrea del Sarto, Raphael, Titian, Veronese, Rembrandt, Poussin มีการเปิดให้สาธารณะชนชมอาทิตย์ละ 2 วัน ทำให้ในรัชสมัยของ พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 มีนโยบายที่จะทำ Louvre ให้เป็นพิพิธภัณฑ์ แต่ก็ไม่สำเร็จเพราะเหตุการณ์บ้านเมืองไม่อำนวย จนกระทั่งมาถึงยุคปฏิวัติก็มีการเปิดพิพิธภัณฑ์ Louvre เป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม ปี ค.ศ 1793 โดยมีภาพวาดชั้นนำ 537 ชิ้น และศิลปวัตถุอื่นๆ อีก 184 ชิ้น โดย 3 ใน 4 ของทั้งหมดมาจากราชสำนัก

City Break Paris Louvre Museum ตอน 3 -8

ภาพวาดในปี 1810 ของ  Louis Léopold Boilly (1761–1845 Paris) ชื่อ The Public Viewing David’s “Coronation” at the Louvre ซึ่งเป็นภาพสาธารณะชนไปชมภาพราชาภิเษกของนโปเลียน Coronation of the Emperor ที่ Louvre ซึ่งวาดโดย Jacques Louise David ศิลปินประจำพระองค์ของนโปเลียน

หลังจากการสลายตัวของการปฏิวัติ เมื่อถึงยุคของ จักรพรรดินาโปเลองโบนาปารด์ หรือ นโปเลียนที่ 1 เข้ามามีอำนาจ ท่านได้เปลี่ยนชื่อพิพิธภัณฑ์เพื่อเป็นเกียรติแก่ท่านเอง โดยใช้ชื่อว่าพิพิธภัณฑ์นโปเลียน “Museum Napoleon” ในปี ค.ศ. 1803

City Break Paris Louvre Museum ตอน 3 -4

Napoléon on the Battlefield of Eylau เป็นภาพสีน้ำมันวาดในปี 1808 โดย Antoine-Jean Gros. บรรยายเหตุการณ์หลังการสู้รบที่ ไอลอ โดยในครั้งนั้นกองทัพใหญ่ของนโปเลียนโบนาปาร์ต (Grande Armée )สามารถเอาชนะกองทัพรัสเซียได้ ภาพนี้อยู่ที่ Louvre ในยุคปัจจุบัน เป็นภาพในสไตล์ที่เรียกว่า French Romanticism

เนื่องจากศิลปวัตถุส่วนใหญ่ได้มาจากชัยชนะในสงครามต่างๆ เรียกว่าพิพิธภัณฑ์นั้นล้นไปกับงานศิลป์ที่กองทัพใหญ่ของนโปเลียนโบนาปาร์ต (Grande Armée) ไปกวาดมาจากทั้งทวีปยุโรปรวมทั้งแอฟริกาตอนเหนือโดยเฉพาะประเทศอียิปต์

City Break Paris Louvre Museum ตอน 3 -1

ภาพวาดงานแต่งงานครั้งที่ 2 ของนโปเลียนกับมารีหลุยส์ ที่ Louvre โดยศิลปินชื่อ Corbis จะเห็นว่าตอนนั้น Louvre เป็นพิพิธภัณฑ์ที่เต็มรูปแบบแล้ว

หลังจากที่ลูฟว์ได้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ และได้ทำการอนุรักษ์และนำเสนอผลงานศิลปะนับพันๆ ชิ้น รวมทั้งมรดกของอารยธรรมในอดีต ในช่วงต้นศตวรรษที่ 19 จักรพรรดิได้เปลี่ยนการตกแต่งภายใน และยังได้สร้างประตูชัยที่ยิ่งใหญ่ 2 แห่ง เนื่องจากท่านถือว่าท่านเป็นจักรพรรดิเฉกเช่นจักรพรรดิโรมันแห่งโรมที่มีประเพณีตัดไม้ข่มนาม ด้วยการนำกองทัพเดินลอดประตูชัยเอาฤกษ์เอาชัยก่อน ทำให้ทหารมีกำลังใจและฮึกเหิมและดูเหมือนว่าจะได้ผลดี เพราะกองทัพใหญ่ของนโปเลียนโบนาปาร์ตนั้นแทบจะไม่เคยปราชัยจากการสู้รบ 60 สงคราม นโปเลียนแพ้เพียง 8 ครั้ง ส่วนใหญ่ก็เป็นสงครามหลังจากที่ไม่สามารถบุกยึดรัสเซียได้ก็ไม่ค่อยได้ชนะอีกจนแพ้ครั้งสุดท้ายที่ Waterloo เมื่อปี 1815

City Break Paris Louvre Museum ตอน 3 -9

ภาพทหารของนโปเลียนสวนสนามลอดประตูชัย  Carrousel หน้าวัง Tuileries วาดโดย Hippolyte Bellangé ในปี 1810

