Club No Sugar ตอบโจทย์เอาใจคนรักสุขภาพ พร้อมเสิร์ฟเมนูอาหารคีโตแบบวาไรตี้ #อร่อยเข้าถึงง่าย

ตามที่ได้ยินมาว่าตอนนี้เดี๋ยวนี้คนรักสุขภาพที่ให้ความสำคัญกับการดูแลตัวเองและเลือกอาหารการกินที่เหมาะกับทั้งไลฟ์สไตล์และสุขภาพกายใจ เขากำลังอินกับเทรนด์อาหารคีโตเจนิคกันเป็นอย่างมาก นั่นเป็นเพราะหลายคนที่ลองทานดูแล้วสุขภาพดีขึ้นจริง โดยเฉพาะคนที่เผชิญหน้ากับโรคเบาหวาน ทำให้ต้องห่างจากพวกแป้งพวกน้ำตาล รวมถึงคนที่กำลังควบคุมน้ำหนัก พอได้มาเข้าสู่โหมดคีโตแล้วมันทั้งใช่และตอบโจทย์สุขภาพไปด้วยกัน

Club No Sugar 3

Club No Sugar 4

Club No Sugar 5

ที่น่าสนใจคือเป็นการกินไขมันในสัดส่วนที่เยอะ แต่ให้ผลในเรื่องของน้ำหนักลดเนื่องจากสัดส่วนการกินแบบคีโต คือ คาร์โบไฮเดรต 5 เปอร์เซ็นต์ โปรตีน 20 เปอร์เซ็นต์ และไขมัน 75 เปอร์เซ็นต์ หลายๆ คนได้หันมาดูแลสุขภาพด้วยการเข้าสู่โหมดการกินอาหารในแนวคีโต (โดยการกินคีโตที่ถูกต้องจะมีกระบวนการในการเตรียมความพร้อมและปรับร่างกายก่อน เพื่อให้ร่างกายเข้าสู่โหมดการนำไขมันมาใช้เป็นพลังงานได้อย่างถูกหลัก) ถ้าเป็นอาหารคีโตจะไม่มีส่วนผสมของแป้ง (ยกเว้นแป้งอัลมอนด์และแป้งมะพร้าว) และจะไม่มีส่วนผสมของน้ำตาล แต่ใช้สารให้ความหวานธรรมชาติแทน เพราะฉะนั้นถึงจะเป็นเมนูคีโต แต่คนทั่วไปก็กินได้ เพราะการตัดแป้งกับน้ำตาลออกไป ยังไงก็ดีต่อสุขภาพอยู่แล้ว และต้องบอกว่ารสชาติของเมนูคีโตไม่แตกต่างจากรสชาติอาหารทั่วไป เพียงแต่ต่างตรงวัตถุดิบที่เลือกใช้

Club No Sugar 9

Club No Sugar 1

Club No Sugar 2

และเพื่อรองรับการเติบโตของคนกินอาหารแนวคีโต Club No Sugar จึงเกิดขึ้น นับเป็นร้านอาหารแนวคีโตขนาดใหญ่และครบวงจร คุณกรรณิกา สุจิวรกุล ผู้เป็นเจ้าของได้พูดถึงจุดเริ่มต้นของร้าน Club No Sugar ให้ทราบว่า “เริ่มต้นจากแนวความคิดที่อยากให้มีสถานที่ที่ชาวคีโต ได้มีโอกาสมาพบปะสังสรรค์ แลกเปลี่ยนความคิดกัน และยังเป็นที่ให้ความรู้เกี่ยวกับคีโตเจนิค ไดเอ็ทอีกด้วย อยากให้เข้ามาแล้วสัมผัสได้ถึงบรรยากาศสบายๆ เหมือนเป็นหลังใหญ่ที่เข้ามาแล้วรู้สึกอบอุ่น เป็นกันเองเหมือนคนในครอบครัว โดยมีอาหารปรุงสด มีเบเกอรี่สดใหม่ และมีซูเปอร์มาร์เก็ตที่รวบรวมเอาวัตถุดิบคีโตมาอยู่ในที่เดียวกัน Club No Sugar เป็นคลับของคนรักสุขภาพ เรียกว่าแวะมาที่ร้านจุดเดียว เรามีทั้งร้านอาหาร คาเฟ่ และซูเปอร์มาร์เก็ตสำหรับจับจ่ายค่ะ”

