Rebecca Minkoff สวยเท่สไตล์นิวยอร์กเกอร์ เผยตัวตนของคุณให้เด่นกว่าทุกครั้ง

Rebecca Minkoff (รีเบคก้า มินคอฟฟ์) เป็นแบรนด์ผู้นำวงการแฟชั่นในด้านกระเป๋า เครื่องประดับ รองเท้า และเครื่องแต่งกายระดับลักชัวรีแบรนด์ สร้างการดีไซน์ให้มีความเท่ และดูสนุกสนาน โดยมีเอกลักษณ์อยู่ที่การตัดเย็บด้วยหนังระดับพรีเมี่ยมที่มีความสวยงามทนทาน ประดับหมุด และฮาร์ดแวร์ จึงทำให้สามารถครองใจเหล่าเซเลบริตี้ชาวนิวยอร์กเกอร์ และสาวๆ ทั่วโลก

 

rebecca-minkoff-1

ความสำเร็จของ Rebecca Minkoff เริ่มต้นจากพรสวรรค์ที่ถูกค้นพบเมื่อรีเบคก้าเรียนอยู่ระดับไฮสกูล และเลือกเรียนในแผนกเครื่องแต่งกาย จากนั้นจึงตัดสินใจย้ายไปยังนิวยอร์กเมื่อมีอายุได้ 18 ปี เพื่อเดินตามความฝันในการก้าวขึ้นมาเป็นแฟชั่นดีไซเนอร์ เบื้องหลังความสำเร็จของ รีเบคก้า นั้นได้รับการสนับสนุนจากครอบครัวเป็นอย่างดีโดยเฉพาะ ยูริ มินคอฟฟ์ (Uri Minkoff) ผู้เป็นทั้งพี่ชายและผู้ร่วมก่อตั้งแบรนด์ ได้ก้าวเข้ามาเสริมทัพพร้อมสนับสนุนผลักดัน ให้เกิดแคมเปญต่างๆ ผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ ตอกย้ำให้แบรนด์ Rebecca Minkoff ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว

Rebecca Minkoff ไลฟ์สไตล์แบรนด์ผู้นำการออกแบบกระเป๋า และเครื่องประดับ ระดับลักชัวรีแบรนด์จากนิวยอร์ก เผยโฉม Fall 2016 คอลเล็กชั่นนี้เน้นการดีไซน์ซิลูเอทที่มีทั้งความเรียบง่าย ด้วยวัสดุที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์อย่างหนังกลับตอกหมุด พู่ห้อย และ Hardware ห่วงคล้อง

 

rebecca-minkoff-4

rebecca-minkoff-5

rebecca-minkoff-2

rebecca-minkoff-3

rebecca-minkoff-6

สำหรับโทนสีที่โดดเด่นมาจากธรรมชาติของฤดูใบไม้ร่วงที่มีโทนสีเคร่งขรึม อาทิ สีเขียวขี้ม้า สีน้ำตาลเข้ม สีเหลืองมัสตาร์ด และสีเทาควันบุหรี่ สำหรับลวดลายบนกระเป๋านั้นได้รับแรงบัลดาลใจมาจากเสื้อผ้าและเครื่องประดับของชาวยิปซี นักศิลปะ และโบฮีเมียนผู้ซึมซับวัฒนธรรมต่างๆ ระหว่างการเดินทางที่เต็มไปด้วยความอิสระเสรี และความกระตือรือร้น ทั้งหมดถูกถ่ายทอดผ่านผ้าปักลายดอกไม้ และลายปักแบบชุดของชนเผ่า แผ่นโลหะระบุชื่อสถานที่สำคัญต่างๆ ทั่วโลกที่ชวนให้ระลึกถึงเมื่อได้เคยไปเยือน แผ่นโลหะสะท้อนแสงชิ้นเล็กที่พบได้ในโบสถ์ทั่วยุโรป  กระพรวนชิ้นเล็กที่สร้างเสียงน่ารักยามเคลื่อนไหว

 

พบกับคอลเล็กชั่นกระเป๋า เครื่องประดับ และเครื่องแต่งกาย  Rebecca Minkoff  ได้ที่ ชั้น 1 ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลชิดลม

ภาพ : ลิขสิทธิ์แบรนด์

มิติใหม่ของเทรนด์ผิวอบอุ่นเพื่อสาวเอเชีย

the-great-gatsby

The Great Gatsby ที่มี Carey Mulligan เป็นตัวแทนภาพลักษณ์สาวไฮโซในยุคแกสบี้

 

เมื่อมองใบหน้าผู้หญิงทุกวันนี้ เห็นได้ชัดเลยว่าสาวๆยุคใหม่เริ่มใช้วิธีขับผิวให้ดูสุขภาพดีด้วยบรอนเซอร์แทนการไล้พวงแก้มด้วยบลัชออนสีชมพูใสๆกันมากขึ้น โดยสมัยก่อน เราแทบจะไม่เห็นผู้หญิงใช้เมกอัพแต่งผิวให้ดูอบอุ่นเลย มีแต่มุ่งสู่เทรนด์ไวเทนนิ่งกันอย่างเดียว ยิ่งมีแป้งและรองพื้นที่ทำให้ใบหน้าดูขาวขึ้นอีกหลายสเต็ปนี่ยิ่งชอบนัก ด้วยเหตุนี้หลายบิวตี้แบรนด์ถึงขนาดไม่นำเอาซัมเมอร์ เมกอัพคอลเล็กชั่นเข้ามาเพราะคิดว่าคงจะขายไม่ได้ จึงเป็นเหตุให้สาวๆที่ชอบผิวแทนต้องไปหาซื้อผลิตภัณฑ์เหล่านี้ที่ต่างประเทศแทน ซึ่งในยุคนั้นการจะหาบรอนเซอร์ที่แมตช์กับผิวโทนเอเชียนั้นยากมากเพราะส่วนใหญ่จะเหมาะกับฝรั่งผิวขาวมากกว่า อย่างเราๆนี่ทาแล้วคงดูส้มเกินไปหรือไม่ก็หมองคล้ำไปเลย

 

valentino-03

Valentino

 

จากโทนสีที่ถูกมองว่าไร้ค่ากลายเป็นเทรนด์ดังชั่วข้ามคืน

ในอดีตการสีผิวสีแทนเป็นสิ่งที่สังคมไม่ยอมรับเพราะสื่อให้เห็นถึงความยากจนเหมือนชนชั้นแรงงานที่ต้องออกไปตรากตรำทำงานนอกบ้าน แต่การมีผิวขาวเนียนใสและผุดผ่องนั้นสื่อถึงความสง่างามและมีฐานะ สตรีชนชั้นสูงไม่ว่าจะในยุคเรอเนซองส์ เอดวาเดียน หรือแกสบี้ เลือกที่จะอยู่แต่ภายในอาคารและเน้นทำกิจกรรมสังสรรค์ที่ไม่ต้องไม่สัมผัสกับแสงแดดภายนอก หรือถ้าต้องออกไปก็จะปกคลุมผิวด้วยชุดแขนยาว หมวกและร่ม

จนกระทั่งถึงจุดเปลี่ยนเมื่อโคโค่ ชาแนล นำเสนอภาพลักษณ์ใหม่ของความหรูหราโดยยตอนที่เธอเดินทางไปพักร้อนตากอากาศกับเพื่อนสนิท การอาบผิวให้ดูก่ำแดดกลายเป็นความงดงามใหม่ที่สื่อถึงความภูมิฐานว่าพวกเธอมีเงินและเวลาไปท่องเที่ยวโดยไม่ต้องทำงานหรืออยู่แต่กับบ้าน ความโด่งดังของเธอในฐานะดีไซเนอร์ทำให้ผู้หญิงทั้งบ้านทั้งเมืองต่างตามกระแสนี้กันยกใหญ่

อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันเราต่างสามารถมีผิวอบอุ่นได้โดยไม่ต้องเสี่ยงกับการโดนแสงแดดมาทำร้ายผิว เพราะผลิตภัณฑ์สกินแคร์และเมกอัพช่วยทำให้เราดูเหมือนไปพักร้อนตากอากาศมาจริงและดูสุขภาพดีกว่าด้วย ซึ่งแบรนด์ยอดนิยมที่โดดเด่นในด้านนี้มายาวนานได้แก่ Lancaster ถือว่าเป็นเอ็กซ์เปิร์ตในด้านผลิตภัณฑ์เพื่อผิวแทนเลยทีเดียว และ Guerlain มีตัวดาวเด่นอย่าง Terracotta แป้งบรอนเซอร์ขายดีตลอดกาลนับตั้งแต่เปิดตัวไปเมื่อค.ศ. 1984 โดดเด่นด้านเฉดสีและแพคเกจจิ้งลวดลายหรูหรา นอกเหนือจากนั้น เมกอัพแบรนด์ทุกวันนี้ต่างมีผลิตภัณฑ์แต่งผิวให้กูโกลว์อบอุ่นกันทั้งสิ้น โดยอาศัยวิทยาการการผลิตใหม่ๆที่ทำให้แต่งแล้วดูเป็นผิวธรรมชาติมากที่สุด