ทั้งนี้ นโปเลียนได้สร้างประตูชัยเล็กที่ชื่อการ์รูเซล Arc de Triomphe du Carrousel อยู่ใกล้กับพระราชวัง Tuileries ตรงจุดที่เรียกว่า Place du Carrousel มันถูกสร้างขึ้นระหว่างปี 1806 และ1808 เพื่อรำลึกถึงชัยชนะทางทหารของนโปเลียนเมื่อปีก่อนๆ เช่น ชัยชนะที่ออสเตรียและเพื่อเป็นเกียรติกองทัพอันยิ่งใหญ่ของพระองค์

City Break Paris Louvre Museum ตอน 3 -7

Arc du Carrousel หรือประตูชัยเล็กนี้ สร้างขึ้นตรงพื้นที่ระหว่าง Louvre และ Palais de Tuileries

มันมี 3 ซุ้มประตู ซึ่งก็ได้ต้นแบบมาจากประตูชัยคอนสแตนตินและประตูชัยเซปติมุส ( Arch of Constantine, Arch of Septimius Severus) ในกรุงโรม ออกแบบโดย Charles Percier และ Pierre François Léonard Fontaine มีจุดเด่นอยู่ที่เสาโครินธ์ทั้ง 8 ต้น ทำจากหินอ่อนสีชมพู และรูปปั้นด้านบนของซุ้มประตูเป็นสัญลักษณ์แห่งชัยชนะที่เรียกว่า “Triumphal Quadriga” เป็นชุดรถม้าโรมัน Chariot ทองสัมฤทธิ์เทียมม้า 4 ตัวที่นโปเลียนนำมาจากจัตุรัสเซนต์มาร์กในเวนิส โดยตั้งใจจะทำรูปปั้นนโปเลียนเป็นผู้ทรงรถม้าแต่ในที่สุดรูปปั้นทั้งหมดก็ถูกส่งกลับไปยังเมืองเวนิสหลังจากการล่มสลายของ นโปเลียนที่ Waterloo แต่ก็ทำแทนที่ด้วยชุดรถม้าที่สร้างโดย François Joseph Bosio ในปี 1828

ในขณะที่ประตูชัยใหญ่ หรือ ประตูชัยนโปเลียน Arc de Triomphe de l’Étoile ที่อยู่ปลายสุดของถนน Champs Élysées ก็เป็นสถาปัตยกรรมสไตล์โครินธ์ และได้รับการออกแบบในปีเดียวกัน แต่มันใหญ่กว่าประตูการ์รูเซลถึงสองเท่า ทำให้ยังไม่แล้วเสร็จจนถึงปี 1836 ในรัชสมัยของพระเจ้าหลุยส์ – ฟิลิปป์

สำหรับ Arc de Triomphe de l’Étoile นั้นถูกสลักด้วยชื่อแม่ทัพนายพลของนโปเลียน และชื่อสงครามที่นโปเลียนชนะ มันออกแบบโดย Jean Chalgrin มีต้นแบบเป็นประตูชัยติตัส Arch of Titus ในกรุงโรมแต่ Arc de Triomphe ที่ปารีสสูงกว่ามาก (50 เมตรเทียบกับ 15 เมตร) แต่ก็มีความสมมาตรและมีสัดส่วนที่เท่ากัน

City Break Paris Louvre Museum ตอน 3 -11

ประตูชัยประดับประดาเป็นปูนปั้นมีมิติที่ส่วนใหญ่เป็นที่ระลึกถึงการสู้รบของจักรพรรดินโปเลียน เช่น การต่อสู้ที่ Aboukir หรือชัยชนะของนโปเลียนเหนือตุรกีและการต่อสู้ Austerliz ที่นโปเลียนชนะออสเตรีย ด้านล่างซุ้มประตูเป็นหลุมฝังศพของทหารนิรนามซึ่งเป็นอาสาสมัครหลายคนที่เสียชีวิตในช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง

สาเหตุที่ประตูชัยนี้เรียกว่า Arc de Triomphe de l’Étoile ที่หมายถึงประตูชัยแห่งดาว (l’Étoile) นั้นก็เพราะประตูชัยนี้ตั้งอยู่ที่จัตุรัสดาว หรือ Place de l’Étoile (ชื่อเป็นทางการปัจจุบันคือ Place Charles de Gaulle) เป็นวงเวียนซึ่งมีถนน 12 สายวิ่งเข้าสู่วงเวียนนี้ มองจากด้านบนจะเหมือนดาวกระจายนั่นเอง