Club No Sugar คุณกรรณิกา สุจิวรกุล (กรรมการผู้จัดการ)

คุณกรรณิกา สุจิวรกุล (กรรมการผู้จัดการ) Club No Sugar

Club No Sugar คุณพิพัฒน์ เรืองรองหิรัญญา (รองกรรมการผู้จัดการ)

คุณพิพัฒน์ เรืองรองหิรัญญา (รองกรรมการผู้จัดการ) Club No Sugar

สำหรับพื้นที่ภายในร้านได้มีการจัดแบ่งโซน และการจัดวางที่นั่งที่หลากหลาย โซนแรก…คือห้องอาหาร กว้างขวาง มีชั้นล่าง ชั้นลอย ติดแอร์เย็นฉ่ำ ซึ่งอาหารแนวคีโตจะแยกครัวกับอาหารทั่วไป ปรุงฝีมือโดยเชฟที่คร่ำหวอดและมีประสบการณ์ในการทำอาหาร โซนที่สอง…คาเฟ่ บรรยากาศสบายเป็นกันเอง เป็นมุมที่สร้างแรงบันดาลใจ สำหรับมานั่งใช้ความคิด นั่งทำงานชิลล์ ๆ สำหรับคอชา-กาแฟ และเครื่องดื่ม ที่มีบริการทั้งแนวคีโตและเครื่องดื่มกาแฟปกติ รวมถึงซิกเนเจอร์ที่หลายคนมาแล้วพลาดไม่ได้ คือเค้กคีโตหลากหลายรสชาติ ที่อร่อยได้โดยไม่ต้องกลัวอ้วน และที่คั่นตรงกลางระหว่างสองพื้นที่ คือ โซนที่สาม…เอ้าท์ดอร์ เป็นบรรยากาศสวน สบายตาด้วยสีเขียวของต้นไม้ใหญ่ ยังมีปลาคราฟท์หลากสีนับร้อยที่แหวกว่ายอยู่ในบ่อ ทำให้พื้นที่ตรงนี้เป็นมากกว่าโต๊ะนั่งกินอาหาร แต่ยังกลายเป็นมุมพักผ่อนอีกด้วย โดยเฉพาะครอบครัวที่มีเด็กๆ โซนที่สี่…คือ ซูเปอร์มาร์เก็ต ที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์สำหรับอาหารคีโต และอาหารเพื่อสุขภาพโดยเฉพาะบรรดาเบเกอรี่ต่าง ๆ ที่นอกจากจะมีหลายแบรนด์แล้ว ทางร้านยังมีครัวสำหรับทำเบเกอรี่และขนมเอง โดยฝีมือเชฟเพรสทรี้ จาก เลอ กอร์ ดอง เบลอ มีขนมอบ สด ใหม่ จากครัวทุกวัน ส่วนทางด้านบนของร้านยังมีพื้นที่อีกหลายห้องสำหรับเป็นห้องจัดงานส่วนตัว จะงานเลี้ยง งานแต่ง งานสังสรรค์ งานสัมนา งานปาร์ตี้ เวิร์คช็อป ฯลฯ

