“Dark Glamour” การกลับมาของดาร์กเมกอัพ คราวนี้สวยและสง่างามมากกว่าครั้งไหน

ปกติเทรนด์เมกอัพของทุกๆ ฟอล-วินเทอร์เรามักจะนึกถึงโทนสีที่เคร่งขรึม อย่างเรียวปากสีแดงคลาสสิคที่เห็นกันทุกปี ก็มักจะออกไปในโทนเข้มอย่างเบอร์กันดีหรือแดงไวน์ แต่ปีนี้นับว่าแตกต่างกว่าทุกครั้ง เพราะมีการหยิบยกเอาลิปสติกสีเข้มที่สุดอย่าง สีดำ และม่วงพลัมที่เคยถูกมองว่าดูโหด และดุดัน มาแต่งเป็นลุคหรูบนเวทีของดีไซเนอร์ชั้นนำมากมาย เช่น Dior, Louis Vuitton, Bottega Veneta, Rodarte และ Marni จนทำให้เรียวปากสีนี้กลายเป็นเฉดที่ฮอตที่สุดของซีซั่นไปโดยปริยาย

 

dark-dior

Christian Dior Peter Philips, Creative and Image Director for Dior Makeup ใช้ Rouge Dior สี Poisonลิปสติกเฉดใหม่ล่าสุดโดยรองพื้นปากให้เข้มขึ้นก่อนด้วยลิปไลเนอร์เฉดเดียวกัน

dark-vuitton

Louis Vuitton เพิ่มความแวววาวที่เรียวปากและสไตลิ่งผมให้เป็นธรรมชาติ

 

เมื่อพูดถึงเมกอัพสีดำ เราจะจำภาพในยุคต้น 80s ไปจนถึงต้น 90s ว่าคนที่จะแต่งเมกอัพเฉดสีนี้ได้ส่วนใหญ่จะมีแต่พวกร็อคสตาร์หรือในหมู่ชาวพังค์ร็อค โดยในยุคต้น 80s ใบหน้าจะมาในเมกอัพจัดเต็มทั้งดวงตาสีดำทึบตัดกับเรียวปากดำสนิทเหมือนทาด้วยสีเพ้นต์ ส่วนผิวหน้าจะแต่งให้ดูแมตต์และพอกหนาด้วยแป้ง ทำให้อดคิดไม่ได้ว่านี่ถ้าลบเมกอัพออกทั้งหมดคงดูเป็นคนละคนไปเลย ส่วนคนดังที่ชอบแต่งลุคนี้และเราจำได้ติดตาได้แก่ Siouxsie Sioux แห่งวง Siouxsie and the Banshees, Robert Smith แห่งวง The Cure และ Joan Jett

พอมาถึงยุค 90s กระแสกรันจ์ร็อค กอธ และมินิมัลเมกอัพเข้ามามีบทบาทมากขึ้น เมกอัพแบบจัดเต็มจึงลดทอนลง เหลือแค่แต่งเฉพาะที่เรียวปากด้วยลิปสติกสีเข้ม หรือไม่ก็ดวงตาเขียนด้วยอายไลเนอร์สีดำเกลี่ยให้ดูไม่เนี๊ยบ แต่ถึงอย่างไรเนื้อสัมผัสเมกอัพในสมัยนั้นก็ยังคงแต่งแล้วดูไม่เป็นธรรมชาติอยู่ดี และมักจะถูกนำมาแมตช์กับลุคเสื้อผ้าสไตล์สตรีตแวร์เซอๆ เพื่อสื่อถึงวัยรุ่นหัวขบถที่ไม่อยากเหมือนใคร

 

dark-rodarte

Rodarte ลุคโรแมนติก กอธด้วยเรียวปากสีพลัมเข้มกับใบหน้าเปลือยเปล่า

dark-marni

Marni ลุคแรงบันดาลใจมาจากภาพยนตร์ขาว-ดำ ผิวจึงแต่งให้ดูขาวซีดตัดกับปากสีม่วงอมน้ำตาล