City Break Paris Louvre Museum ตอน 3 -6

เราสามารถขึ้นไปดูวิวกรุงปารีสจากดาดฟ้าของประตูชัยนโปเลียนนี้ ซึ่งเราสามารถมองเห็นวิวของ La Defense, Champs-Elysées และSacré-Coeur แต่ควรใช้อุโมงค์ลอดใต้วงเวียนไปโผล่ที่ประตูชัยอย่าข้ามถนนเด็ดขาดมันอันตรายมาก แต่อย่าคิดว่าได้ขึ้นลิฟท์ไปดาดฟ้านะครับคุณต้องปีนบันได 234 ขั้นเพื่อแลกกับวิวสวยๆ

เมื่อตอนที่ประตูชัยทั้ง 2 แห่งสร้างเสร็จนั้น เราจะเห็นว่ามันมีพระราชวัง Tuileries บังหรือกั้นประตูทั้ง 2 อยู่แบบภาพด้านล่างนี้ครับ

City Break Paris Louvre Museum ตอน 3 -2

ในขณะที่ปัจจุบันนี้กลับเปิดโล่งก็เพราะต่อมาในปี 1871 พระราชวัง Tuilerie ก็ถูกวางเพลิงในสมัยพระเจ้าหลุยส์ฟิลลิปป์ โดยพวกปฏิวัติหลังจากการที่ท่านไปแพ้สงครามกับปรัสเซียและซากอาคารก็ถูกทุบทิ้งโดยไม่มีการบูรณะใหม่

City Break Paris Louvre Museum ตอน 3 -12

ในภาพด้านบนจะเห็นส่วน (อาคารที่เป็นสีแดง)ที่เคยเป็นพระราชวัง Tuilerie ที่ถูกไฟไหม้ไปแต่ไม่มีการบูรณะ จึงทำให้ (ดูภาพด้านล่าง)ทิศตะวันตกของ Louvre เปิดโล่งไปหาสวน Tuilerie และได้ทิวทัศน์ที่สวยงามของเมืองปารีส

City Break Paris Louvre Museum ตอน 3 -3

ซึ่งในยุคของประธานาธิบดี Charles de Gaulle เคยพยายามจะหาทุนสร้างอาคารส่วนนี้ขึ้นมาใหม่เพราะมีแบบของเดิมอยู่แต่แล้วจนถึงวันนี้ก็ไม่มีการสร้างใหม่เพราะใช้ทุนสูงมาก

ดังนั้น Louvre ด้านทิศตะวันตกนี้จึงเปิดโล่งต่อเนื่องกับสวน Tuilerie มองเห็นจัตุรัสกองกอร์และ ต้นถนนชองเซลิเซ ตลอดไปจนถึงประตูชัยนโปเลียน เป็นมุมมองที่สวยงามมากที่หันหน้าไปทางตะวันตกของกรุงปารีส มันถูกเรียกว่าแกนประวัติศาสตร์ของปารีส Paris Axe historique (“historic axis”) ยาว 9 กิโลเมตรเป็นเส้นตรงวัดจากประตูชัยเล็กหรือประตูชัย Carrousel

City Break Paris Louvre Museum ตอน 3 -5

โดยถ้าเราไปยืนใต้ซุ้มประตูชัย Carrousel และมองไปจะเห็น Landmarks ของกรุงปารีสที่สำคัญเป็นเส้นตรง ตั้งแต่จัตุรัสคองคอรด์ที่มีเสาโอเบลิกซ์ยอดแหลม,ประตูชัยนโปเลียน,ไปสิ้นสุดที่ประตูลาเดฟองซ์ที่เป็นประตูชัยสมัยใหม่แห่งศตวรรษที่ 20 สร้างในยุคของประธานาธิบดีฝรั่งเศสฟรองซัวร์มิเตอรงด์ โดยรำลึกถึง 200 ปีแห่งการปฏิวัติฝรั่งเศส 14 กรกฏาคม 1989

City Break Paris Louvre Museum ตอน 3 -10

ในรูปทรงลูกบาศก์และมีความสูง 110 เมตร Arch ถูกสร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองอุดมคติด้านมนุษยธรรมมากกว่าชัยชนะทางทหารใดๆ มันทันสมัยมากและค่อนข้างตรงกันข้ามกับความ “เก่า” ของปารีส ทำให้มีทั้งคนรักและเกลียดมัน ผู้ออกแบบเป็นชาวเดนมาร์กชื่อ Otto von Spreckelsen

