‘3 นางแบบสุดฮอตที่ไม่ได้อยากเป็นแค่นางแบบ’

 

สามนางแบบสุดฮอตของวงการอย่างเคนดัลล์ เจนเนอร์ (Kendall Jenner) จีจี้ ฮาดิด (Gigi Hadid) และเบลล่า ฮาดิด (Bella Haddid) ไม่อยากเป็นแค่นางแบบอีกแล้ว

 

คำโปรยข้างต้นก็คงทำให้เกิดคำถามต่อว่าแล้วพวกเธอๆ อยากจะทำอะไรอีกล่ะ? พวกเธอหันมาลองบทบาทใหม่แม้จะยังไม่ใช่อาชีพหลัก แต่เมื่อโอกาสเปิดให้ แล้วจะปฏิเสธทำไมล่ะ จริงมั้ย? บทบาทใหม่ที่ว่าก็คือ’ช่างภาพ’ นั่นเอง สามสาวเปลี่ยนมุมจากคนถูกถ่ายมาเป็นคนถ่ายซะเองแบบนี้ เลยกลายเป็นหัวข้อร้อนๆ ไป

 

แล้วแต่ละสาวไปทำงานนี้ให้กับใครและใครเป็นนางแบบแทนกัน? เริ่มกันที่สาวคนแรกที่ดูจะลงมือเป็นเรื่องเป็นราวมากที่สุดก่อน สาวเบลล่า ฮาดิดที่ถ่ายรูปให้กับนิตยสาร W เวอร์ชั่นอเมริกา เธออาสาขอถ่ายรูปให้กับครอบครัวเพื่อนสนิทของเธอ เจ้าของแบรนด์เครื่องประดับเงินสุดหรู โครม ฮาร์ทส (Chrome Hearts) โดยมีเพื่อนสนิท เจสซี่ โจ สตาร์ก (Jesse Jo Stark) กับแม่ของเพื่อน ลอรี่ ลินน์ (Laurie Lynn) และไม่กี่อาทิตย์ต่อมา ช่วงแฟชั่นวีคเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา จีจี้ ฮาดิดก็ถ่ายรูปโพลารอยด์ให้กับนิตยสาร V

 

pook006 pook005 pook004 pook003

 

สำหรับสาวเคนดัลล์ล่ะ เธอร่วมงานกับนิตยสาร Love หลังจากที่เคนดัลล์เคยไปถ่ายแบบให้กับนิตยสารเล่มนี้กับไคอา เกอร์เบอร์ (Kaia Gerber ลูกสาวของซูเปอร์โมเดล ซินดี้ ครอว์ฟอร์ด) และได้ถ่ายภาพไคอาโพสต์ลงอินสตราแกรม ทำให้เป็นจุดเริ่มของการเป็นช่างภาพให้กับโปรเจ็กต์เฟ้นหานางแบบขึ้นปกนิตยสาร Love โดยสาวๆ ที่สนใจสามารถถ่ายรูปตัวเองพร้อมบอกรายละเอียดว่าเป็นใคร ทำอะไรอยู่ ชอบอะไร สนใจอะไรแล้วโพสต์ลงอินสตราแกรมหรืออีเมล สาวๆ ที่ได้คัดเลือกจะได้เป็นนางแบบให้กับเคนดัลล์

 

pook002

 

แต่การที่สามสาวมาเป็นช่างภาพไม่ใช่สิ่งใหม่เพราะมีนางแบบรุ่นพี่อย่างเฮเลน่า คริสเต็นเซ็นต์ (Helena Christensen) เคยทำมาก่อน นอกจากนี้ ก็มีสาวคนดังคนอื่นอีก ซูกี้ วอเตอร์เฮ้าส์ (Suki Waterhouse), หลุยส์ ปาร์กเกอร์ (Louise Parker), ราติกา แนร์ (Radhika Nair) ก็ชื่นชอบการถ่ายภาพ

 

มารอดูว่าฝีมือของโมเดลสาวรุ่นใหม่ไฟแรงจะออกมาเปรี้ยวเฉี่ยวเก๋ไก๋แค่ไหนกันค่ะ

 

ภาพ: wmagazine; stylecaster; hollywoodlife; fashionista; twitter

‘ดีไซเนอร์พิเศษของ Versus’

 

