City Break: New York City, Part VI

เบรกทานอาหารว่าง Snack Break

… “มันคือชีวิตและเป็นวัฒนธรรมของคนนิวยอร์กไปแล้ว เพราะพวกเขาเติบโตมากับพิซซ่า มันไม่ได้จำกัดว่าต้องทานเป็นมื้อกลางวันหรือมื้อค่ำ “มันเป็นอาหารของคนทุกระดับ ตั้งแต่รปภ.หรือตำรวจNYPDกะดึก คนงานก่อสร้างหรือผู้บริหารจาก Wall Street”

 

มื้ออาหารว่าง Snack

อย่างที่เคยเกริ่นมาเบื้องต้นว่าผู้อพยพชาวอิตาเลี่ยนโดยเฉพาะจากภาคใต้แถวเมืองเนเปิ้ลและซิซิลี มาอยู่นิวยอร์กเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ใน‘ดินแดนแห่งโอกาส’แห่งนี้ มากพอสมควร จึงทำให้อาหารอิตาเลี่ยนในนิวยอร์กไม่ได้เป็นรองเมนูเดียวกันในเมืองแม่สักเท่าใด แต่ในบรรดาอาหารอิตาเลี่ยนที่สร้างชื่อที่สุดจนบางคนบอกว่ามันอร่อยกว่าที่ที่อยู่ในอิตาลีด้วยซ้ำ ใช่แล้วครับมันคือ พิซซ่า ซึ่งมันมีสไตล์ของตัวเองจนต้องเรียกว่า New York Style Pizza

มันคือชีวิตและเป็นวัฒนธรรมของคนนิวยอร์กไปแล้ว เพราะพวกเขาเติบโตมากับพิซซ่า มันไม่ได้จำกัดว่าต้องทานเป็นมื้อกลางวันหรือมื้อค่ำ มันเป็นอาหารของคนทุกระดับ ตั้งแต่รปภ.หรือตำรวจNYPDกะดึก คนงานก่อสร้างหรือผู้บริหารจาก Wall Street แถมยังสะดวกเพราะคุณสั่งได้ตลอด 24/7 มันมี Delivery Services

ร้าน Pizzeria ร้านแรกในอเมริกาตั้งขึ้นที่เมืองนิวยอร์กย่าน Little Italy โดยนาย Gennaro Lombardi เมื่อปี 1905 เขาเป็นผู้ประกอบอาชีพเป็น Pizzaiolo อยู่ที่เมือง Naples มาก่อน ซึ่งการทำอาชีพนี้ในเนเปิ้ลมีกฎระเบียบมากมาย ต้องมีการฝึกและมีประสบการณ์อย่างต่ำในการนวดแป้งพิซซ่าด้วยมืออย่างน้อย 2 ปีกว่าจะได้เป็น Pizziolo หลังจากที่เขาได้ใบอนุญาตให้เปิดร้านพิซซ่าจากเทศบาลเมืองนิวยอร์ก ลูกน้องเขาที่ชื่อ Antonio Totonno Pero, ที่ถูกฝึกมาอย่างหนักก็เริ่มทำขายในราคา 5 เซ็นต์ต่อถาดที่นี่จะะเรียกว่าต่อ pie (ขนาดมาตรฐานของนิวยอร์ก pie จะใหญ่มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 18 นิ้ว ของเนเปิ้ลจะแค่13.8 นิ้ว) แต่ระดับคนงานสมัยนั้นไม่สามารถจะจ่ายทั้งถาดหรือwhole pie ไหว เลยขอซื้อเป็นชิ้นหรือที่นี่จะเรียกว่า slice ซึ่งเท่ากับประมาณ 1 ใน 8 ส่วน จะห่อด้วยกระดาษหรือจานกระดาษเดินถือกินได้เลย แต่จะม้วนนิดหน่อยเป็นแบบโคนไส่ไอศกรีมหรือพับครึ่ง ก็เหมือน Fish and Chips ในอังกฤษที่ห่อด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์ทำเป็นโคนเดินถือกินเหมือนๆ กันในสมัยก่อน

New York Pizza มีเอกลักษณ์ของตัวเอง เช่น ของแท้จะต้องอบด้วยเตาถ่านหิน (Coal Oven) ซึ่งจะทำให้ขอบเกรียมกรอบมีสีดำเหมือนรอยไหม้เล็กน้อย ไม่ใช้ฟืนไม้โอ๊คเหมือนในเนเปิ้ล และในขณะที่เนเปิ้ลจะละเลงซอสมะเขือเทศก่อนบน pie แล้วจึงโรย Mozzarella Cheese ทับ ในสมัยก่อนของนิวยอร์กจะโรยชีสก่อนแล้วจึงละเลงซอสทับแบบที่เรียกว่า Up Side Down และขนาด pie จะใหญ่กว่าของเนเปิ้ล ซึ่งจะมีเส้นผ่าศูนย์กลางแค่ 35 cm หรือ 13.77 นิ้ว (อ่านเพิ่มเติมได้จากblogของผม http://khunpusit.wixsite.com/tripsandtastes) และยังมีผู้สันทัดกรณีบางคนยังบอกว่าน้ำของนิวยอร์กจะมีคลอรีนน้อย( Low in Chlorine ) เวลานำมาผสมแป้งเพื่อทำโด (Dough) นั้น จะนุ่มนวลกว่าและที่ว่า Bagel ที่นี่อร่อยนั้นก็มาจากเหตุผลนี้เช่นกัน

