พลอย จริยะเวช ในบทบาท Artist Writer

คุณพลอย จริยะเวช ได้จัดงานเปิดตัวผลงานหนังสือ และศิลปะภาพวาดคอลเล็กชั่นสุดเอ็กซ์คลูซีฟที่เซรินเดีย แกเลอรี่ แอนเน็กซ์ (Serindia Gallery ANNEX) ภายในร้านหนังสือศิลปะ ฮาร์ดคัฟเวอร์ (Hardcover: The Art Book Shop) ชั้น 4 เซ็นทรัล เอ็มบาสซี และจัดแสดงไปจนถึง 11 ธันวาคมนี้

 

envol-by-ploy-chariyaves-1

envol-by-ploy-chariyaves-2

envol-by-ploy-chariyaves-15

คุณพลอยร่วมนำเสนอผลงานหนังสือภาพเล่มแรก “Envol by Ploy Chariyaves” เผยโฉมพร้อมกับการจัดแสดงผลงานศิลปะภาพวาด และผลิตภัณฑ์งานกระเบื้องในคอลเล็กชั่น Envol Collection ที่รังสรรค์ขึ้นเป็นพิเศษให้กับ Asiatides (เอเชียไทด์) องค์กรที่มีชื่อเสียงด้านการคัดสรรของตกแต่งบ้านรายใหญ่ในอันดับต้นๆ ของฝรั่งเศส จำนวน 8 ชิ้น ซึ่งได้เปิดตัวและวางจำหน่ายครั้งแรกในงาน Maison et Objet 2016 (เมซง เอท์ อ็อบเชท์ 2016) งานแสดงสินค้าตกแต่งบ้านระดับโลกที่กรุงปารีส เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา

 

envol-by-ploy-chariyaves-5

สำหรับผลงานภาชนะกระเบื้องเคลือบในคอลเล็กชั่น Envol Collection คำว่า “Envol” เป็นคำภาษาฝรั่งเศสแปลเป็นไทย มีความหมายว่า “โบยบิน” ได้รับการออกแบบเป็นลายเส้นรูปนก มีเสน่ห์ด้วยลายเส้นชัดเจน และมีเอกลักษณ์เฉพาะที่ผสมผสานระหว่างความเป็นตะวันออกและตะวันตกได้อย่างลงตัว โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่มตามโทนสี ได้แก่ กลุ่มลายคราม เป็นภาชนะใส่ใบชาทรงกระบอกมีฝาปิด ลวดลายนกในโทนสีขาวและน้ำเงิน มี 5 ขนาด จำนวน 5 ชิ้น และกลุ่มสีสัน เป็นจานอาหาร จานของหวาน และถ้วยกาแฟ ลวดลายนกสีสดใส จำนวน 3 ชิ้น

 

envol-by-ploy-chariyaves-4

envol-by-ploy-chariyaves-9

นอกจากนี้ เธอยังได้รวบรวมผลงานวาดรูปที่สะสมไว้นับสิบปี  โดยนำชื่อคอลเล็กชั่น Envol Collection มาเป็นชื่อผลงานหนังสือเล่มล่าสุด  Envol : Collection of Drawings & Colour Celebration จัดพิมพ์โดย สำนักพิมพ์ Serindia Publications เป็นหนังสือปกแข็ง สันปกหุ้มผ้าสวยงาม พิมพ์ด้วยกระดาษอย่างดี ความหนา 160 หน้า รวมภาพวาดคัดสรรของพลอย จริยะเวช ในช่วง ค.ศ. 2008-2016 จัดแบ่งกลุ่มภาพให้ชมเพลินพร้อมเรื่องราวแรงบันดาลใจในการสร้างงานให้อ่านสั้นๆ ในแต่ละบท โดยศิลปินหวังใจว่าจะมอบแรงบันดาลใจในเรื่องสีสันได้ไม่มากก็น้อย

วางจำหน่ายแล้วที่ร้านหนังสือศิลปะ ฮาร์ดคัฟเวอร์ (Hardcover: The Art Book Shop) สาขาเซ็นทรัล เอ็มบาสซี ชั้น 4 และสาขาหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ชั้น 3 และร้านหนังสือเดอะ เปเปอร์สมิธ (The Papersmith : An Independent Magazines Shop)  ชั้น 2 ศูนย์การค้าเกษร