หลังจบช่วงแฟชั่นวีค Spring/ Summer 2107 ไป นักร้องหนุ่มอดีตไอดอลวงบอยแบนด์ One Direction และตอนนี้เป็นโซโล่อาร์ติสต์ เซย์น มาลิค (Zayn Malik) ตัดสินใจเริ่มงานใหม่อีกอย่างด้วยการเป็น ‘ดีไซเนอร์’

 

zayn002

เซย์นถ่ายรูปกับโดนาเทลล่า เวอร์ซาเช่ตัดสินใจร่วมดีไซน์คอลเล็กชั่นพิเศษ

 

แบรนด์ที่เซย์นตัดสินใจร่วมทำงานด้วยก็คือ เวอร์ซุส (Versus) แบรนด์อิตาเลียนในค่ายเดียวกับเวอร์ซาเช่ (Versace) ที่มีโดนาเทลล่า เวอร์ซาเช่ (Donatella Versace) คุมบังเหียนใหญ่อยู่ โดยเซย์นเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้แบรนด์นี้อยู่แล้ว ในชื่อคอลเล็กชั่น Zayn x Versus เขาบอกว่า “ผมว่าเวอร์ซุสเป็นแบรนด์เท่ๆ ที่เหมาะกับผมและคนในวัยเดียวกับผม ผมเคยอยากดีไซน์เสื้อผ้าและคิดว่าไม่มีแบรนด์ไหนจะเหมาะเท่าแบรนด์นี้อีกแล้วครับ ที่พิเศษสุดๆ ก็คือผมได้ทำงานกับโดนาเทลล่าด้วย เธอเป็นผู้หญิงที่ผมชื่นชอบและเชื่อมั่น ผมคิดว่ามันต้องเป็นอะไรที่เยี่ยมมากๆ เลยแหละ” ฝ่ายโดนาเทลล่าก็เผยว่า “เมื่อได้พบกันครั้งแรก เซย์นก็บอกถึงความสนใจและรักในแฟชั่น ชั้นคิดว่าคงจะพิเศษมากๆ ที่เราได้ร่วมงานกัน สำหรับแฟนๆ ทั่วโลกของเขา นี่คงเป็นอะไรที่น่าตื่นเต้นสุดๆ เมื่อได้ทำคอลเล็กชั่นนี้ด้วยกันค่ะ”

 

zayn003

เซย์นเลือกใส่ชุดของ Versace ออกงาน

 

มารอดูคอลเล็กชั่นพิเศษระหว่าง Zayn x Versus นี้ในอีก 4-5 เดือนข้างหน้าว่าจะออกแบบสไตล์ไหน? แจ่มแจ๋วแค่ไหน? และมีแผนจะวางขายประมาณเดือนพฤษภาคมปีหน้าเช่นกันทั้งในร้านและออนไลน์ค่ะ

 

เครดิตภาพ: hybeast; FashionUnited; celebrity news; www.dailymail.co.uk

 

‘Valentino กับโซโล่คอลเล็กชั่น ของ Pierpaolo Piccioli’

เมื่อมาเรีย กราเซีย คียูรี่ (Maria Grazia Chiuri) ประกาศบ๊ายบายไปแสดงฝีมือคนเดียวที่ดิออร์ (Dior) ทุกคนไม่ว่าในแวดวงแฟชั่นและสาวกแบรนด์ก็จับจ้องและรอคอยว่าวาเลนติโน่ (Valentino) ที่เหลือเพียงปิแอร์เปาโล เพียเชาลี่ (Pierpaolo Piccioli) จะเป็นยังไง?

 

หลังการประกาศไป 3เดือน ก็ได้เวลาอวดฝีมือกันแล้วว่างานโซโล่เดี่ยวที่ไร้คู่หูของเพียเชาลี่จะออกมาสไตล์ไหน และเขาก็ไม่ทำให้คนที่คอยผิดหวังเพราะคอลเล็กชั่น Spring/ Summer 2017 ออกมาแบบงดงามได้ใจสาวกแฟชั่นและบรรณาธิการแฟชั่นไปเต็มๆ นับว่าเป็นการแสดงฝีมือเดี่ยวหลังร่วมงานกับคียูรี่ที่ห้องเสื้อนี้มาถึง ปี เพียเชาลี่เลือกแสดงโชว์ครั้งนี้ของเขาที่ Hôtel Salomon de Rothschild ซึ่งมีแสงสว่าไสวแทนที่จะจัดแสดงในเต้นท์โชว์ที่สวน Tuilerie ที่มืดทึบที่เลือกไว้ในตอนแรก ซึ่งนับว่าเป็นการเลือกที่ถูกต้องจริงๆ เหมาะกับสไตล์และสีสันของชุดคอลเล็กชั่นนี้