ปัจจุบันมี Optional Tour ที่ขายตามเคาเตอร์โรงแรมเป็นทัวร์กิน New York Pizza โดยเฉพาะจะตระเวนไปกินร้านต่างๆ ซึ่งปกติแล้วจะพาไปร้าน Pizzeria ที่เป็นแบบ Classic ต้นตำรับจะขายแบบยกถาดหรือ Whole Pie แล้วก็พาไปร้านอีกแบบที่เรียกว่า Slice Joint ที่จะมีขายแบบสไลซด้วยแม้ว่าจริงๆ แล้วมันก็ทำแบบเดียวกันแล้วมาหั่นแบ่ง แต่พวกที่มาแบ่งเป็นสไลซมักจะไส่เครื่องหรือโรยหน้าแบบทั่วถึง และเยอะกว่า  มันจะมีสไลด์แบบคล้ายสามเหลี่ยมธรรมดา และยังมีแบบ Sicilian Slice ที่จะออกมาเป็นทรงสี่เหลี่ยม แล้วเขาอาจพาไปร้านที่มีความหลากหลายเรื่องหน้าแบบต่างๆ เพราะที่นี่ไม่ยึดติดและไม่หยุดเรื่องการสร้างสรรค์ไม่เหมือนที่เนเปิ้ลที่คุณต้องเจอหน้าสไตล์ Old School มีซอสมะเขือเทศนำเป็นหลัก

ทีนี้หากท่านไม่ต้องการเสียเงินค่าทัวร์ แต่อยากกินพิซซ่านิวยอร์กแท้ๆ ผมแนะนำให้ไปร้านต่อไปนี้ซึ่งจัดเป็นหมวดหมู่ไว้ให้เลือกตามสไตล์ของแต่ละท่านแล้ว

 

I. ประเภท Coal-oven Pizzerias ( แบบ Whole Pie)

แบบ Whole Pie และใช้เตาถ่านหินต้องร้านต่อไปนี้ครับ สังเกตว่าจะมีชื่อร้าน Lombardi ที่ Soho ที่ถือเป็นร้านต้นตำรับ และร้านของลูกศิษย์คนเก่งของเขาที่ชื่อ Totonno ซึ่งแยกไปเปิดร้านของเขาเองที่เกาะ Coney Island, มีชื่อร้านว่า Totonno’s  ซึ่งคุณต้องเลือกที่มี 2 ร้านนี้ หากต้องการร้านประวัติศาสตร์หรือไปที่จุดเริ่มต้นธุรกิจของอุตสาหกรรมพิซซ่าของประเทศนี้ที่มียอดขาย $38 ล้านเหรียญอเมริกาต่อปี

1.1 แบบประวัติศาสตร์

Lombardi’s Pizza, Soho

new-york-snack-break-18

ร้าน Pizzeria ประวัติศาสตร์ของประเทศอเมริกา ตั้งขึ้นที่เมืองนิวยอร์กย่าน Little Italy โดยนาย Gennaro Lombardi เมื่อปี 1905.จากการเป็น Pizzaiolo อยู่ที่เมือง Naples พิซซ่าก็ได้ถือกำเนิดในอเมริกาแบบเป็นทางการและผู้ที่ชอบสัมผัสความขลังแบบ “ลองสักหน่อย” ต้องไปนะครับ มันอยู่ใน Manhattan ไม่ไกลจากChina Town
Totonno’s, Coney Island

new-york-snack-break-27

new-york-snack-break-22

มาที่นี่ต้องสั่ง Margherita ที่อบแบบ Coal-fired  รสชาติดั่งเดิมของนิวยอร์กแท้ๆ พร้อมด้วยเนย Mozzarellaของที่ร้านทำเองไม่มีใครเหมือน และก็ในปริมาณซอสที่พอเหมาะง่ายๆ แค่นี้ไม่มีความลับอะไรมาก เปิดมาจะครบ 100 ปีแล้วที่ Coney Island ตั้งแต่เริ่มต้นที่เจ้าของที่ชื่อ Anthony “Totonno” Pero’s ลูกศิษย์เอกของGennaro Lombardi ผู้บุกเบิกนิวยอร์กพิซซ่า เขาถูกฝึกฝนวิชาจนกล้าแกร่งแล้วมาเปิดเองแต่ด้วยความเกรงใจอาจารย์ก็เลยไปเปิดร้านไกลหน่อย ราคาก็ $19.50.ต่อpie

 

1.2 แบบclassic เปิดมานานและได้รับความนิยมต่อเนื่อง

Arturo’s

new-york-snack-break-4

new-york-snack-break-7

อยู่ถนน Houston Street แถว Greenwich Village ร้านนี้เหมือน PubหรือBar มากกว่าที่จะเป็น Pizza Joint แต่กลับเสริฟ์พิซซ่าแบบมือโปรเป็น Coal-oven Pies ทำให้พิซซ่ามีขอบรอยไหม้แบบ Charred, แป้งบางกรอบแต่เหนียวตอนเคี้ยว มีบรรยากาศแบบไฟสลัวและมี Jazz สดๆ ฟัง ในราคาที่ไม่มีใครบ่นว่าแพง

 

Bleecker Street Pizza

new-york-snack-break-9

อยู่ถนน Seventh Avenue slicery เหมาะสำหรับมื้อดึกเพื่อให้สร่างเมาก่อนกลับบ้าน ต้องลอง Mushroom Pizza ทำด้วยเห็ดสดไม่ใช่เห็ดกระป๋อง เป็นร้านโปรดของคนดังอย่าง Mickey Rourke และ Kylie Jenner ลูกสาว Bruce Jenner นักวิ่งโอลิมปิกรูปหล่อที่มาแปลงเพศตอนแก่

 

new-york-snack-break-15

Famous Joe’s Pizzeria  Photo cr: thelifestyledirectory.com/Famous Joe’s Pizzeria

7 Carmine St., 212-366-1182, Greenwich Village, Manhattan
และ 150 E. 14th St., 212-388-9474, East Village, Manhattan
มองจากด้านนอกมาจากถนน Carmine ก็ไม่ได้บ่งบอกว่ามันคือสุดยอดร้านพิซซ่า แต่คงต้องมีอะไรดีเพราะเปิดถึงตี4 เป็นร้านโปรดของนักศึกษา NYU ผู้หิวโหยจากการอ่านตำราจนดึกดื่น ร้าน Joe’s อีกแห่งนึงก็เก่าแก่อยู่แถว East Village มากว่า 40 ปีแล้ว  ร้านนี้ชื่อดังเพราะคนดังสลับกันมากินต้องที่ Famous Joe’s Pizza ที่นี่ขายแบบ New York Slice ด้วย คือแป้งบางกรอบแต่ยังเหนียวเวลาเคี้ยว (Chewy) ม้วนหรือพับก็ไม่หักไม่แตกไม่งั้นจะแห้งกระด้างเกิน สัดส่วนซอสและชีสกำลังดี และถ้ามาที่นี่ต้องสั่ง Pepperoni Pie ซึ่งเผ็ดกำลังดีราคา $24ต่อpie