“Roger Vivier The Retrospective Exhibition” พาไปชมรองเท้าในตำนาน

Roger-Vivier-05

Roger-Vivier-07

Roger-Vivier-04

บรรยากาศนิทรรศการ “Roger Vivier The Retrospective”

 

เคยมีแฟนคลับรุ่นใหม่ของ Dior เข้ามาเดินดูรองเท้าของ โรเฌร์ วิวีเยร์ (Roger Vivier) แล้วถามว่า “ทำไมรองเท้าแบรนด์นี้ดูคล้ายดิออร์”

เรื่องเล่าสนุกๆ ที่เกิดขึ้นกับโรเฌร์ วิวีเยร์ แบรนด์รองเท้าของนักออกแบบรองเท้าผู้เป็นตำนานของรองเท้าแฟชั่นสมัยใหม่ ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จไม่เพียงแต่รองเท้าของดิออร์ แต่รองเท้าของห้องเสื้อชั้่นนำของโลกเกิดจากการสร้างสรรค์ของเขา แม้จะไม่มีตัว โรเฌร์ วิวีเยร์ แล้ว แต่แบรนด์และตำนานของเขายังคงอยู่ และครบรอบ 80 ปีแห่งการสร้างสรรค์ในปีนี้ พร้อมกับนิทรรศการที่จะบอกเล่าความยิ่งใหญ่ของนักออกแบบรองเท้าผู้นี้ให้ทุกคนได้รู้จัก “Roger Vivier The Retrospective Exhibition” ที่ดิเอ็มโพเรียม

ถือเป็นอีกหนึ่งนิทรรศการดีๆ และดีมาก ด้วยเพราะอย่างที่บอกไปข้างต้น โรเฌร์ วิวีเยร์ ถือเป็นนักออกแบบระดับตำนาน แบบเดียวกับที่เรารู้จักความยิ่งใหญ่ของคริสเตียน ดิออร์ ไม่เพียงแต่จะยิ่งใหญ่พอกัน เพราะเมื่อดิออร์ก่อตั้งแผนกรองเท้า (เป็นครั้งแรกของโลกแฟชั่น ที่แบรนด์เสื้อชั้นสูงจะมีแผนกรองเท้า) ได้เลือกให้วิวีเยร์มาดูแลการออกแบบเพื่อให้คู่กับเดรสของดิออร์

และนอกจากดิออร์ วิวีเยร์ยังได้ออกแบบให้กับห้องเสื้อชั้นสูง อาทิ Balmain, Patou, Nina Ricci และ Yves Saint Laurent ด้วย พอจะมองเห็นภาพหรือยังว่า ยุคนั้นไม่มีใครเทียบฝีมือวิวีเยร์ได้อีกแล้ว

Roger-Vivier-02

ภาพวาดฉลองพระบาทสมเด็จพระราชินีอลิซาเบธที่ 2 ในพิธีราชาภิเษก ตกแต่งเป็นลวดลายดอกไม้ประดับพชรบริลเลียนต์คัต 3,500 เม็ด

 

Roger-Vivier-01

แคเธอรีน เดอเนิฟ สวมรองเท้า Belle Vivier ในภาพยนต์ดังอย่าง Belle de Jour

 

ที่เป็นเกียรติประวัติสูงสุดของโรเฌร์ วิวีเยร์ คือได้ออกแบบฉลองพระบาทแด้สมเด็จพระราชินีอลิซาเบธที่ 2 ในพิธีราชาภิเษก เมื่อปี 1963 นอกจากนี้ยังมีลูกค้าเป็นถึวเชื้อพระวงศ์จำนวนมาก อาทิ เจ้าหญิงเกรซแห่งโมนาโค และจักรพรรดินีแห่งอิหร่าน รวมถึงเหล่าสตรีคนสำคัญของโลก อาทิ บริจิต บาร์โดต์ ออเดรย์ เฮปเบิร์น เอลิซาเบธ เทย์เลอร์ มาร์ลีน ดีทริช โซเฟีย ลอเรน แจ๊คเกอลีน เคนเนดี้ คาร์ลา บรูนี- ซาโคสกี้ และ แคเธอรีน เดอเนิฟ