 

pookfashion005 pookfashion006 pookfashion007 pookfashion008 pookfasion004 pookfasion009

ส่วนหนึ่งของคอลเล็กชั่น Spring/ Summer 2017

 

เสื้อผ้ามาในแบบสวยหวาน โรแมนติกแต่ดูทันสมัย เรียบง่าย เสื้อผ้าทั้งหมดจะเป็นทรงหลวมๆ พลิ้วๆ มีความอ่อนหวานแมตช์กับรองเท้าสวมไม่มีส้นหรือมีส้นเตี้ยๆ มีกลิ่นอายสไตล์เสื้อผ้าหญิงสาวสมัยเรเนสซองต์ เพิ่มรายละเอียดด้วยกระเป๋าสะพายเฉียงใบจิ๋ว ไว้ใส่ลิปสติกซักแท่ง โทนสีเสื้อมาในโทนสีแดง ชมพู ขาว เขียวและดำ ที่พิเศษก็คือเพียเชาลี่ขอให้ดีไซเนอร์รุ่นเก๋ายุค ’70s ผู้มีการแต่งตัวเป็นเอกลัษณ์สุดๆ ซานดร้า โรห์ส (Zandra Rhodes) มาช่วยออกแบบลายผ้า โดยป้าโรห์สได้แรงบันดาลใจมาจากภาพวาดของศิลปินชาวดัชต์ Hieronymus Bosch สมัยศตวรรษที่ 14 โดยเธอบอกว่าเพียเชาลี่บินตรงมาหาเธอถึงลอนดอนเพื่อให้เธอช่วยออกแบบลวดลายผ้าจากภาพวาดของศิลปินดัตช์ผู้นี้ ซึ่งเธอว่าเป็นสิ่งที่น่าเหลือเชื่อมากๆ

 

pookfashion0014

pookfasion001Zandra Rhodes คุณป้าสุดเปรี้ยวกับลวดลายที่เธอมาร่วมออกแบบ

 

pookfashion0010

pookfasion0013

pookfasion003Pierpaolo Piccioli ออกมาส่งจูบขอบคุณ และมร.วาเลนติโน่กับบรรดาเซเล็บริตี้ที่มานั่งชมโชว์ครั้งนี้

 

เรียกได้ว่าปิแอร์เปาโล เพียเชาลี่ประสบความสำเร็จอย่างงดงามกับโชว์โซโล่ครั้งแรก แต่ละลุคที่เขาดีไซน์ล้วนสวยงามโดดเด่นในแต่ละลุค ซึ่งโดยรวมแล้วมีความสวยหวานที่ใครๆ ก็ปฏิเสธไม่ลง คุณว่ามั้ย?

 

ภาพ: www.mirror.co.uk; www.pinterest.com; www.thefashionspot.com; www.fashionista.com; www.dazeddigital.com; www.zinbio.com; www.fashionstylemag.com; www.coolchicstylefashion.com; www.washingtonpost.com; wwd.com

 

ถ้าพระนางมารีอังตัวแนตต์อยากไปยิม

fenty-x-puma-by-rihanna-04

 

เมื่อตารางโชว์แฟชั่น Prêt-à-Porter ที่ปารีสออก มีลิสต์ชื่อแบรนด์ที่ร่วมโชว์คราวนี้จาก Fenty x Puma by Rihanna อีกแล้ว ไลน์เสื้อผ้าสปอร์ตเปรี้ยวๆ เก๋ๆ ฝีมือนักร้องสาวสุดแซ่บ “ริริ” หรือ “รีฮานน่า” (Rihanna) หลังเคยร่วมโชว์ไปแล้วเมื่อต้นปีที่ผ่านมา