City Break Paris Louvre Museum ตอน 3 -13

กลับมาเรื่อง Louvre ซึ่งในที่สุดก็มีการปรับปรุงต่อเติมในส่วนอาคารครั้งใหญ่อีกครั้งในยุคของจักรพรรดินโปเลียนที่ 3 ซึ่งทำให้กลุ่มอาคารครบถ้วนเป็นแบบที่เห็นในปัจจุบันนี้ได้มีการสร้าง ปีก Denon ทางด้านแม่น้ำเซน และ ปีก Richelieu Wing บนถนน Rivori (ดูจากภาพด้านบนก็คืออาคารส่วนที่มี color code เป็นสีส้ม) เพื่อให้ส่วนหนึ่งใช้เป็น พระราชวังของจักรพรรดินโปเลียนที่ 3 Napoleon III ด้วยซึ่งถือเป็น State Apartment ที่ Louvre ซึ่งภายหลังต่อมาก็เปิดให้ประชาชนทั่วไปได้ชม ห้องพักแสดงถึงพลังและความมั่งคั่งของรัฐฝรั่งเศสในเวลานั้น

กลับมาติดตามเรื่องราวของการต่อเติมครั้งสุดท้ายล่าสุด และอาจเป็นครั้งที่ยากที่สุดตั้งแต่มีการพัฒนาปรับปรุงมากว่า 700 ปี ของ Louvre ในตอนต่อไปครับ

City Break Paris Part III

เบรกเที่ยวในกรุงปารีส ตอนที่ 3
By Paul Sansopone

…… “แม้ว่าย่านนี้จะไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นมากนักแต่ความที่มีแม่น้ำเซนให้เดินเลียบเลาะไป ยิ่งถ้าชอบออกกำลังเป็นประจำทุกวัน ต้องวิ่งหรือขี่จักรยาน แถบนี้เหมาะมากมีสวนสาธารณะเปิดโล่งไม่อึดอัด”…

พักย่านไหนดีในปารีส
เรารู้ว่ามาปารีสทั้งทีก็ควรอยู่ในเมืองชั้นในก็คือภายในกรอบถนนวงแหวน แต่มันไม่ละเอียดพอ คราวนี้เราจะลงรายละเอียดลงไปอีกหน่อยให้รู้ว่าเขตไหนเป็นอย่างไร ต้องขอบอกว่าแต่ละ Neighborhood หรือที่นี่เรียกว่า ก๊า(ก)ร์ติเอ (Quartier )ของกรุงปารีสนั้นมีบุคลิกที่แตกต่างกันพอสมควรทีเดียว จริงๆ ของกรุงเทพฯ ก็มี Em-quartier ซึ่งเคยมีการถกเถียงกันใน social network แบบสนุกสนานว่าควรอ่านแบบไหนจึงจะถูก

ย่านไหนในปารีสที่เราควรเลือกจองที่พัก
ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ปี 1860 ปารีสถูกแบ่งออกเป็น 20 เขตเทศบาลหรือที่เรียกว่า ‘อารรองดีสมงท์’ ( arrondissements) ซึ่งถ้าดูจากแผนที่มันจะถูกวางเรียงแบบลักษณะก้นหอย ขดเป็นวงจากในม้วนวนขวาออกนอกโดยที่ด้านในสุดจะเป็นเขต 1 และนอกสุดก็คือเขต 20 โดยก่อนหน้านั้นปารีสมีแค่ 12 เขตเท่านั้น แต่ละเขตมักจะถูกแบ่งออกไปเป็น 4 ย่านหรือแขวง เรียกว่า Quartier การ์ติเอ และที่มีชื่อก็เช่น Quartier Latin, Quartier des Champs-Élysées และ Quartier Saint-Germain-l’Auxerrois ในแต่ละเขตก็จะมีสำนักงานเขตของตัวเองที่เรียกว่าโอเตลเดอวิล ( Hôtel-de-Ville)และรวมทุกเขตก็มีสถานีตำรวจอยู่ถึง 350 แห่ง

City Break PARIS Population density map of Paris in 2012

1st Arrontissement of Paris – Louvre
2th Arrondissement of Paris – Bourse
3th Arrondissement of Paris – Temple
4th Arrondissement of Paris – Hôtel-de-Ville
5th Arrondissement of Paris – Phantéon
6th Arrondissement of Paris – Luxembourg
7th Arrondissement of Paris – Palais-Bourbon
8th Arrondissement of Paris – Élysée
9th Arrondissement of Paris – Opéra
10th Arrondissement of Paris – Enclos-St.Laurent
11th Arrondissement of Paris – Popincourt
12th Arrondissement of Paris – Reuilly
13th Arrondissement of Paris – Gobelins
14th Arrondissement of Paris – Observatoire
15th Arrondissement of Paris – Vaugirard
16th Arrondissement of Paris – Passy
17th Arrondissement of Paris – Batignolles-Monceau
18th Arrondissement of Paris – Butte-Montmartre
19th Arrondissement of Paris – Buttes-Chaumont
20th Arrondissement of Paris – Ménilmontant