 

จนมาถึงยุคปัจจุบัน มีการนำเทรนด์สีดาร์กเหล่านี้มาเล่าใหม่ด้วยการพลิกโฉมให้ดูหรูหรารับกับเสื้อผ้า Ready-to-Wear ไปจนถึงโอต กูตูร์ได้อย่างสง่างาม ซึ่งวิธีช่วยให้เมกอัพลุคดูแกลมขึ้นอีกครั้งนั้น เมกอัพ อาร์ทิสต์ใช้เทคนิคง่ายๆต่อไปนี้เพื่อช่วยลบภาพลุคโหดๆ ให้ดูอ่อนโยนลงได้อย่างน่าอัศจรรย์

1.โฟกัสการลงสีเข้มไปที่จุดใดจุดหนึ่งบนใบหน้า ไม่ว่าจะเป็นเฉพาะที่ดวงตาหรือที่เรียวปาก แล้วแต่งคู่กับผิวที่ปราศจากสีสัน

2.แต่งผิวให้ดูชุ่มชื่นและนุ่มเนียน ซึ่งรองพื้นเทคโนโลยีใหม่ให้เนื้อสัมผัสที่บางเบามากจนผิวดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น
3.เน้นเรียวปากให้ดูชุ่มชื่น ซึ่งลิปสติกเนื้อแมตต์ยุคใหม่ให้เนื้อสัมผัสที่ทาแล้วแนบเนียนเป็นเนื้อเดียวกับผิวปาก นอกจากนี้ การใช้ลิปกลอสก็เป็นวิธีที่ช่วยเพิ่มความหรูหราได้เช่นกัน
4.สไตลิ่งผมให้เรียบง่าย เช่น ผมปาดข้างหรือรวบเป็นมวยด้านหลังเน้นขับเท็กซ์เจอร์ให้ดูเงางาม
5.ปัดขนตาด้วยมาสคาร่าสีดำเพื่อขับดวงตาให้โดดเด่น

สรุปแล้วสีดำเป็นสีที่ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด เพราะส่วนใหญ่ลิปสติกรุ่นใหม่ๆ มักมีเม็ดสีแดงเป็นเบสซึ่งทาแล้วทำให้ใบหน้าดูละมุนขึ้น แต่ถ้ายังไม่กล้า ให้ลองทาปากโดยใช้นิ้วแตะแล้วเกลี่ยให้สีดูระเรื่อเป็นละอองบางเบา เน้นความเข้มให้อยู่กึ่งกลางริมฝีปาก เพียงเท่านี้ก็สร้างความแตกต่างได้แล้ว

 

Best Picks

ลิปสติกเนื้อดีช่วยอัพเกรดดาร์กลุคให้หรูขึ้น

Bobbi-Brown001
Luxe Lip Color สี Plum Brandy จาก Bobbi Brown

 

Estee-Lauder001
Pure Color Envy Matte Sculpting Lipstick สี Extrovert จาก Estee Lauder

 

Urban-Decay001
Matte Revolution Lipstick สี Blackmail จาก Urban Decay

 

Nars001
Audacious Lipstick สี Liv จาก Nars

 

MACre001
Lipstick / Viva Glam Ariana Grandeจาก M.A.C

Fall / Winter 2016-2017 Trend Report ถามว่าอะไรจะมา? มีคำตอบที่นี่!

เปลี่ยนฤดูแฟชั่นแต่ละที ก็มักจะมีคำถามเกิดขึ้นว่า “แล้วอะไรจะมา?”