 

1.3 แบบสร้างสรรค์ไม่ใช่ Old School

Franny’s

348 Flatbush Ave
Brooklyn,
 NY 11238

Park Slope, Prospect Heights

new-york-snack-break-11

Clam pie at Franny’s พิซซ่าหน้าหอยลายอบครีมหรือ Clam Pie ของที่นี่น่าสนใจ เพราะหอมอร่อยของน้ำซุปจากหอยไวน์ขาวและครีมสด เคี่ยวจนข้นลาดบนแผ่นแป้งโดบาง แล้วนำไปอบจนได้พิซซ่ากรอบหอมชวนกินโรยหน้าด้วยพาสลี่ย์แล้วเสริฟ์ในราคา $19ต่อpie

 

Margot’s Pizza 

919 Fulton St, Brooklyn, NY 11238

new-york-snack-break-3

Hot Supreme at Margot’s ถ้าชอบแป้งบางแบบ credit-card–thin แล้วเป็นหน้าแบบเม็กซิกันที่โดนัลด์ ทรัมป์ไม่ชอบต้องมาร้านนี้เท่านั้น เนยแข็ง Romano ไส้กรอกผสม Garlic-fennel พริก Jalapeños ดอง กับหอมแดงซอย ในราคา $25ต่อpie

 

II. แบบ Slice

2.1 แบบนิวยอร์กสไลซ

John’s Pizzeria.

new-york-snack-break-14

John’s Pizzeria (Elmhurst, Queens)

ร้าน John’s อยู่แถว Elmhurst ในเขต Queens ดังเพราะ Key Words ทั้ง 3 นี้คือ Superthin, Cheesy, Crisp และยังตกแต่งแบบยุค1960’s ซึ่งสะท้อนถึงบรรยากาศเมื่อตอนร้านนี้เปิดใหม่ๆ

 

new-york-snack-break-8

Plain slice from Best Pizza. Photo: Adam Kuban

แบบที่ชอบหน้าที่แตกต่าง

Best Pizza
33 Havemeyer St., 718-599-2210, Williamsburg, Brooklyn
ร้านนี้สิแตกต่างจริงเพราะไม่ใช้ถ่านหินแต่ใช้ไม้ฟืนหอมแบบสไตล์เนเปิ้ล (Neapolitan-style pizza wood-fired pies) และเจ้าของที่ชื่อ Frank Pinello ที่จบมาจาก Culinary Institute of America ก็ยังขอแตกต่างอีกขั้นหนึ่งคือนำเสนอพิซซ่าขาวไม่มีการละเลงซอสมะเขือเทศ แต่ใช้ Fresh Ricotta ชีสและหัวหอมแบบ Caramelized Onion และยังเพิ่มรสถั่วที่พวกอเมริกันชอบนัก Nutty Flavor โดยการโรยงาบนแป้งก่อนอบ

 

แบบที่ชอบเพิ่มหน้า Extra

new-york-snack-break-19

Sausage slice from Louie and Ernie’s. Photo: Adam Kuban

Louie & Ernie’s
1300 Crosby Ave., 718-829-6230, Throgs Neck, The Bronx
พิซซ่าสไลซร้าน Louie & Ernie’s ถือว่าเป็นหนึ่งในที่สุดของ NYC เพราะ Parmesan Cheese ที่นี่บ่มนานจนกลิ่นรสออกหอมฉุนอมเปรี้ยว แล้วต้องเพิ่มไส้กรอกอิตาเลี่ยน เพราะไม่งั้นไม่ต้องมาที่นี่เนื่องจากมัน Juicy และได้กลิ่นหอมของ Fennel ที่ใช้หมักและแน่นนอนว่ามันมาจากร้าน S&D Pork ที่เป็นร้านที่ทำ Italian Sausage ที่อร่อยที่สุดร้านหนึ่ง

 

new-york-snack-break-20

Pepperoni slice from Naples 45. Photo: Adam Kuban

Naples 45

200 Park Ave., 212-972-7001, Midtown East, Manhattan
Naples 45 น่าจะเป็นร้านที่ขายพิซซ่าในสไตล์เนเปิ้ลที่คงความเป็นต้นฉบับที่สุด certified-authentic Neapolitan pizzas จนได้รับฉายาว่า “New York Margherita” แต่อเมริกันก็คืออเมริกันจะไม่เพิ่มหน้าExtra ได้อย่างไร และExtra ที่ว่านั้นจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจาก Pepperoni ที่หนานิดนึง แล้วก็เกรียมตรงขอบหน่อย เพราะการย่างให้กรอบจนแผ่น Pepperoni เริ่มบิดตัวพองาม

 

แบบมังสวิรัติ

new-york-snack-break-2

Artichoke. Photo: Phil Kline

Artichoke Basille’s
328 E. 14th St., 212-228-2004, East Village, Manhattan
114 Tenth Ave., 212-792-9200, Chelsea, Manhattan
111 MacDougal St., 646-278-6100, Greenwich Village, Manhattan

Artichoke Basille’s ขึ้นชื่อมากมี 3 สาขาหลักๆ เพราะแตกต่างด้วยหน้า Artichoke ซึ่งอบจนออกเป็นครีมเข้ากับกระเทียม และผักโขม เป็นจานโปรดของผู้ที่กินมังสวิรัติและพวกที่เมาออกมาจากบาร์(Bar Hoppers) แถวนั้น แล้วก็ยังมี Sicilian Slice แบบแผ่นสี่เหลี่ยมที่Topด้วยชีส 3 ชนิดคือ Fresh Mozzarella, Regular Mozzarella และ Pecorino Romano. โรยใบ Basil แล้วเหยาะ Olive Oil คุณก็ไม่ต้องกินเนื้อสัตว์เลย เหมาะมากที่จะมาร้านนี้ช่วงกินเจหรือเข้าพรรษา