โรเฌร์ วิวีเยร์ ยังสร้างสรรค์รองเท้าต้นแบบให้แก่โลกแฟชั่น โดยเฉพาะรองเท้า Belle Vivier รองเท้าพัมป์ที่มีบัคเคิลโครเมียมบนหัวรองเท้า เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 1965 พร้อมกับ Mondrian คอลเล็กชั่นเสื้อในตำนานของอีฟส์ แซงต์ โรลองตฺ์ ต่อเนื่องเมื่อแคเธอรีน เดอเนิฟ สวมรองเท้าคู่นี้ในภาพยนต์ดังอย่าง Belle de Jour ที่นอกจากจะเป็นหนึ่งในรองเท้าไอคอนของทศวรรษ 60 ยังกลายเป็นซิกเนเจอร์แบรนด์นับแต่นั้น

 

Roger-Vivier-03

รองเท้าส้น Choc (ซ้าย) และส้น Virgule (ขวา)

 

นอกจากนี้ ด้วยความที่เป็นคนชอบทดลอง และสร้างสรรค์รองเท้าแบบแปลกๆ จึงได้ให้กำเนิดรองเท้าส้นเข็ม (ที่เรียกว่า Aiguille stiletto) ส้น Choc (ส้นสูงที่มีส่วนโค้งออกมา) และ ส้น Virgule (ส้นสูงที่มีส่วนเว้าเข้าด้านใน) ถือเป็นนวัตกรรมของทศวรรษที่ 50 และ 60 จนอาจเรียกได้ว่า สาวๆ กว่าค่อนโลกก็สวมใส่รองเท้าที่ได้แรงบันดาลใจจากการสร้างสรรค์ของเขา

โรเฌร์ วิวีเยร์ เสียชีวิตเมื่อปี 1988 เมื่ออายุได้ 90 ปี ตำนานการสร้างสรรค์รองเท้าหยุดชะงักไปชั่วขณะ กระทั่ง ดิเอโก เดลลา วัลเล นักธุรกิจและเจ้าของแบรนด์ Tod’s ได้เข้าซื้อกิจการของ โรเฌร์ วิวีเยร์ และแต่งตั้งให้ บรูโน ฟริโซนี เป็นครีเอทีฟ ไดเร็กเตอร์ ตำนานของโรเฌร์ วิวีเยร์ ได้รับการสานต่อ พร้อมกับการเป็นขวัญใจของเหล่าเซเล็บคนดังรุ่นใหม่ ไล่เลียงตั้งแต่ เคท บลันเชตต์ นิโคล คิดแมน เพเนโลเป ครูซ แอนน์ แฮธาเวย์ จูเลียนน์ มัวร์ สการ์เลตต์ โจแฮนส์สัน ซาร์ลีซ เธอรอน ซารอน สโตน คาเมรอน ดิแอซ ดาโกตา จอห์นสัน เจนนิเฟอร์ อนิสตัน โอลิเวีย ไวลด์ ซาราห์ เจสสิกา พาร์กเกอร์ และ เจสสิกา บีล เป็นต้น

ไปชมด้วยตนเองแล้วจะทราบว่า รองเท้าในตำนานที่แท้จริงนั้นเป็นเช่นไร

 

นิทรรศการ “Roger Vivier The Retrospective Exhibition” เพื่อเฉลิมฉลองครบ 80 ปีแบรนด์ โรเฌร์ วิวีเยร์ จัดแสดงตั้งแต่วันที่ 1 – 14 กันยายน ณ ชั้น M ดิเอ็มโพเรียม

 

เครดิตภาพ: www.rogervivier.com และ PP Group

นิทรรศการสลักดุน

บอกเล่าเรื่อราวของชนชาติในอาเซียนผ่านลวดลายที่ตอกสลักและดุนแผ่นเงินให้เป็นภาชนะใช้สอยต่างๆ ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความวิจิตรและมีเอกลักษณ์ของลวดลายในแต่ละชาติ