The Editors Society จึงรวมรวมคำถาม พร้อมคำตอบให้แจ่มแจ้งจากรันเวย์ปารีส มิลาน นิวยอร์ก และลอนดอน ว่าอะไรจะมา อะไรจะอินเทรนด์ เพื่อจะได้ให้เหล่าแฟชั่นนิสต้าทั้งหลายเตรียมมอง และเลือกว่าอยากจะอินเทรนด์แบบไหน

 

ถามว่า สีไหนจะมา

คำตอบ: สีแซ่บของใบไม้ร่วงและหนาวนี้ มีหลายเฉดหลากสี ตั้งแต่สีคลาสสิกไปจนถึงสีอ่อนหวานที่น่าจะเป็นซัมเมอร์ ก็มาอยู่ฤดูนี้ เรียกว่าเต็มไปด้วยสีสันพัลวัน แต่ขอหยิบสีเด่นๆ ที่เห็นกันมากหน้าบนรันเวย์มาให้ชมกัน เริ่มที่

 

01-RED

Red

แดงเกลื่อนรันเวย์ มาตั้งแต่ลำลองไปจนถึงราตรี และแน่นอนว่ามาครบทุกเฉด

(Trussardi, Marni, Loewe และ Elie Saab )

 

01-PINK

Pink

อ่อนกว่าแดงก็ชมพู ที่ดูซ้ำไปมาหลายรอบก็ไม่เข้ากับฤดูหนาวสักเท่าไร แต่ขอให้เชื่อเถิดว่า ชมพูมาทุกแบบ ตั้งแต่ชมพูอ่อน ชมพูกุหลาบ ไปจนช้อกกิ้งพิงค์
(Vivienne Westwood Red Label, Kenzo, Miu Miu และ Gucci)

 

01-GREEN

Green

อีกหนึ่งสีเด็ดที่มาคู่กันกับชมพู และสีข้างล่าง หลายคนอาจไม่คิดว่า เขียวจะอินกะเข้าด้วย แต่ดูมาแทบครบทุกรันเวย์ สีเขียวก็มาเกือบครบทุกโชว์
(Emilio Pucci, Tory Burch, Burberry และ Rick Owens)

 

01-BLUE

Blue

น้ำเงินถือเป็นสีประจำฤดูหนาวไปแล้ว แน่นอนคราวนี้ก็มาครบทุกความน้ำเงิน ตั้งแต่ฟ้าไปจนถึงกรมท่า และต่อเนื่องไปถึงสีเขียวข้างบน
(Carven, Prabal Gurung, Tod’s และ Marchesa)

 

01-TAN

Brown

สีน้ำตาล ไปจนถึงนู้ด และเบจ คือสีส่งท้ายความฮิตของฤดูกาลนี้ จริงๆ มีสีอื่นๆ อีก แต่ก็สุดๆ ละกับ 4 สีนี้
(Giorgio Armani. Hermes, Maiyet และ Celine)

 

01-BLACK-WHITE

Black and White

สีนี้ถือเป็นสีคลาสิกของทุกฤดูกาล จริงๆ ฤดูนี้ก็เต็มไปทั้งสีดำ และขาว ก็เลยขอจับมารวมกันเลย
(Port 1961, Dries Van Noten, Victoria Beckham และ Derek Lam)

 


 

ถามว่า ลายอะไรจะมา

คำตอบ: ก็เช่นเดียวกับสีสัน เนื่องจากคอนเซ็ปต์ของหนาวนี้คือการกลับมาของความเยอะ ฉะนั้นก็จะเยอะทั้งสี ทั้งแบบ และทั้งลวดลาย ไม่ว่าจะจิ้มลายไหนก็ถูกต้องแทบทั้งหมด เอาเป็นว่าคัดมาให้ดูเฉพาะที่เด่นๆ เห็นบนบนรันเวย์ เมืองแฟชั่น

 

01-FLOWER

Flower

จริงๆ ดอกไม้บนรันเวย์ก็มีแทบทุกฤดู เหมือนดอกไม้จริงๆ ก็ให้เห็นทั้งปีไม่่เว้นหน้าหนาว แต่ฤดูนี้ดอกไม้มาเต็ม และมาสีจัดจ้านแทบทุกแบรนด์ แต่ดอกไม้สีหวานก็ไม่ใช่จะถูกลืมนะ
(Paul Smith, Balenciaga, MSGM และ Dolce & Gabbana)