 

new-york-snack-break-10

Semi-dried cherry tomato slice from Di Fara Pizza. Photo: Adam Kuban

Di Fara Pizza
1424 Avenue J, 718-258-1367, Midwood, Brooklyn
ถ้าคุณชอบร้านแบบที่ต้องต่อคิวยาวๆ ไม่ต่ำกว่า 30-40 นาที และยังต้องจ่ายแพงกว่าร้านอื่น เพราะเขาขายสไลซละ $5 แล้วละก็ให้มาที่นี่ มันเปิดมาตั้งแต่ปี 1964 แต่รายการที่ดังก็คงเป็นหน้ามะเขือเทศเชอร์รี่กึ่งแห้งซึ่งโค่นบังลังก์รายการที่เป็นหน้า Artichoke ที่เคยเป็นพระเอกของร้านมาตลอด

 

2.2 แบบ Sicilian Slice แผ่นสี่เหลี่ยม

new-york-snack-break-16

new-york-snack-break-6

new-york-snack-break-5

Sicilian slice, L&B Spumoni Gardens.

L&B Spumoni Gardens

ถ้าจะทานแบบ Sicilian Slide แบบแผ่นสี่เหลี่ยมต้องที่นี่ L&B อยู่ใน Brooklyn แต่คนอยู่Manhattanก็ต้องมากิน เพราะไม่เหมือนใคร มันไม่ไช่แป้งบางเป็นแบบหนาและยังโรยชีส Mozzarella ก่อนละเลง Sauce ทับแบบโบราณสั่งแบบขอบมุมหรือตรงกลางก็จะได้รสต่างกัน หรือจะเพิ่มเห็ดก็ได้ มาที่นี่ต้องจบด้วยของหวานSignatureของร้านที่เป็นไอศกรีมแบบซิซีเลี่ยนด้วยจะได้ไม่เสียเที่ยว

 

new-york-snack-break-24

Prince Street Pizza
27 Prince St., 212-966-4100, NoLITa, Manhattan

Carnivores หรือบรรดาผู้กินเนื้อทั้งหลายจะไม่ยอมทานพิซซ่าที่มีแต่ชีสกับซอสหรอกครับต้องมี Pepperoni กรุบกรอบรสเผ็ดเป็นส่วนประกอบ และร้านนี้ได้ชื่อว่ามีสไลซสี่เหลี่ยมที่เด็ดมากหากไม่ต้องการไปไกลถึงบรุ๊คลิน

 

new-york-snack-break-25

Thin-crust sicilian slice from Rizzo’s. Photo: Adam Kuban

Rizzo’s Fine Pizza
30-13 Steinway St., 718-721-9862, Astoria, Queens
หากอยู่ในเขตควีนส์แล้วสนใจ Thin-crust Sicilian slice ซึ่งหายาก เพราะSicilian slices ส่วนใหญ่จะหนาต้องร้านนี้เลย ใช้เนยแข็ง Parmesan และ Romano รสเข้มข้น

 

Hot Dog

นอกจากพิซซ่าแล้ว อาหารว่างหรืออาหารระหว่างมื้อที่ทานเล่นไม่หนักท้องเกินไปของที่นี่ผมว่าต้องมีเรื่องฮอทด็อกอีกหน่อยจึงจะครบสูตร เพื่อไม่ให้เสียเวลาจะขอแนะนำร้าน Top 3 ของ NYC เลยครับ

 

Papaya King

new-york-snack-break-21
ร้านนี้เก่าแก่ย้อนยุคไปเมื่อปี 1932, ช่วงหลังจากที่อเมริกามีปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำอย่างหนัก Papaya King ก็เกิดขึ้นมาซึ่งตรงกับความต้องการของประชาชนรายได้น้อย และที่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจครั้งนั้น

new-york-snack-break-23

ตอนนี้มันกลายเป็นสถาบันต้นตำหรับของเมืองนี้ไปแล้วอีกเช่นกัน มีหลายสาขา, papayaking.com แต่ขอแนะนำให้สั่งเมนู “The Original” ที่มีหัวหอมและซาวเออเคล้า (Sauerkraut ) โรยอยู่ด้านบนเพราะสร้างชื่อมาจากตัวนี้

 

Gray’s Papaya

new-york-snack-break-12

คนอาจสงสัยว่าทำไมร้าน Hot Dog ดังๆ ในนิวยอร์กจึงต้องมีคำว่า “Papaya” อยู่ด้วย จริงๆแล้วร้านนี้มันเริ่มต้นจากการเป็นหุ้นส่วนกับเจ้าของPapaya King นั่นเอง แล้วยังอาจเป็นเพราะขายน้ำผลไม้ Papaya fruit juice ด้วยหรือเปล่า อย่างไรก็ตามหลังจากแยกทางกันกับ Papaya King แล้วมันก็กลายมาเป็นคู่แข่งกัน แล้วปรากฎว่านักวิจารณ์จากหลายสำนักบอกว่าตอนนี้ Gray’s Papaya น่าจะขึ้นเป็นอันดับหนึ่งได้ตำแหน่งฮอทดอกที่ยอดเยี่ยมที่สุดของเมืองนี้ไปแล้วนะครับ แม้แต่ประธานาธิบดี Obama ยังยอมรับ มี 3-4สาขา แต่ควรไปที่สาขาแรกที่ 2090 Broadway, 212-799-0243 grayspapayanyc.com

 

Crif Dogs

new-york-snack-break-13

new-york-snack-break-26
มี 2 เหตุผลที่ต้องไปลองฮอทดอกร้านนี้ ก็คือฮอทดอกที่ไม่ใช่ Old School เช่นให้ลองสั่งฮอทดอกที่ไส่ไส้กรอกแฟรงเฟอร์เตอร์ทอด และได้ไปลอง Craft Cocktail Bar ซึ่งอยู่ในย่าน East Village แห่งนี้ให้สั่ง Tsunami เบคอนห่อไส้กรอก Frank ใส่ Teriyaki Sauce และสับประรดหรือชีวาวาChihuahua เบคอนห่ออโวคาโดกับครีมเปรี้ยวมาแกล้มด้วย 113 St Marks Pl.; 212-614-2728, crifdogs.com