แต่ถ้าเราดูภาพใหญ่สมัยก่อนที่จะมีการแบ่งเป็น 20 เขตแบบนี้ ปารีสนั้นถูกแบ่งง่ายๆ เป็น 2 ฝั่งแม่น้ำเซน (La Seine) คล้ายกรุงเทพฯกับฝั่งธนบุรีในสมัยก่อน โดยแบ่งเป็นฝั่งซ้ายและฝั่งขวา แต่คนช่างสงสัยมักจะถามว่าทำไมไม่เรียกว่าฝั่งเหนือหรือฝั่งใต้เพราะดูจากแผนที่มันไม่น่าจะเรียกฝั่งซ้ายและฝั่งขวา ต้องอธิบายว่าไม่งั้นมันต้องก็มีฝั่งตะวันออกและตะวันตกด้วย เพราะแม่น้ำเซนมันไหลมาจากใกล้เมืองดีจง Dijon เข้าเขตปารีสทางตะวันออกเฉียงใต้แล้วก็โค้งไปออกจากปารีสทางตะวันตกเฉียงใต้แล้วไหลต่อไปลงทะเลเหนือที่เมืองท่าชื่อ เลอ อาฟร์ Le Havre (ให้ดูรูปจากแผนที่ด้านบน) จะเห็นว่าตอนเข้าตอนออกมันก็จะมีฝั่งตะวันออกและตกด้วยทำให้งง เค้าก็เลยแบ่งเป็นฝั่งซ้ายและขวาโดยถือจากการไหลของแม่น้ำเป็นหลัก เนื่องจากแม่น้ำมันจะไหลจากต้นกำเนิดไปสู่ทะเล ถ้าเรานั่งเรือเข้ามาตามกระแสน้ำ (down stream) เข้าสู่เขตเมืองปารีส ขวามือของเราก็จะเรียก“ฝั่งขวา”ส่วนซ้ายมือก็คือ “ฝั่งซ้าย”เท่านั้นเองง่ายๆ

ในยุคแรกนั้นความเจริญเริ่มมาจากฝั่งซ้ายเพราะมีย่านละติน การ์ติเย ลาแตง Quartier Latin ซึ่งมีศูนย์การศึกษายุคเริ่มต้นเกิดขึ้นที่นั่นซึ่งก็คือมหาวิทยาลัยซอร์บอนน์ (Sorbonne University) ซึ่งตั้งขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 และในสมัยนั้นมีการสอนเป็นภาษาละติน

ทีนี้เราก็ลองมาพิจารณากันดูว่าน่าพักฝั่งไหนมากกว่ากันซึ่งผมก็จะขอสรุปความน่าสนใจออกมาให้เลือกเฉพาะเขตที่น่าสนใจจริงๆ เท่านั้น

 

I. ปารีสฝั่งขวาThe Right Bank “La Rive Droite”

City Break PARIS Arrondissements & Accommodation 13

ถ้าดูจากแผนที่ของเมืองปารีสแล้วมันก็คือเขตฝั่งที่อยู่เหนือแม่น้ำเซนแต่ถูกเรียกว่าฝั่งขวา มันมีความหนาแน่นของอาคารสำนักงานสถานที่ทำการค้าขายตลอดจนแหล่งท่องเที่ยวที่เพียบพร้อมไปด้วยแหล่งเอ็นเทอร์เทน และพร้อมสรรพไปด้วยแหล่งอาหารการกิน แหล่งช็อปปิ้งตลอดจนที่อยู่อาศัยราคาแพง ทำให้มันพลุกพล่านวุ่นวายอยู่บ้างแต่บรรยากาศมันคึกคักและมีชีวิตชีวาตลอดเวลา แม้ในช่วงหลังพระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว ฝั่งนี้มีเขตเทศบาลอยู่ถึง 14 เขต (arrondissements) ขอแนะนำเขตที่น่าสนใจดังนี้

เขต 1 และเขต 2 ย่านเลอาน Les Halles, ลูฟร์ Louvre และปาเลส์ ฮัวยัล Palais Royal

City Break PARIS Arrondissements & Accommodation 10

ย่านนี้ถือว่าเป็นย่านสุดเก๋ très chic ใจกลางปารีส ไม่ว่าคุณจะเดินเล่นไปตามริมแม่น้ำเซน promenade of the Seine สุดโรแมนติกหรือเข้าชมพิพิธภัณฑ์ Louvre ที่เป็นที่สุดของโลกด้านศิลปะสะสม เดินเล่นไปบนถนน boulevardที่มีเอกลักษณ์ของที่นี่หรือชมสวน Jardin des Tuileries แม้แต่จะช็อปปิ้งแบบไม่หยุด ย่านนี้มีครบทุกอย่างจริงๆ ร้านอาหาร ร้านกาแฟ หรือไวน์บาร์ ข้อเสียมีอย่างเดียวคือtouristเยอะไปหน่อย

City Break PARIS Arrondissements & Accommodation 15

 