 

michael-kors-01

Michael Kors

 

ลุคผิวอบอุ่นที่กำลังมาแรง

สำหรับสาวไทย เทรนด์นี้กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะการแต่งผิวให้อบอุ่นแนวใหม่ไม่ได้หมายความว่าต้องให้ดูแทนก่ำทั่วทั้งใบหน้า แต่ใช้วิธีแต่งในลักษณะคอนทัวร์ผิว (Contour) คือ ใช้บรอนเซอร์หรือบลัชออนสีน้ำตาลที่ไม่มีชิมเมอร์หรือมีน้อยที่สุดไล้ช่วงใต้โหนกแก้ม ถ้าต้องการให้ดูแทนกว่านั้นก็จะปัดเพิ่มที่ช่วงขมับและกรอบใบหน้า แต่สาวไทยส่วนใหญ่จะชอบไล้ให้อยู่เฉพาะที่แก้มเพราะดูไม่แทนเกินไปและวิธีปัดแบบนี้เป็นการช่วยปรับรูปหน้าให้ดูเล็กลงด้วย อย่างไรก็ตาม ถ้าเป็นบรอนเซอร์ชนิดที่ทีชิมเมอร์หรือเป็นรุ่นที่มีสีของบลัชออนในตัว (Bronzing Blush) ให้ปัดที่พวงแก้มได้เลยเพราะพิกเม้นต์ความเรืองรองจะช่วยขับความโกลว์ของผิวเวลาที่แสงตกกระทบ

 

alberta-ferretti

Alberta Ferretti

 

เทคนิคใหม่ล่าสุดที่สาวๆกำลังอิน

1.ปัดให้เห็นสีของบรอนเซอร์เป็นละอองฟุ้งๆโดยไม่ควรเห็นแนวโครงเส้นเด่นชัดจนใบหน้าดูแข็งกระด้าง
2.เลือกเฉดสีที่เข้มกว่าผิวธรรมชาติเล็กน้อย ซึ่งหลายแบรนด์มีโทนสีของบรอนเซอร์ให้เลือกกว้างมากทำให้แต่งออกมาแล้วดูเป็นธรรมชาติที่สุด
3.แต่งหน้าให้คลุมโทนเดียวกัน เช่น ไล้เปลือกตาโทนสีน้ำตาลกับเรียวปากสีนู้ดอมชมพูหรือพีช หรือใครชอบทาปากสีเข้ม ให้เลือกโทนสีแดงสว่างแต่งคู่กับผิวคลีนๆก็ดูเรียบหรูได้
4.นอกจากการคอนทัวร์แล้ว อีกหนึ่งเทคนิคที่มาแรงมาก คือ การสโตรบบิ้ง (Strobing) เป็นการทำในสิ่งตรงกันข้ามกับคอนทัวร์ คือ ใช้แต่เฉพาะไฮไลเตอร์ครีมหรือแป้งเนื้อละเอียดไล้บริเวณที่จุดแสงตกกระทบ เช่น โหนกแก้ม สันจมูก ขมับ ใต้โหนกคิ้วและเหนือรอยหยักริมฝีปาก ความเรืองรองจะช่วยขับให้โครงหน้าให้เด่นชัดขึ้นได้ ควรเลือกสีโทนแชมเปญหรือทองจะเข้ากับผิวเอเชียมากกว่า
5.เแต่งผิวให้ดูชุ่มชื่นที่สุดเพื่อให้ดูเหมือนผิวโกลว์สุขภาพดีจากภายใน

 

lady-mary

Lady Mary จากในเรื่อง Downton Abbey นำเสนอภาพลักษณ์สตรียุคเอดวาเดียนกับผิวขาวนวลไร้ที่ติ

 