 

01-TIGER

Tiger skin

ที่เห็นบ่อยสุดคือเสือดาว เป็นหนึ่งหนังดาวเด่น แต่ก็ลืมเสือลายพาดกลอนไม่ได้เหมือนกัน
(Veronique Branquinho, Emanuel Ungaro, Givenchy และ Roberto Cavalli)

 

01-PLAID

Plaid

ความจริงต้องรวมไปทั้งลายตาราง ลายสก็อต และสีสารพัดลายตัดขวาง ทั้งลายใหญ่ ลายเล็ก ลายน้อย และมาทุกสีเลยสิน่า
(Prada, Etro, Preen by Thornton Bregazzi และ Calvin Klein Collevtion)

 


 

ถามว่า ไอเท็มไหนจะมา

คำตอบ: หน้าหนาว หลักๆ ก็ต้องหาอะไรมาห่มหนาว ไอเท็มเจ๋งเด็ด คงหนีไม่พ้นแจ๊กเก็ต และเฟอร์ แต่ที่น่าจับตามองก็คือพวกงานคลุมไหล่ ห่อร่าง ทั้งผ้าคลุมไหล่ โบเลโร

 

01-BIKER

Biker Jacket

สาวนักบิด ต้องงัดแจ๊กเก็ตออกมาคลายหนาวกันอีกครั้ง และก็แน่นอน แจ๊กเก็ตมอเตอร์ไซค์มาทุกที มาทุกปี
(Ann Demeulemeester, Courreges, Coach 1941 และ Topshop Unique)

 

01-CAPE

Cape

งานคลุมไหล่ต้องมาก มาทั้ง cape, bolero และ poncho เลือกเอาตามถนัด แค่ไม่ปล่อยให้ไหล่หนาว
(Andrew Gn, Paul & Joe, Sportmax และ Chalayan)

 

01-FUR

Fur

งานเฟอร์ต้องมา และก็มาแน่นมากในซีซั่นนี้ และก็ดูปล่อยพลังกันสุดฤทธิ์
(Michael Kors, Hood By Air, Fendi และ Saint Laurent)

 

01-JUMPSUIT

Jumpsuit

มาพร้อมกับงานมอเตอร์ไซค์ และงานสปอร์ตแวร์ จั๊มพ์สูท เป็นอะไรที่ยังรอให้สาวๆ ใส่จริงๆ แล้วไม่ดูแปลกอยู่นะ
(Emilio Pucci, Louis Vuitton, Sibling และ Lemaire)

 

01-SINGLE-SHOULDER

Single Shoulder

ตำราบอกว่า แขนเดี่ยวนี้มาพร้อมกับยุค’80s รองเท้นส้นเข็มต้องพร้อม แต่งหน้าตาเฉี่ยวให้พร้อมกับความเปรี้ยวของสาวแขนเดี่ยว
(Isabel Marant, Jeremy Scott, Julien Macdonald และ Maison Margiela)

 

01-PUFFA

Puffa

หน้าหนาวนี่นะ งานบุนวมก็ต้องมา เดี๋ยวนี้งานบุนวมไม่ได้ไก่กาเชยแสนเชย ใส่แล้วเป็นแหนม เพราะดีไซน์เนอร์ออกแบบงานบุนวมให้เปรี้ยวจริง เปรี้ยวจัง
(Rag & Bone, Stella McCartney, Iceberg และ Alexander McQueen)

 


 

ถามลึกๆ ว่า ต้องเลือกวัสดุไหนมาห่อร่างถึงจะอิน

คำตอบ: ที่แซงเบียดคอตต้อน ไหม หรือเหล่านิตแวร์ทั้งหลาย ก็เห็นจะมีดังนี้

 