Club No Sugar ไม่เพียงแต่มีเมนูอาหารคีโต แต่ยังมีเมนูอาหารไทย จีน ยุโรป ซึ่งเมนูอาหารทั่วไปก็มีให้เลือกไม่น้อยเช่นกันเรียกว่าคนกินคีโต คนไม่กินคีโต เป็นร้านที่บรรยากาศเหมาะสำหรับทุกเพศ ทุกวัย ไม่ว่าจะมากันเป็นครอบครัว สังสรรค์ก๊วนเพื่อน เฮฮาประสาคนรุ่นใหม่ ก็สามารถร่วมโต๊ะกันได้ด้วยความหลากหลายของอาหารที่ทางร้านมอบให้เป็นทางเลือกสำหรับผู้มาเยือนทุกคนโดยสามารถสร้างโมเมนท์ความสุขร่วมกันได้อย่างลงตัว

Club No Sugar 6

Club No Sugar 8

วันนี้ทางทีมไลฟ์สไตล์ของเว็บไซด์ The Editors Society ได้มาชมบรรยากาศร้านและชิมอาหารทั้งเมนูคีโตและเมนูอาหารทั่วไป ไหนเรามาดูกันสิว่ามีเมนูอะไรบ้าง ถ่ายภาพมาฝากกันแบบรัวๆ

Club No Sugar 11

Club No Sugar 12

หอยเชลล์อบกระเทียม ทานคู่กับคีโตบัน (เมนูคีโต) 350 บาท เมนูใหม่ล่าสุด เลือกหอยเชลล์ตัวใหญ่นำเข้าจากต่างประเทศ มีความครบเรื่อง หอมกรุ่น เพิ่มความอร่อยยิ่งขึ่นเมื่อได้ทานคู่กับขนมปังคีโตบัน

 

Club No Sugar 15

Club No Sugar 16

ผัดไทยเส้นแก้ว (เมนูคีโต) 180 บาท น้ำผัดไทยผ่านการเคี่ยวมาอย่างดี ใส่หลากหลายส่วนผสมที่เป็นสูตรลับของทางร้าน แต่ไม่มีผงชูรส ไม่มีน้ำตาล รสหวานก็ใช้เป็นสารทดแทนความหวาน ถั่วในผัดไทยจะเป็นพวกแมคคาเดเมีย อัลมอนด์ ไม่ใช้ถั่วลิสง ส่วนเส้นแก้วก็ทำจากสาหร่าย

 

Club No Sugar 13

Club No Sugar 14

หมูกระทะ (เมนูคีโต) 380 บาท เป็นอีกหนึ่งเมนูใหม่ที่ได้รับความนิยม น้ำจิ้มที่ทานคู่กันก็จะเป็นน้ำจิ้มคีโต ไม่มีผงชูรส น้ำจิ้มผ่านการเคี่ยวปรุง ใส่เกลือชมพู

 

Club No Sugar 17

ปูม้าผัดพริกเกลือ (เมนูทั่วไป) 350 บาท ไม่มีผงชูรส ผักก็ใช้ผักสดออร์แกนิก

 

Club No Sugar 18

Club No Sugar 19

Blueberry Cheesecake (เมนูคีโต) 165 บาท ชีสเนียนนุ่ม ได้ความเปรี้ยวจากมะนาว มะนาวขูดผสมเข้าไปในเนื้อชีส ชีสเป็นชีสคีโต

Club No Sugar 21

Double Chocolate Cake (เมนูคีโต) 185 บาท แป้งที่ใช้ก็ใช้ผงอัลมอนด์ อัลมอนด์บดละเอียดทำเป็นแป้งเค้ก ให้พลังงานต่ำ เป็นเค้กช็อกโกแลตสอดใส่ด้วยครีมช็อกโกแลต ส่วนด้านบนก็เป็นอัลมอนด์นูคาติน อัลมอนด์อบเคี่ยวคาราเมลหล่อฮังก๊วย

Club No Sugar 22

Strawberry Keto Cake (เมนูคีโต) 185 บาท สตรอว์เบอรี่ที่ใช้จะนำเข้าจากต่างประเทศ เนื้อเค้กวานิลลา แยมสตรอว์เบอรี่

 