เขต 3และเขต 4 ย่านมารายLe Marais, เกาะแซงหลุยส์ Ile St-Louis และเกาะซิเต้ Ile de la Cité

City Break PARIS Arrondissements & Accommodation 17

ย่านมาราย เป็นย่านTrendyมีความสมัยใหม่ก้าวล้ำแบบไม่ต้องหรูหรา มี Art Galleries มี Brand Start Up และ SMEของคนยุคใหม่ โดยเฉพาะย่านถนน Rue de Bretagne โดยรวมแล้วเป็น Neighborhood ที่มีความคึกคักทั้งกลางวันกลางคืน เป็นแหล่งชาวยิวและชาวเกย์

City Break PARIS Arrondissements & Accommodation 12

ย่าน Marais พอตกกลางคืนก็คึกคักไม่น่าเบื่อ

City Break PARIS Arrondissements & Accommodation 16

ในขณะที่ย่านเกาะแซงหลุยส์และซิเต้มีความโรแมนติกน่าเดินเล่นถ่ายรูป มีโบสถ์และสถาปัตยกรรมที่ยิ่งใหญ่ให้ดูพอควรเช่น วิหารโนเตรอดาม Cathedral of Notre Dame, วิหาร St-Chapelle, หรือ Conciergerie หากข้ามสะพานที่ต่อจากเกาะซิเต้หลังโบสถ์โนเตรอดามไปยังเกาะแซงหลุยส์ก็ให้เดินไปตามถนนสายเมนของเกาะคือ St.Louis en l’Ile ก็จะเจอร้านไอติม หมายเลข1ของกรุงปารีส นั่นคือ แบรติลยง Bertillon (เราจะพูดถึงร้านนี้ตอนแนะนำเรื่องอาหารการกินในปารีสต่อไป)

City Break PARIS Arrondissements & Accommodation 5

 

เขต 8, 16 และเขต 17 ย่านชองเซลิเซ่ Champs-Élysées และฝั่งตะวันตกของปารีส Western Paris 

City Break PARIS Arrondissements & Accommodation 7

ย่านนี้คือย่านหรูหราที่เงินและอำนาจเป็นสิ่งจำเป็น เพราะเป็นย่านธุรกิจและร้านค้าที่ขายของแบบไม่ต้องง้อลูกค้าเท่าไร ไม่ว่าจะเป็นร้านกาแฟหรือร้านอาหารก็เช่นกัน มันเหมาะที่จะมาเดินเที่ยวชมมากกว่ามาหาโรงแรมเพื่อพักแถวนี้ซึ่งก็มีให้เลือกเยอะอยู่ แต่ผมว่ามันขาดเสน่ห์ของความเป็นท้องถิ่นแบบต้นตำรับ(Local Charm) เพราะดูเป็นการค้าเกินไป เช่น ตื่นเช้ามาอยากจะหาร้านกาแฟเล็กๆ กับครัวซองส์หอมๆ สักชิ้นมันมักจะเจอแต่ร้านที่ตั้งใจจะขายแต่นักท่องเที่ยว มันได้รับฉายาว่าเป็นสามเหลี่ยมทองคำ The “Golden Triangle” โดยเฉพาะในย่าน 3 ถนนนี้ คือ ถนน Montaigne, George V, และถนน Champs-Élysées เหมาะกับผู้ที่ชอบบรรยากาศหรูหรา และชอบแต่งตัวดีๆ ตลอดเวลา

 

เขต 9 และเขต 10 ย่านโอเปร่าOpéra และคลองแซงมาแตง Canal St-Martin 

City Break PARIS Arrondissements & Accommodation 18

ย่านนี้น่าจะเหมาะกับท่านที่ชอบเดินช็อปปิ้งแบบเดินได้ทั้งวัน เพราะมีห้างแปรงตอง และแกลเลอลี่ลาฟาแย็ต (Printempt ,Gallerie La Fayette) 2 ดีพาร์ทเม็นท์สโตรส์หลักของนครหลวงแห่งนี้และร้านค้าย่อยๆ อีกพอสมควร แล้วก็ยังมีร้านอาหารและร้านกาแฟดีๆ แบบup scale ให้เลือกพอสมควร ในขณะที่ย่านที่อยู่ติดกัน คือย่านคลองแซงมาแตง(Canal St-Martin neighborhood) จะเป็นอีกแบบที่คนปารีเซียนท้องถิ่นชอบไปhangout คือเป็นย่านที่ติดดินหน่อยแต่ก็เท่มีสไตล์ ไม่มีฟอร์มไม่ฟอร์มัล

 