 

พบกันคราวหน้า เราจะเบรกจากของกินไปพูดถึงเรื่อง Shopping ใน NYC บ้างครับ

 

City Break: New York City, Part V

เบรกกิน (ต่อ)  มื้อกลางวัน Lunch Break

มาเมืองนี้ถ้าเป็นมื้อกลางวัน ผมอยากแนะนำอะไรที่เป็นอาหารแบบอเมริกันที่โดดเด่นของเมืองนี้สัก 2-3 อย่างให้เลือก ซึ่งเราก็ทราบดีอยู่แล้วว่าถ้าไม่ใช่ Business Lunch แล้ว คนอเมริกันก็มักจะทานอะไรง่ายๆ เลยครับ แบบแซนด์วิชหรือเบอร์เกอร์นั่นแหละถูกต้องเลย แต่เราก็ต้องไปลองร้านที่ดังที่สุดของอาหารประเภทใช้มือช่วย (จับเข้าปาก) นี้ด้วย

 

Pastrami Sandwiches (แซนด์วิชเนื้อ) จาก Top New York Deli :

city-break-new-york-city-part-v-lunch-break-16

มันคืออะไร  คำว่า Deli นั้นมันย่อมาจากคำว่า Delicatessen หรือ “delicacies” ที่หมายถึง fine food ในภาษาอังกฤษ  แล้วมันขายอะไรล่ะ Delis มันขายเยอะแยะไปหมดแต่ที่เราสนใจก็คือ Delis ที่ขายอาหารชาวยิวโดยเฉพาะ และสำหรับคนที่ชอบทานเนื้อนี่เลย Pastrami  Sandwiches ซึ่งคือแซนด์วิชเนื้อสไลด์ที่ผ่านการทำหมักแบบ Brine คือทำให้สุกด้วยการแช่ในน้ำเกลือแล้วนำมารมควันจนหอมก่อนนำมาต้มให้นิ่ม ทานกับ Pickle แตงกวาดองและมัสตาร์ด โดยต้องประกบด้วยขนมปังที่ทำจากข้าวไรย์ หรือบางคนอาจชอบเป็น Rachelแซนด์วิชไส่โคลสลอว์กับ Pastrami หรือจะสั่ง Reuben แซนด์วิชที่ใช้คอร์นบีฟและซาวเออเคล้า พวกนี้มันกลายเป็นกูร์เมต์แซนวิชแบบนิวยอร์กไปแล้วทั้งๆ มีที่มาจากความยากจนในกลุ่มชาวยิวที่มาจากยุโรปตะวันออก เช่น โรมาเนีย ซึ่งต้องใช้เนื้อราคาถูกแบบส่วนที่เหนียวเคี้ยวยาก เช่น Brisket แต่เมื่อมาผ่านกรรมวิธีแล้วมันออกมานุ่มแบบเนื้อชั้นดี แล้วถ้าอยากลองก็ห้ามไปลองที่อื่นนะครับ ต้องที่ร้าน ต่อไปนี้….เท่านั้นที่เป็นระดับสถาบันไปแล้ว

 

1.ร้าน KATZ’S DELICATESSEN

ราคา pastrami: $16.99

city-break-new-york-city-part-v-lunch-break-17

Katz’s Delicatessen เป็นร้านแบบเรียบง่ายเปิดมาตั้งแต่ปี 1888 ต้นตำรับโรมาเนียนยิวที่อพยพเข้ามานิวยอร์ก ไม่ต่างจากการที่คนจีนแต้จิ๋วจากซัวเถามาเยาวราชแล้วมาทำร้านอาหารดังขึ้นมายังไงยังงั้น  ขึ้น Subway สาย F มาลงที่ถนน 2 มาเลยปิดดึกครับ Deli ต้องปิดดึกเพราะมันเป็นเหมือนร้านข้าวต้ม คือคนเมาออกมาแล้วหิวก็พึ่งได้ วันศุกร์เปิดถึงเช้าเลยครับ Katz’s Deli จำไว้เลย ที่นี่มีลูกค้าระดับประธานาธิบดีคลินตันและคนดังๆ มากมาย

city-break-new-york-city-part-v-lunch-break-19

 city-break-new-york-city-part-v-lunch-break-10

ที่อยู่ตามนี้ 205 East Houston Street (corner of Ludlow St.)

New York City, 10002
Tel: (212) 254-2246
https://katzsdelicatessen.com/
Subway: F train to 2nd Ave.

 

 2.ร้าน2nd AVENUE DELI

ราคา Pastrami: $16.95

city-break-new-york-city-part-v-lunch-break-7

city-break-new-york-city-part-v-lunch-break-8

ร้าน 2nd Avenue Deli มีชื่อเสียงติดอันดับ สลับกันขึ้นอันดับ1ในแต่ละปีกับร้าน Katz คือมีแฟนเยอะพอๆ กัน ที่นี่คือสวรรค์ของแซนด์วิชเนื้อสไลค์ราดด้วยมัสตาร์ด ประกบด้วยขนมปังจากแป้งข้าวไรย์ (Succulent, thin-sliced pastrami on rye with mustard) แล้วต้องทานกับแตงกวาดองที่มี 2 แบบให้เลือก ที่นี่มีบรรยากาศสนุกสนานในแบบนิวยอร์กแท้ๆ น่าไปลองครับ

city-break-new-york-city-part-v-lunch-break-6

ที่อยู่คือ

162 E 33rd St (off 2nd Ave.)
New York, NY
(212) 689-9000
www.2ndavedeli.com
Subway: #6 to 33rd Street

 

3.CARNEGIE DELI

ราคา pastrami  $17.99 

city-break-new-york-city-part-v-lunch-break-11

 city-break-new-york-city-part-v-lunch-break-3

city-break-new-york-city-part-v-lunch-break-23

ที่นี่ชื่อเสียงก็ยอดเยี่ยมเช่นกัน หลายคนบอกว่าเยี่ยมที่สุดด้วยซ้ำ แต่แพงกว่าที่อื่นนิดหน่อยเพราะให้มาจานใหญ่มาก แต่ถ้าเราเห็นว่าจะกินไม่หมดจะสั่งที่เดียวมาแชร์กันรู้สึกทางร้านเค้าจะชาร์จค่าแชร์ $3 ด้วย เนื่องจากนักวิจารณ์ท้องถิ่นบอกว่าที่นี่เนื้อเหนียวกว่าคู่แข่ง ทำให้ได้ตำแหน่งเป็นรองไป แต่ที่นี่ก็มีชีสเค้กที่ยอดเยี่ยมเป็นการทดแทน

city-break-new-york-city-part-v-lunch-break-18

ที่อยู่ 854 7th Avenue (near 55th St.)