Club No Sugar 23

Club No Sugar 24

Triple Fruit Soda (เมนูทั่วไป) 80 บาท มีความเหมือนอิตาเลี่ยนโซดา น้ำไซรัปด้านล่างก็มิกซ์เองโดยใช้ผลไม้สด มีแอ๊ปเปิ้ล กีวี ส้ม มีผลไม้ทั้งหมด 3 ชนิด เหมาะกับเป็นเครื่องดื่มประจำซัมเมอร์ ให้ความสดชื่น กลิ่นหอม ตกแต่งด้วยผลไม้สด

Club No Sugar 25

Black Cocoa Caramel (เมนูคีโต) 180 บาท ไม่ใช่น้ำตาล ใช้วิปปิ้งแทนนม คีโตจะทานนมไม่ได้อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นวิปปิ้งที่ใช้จะเป็นวิปปิ้งแท้ 100% ถูกสกัดแยกน้ำตาลออกหมดแล้ว จะใช้สารให้ความหวานแทนน้ำตาล ทำหน้าที่เทียบเท่าน้ำตาล แต่ให้พลังงาน 0 แคลลอรี่ อยากได้หวานมากหรือหวานน้อยก็ขึ้นอยู่กับลูกค้าได้เลย เพราะพลังงานที่ได้เป็น 0 แคลลอรี่อยู่แล้ว ไม่ไปกระตุ้นอินซูลิน ส่วนคาราเมลที่ราดด้านบนก็เป็นผงหล่อฮังก๊วย นำไปเคี่ยวให้เป็นคาราเมล ส่วนอัลมอนด์เป็นอัลมอนด์นูคาติน นำอัลมอนด์อบให้สุกกรอบมาเคี่ยวกับคาราเมลอีกครั้ง มีความหวานแบบปราศจากน้ำตาล

แล้วเดี๋ยวจะพาไปดูซูเปอร์มาร์เก็ตทางด้านบนด้วย มีของคีโตขายเพียบพร้อม กินเสร็จอยากจะซื้อของกลับไปปรุงอาหารทานที่บ้านก็ซื้อที่นี่ได้เลย #ครบจบในที่เดียว

Club No Sugar 26

Club No Sugar 27

Club No Sugar 29

Club No Sugar 28

Club No Sugar 32

Club No Sugar 31

Club No Sugar 30

 

Club No Sugar บริหารงานโดย คุณกรรณิกา สุจิวรกุล (กรรมการผู้จัดการ) คุณพิพัฒน์ เรืองรองหิรัญญา (รองกรรมการผู้จัดการ) บริการเมนูคีโต และอาหารทั่วไปไทย จีน ยุโรป รวมถึงห้องจัดเลี้ยง ตั้งอยู่ที่ถ.พระราม 3 บางโพงพาง ยานนาวา กรุงเทพฯ(เลยซอยพระราม 3 ซ. 39 มาประมาณ 200 เมตร ร้านอยู่ติดริมถนน) เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08: 30–22: 00 น. ทางร้านมีบริการ delivery โดยไลน์แมน สำรองที่นั่ง โทร.063-146-8224 คลิกดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ facebook : club no sugar ig :clubnosugar Line@ : @clubnosugar

กาแฟเป็นมากกว่าเครื่องดื่มช่วยเพิ่มพลังความสดใสประจำวัน

กลายเป็นภาพที่ดูชินตาของทุกเช้าไปซะแล้วล่ะค่ะ ได้เห็นแต่คนทำงานมีกาแฟร้อนควันพุ่งอยู่ในมือ เดินเข้าออฟฟิศแบบสวยๆ ถัดไปอีกหน่อยมีคู่รักเดินคุยกันส่งตาหวานยิ่งกว่าไซรัปในถ้วยกาแฟ สาวแฟชั่นแต่งตัวจัดประคองกาแฟในมือราวกับเป็นเครื่องประดับซีซั่นใหม่

 

celebrity-coffee-story-2

celebrity-coffee-story-3

 