เขต 18 ย่านปิกัลPigalle และย่านมงมาตร์ Montmartre

City Break PARIS Arrondissements & Accommodation 3

ปิกัลเคยเป็นย่านโคมแดงของกรุงปารีสแต่ในปัจจุบันนี้ปรับเปลี่ยนตัวเองเป็นย่านnightlifeที่ลดความอีโรติกลงไป แต่ก็ยังมีความคึกคักอยู่เ พราะมันมี มูแลงรูจ (Moulin Rouge) กังหันลมสีแดง คลับคาบาเรต์ชื่อดัง อยู่ใกล้ๆ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการท่องราตรีของที่นี่มานมนาน ถึงเคยมีการเปรียบว่าย่าน ปิกัลนั้นก็เหมือน นรกภูมิที่อยู่เชิงเขามงมาตร์ที่เปรียบเป็นสวรรค์ภูมิเพราะมีวิหาร Sacré Cœur (ซัคเคร เกอ(เรอะ) ที่ตั้งอยู่นะจุดสูงสุดของปารีสและมีความศักดิ์สิทธิ์ ส่วนบริเวณรอบๆ ก็ยังถือเป็นย่านศูนย์รวมของเหล่าบรรดาศิลปิน จิตรกร ที่มาปล่อยฝีมือและขายผลงานแถบนี้อยู่

City Break PARIS Arrondissements & Accommodation 8

 

เขต 11ตะวันออก และ12 ย่านรีพุบบริค République, บาสตีล์ Bastille และปารีส

City Break PARIS Arrondissements & Accommodation 14

แถบนี้ไม่หรูหราฟุ่มเฟือยมาก แต่สะท้อนถึงบรรยากาศความเป็นอยู่แท้ๆ ของชนชั้นกลางชาวปารีเซียนอาจรวมถึงผู้อพยพอยู่บ้าง เพราะที่นี่เคยเป็นย่านโรงงานเก่า ปัจจุบันมันเป็นแหล่ง Hangout ตอนหลังเลิกงานมีร้านอาหารแบบBistroหรือ Brasseries ในแบบต้นฉบับของ Paris ตลอดจนไวน์บาร์และคาเฟ่ที่มีบรรยากาศสนุกสนาน ผมก็ชอบย่านนี้ครับไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวมากและที่จอดรถก็หาง่ายหน่อย
II. ปารีสฝั่งซ้าย The Left Bank “La Rive gauche”
ในขณะที่ฝั่งขวามีความเป็นการค้ามากกว่าฝั่งซ้ายซึ่งมีสวนสาธารณะที่เปิดโล่ง กระทรวง ทบวง กรม และสถานศึกษา แต่ก็ไม่ใช่ว่าฝั่งซ้ายจะขี้เหร่และไม่สนุกคึกคัก เนื่องจากฝั่งนี้เป็นย่านนักศึกษามหาวิทยาลัยและบรรดาศิลปินartistที่มีอุดมการณ์ ย่านที่จะแนะนำก็ดังนี้ครับ

เขต 5 ย่านละติน Latin Quartier

City Break PARIS Arrondissements & Accommodation 4

ความที่เป็นแหล่งนักศึกษาเพราะมีสถาบันการศึกษาชั้นนำอยู่หนาแน่นเช่นมหาวิทยาลัย Sorbonne และอื่นๆ เช่น École Normale Supérieure, École des Mines de Paris, Panthéon-Assas University, Schola Cantorum, และ Jussieu University Campus ทำให้ย่านนี้คึกคักแบบวัยรุ่นและไม่แพงมากมาตั้งแต่สมัยก่อนซึ่งเป็นแหล่งรวมตัวของพวกฮิปปี้ บุปผาชน นักศึกษาศิลปกรรม นักศึกษารัฐศาสตร์นิติศาสตร์ที่มีอุดมการณ์สูง เรียกว่าถ้ามีการประท้วงเดินขบวนก็มักเริ่มจากย่านนี้ แต่ปัจจุบันมันมีสไตล์เป็นของตัวเองตามยุสมัย มีร้านอาหารแบบBistroคลับพับบาร์ทุกรูปแบบ แต่ถ้าชอบร้านขนมปังต้นตำรับระดับartisanในย่านนี้ ให้ไปที่เลขที่ 8 rue Monge จะเป็นร้านดั่งเดิมก่อนจะมีสาขามากมายของ Eric Kayser ที่มักได้รับโหวตให้เป็นร้านที่มีขนมปังฝรั่งเศส (Baguette) และCroissant ที่อร่อยที่สุดในปารีส (จริงหรือไม่เราจะเก็บไว้คุยกันตอนเรื่องอาหารการกินในปารีส)

City Break PARIS Eric Kayser

ส่วนร้านขายของทั่วไปก็เป็นแบบมีสไตล์ในราคาไม่ต้องคิดเยอะ แต่ย่านนี้ก็มีร้านอาหารดีราคาแพงอย่าง ตูดาร์ชง Tour d’Argent อยู่ใกล้ๆ และก็มีสวนสาธารณะลุกซอมบูรก์ ( Luxembourg Gardens ) อยู่ ได้บรรยากาศแบบชีวิตในเมืองแบบ New York, London และถ้าชอบพิพิธภัณฑ์โรมันก็น่าไปชม Museum Cluny