New York, NY 10019
Tel: (212) 757-2245
www.carnegiedeli.com/
Subway: N/R/Q/W to Seventh Ave

 

Hamburger สำหรับแฟนพันธุ์แท้ที่ต้องการสัมผัสเบอร์เกอร์แบบนิวยอร์กเกอร์ :

มาอเมริกาก็ต้องทาน Hamburger อาหารประจำชาติอเมริกาซึ่งมีวิวัฒนาการเริ่มมาตั้งแต่ช่วงปี 1800 กับผู้อพยพชาวเยอรมันที่มาจากเมือง Hamburg เมื่อก่อนเรียกว่า Hamburg Steak คือใช้เนื้อบดมาทำเป็นก้อนคล้าย Meatball แต่ตอนหลังมีการเอาขนมปังมาประกบเป็นแบบ แซนด์วิช เพื่อให้สะดวกต่อวิถีที่เร่งรีบแบบอเมริกันจนกลายเป็น Fast Food Hero มีร้านอยู่ทุกมุมเมืองของแทบทุกประเทศ แต่ก็มีช่วงที่ผู้บริโภคตื่นตัวเรื่องสุขภาพแล้วมีการอ้างว่าอาหารจานด่วนคืออาหารจานขยะที่มีแคลอรี่สูง ทำให้ความนิยมมันตกต่ำไประยะหนึ่ง

แต่ช่วงหลังนี้ถือเป็นยุคของการกลับมาเกิดใหม่ของแฮมเบอร์เกอร์ที่เรียกว่ายุค Renaissance of Hamburger ทำให้ Burger กลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้ง มีร้านเบอร์เกอร์ในแบบใหม่ๆ เกิดขึ้นตลอด ส่วนใหญ่มาในรูป Premium Burger ที่เน้นคุณภาพของเนื้อและวัตถุดิบเพื่อสุขภาพ มากขึ้น ทำให้ผู้ที่หยุดกินไปเพราะกลัวปัญหาโรคอ้วนต่างๆ นานา เริ่มกลับมากินใหม่ แต่อย่างไรก็แล้วแต่บรรดาเบอร์เกอร์คลาสสิกรุ่นเก่าก็ยังเป็นที่นิยมเสมอในอเมริกา

Premium Burger ในอเมริกาตอนนี้

BOBBY’S BURGER PALACE ผู้ก่อตั้งคือ Bobby Flay’s คือ Celebrity Chef ที่เราคุ้นหน้าคุ้นตาจาก TV ช่อง Food-Network เขาทำร้านอาหารหลายแห่งที่เกี่ยวกับ การปิ้งย่าง (Grilling) แต่ร้าน Premium Burger ของเขานั้นดังสุดๆ โดยเฉพาะที่เวกัส

BGR: THE BURGER JOINT

ต้นกำเนิดแถว Philadelphia ที่นี่คุยว่าเนื้อของเขาหรูสุดๆ เลี้ยงดูอย่างดี ไม่มีการฉีดสารกระตุ้นไม่มียาปฏิชีวนะ และได้วิ่งได้ใช้ชีวิตในทุ่งโล่ง เมื่อมาเป็น Patty ก็ไม่มีแช่แข็งและมีกระบวนการตากแห้งที่ไม่เหมือนใครทุกคนที่เป็นแฟนเบอร์เกอร์บอกต้องลองให้ได้

FIVE GUYS

Five Guys มีต้นกำเนิดแถว Washington, DC ตั้งแต่ปี 1986 ราคาไม่ถูก แสดงว่าต้องมีดี เติบโตไม่หยุด

ในขณะที่ตลาด Classic Burger ที่ไม่ได้สนสุขภาพอะไรมากมาย ก็ยังได้รับความนิยมสุดๆ อยู่เหมือนเดิม และเจ้าแห่ง Classic Burger ก็ต้องนี่เลย

In-N-Out Burger “DOUBLE-DOUBLE ANIMAL-STYLE, IN-N-OUT”

Harry Snyder เป็นผู้ก่อตั้งเมื่อปี 1948 ถือเป็นร้านอาหาร Drive Thru แห่งแรกของ California’s ร้านนี้ไม่มีการใช้วัตถุดิบแช่แข็ง (No Frozen meat and fries) Cooked-to-orderรอคิวหน่อย แต่รับรองเต็มแคลลอรี่แน่ (คล้ายโฆษณาแอร์รับรองว่าเต็ม BTU)

Fatburger

แค่ชื่อก็บอกแล้วว่าไม่ยั้ง ใครกลัวอ้วนก็ถอยไป ไม่แน่จริงไม่อยู่ถึงทุกวันนี้เปิดมาตั้งแต่ 1952, โดย Lovie Yancey Cooked-to-order, just the way you want it ร้านนี้มีเอกลักษณะตรงที่จะมีเพลงกล่อม ส่วนใหญ่เป็นเพลงของศิลปินผิวสี มีตั้งแต่เพลงแนว Soul, Blues, ยัน Hip Hop โดยอ้างว่า Lovie ผู้ก่อตั้งชอบฟังเพลงมากๆ แต่ผมว่าจะเอาใจลูกค้าประจำที่เป็นกลุ่มผิวสีนั่นเอง