หรือจะเรียกได้ว่าการดื่มกาแฟกลายเป็นไลฟ์สไตล์ที่ดูแนบเนียน ใช่ ! นี่คือวัฒนธรรมทางการดื่มชัดๆ  ดื่มได้อย่างไม่ต้องใช้เหตุผล เข้าร้านกาแฟเป็นเรื่องปกติของชีวิต เช้า สาย บ่าย ค่ำ นัดเจอนัดเม้าส์ก็เลือกร้านที่ดูเก๋มีคอนเซ็ปต์ เพิ่มอรรถรสได้อย่างไม่น่าเชื่อ

นอกจากความพึงพอใจในกลิ่น รสชาติ และความรู้สึกตื่นตัวนั้น คุณได้อะไรจากการดื่มกาแฟอีกบ้าง สิ่งที่ได้อาจไม่ใช่ผลดีเพียงอย่างเดียว หากไม่รู้จักควบคุมปริมาณการดื่มให้เหมาะสม แน่นอนว่าคุณอาจได้รับผลอันไม่พึงปรารถนาจากการดื่มกาแฟไปด้วย เพราะกาแฟมีสารที่เรียกว่า ‘คาเฟอีน’ เป็นองค์ประกอบสำคัญนั้น มีผลต่อร่างกายและอารมณ์ความรู้สึก

 

 

ปริมาณของคาเฟอีนที่มีผลต่อร่างกายและอารมณ์ คาเฟอีนขนาดต่ำ (50-200 มก.)  จะกระตุ้นให้ร่างกายตื่นตัว กระปรี้กระเปร่า สดชื่น ไม่ง่วงนอน คาเฟอีนขนาดปานกลาง (200-500 มก.)  อาจทำให้ปวดศีรษะ เครียด กระวนกระวาย มือสั่น นอนไม่หลับ คาเฟอีนขนาดสูง (1,000 มก.) จะเริ่มทำให้เกิดคาเฟอีนเป็นพิษ (Caffeinism) ซึ่งจะมีอาการกระสับกระส่ายอยู่นิ่งไม่ได้ หัวใจเต้นเร็ว คลื่นไส้ เบื่ออาหาร ปัสสาวะบ่อย

การเปลี่ยนแปลงของร่างกายและอารมณ์หลังจากดื่มกาแฟ คาเฟอีนในกาแฟถูกดูดซึมได้หมดและค่อนข้างเร็วในระบบทางเดินอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งขณะท้องว่างการดูดซึมจะยิ่งเร็วขึ้น ภายหลังจากการดื่มกาแฟ 30-60 นาที ความเข้มข้นของคาเฟอีนในเลือดจะขึ้นสู่ระดับสูงสุด และหลังจากคาเฟอีนถูกดูดซึม จะกระจายตัวไปตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะอวัยวะที่มีเลือดไปเลี้ยงมาก เช่น หัวใจ ตับ ไต และสมอง นอกจากนี้ คาเฟอีนยังสามารถกระจายสู่รกและน้ำนมได้บ้างประมาณร้อยละ 0.06 การขับคาเฟอีนออกจากร่างกายจะแตกต่างกันในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับอายุและสภาพร่างกาย โดยทั่วไปแล้ว ผู้ใหญ่จะใช้เวลา 5-6 ชั่วโมงในการขับคาเฟอีนปริมาณครึ่งหนึ่งที่ได้รับออกจากร่างกาย

 

coffee-story-1

 

ดื่มกาแฟอย่างไรให้เกิดประโยชน์มากที่สุด และเกิดผลเสียน้อยที่สุด

1.ควรสังเกตว่าตัวคุณเอง มีความไวของการตอบสนองต่อปริมาณกาแฟกี่ถ้วย มีอาการอย่างไรบ้าง เพื่อหาปริมาณที่เหมาะสมสำหรับตัวเอง