เมกอัพแต่งผิวชิ้นเด่นแต่งสวยได้กับทุกสีผิว 

nars

Contour Blush จาก Nars แป้งคอนทัวร์และไฮไลต์ในตลับให้สีเป็นธรรมชาติ

guerlain
Terracotta The Bronzing Powder จาก Guerlain กลุ่มบรอนเซอร์มีเมกอัพหลายรุ่นส่วนแป้งตัวนี้เป็นรุ่น Limited Edition

lamcaster
365 Sun Compact SPF30 จาก Lancaster แป้งบรอนเซอร์เทคโนโลยีใหม่ช่วยปกป้องผิวจากรังสียูวี

tomford
Shade & Illuminate จาก Tom Ford ครีมคอนทัวต์และไฮไลต์ควรใช้กับแปรงทรงกลมขนแน่นเพื่อช่วยเกลี่ยครีมได้กลมกลืน

hourglass
Ambient® Lighting Palette จาก Hourglass แป้งเพื่อผิวโกลว์สว่างมาในสามโทนสีช่วยเนรมิตผิวให้ดูมีมิติขึ้น

bobbibrown
Illuminating Bronzing Powder จาก Bobbi Brown บรอนเซอร์มีสีของบลัชออนผสมในตัว ควรเน้นปัดที่พวงแก้ม

charlotte-tilbury
Filmstar Killer Cheekbones จาก Charlotte Tilbury แป้งคอนทัวร์และไฮไลต์ช่วยขับโครงหน้าให้โดดเด่นที่สุด

 

“Dark Glamour” การกลับมาของดาร์กเมกอัพ คราวนี้สวยและสง่างามมากกว่าครั้งไหน

ปกติเทรนด์เมกอัพของทุกๆ ฟอล-วินเทอร์เรามักจะนึกถึงโทนสีที่เคร่งขรึม อย่างเรียวปากสีแดงคลาสสิคที่เห็นกันทุกปี ก็มักจะออกไปในโทนเข้มอย่างเบอร์กันดีหรือแดงไวน์ แต่ปีนี้นับว่าแตกต่างกว่าทุกครั้ง เพราะมีการหยิบยกเอาลิปสติกสีเข้มที่สุดอย่าง สีดำ และม่วงพลัมที่เคยถูกมองว่าดูโหด และดุดัน มาแต่งเป็นลุคหรูบนเวทีของดีไซเนอร์ชั้นนำมากมาย เช่น Dior, Louis Vuitton, Bottega Veneta, Rodarte และ Marni จนทำให้เรียวปากสีนี้กลายเป็นเฉดที่ฮอตที่สุดของซีซั่นไปโดยปริยาย

 

dark-dior

Christian Dior Peter Philips, Creative and Image Director for Dior Makeup ใช้ Rouge Dior สี Poisonลิปสติกเฉดใหม่ล่าสุดโดยรองพื้นปากให้เข้มขึ้นก่อนด้วยลิปไลเนอร์เฉดเดียวกัน

dark-vuitton

Louis Vuitton เพิ่มความแวววาวที่เรียวปากและสไตลิ่งผมให้เป็นธรรมชาติ

 

เมื่อพูดถึงเมกอัพสีดำ เราจะจำภาพในยุคต้น 80s ไปจนถึงต้น 90s ว่าคนที่จะแต่งเมกอัพเฉดสีนี้ได้ส่วนใหญ่จะมีแต่พวกร็อคสตาร์หรือในหมู่ชาวพังค์ร็อค โดยในยุคต้น 80s ใบหน้าจะมาในเมกอัพจัดเต็มทั้งดวงตาสีดำทึบตัดกับเรียวปากดำสนิทเหมือนทาด้วยสีเพ้นต์ ส่วนผิวหน้าจะแต่งให้ดูแมตต์และพอกหนาด้วยแป้ง ทำให้อดคิดไม่ได้ว่านี่ถ้าลบเมกอัพออกทั้งหมดคงดูเป็นคนละคนไปเลย ส่วนคนดังที่ชอบแต่งลุคนี้และเราจำได้ติดตาได้แก่ Siouxsie Sioux แห่งวง Siouxsie and the Banshees, Robert Smith แห่งวง The Cure และ Joan Jett