P7303026

P7302873

วันเสาร์อาทิตย์นี้ถ้าต้องการจะหานิทรรศการดีๆ ชม ขอแนะนำ‘สลักดุน’ นิทรรศการที่บอกเล่าเรื่องราววัฒนธรรมของอาเซียนผ่านลวดลายเครื่องเงินที่จัดขึ้นที่หอศิลป์ ถนนเจ้าฟ้า นิทรรศการ สลักดุนภูมิปัญญาเชิงช่าง จากอดีตสู่ปัจจุบัน จัดขึ้นโดย ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ (SACICT)

silverwear-02

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

แต่ลวดลายที่วิจิตรและบ่งบอกถึงความเรียบง่ายก็คงเป็นงานสลักดุนจากลาว โดยชิ้นงานของประเทศไทยได้สื่อให้เห็นถึงลวดลายวิจิตร อ่อนช้อยและหรูหรา มีเทคนิคการตกแต่งลวดลายอย่างการลงยา ขณะที่เสน่ห์ของงานสลักดุนจากกัมพูชากลับเป็นรูปทรงของชิ้นงานที่เป็นของย่อส่วนอย่างฟักทอง นกคุ้มหรือควาย แม้จะมีขนาดเล็กแต่มีรายละเอียดลวดลายที่ชัดเจน แต่ละชาติล้วนมีเชิงช่างที่รังสรรค์ชิ้นงานได้งดงามจับตายิ่ง

P7302884

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

งานที่แตกต่างโดดเด่นเพราะทำเป็นดุนนูนสูงของเมียนมาร์ โดยเฉพาะช่างจากรัฐชานที่จะสลักดุนลวดลายสูงมากจนบางคนเรียกว่าการสลักดุนแบบสามมิติ ส่วนเรื่องราวในตัวลายนั้นมีทั้งลายพันธุ์พฤกษา เรื่องราวในชาดกอย่างมหาชาติและทศชาติชาดก เรื่องรามเกียรติ์ และลวดลายสิบสองนักษัตร ช่างที่สลักดุนในพม่าจะเรียกว่าช่างบุ นอกจากทำชิ้นงานเพื่อใช้สอยและเป็นเครื่องประกอบพระอิสริยยศแล้วยังมีการแผ่แผ่นโลหะทองหรือทองจังโกแล้วบุเป็นลวดลายเพื่อหุ้มพระเจดีย์

silverwear-03

ลวดลายสลักดุนในชาติต่างๆ นั้นมีการผสมผสานกันเหมือนการผสมผสานขนบประเพณี อย่างการสลักดุนในล้านนาหรือทางภาคเหนือของประเทศไทย ช่างได้รับเอาลวดลายจากประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ว่าจะเป็นลายกลีบบัวแวงหรือลายปลิงจากเมียนมาร์ ลายก้นหอยที่คล้ายลายขมวดเส้นพระเกศาของพระพุทธรูปจากลาว นำมาผสมผสานลายพันธุ์พฤกษาและลายดอกไม้กลายเป็นลวดลายเอกลักษณ์ของล้านนา

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

อย่างชุดเชี่ยนหมากเงินสลักดุนสกุลช่างล้านนา ทำเป็นภาชนะชิ้นเล็กๆ อย่างภาชนะบรรจุหมาก พลู ยาเส้น สีผึ้ง ฯลฯ โดยจะบรรจุภาชนะเงินเหล่านี้ในเครื่องเขินรูปทรงต่างๆ เป็นชุดเชี่ยนหมาก และใช้ในพิธีการสู่ขอในงานแต่งงานด้วย แต่ถ้าทำกระบะเงินรองรับไม่ใช่เครื่องเขินจะเป็นอิทธิพลจากลาว