01-DENIM

Denim

เดนิมถูกปรับเปลี่ยนจนแทบไม่เหลือความเซอร์ ผลที่ได้กลายเป็นงานแฟชั่นชั้นสูงเลยนะ
(Off-White, Moschino, Manish Arora และ Dsquared2)

 

01-VELVET

Velvet

เพิ่มเนื้อสัมผัสให้กับการสวมใส่ และยังได้ความอบอุ่นจากเนื้อกำมะหยี่ ที่นำไปทำเป็นเครื่องแต่งกายสารพัดแบบ
(Alberta Ferretti, Roland Mouret, Dolce & Gabbana และ MSGM)

 

01-METALLIC

Metallic

ประกายวาววับของเนื้อผ้าเมทัลลิก สื่อแฟชั่นหลายสำนักยกให้เป็นไอเท็มของปลายปี
(Opening Ceremony, Jil Sander, Pamella Roland และ Marc Jacobs)

 


 

ถามว่า แนวไหนจะมา

คำตอบ: เอาจริงๆ คือมาทุกแบบ ตั้งแต่ชนเผ่า ไปถึงแนวอนาคต ตั้งแต่เรียบมาก ไปจนถึงแน่นมาก อยากแต่งอย่างไรก็แต่ไปตามใจ ทว่า ถ้ายังไม่มีแนว ก็จะสรุปแบบกว้างขวางให้ 4 แนว

 

01-RETRO

Retro

มีคนย่อยแฟชั่นย้อนยุคไปถึงเรอเนซองส์ วิคตอเรียน เอ็ดเวิร์ดเดรียน เอาจริงแฟชั่นย้อนยุคก็ลามมาทุกยุค ทั้งโบฮีเมียน ฮิปปี้ ดิสโก้ มาถึงยุคมินนิมัล เปิดประวัติศาสตร์แฟชั่นแต่งตัวกันเลย
(Veronique Branquinho, Derek Lam, Gucci และ Marchesa)

 

01-MILITARY

Military

แนวทหารคราวนี้ไม่ใช่ลายพราง แต่เป็นเครื่องแบบแม่ทัพนายกอง ตลอดจนทหารเรือรอรัก
(Tommy Hilfiger, Givenchy, Mulberry และ Sacai)

 

01-MENSWEAR

Menswear

ผู้หญิงแกร่งเทียบชายก็เป็นอะไรที่แสดงออกได้ด้วยการแต่งกายที่หยิบแรงบันดาลใจจากเสื้อผ้าหนุ่มๆ หรือาจจะเอาเสื้อผ้าหนุ่มๆ นี่แหละมาปรับให้ดูหวานด้วยตัวเองก็ได้
(Andreas Kronthaler for Vivienne Westwood, Giambattista Valli, Issey Miyake และ Thom Browne)

 

01-ROCK

Rock

สาวร็อคในวันนี้ เป็นทั้งร็อคโหดๆ และกรันจ์ร็อคในแบบ Courtney Love ก็ไม่เลว
(Julien Macdonald, Alexander Wang, Herve Leger by Max Azria และ DKNY)

 

01-SPORT

Sport

ตราบที่ยังรักการดูแลตนเอง สปอร์ตเวร์ก็จะฝังร่างมาแทบทุกการออกแบบของดีไซน์เนอร์ในปัจจุบัน ยังไงก็ไม่พลาดแต่งสปอร์ต
(Damir Doma, Vetements, Coach 1941 และ Celine)

 

01-VOLUME

Volume

ในที่นี้หมายถึงการเพิ่มวอลลุ่มให้กับเสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย ไม่ว่าจะเป็นการจับจีบ จับระบาย สม็อค รวมทั้งการเล่นระดับ ล้วนเป็นดีเทลสำคัญของเสื้อผ้าในฤดูกาลล่าสุดนี้ “ต้องห้ามพลาด”
(Fendi. Valentino, Mary Katrantzou และ Chanel)

 

สาวๆ คงเกิดไอเดียแต่งตัวรับปลายปีนี้กันแล้วนะ