ที่กล่าวไปด้านบนทั้งหมดเป็นการเกริ่นถึงธุรกิจแฮมเบอร์เกอร์ที่มีมูลค่าเกือบ 80,000 ล้านดอลล่าร์ในอเมริกา โดยผู้ที่ได้ส่วนแบ่งตลาดสูงสุดอันดับ 1 (35%) และ2 (15%) ก็เป็นที่รู้จักกันทั่วไป แต่เรามานิวยอร์กซิตี้ทั้งทีจะมากิน Mc Donald’s หรือ B.King คงไม่ใช่ ผมขอแนะนำร้านข้างล่างนี้ครับ

 

Shake Shack ที่ MADISON SQUARE PARK, NYC

city-break-new-york-city-part-v-lunch-break-9

ร้าน Shake Shack เกิดจากรถเข็นฮอทดอกในสวนสาธารณะจัตุรัสเมดิสัน Madison Square Park มีคนต่อคิวซื้อไม่หยุดจนในปี 2004, Shake Shack ได้เปิดอย่างเป็นทางการ เพราะได้สัญญาทำ Kiosk จากเทศบาลเมืองนิวยอร์ก และแน่นอนว่าต้องรักษาความเป็นธรรมชาติของสวนเอาไว้ เวลาผ่านไป 10 ปี คิวร้านนี้ยังยาวเหยียดรอนานเป็นชั่วโมงอยู่ จนทำให้คนต้องเข้าไปเช็คก่อนในเว็บของร้าน เขาจะมี webcam ถ่ายทอดสด (real time) ว่าคิวยาวหรือไม่  ที่ผมแนะนำให้มาทานที่ Madison Square Park เพราะเป็นต้นกำเนิดของร้าน เพราะถ้าไปสาขาในเมืองมันก็ไม่ขลัง เนื่องจากในต้นปี 2015 ร้านที่เริ่มต้นจากรถเข็นแห่งนี้ได้เข้าระดมทุนในตลาดหุ้นนิวยอร์ก NYSE  ซึ่งอยู่ไม่ห่างจาก Madison Square Park เท่าไหร่

มีการทำunderwrite J.P. MorganMorgan Stanley และ Goldman Sachs ในตอนนั้นราคาIPOของ

Shake Shack คือ $21 ต่อหุ้น แต่เมื่อกลางปี2015มันก็ขึ้นไป $90 ปัจจุบันมันมีสาขามากมายเช่นที่ Seoul, Tokyo, London, Cardiff, Istanbul, Moscow, Muscat, Beirut, Dubai, Abu Dhabi, Doha, Kuwait City, Riyadh, อีกไม่นานก็คงมีที่กรุงเทพ

city-break-new-york-city-part-v-lunch-break-20

Danny Meyer เจ้าของร้านเคยให้สัมภาษณ์ว่า “สิ่งที่มันยากคือความง่ายนั่นเอง เพราะ Hamburger หรือ Hot Dogs มันคืออะไรที่ง่ายและใครก็ทำได้” แต่สิ่งที่ Shake Shack เป็นอยู่ตอนนี้มันไม่ใช่ของง่ายที่ใครๆ ก็ทำได้ซะแล้ว

city-break-new-york-city-part-v-lunch-break-22

มาที่ร้านในสวนแห่งนี้ คุณจะได้รู้จักอาหารอเมริกันแบบ 101 คือนอกจาก Hamburger (ที่ตอนหลังนี้จะมีแบบที่ใช้เนื้อ Angus) หรือ Hot Dogs ก็ต้องลอง “Shack-Ago Dog,” ที่เป็นฮอทดอกสไตล์ชิคาโก้ซึ่งมีเครื่องเยอะแบบ Relish, Onion, Cucumber, Pickle, Tomato, Sport Pepper, Celery Salt and Mustard เครื่องดื่มย้อนยุคต้อง Shake ซึ่งเป็นที่มาของชื่อร้าน และเป็นที่ยอมรับกันว่ามันเป็น Milk Shake ที่อร่อยที่สุดในนิวยอร์ก และไหนๆ มาแล้วควรลองให้ครบสูตรต้องมี Frozen Custard ด้วย ที่น่ารักที่สุดก็คือเขามีอาหารหมาอยู่ในเมนูด้วย เพราะนิวยอร์กเกอร์ส่วนใหญ่ที่เดินในสวนนั้น เขามักจะไม่ลืมเอาเพื่อนสี่ขาของเขามาออกกำลังด้วย

shakeshack.com

city-break-new-york-city-part-v-lunch-break-1

 

Lobster Rolls (แซนด์วิชกุ้งใหญ่) :

ท่านที่ไม่ทานเนื้ออาจจะบ่นว่าทำไมผมจึงแนะนำแต่อาหารกลางวันที่ทานไม่ได้ ผมก็เลยขอเพิ่ม Lobster Rolls (แซนด์วิชกุ้งใหญ่) ที่น่าสนใจมากๆ สำหรับ No beef passenger

city-break-new-york-city-part-v-lunch-break-21

ก็เพราะว่านิวยอร์กอยู่ไม่ไกลจากเขต New England States ซึ่งประกอบด้วยรัฐ 6 รัฐ ได้แก่Connecticut, Maine, Massachusetts, New Hampshire, Rhode Island และ Vermont  ทั้งหมดถือเป็นรัฐเก่าแก่ที่เป็นยุคเริ่มต้นของประเทศนี้ เนื่องจากการอพยพของชาวอังกฤษยุคแรกมักมาตั้งรกรากอยู่แถบชายฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของอเมริกา บริเวณนี้จึงเรียกว่า New England ซึ่งถ้าท่านมานิวยอร์กช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคม หรือฤดู Fall นี้ ผมแนะนำให้เช่ารถขับขึ้นไปชม New England Foliage หรือ ใบไม้เปลี่ยนสีของเขตนี้ และแวะทาน Maine Lobster กับ Clam Chowder แต่ถ้าท่านไม่มีเวลาผมแนะนำอาหารมื้อกลางวันง่ายๆ แบบนิวอิงแลนด์ที่เน้นความหนานุ่มของกุ้งลอบส์เตอร์จากรัฐเมน ซึ่งหาทานได้ในนิวยอร์กในราคาพอๆ กัน อีกทั้งรสชาติและความสดยอดเยี่ยมไม่แตกต่าง ลองเลยครับ 3 ร้านนี้   ไม่ต้องไปคิดถึงร้าน Burger and Lobster ที่อยู่ Soho หรือ Mayfair ในLondon เลยนะครับ มันจะมาสู้ของแท้ต้นตำหรับได้อย่างไร