พอมาถึงยุค 90s กระแสกรันจ์ร็อค กอธ และมินิมัลเมกอัพเข้ามามีบทบาทมากขึ้น เมกอัพแบบจัดเต็มจึงลดทอนลง เหลือแค่แต่งเฉพาะที่เรียวปากด้วยลิปสติกสีเข้ม หรือไม่ก็ดวงตาเขียนด้วยอายไลเนอร์สีดำเกลี่ยให้ดูไม่เนี๊ยบ แต่ถึงอย่างไรเนื้อสัมผัสเมกอัพในสมัยนั้นก็ยังคงแต่งแล้วดูไม่เป็นธรรมชาติอยู่ดี และมักจะถูกนำมาแมตช์กับลุคเสื้อผ้าสไตล์สตรีตแวร์เซอๆ เพื่อสื่อถึงวัยรุ่นหัวขบถที่ไม่อยากเหมือนใคร

 

dark-rodarte

Rodarte ลุคโรแมนติก กอธด้วยเรียวปากสีพลัมเข้มกับใบหน้าเปลือยเปล่า

dark-marni

Marni ลุคแรงบันดาลใจมาจากภาพยนตร์ขาว-ดำ ผิวจึงแต่งให้ดูขาวซีดตัดกับปากสีม่วงอมน้ำตาล

 

จนมาถึงยุคปัจจุบัน มีการนำเทรนด์สีดาร์กเหล่านี้มาเล่าใหม่ด้วยการพลิกโฉมให้ดูหรูหรารับกับเสื้อผ้า Ready-to-Wear ไปจนถึงโอต กูตูร์ได้อย่างสง่างาม ซึ่งวิธีช่วยให้เมกอัพลุคดูแกลมขึ้นอีกครั้งนั้น เมกอัพ อาร์ทิสต์ใช้เทคนิคง่ายๆต่อไปนี้เพื่อช่วยลบภาพลุคโหดๆ ให้ดูอ่อนโยนลงได้อย่างน่าอัศจรรย์

1.โฟกัสการลงสีเข้มไปที่จุดใดจุดหนึ่งบนใบหน้า ไม่ว่าจะเป็นเฉพาะที่ดวงตาหรือที่เรียวปาก แล้วแต่งคู่กับผิวที่ปราศจากสีสัน

2.แต่งผิวให้ดูชุ่มชื่นและนุ่มเนียน ซึ่งรองพื้นเทคโนโลยีใหม่ให้เนื้อสัมผัสที่บางเบามากจนผิวดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น
3.เน้นเรียวปากให้ดูชุ่มชื่น ซึ่งลิปสติกเนื้อแมตต์ยุคใหม่ให้เนื้อสัมผัสที่ทาแล้วแนบเนียนเป็นเนื้อเดียวกับผิวปาก นอกจากนี้ การใช้ลิปกลอสก็เป็นวิธีที่ช่วยเพิ่มความหรูหราได้เช่นกัน
4.สไตลิ่งผมให้เรียบง่าย เช่น ผมปาดข้างหรือรวบเป็นมวยด้านหลังเน้นขับเท็กซ์เจอร์ให้ดูเงางาม
5.ปัดขนตาด้วยมาสคาร่าสีดำเพื่อขับดวงตาให้โดดเด่น

สรุปแล้วสีดำเป็นสีที่ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด เพราะส่วนใหญ่ลิปสติกรุ่นใหม่ๆ มักมีเม็ดสีแดงเป็นเบสซึ่งทาแล้วทำให้ใบหน้าดูละมุนขึ้น แต่ถ้ายังไม่กล้า ให้ลองทาปากโดยใช้นิ้วแตะแล้วเกลี่ยให้สีดูระเรื่อเป็นละอองบางเบา เน้นความเข้มให้อยู่กึ่งกลางริมฝีปาก เพียงเท่านี้ก็สร้างความแตกต่างได้แล้ว

 

Best Picks

ลิปสติกเนื้อดีช่วยอัพเกรดดาร์กลุคให้หรูขึ้น

Bobbi-Brown001
Luxe Lip Color สี Plum Brandy จาก Bobbi Brown

 

Estee-Lauder001
Pure Color Envy Matte Sculpting Lipstick สี Extrovert จาก Estee Lauder

 

Urban-Decay001
Matte Revolution Lipstick สี Blackmail จาก Urban Decay

 

Nars001
Audacious Lipstick สี Liv จาก Nars

 

MACre001
Lipstick / Viva Glam Ariana Grandeจาก M.A.C