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

ส่วนช่างสลักดุนในราชอาณาจักรกัมพูชานั้นจะมีความสามารถจำลองรูปลักษณ์ที่ใกล้ เคียงธรรมชาติมาเป็นตลับ อย่าง ควาย ฟักทอง นกคุ้ม ฯลฯ ซึ่งเป็นสิ่งที่พวกเขาพบเห็นในชีวิตประจำวัน ควายคือสัตว์ที่มีบุญคุณช่วยทำไร่ไถนา ส่วนรูปนกหรือรูปไก่ก็เป็นสัตว์ที่ใกล้ชิด หรืนกคุ้มที่เชื่อว่าชื่อคุ้มจะช่วยป้กงกันภยันตรายต่างๆ ตลับนี้ใช้ใส่ยาเส้น ใส่หมากที่เจียนแล้ว เช่นเดียวกับทางภาคเหนือของไทยเราจะเห็นถึงความเกี่ยวข้องผูกพันกันทางลวดลายบนชิ้นงานสลักดุนของชนชาติอาเซียน บ่งบอกถึงสายศิลป์ที่ไร้พรมแดนอย่างแท้จริง(เรื่องและภาพ เศรษฐพงศ์)

นิทรรศการ สลักดุนภูมิปัญญาเชิงช่าง จากอดีตสู่ปัจจุบัน จะเปิดให้เข้าชมถึงวันที่ 4 กันยายน ศกนี้ เปิดให้ชมฟรีทุกวันพุธ – วันอาทิตย์(หยุดวันจันทร์และวันอังคาร)ตั้งแต่เวลา 09.00-16.00 . ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป ถนนเจ้าฟ้า กรุงเทพฯ

Yves Saint Laurent Birth of a Legend by Pierre Boulat นิทรรศการดี ที่ไม่ควรพลาดชม

ปิแอร์ บูลาต์ (Pierre Boulat) ช่างภาพดังของนิตยสาร Life และเพื่อนของทั้ง อีฟ แซงต์ โรลองต์ (Yves Saint Laurent) และ ปิแอร์ แบร์แจ (Pierre Berge) ถ่ายภาพของแซงตฺ์ โลรองต์ และผลงานของเขามาตลอดทั้งชีวิต หนึ่งในภาพชุดที่มีชื่อเสียงของเขาคือ เบื้องหลังการทำงานตลอด 5 สัปดาห์ของแซงต์ โลรองต์ ขณะเตรียมงานคอลเล็กชั่นแรกของตนเองเมื่อปี 1962

 

YSL-PB-003

YSL-PB-002

YSL-PB-001

บรรยากาศงานนิทรรศการ

 

“Yves Saint Laurent Birth of a Legend by Pierre Boulat” คือนิทรรศการที่นำภาพชุด 49 ภาพ เบื้องหลังการออกแบบคอลเล็กชั่นแรกของแซงต์ โลรองต์ นับตั้งแต่การร่างแบบ การขึ้นแพทเทิร์ตหุ่น การตัดเย็บ การฟิตติ้ง ไปจนถึงวันแสดงแฟชั่นโชว์ ภาพถ่ายนี้ ไม่เพียงแสดงให้เห็นถึงอัจฉริยภาพในการสร้างสรรค์ผลงานของแซงต์ โลรองต์ หนึ่งในดีไซน์เนอร์ผู้เป็นตำนานของแฟชั่นฝรั่งเศสนับจาก โคโค่ ชาเนล และคริสเตียน ดิออร์ ยังบอกความเป็นผู้นำแฟชั่นโลกของฝรั่งเศสอีกด้วย

 

YSL-PB-004

แซงต์ โลรองต์ ในระหว่างการออกแบบคอลเล็กชั่น

 

สยามพารากอน และสถานทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทย จึงได้ร่วมกันนำนิทรรศการภาพถ่ายนี้มาจัดแสดงระหว่างวันที่ 18-30 สิงหาคมนี้ ณ ชั้น M สยามพารากอน ผู้ที่สนในทั้แฟชั่น และภาพถ่าย จึงไม่ควรพลาดชมงานมาสเตอร์พีช จากทั้งดีไซน์เนอร์ และช่างภาพในตำนานทั้งสองคน

 

YSL-PB-005

ชาลี จารุวัสตร์ ที่ปรึกษาประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านกิจการองค์กรสัมพันธ์ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด ,ฯพณฯ จิลส์ การาชง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐฝรั่งเศสประจำประเทศไทย และ มยุรี ชัยพรหมประสิทธิ์ผู้บริหารสยาม พารากอน ในวันแถลงข่าวเปิดนิทรรศการ