2.หากมีอาการนอนหลับยาก ควรหลีกเลี่ยงการดื่มกาแฟในช่วงบ่ายหรือช่วงหัวค่ำ

3.ไม่ควรดื่มกาแฟขณะท้องว่าง เนื่องจากคาเฟอีนเร่งการหลั่งกรดในกระเพาะอาหาร

4.ไม่ควรดื่มกาแฟเพื่อหักโหมทำงาน และอดนอนติดต่อกันหลายๆ คืน แม้ว่าคาเฟอีนช่วยให้ร่างกายตื่นตัวจริง แต่สมองต้องการเวลาพักผ่อนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการรับรู้

5.หากคุณเป็นผู้ที่ดื่มกาแฟเป็นประจำ ควรกินอาหารที่เป็นแหล่งของแคลเซียมเพิ่มเติม เช่น นม โยเกิร์ต ปลาเล็กปลาน้อย คะน้า บรอกโคลี เป็นต้น เพื่อทดแทน แคลเซียมที่สูญเสียไปกับปัสสาวะ และลดความเสี่ยงต่อโรคกระดูกพรุน หรืออาจปรับเปลี่ยนโดยการชงกาแฟใส่นมแทนครีมเทียม เป็นต้น

6.เนื่องจากในกระบวนการคั่วเมล็ดกาแฟจะมีอนุมูลอิสระเกิดขึ้น ดังนั้นการหมั่นรับประทานผักผลไม้อยู่เป็นประจำ ร่างกายก็จะได้รับวิตามินซี วิตามินอี และเบต้าแคโรทีนในผักผลไม้ เช่น มะเขือเทศ แครอท ผักใบเขียว ฝรั่ง ส้มเขียวหวาน เป็นต้น จะช่วยกำจัดอนุมูลอิสระที่ไม่มีประโยชน์ออกจากร่างกายได้

7.ดื่มน้ำสะอาดมากๆ เพื่อชดเชยการสูญเสียน้ำจากฤทธิ์ในการขับปัสสาวะของคาเฟอีน

ข้อมูล : หมอชาวบ้าน

 

coffee-story-3

coffee-story-6

 

20 ข้อดีที่ได้จากการดื่มกาแฟ

1.ลดอัตราเสี่ยงโรคหัวใจในผู้หญิง 25%

2.ลดอัตราเสี่ยงการเป็นเบาหวาน 60%

3.ชะลอภาวะความจำเสื่อม 65%

4.ลดอัตราเสี่ยงโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ 50%

5.ลดอัตราเสี่ยงโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก

6.ลดอัตราเสี่ยงการเป็นอัลไซเมอร์ 65%

7.ลดอัตราเสี่ยงการเป็นตับแข็ง 80%

8.ลดอัตราเสี่ยงการเป็นนิ่วในถุงน้ำดี 50%

9.ลดอัตราเสี่ยงการเกิดอุดตันเส้นเลือดในผู้หญิง 43%

10.ลดอัตราเสี่ยงการเกิดอาการสั่นของอวัยวะจากระบบประสาท

11.ลดอัตราเสี่ยงการฆ่าตัวตายในผู้หญิง 60%

12.มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง

13.ช่วยให้เรารู้สึกไม่ง่วง และตื่นตัว

14.ช่วยลดความรู้สึกหนาว

15.ลดการเกิดโรคหืด

16.ลดอาการปวดหัว

17.บรรเทาอาการปวด

18.ช่วยทำให้อารมณ์แจ่มใสขึ้น

19.ช่วยทำให้ความสามารถทางการกีฬาสูงขึ้น

20.ป้องกันฝันผุ (ในกาแฟมีสารชื่อว่า Trigonelline เป็นสารที่ทำให้กาแฟมีกลิ่นหอม และรสขม มีประสิทธิภาพช่วยป้องกันและการก่อตัวของแบคทีเรีย)

ข้อมูล : Oknation

เครดิตภาพ : 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9, 10, 11, 12