 

1.ร้าน LUKE’S LOBSTER

city-break-new-york-city-part-v-lunch-break-4

ตอนที่ Luke Holden มาถึง New York ใหม่ๆ ในปี 2007 เขาเริ่มต้นอาชีพใน Wall Street เป็น Investment Banker แต่เนื่องจากพื้นฐานเขามาจากรัฐ Maine ดินแดนที่โด่งดังเรื่องกุ้งก้ามใหญ่ และพ่อเขาก็เป็นพ่อค้ากุ้งอยู่ด้วยเลยเริ่มเห็นโอกาส เพราะในยุคนั้นใครจะกิน Lobster Rolls ในเมืองนี้ ต้องเข้าร้านหรูหน่อยและต้องจ่ายตั้ง $30 ต่อจาน ซึ่งมันแตกต่างจากแถวบ้านเกิดเขาที่รัฐเมน เขาจึงตัดสินใจลาออกจากงานแล้วเปิดร้านแบบที่เขาคุ้นเคยที่เมนและตั้งชื่อLuke’s Lobster อยู่แถวย่าน East Village มีเมนูไม่กี่รายการแต่ที่ขาดไม่ได้คือ Lobster Rolls และ Chowders ซึ่งเป็นของดีจากเขต New England นั่นเอง ซึ่งมันได้ผลดีเขาสามารถขยายสาขาไปได้ถึง 10 สาขา ก็มันคุ้มราคาเอามากๆ Lobster Rolls ของที่นี่มีเนื้อเยอะโดยเป็นเนื้อกุ้งจากก้ามและข้อเป็นchunk  วางไปบนขนมปัง (roll) ที่ทา mayo บางๆ แล้วก็เนยมะนาว Lemon Butter โรยด้วยเครื่องเทศพิเศษของร้าน “special seasoning” ที่ไม่เหมือนใคร เรียกว่าในราคา $15 นั้น ใครก็ต้องอยากลองครับเรียกว่าราคาเท่ากับไปกินที่รัฐเมนต้นตำรับเลย

city-break-new-york-city-part-v-lunch-break-5

และที่น่าสนใจมากในราคาแค่ $13, แซนด์วิชปู Crab Roll ของร้านนี้ต้องสั่งมาลอง ผ่าแบ่งกันก็ยังได้หากจุกจากแซนด์ด์วิชกุ้งอันแรกไปแล้ว

 

2.ร้าน RED HOOK LOBSTER POUND

city-break-new-york-city-part-v-lunch-break-2

Red Hook Lobster Pound ที่นี่โดดเด่นด้วยเนื้อกุ้งที่ให้มาเยอะโดยเป็นเนื้อกุ้งจากก้ามและข้อเป็นส่วนใหญ่ ไม่ใช้ส่วนหางเพราะส่วนนั้นจะไม่นุ่มและหวานเท่า เขาจึงไปใช้กับเมนูอื่นเช่นสลัดแทน และแซนด์วิชที่นี่มีให้เลือก 3 แบบ คือ 1.แบบเย็นไส่มาโยเนส์ หรือแบบรัฐเมน (Maine-style) 2.แบบอุ่นไส่เนย หรือแบบรัฐคอนเนคติคัต (Connecticut-style) 3.แบบ Tuscan (เป็นแบบดัดแปลง ใช้ใบ Basil คลุกน้ำมันมะกอกและน้ำส้มสายชูในสไตล์ทัสคานี) ส่วนขนมปังก็จะใช้ขนมปังแบบฮอทดอก Hot Dog Buns ที่ทาเนยแล้วย่างก่อนโรย ปาปริก้าเล็กน้อยแล้วก็วางแตงกวาดองอ้วนๆ สไตล์บรุ๊คลินและอาจโรยด้วยหอมซอยเล็กน้อย ที่นี่รับประกันความสดของกุ้งด้วยการมีแท็งค์ไส่ท่ออ๊อกซิเจนวางไว้ให้เห็นเลยในราคา $16  มันทำให้คุณไม่ต้องขับรถเลาะชายฝั่งไปถึงเขต New England เพื่อจะกินอาหารจานนี้ไปแถว East Village ใน NYC ก็พอแล้ว

 

3.ร้าน ED’S LOBSTER BAR

city-break-new-york-city-part-v-lunch-break-15

city-break-new-york-city-part-v-lunch-break-14

Ed McFarland เคยทำงานอยู่ที่ร้านอาหารทะเลชื่อดังของนิวยอร์กที่ชื่อ Pearl Oyster Bar แต่เห็นโอกาสและคิดว่าสูตร Lobster Roll ของเขาแตกต่างจากร้านอื่น และสูตรของ Ed ยังไส่ส่วนหางกุ้งที่อาจโดนบ่นว่าเหนียวไป และยังใส่น้ำส้มสายชูที่ทำจากไวน์แดงและเสนอขายในราคาที่แพงกว่า 2 เจ้าแรก คือจานละ $29 แต่ที่นี่เน้นมานั่งทานไม่ใช่ขายแบบสไตล์แซนด์วิชจานกระดาษก็เลยแพงกว่าซึ่งการที่ขายแพงกว่าได้ย่อมต้องมีอะไรดีกว่าเสมอนะครับ

มาถึงตอนนี้บางท่านอาจสงสัยว่าทำไมผมถึงไม่แนะนำสุดยอดอาหารจานด่วนของที่นี่ที่มากับผู้อพยพชาวอิตาลีบ้างล่ะ ผมต้องบอกว่าไม่ได้ลืมครับแต่ผมจัด New York Pizza ไว้ในตอนต่อไปที่ชื่อ “เบรกทานอาหารว่าง Snack Break” โปรดติดตามนะครับ