City Break PARIS Arrondissements & Accommodation 11

 

เขต 6 แซงแจแมง เด เพรส์ St-Germain-des-Prés

City Break PARIS Arrondissements & Accommodation 2

เขตที่น่าสนใจที่สุดในฝั่งซ้ายก็คงเป็นเขตนี้มันเป็น Glamorous Neighborhood ที่เป็นที่ชื่นชอบของนักปราชญ์, ศิลปิน,จินตกวี ทั้งชาวฝรั่งเศสและต่างชาติมาตั้งแต่สมัยโบราณแล้วอย่างเช่น Delacroix, ManetหรือBalzac, Benjamin Franklin, Hemingway หรือแม้แต่ Pablo Picasso ก็ยังเคยฝากผลงานที่เป็นรูปที่ชื่อว่า Guernica ตอนที่เขามาอยู่ในย่านนี้ในปี1937 นอกจากนั้นบรรดาศิลปินแจ๊สทั้งหลายอย่าง Miles Davis หรือ John Coltrane ก็แวะเวียนกันมาเล่นในคลับแจ๊สที่มีอยู่พอสมควรในแถบนี้ แต่แฟนฟุตบอลที่ชื่อชอบทีม PSG (Paris Saint Germain) คงทราบนะครับว่า Home Stadium ของทีมที่ชื่อ ปาค เดอ แปรง Parc De Princes นั้นไม่ได้อยู่ย่านนี้ แต่ไปอยู่ทางใต้ของ Bois de Boulogne ใกล้กับสนามเทนนิส ฮอลอง การอส Roland Garros ที่ใช้แข่ง French Open โน่นเลย

City Break PARIS Pablo Picasso GUERNICA

ปัจจุบันชาวปารีส(ท้องถิ่นแท้ๆ แบบไม่ใช่มาจากต่างจังหวัด)มักอยากจะมีอพาร์ตเมนท์อยู่ในเขตนี้ มันมีร้านอาหารร้านกาแฟที่ติดโผ เช่น ร้านกาแฟ Les Deux Magots, Café de Flore หรือBrassarie Lipp มีร้านขายของแบบไม่เชย และมี Modern Art Galleries เหมาะกับคนที่มีความเป็น‘อา-ตีส’มากหน่อย และชอบลองอะไรที่เป็นท้องถิ่นแท้ๆ ไม่มีนักท่องเที่ยวเยอะแยะ

City Break PARIS Les Deux Magots

City Break PARIS Arrondissements & Accommodation 1

สำหรับ Landmark ของที่นี่นั้นต้องอย่าลืมไปแวะเที่ยวโบสถ์ St-Germain-des-Prés

 

เขต 7 ย่านหอไอเฟล Eiffel Tower

City Break PARIS Eiffel Tower

แม้ว่าย่านนี้จะไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นมากนักแต่ความที่มีแม่น้ำเซนให้เดินเลียบเลาะไป ยิ่งถ้าชอบออกกำลังเป็นประจำทุกวัน ต้องวิ่งหรือขี่จักรยาน แถบนี้เหมาะมากมีสวนสาธารณะเปิดโล่งไม่อึดอัด แถวๆ ใกล้หอไอเฟลที่มองเท่าไรก็ไม่เบื่อหรือจะไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์ ดอเซ่ Musee d’Osay ที่มีศิลปะ Impressionism หรือจะล่องเรือไปตามแม่น้ำเซนทานมื้อเย็นก็ไม่เลว ผมว่าหากชอบถ่ายรูปและบรรยากาศโรแมนติก ชอบสะพาน ย่านนี้ก็เหมาะครับ

รู้จักย่านที่น่าสนใจของปารีสกันพอสมควรแล้ว ก็แค่ใช้ Booking Application ที่ท่านใช้อยู่จองโรงแรมได้เลยครับแค่filterตัวsearch engineของappให้เอาที่พักในเขตที่คุณชอบเท่านั้น คราวหน้ามาดูกันว่าประสบการณ์ท่องเที่ยวในเมืองหลวงแห่งนี้นั้นไม่ควรพลาดที่ไหน

หมายเหตุ : การออกเสียงภาษาท้องถิ่นที่เขียนเป็นตัวเอียงนั้น เป็นการใช้ภาษาไทยเขียนให้ออกมาใกล้เคียงเท่านั้นเพื่อให้ได้อรรถรส อาจไม่ใช่ภาษาเขียนและการออกเสียงที่ถูกต้องอย่างเป็นทางการ