ก่อนโชว์เหล่าบรรดานักข่าวแฟชั่นและแฟนคลับของริริต่างก็วาดภาพไปต่างๆ นานาว่าคอลเล็กชั่นล่าสุด Spring 2017 นี้จะเป็นแนวไหน? เพราะเมื่อคอลเล็กชั่นที่แล้ว เธอออกแบบเป็นสไตล์โกธิก ดูลึกลับ ดาร์กๆ บางคนนึกถึงภาพบรรยากาศและสถานที่ว่าต้องเต็มไปด้วยแชมเปญจ์ คาเวียร์ ปาร์ตี้สุดสนุก สถานที่จัดโชว์เก๋ๆ แถวหอไอเฟลไปโน้น แต่เมื่อเทียบเชิญออกระบุถึงสถานที่แล้วกลายเป็นว่าเธอเลือกจัดโชว์ล่าสุดนี้ที่ Hôtel Salomon de Rothschild แมนชั่นสไตล์ศตวรรษที่ 19 ในเขต 8 ของปารีสต่างหาก

 

fenty-x-puma-by-rihanna-01

fenty-x-puma-by-rihanna-06

 

แมนชั่นแห่งนี้เคยจัดแสดงโชว์แฟชั่นของวาเลนติโน่และอีฟส์ แซงต์ โลรองต์มาแล้ว ห้องแสดงสามารถเดินทะลุต่อกันแบบไม่มีเสาบังขัดตา เพดานตกแต่งด้วยศิลปะนีโอคลาสสิกและโคมไฟแชนเดอเลียร์ที่เข้ากับคอนเซ็ปต์เสื้อผ้าครั้งนี้ เพราะริฮานน่าได้แรงบันดาลใจจากสไตล์เสื้อผ้าสมัยศตวรรษที่ 18 และพระนางมารีอังตัวแนตต์ กลิ่นอายแบบจีนๆ มีทั้งคอร์เซ็ตต์ ลูกไม้ สร้อยไข่มุกผสมผสานกับแจ๊กเก็ตฮู้ด แจ๊กเก็ตกันลม บอดี้สูทแนบเนื้อ กางเกงวอร์ม กางเกงขาสั้น รองเท้าแบบครีพเปอร์ รองเท้าส้นสูงหัวแหลม บู๊ตหุ้มข้อหัวแหลม หมวกแบบเบสบอล มีการตกแต่งประดับประดาด้วยริบบิ้น พู่ห้อย การจับจีบย่น โทนสีแสนหวานผิดกับคอลเล็กชั่นที่แล้วมากๆ เป็นชมพูอ่อน ม่วงลาเวนเดอร์ เขียวมิ้นต์ ขาวและลายพราง โดยเสื้อผ้ามีทั้งของหญิงและชาย ส่วนเมกอัพฝีมือแพต แม็กกราธ (Pat McGrath) ก็ไม่ทำให้ผิดหวังเพราะแต่งหน้าเป็นแนวศตวรรษที่ 18 หน้าเนียนขาวผ่อง แก้มชมพูระเรื่อ เรียวปากอิ่มสีชมพูเข้ากันกับลุคสุดๆ

 

fenty-x-puma-by-rihanna-02

fenty-x-puma-by-rihanna-05

 

ริฮานน่าเอ่ยปากก่อนแฟชั่นเริ่มว่า “ชั้นกังวลสุดๆ ไปเลย เพราะที่นี่ (ปารีส) เป็นเมืองแฟชั่น ทำให้ชั้นกดดันมากๆ แต่ชั้นยินดีรับฟังและเคารพความเห็นและคอมเม้นต์ทั้งหลายนะคะ และเพราะว่าพูม่าเป็นแบรนด์สปอร์ต มันก็ท้าทายดีที่ชั้นจะเอามาผสมผสานให้ทั้งผู้หญิงและผู้ชายใส่ได้ โดยที่ใช้ได้จริง”

แล้วคุณๆ ว่ากันยังไงบ้างสำหรับคอลเล็กชั่น Spring 2017 ของ Fenty x Puma by Rihanna ในคอนเซ็ปต์ที่ริฮานน่าสรุปว่า ‘เหมือนกับพระนางมารีอังตัวแนตต์อยากไปยิมออกกำลัง’ ส่วนเราคิดว่าสาวๆ น่าจะชอบอยู่ไม่น้อย เพราะเป็นเสื้อผ้าแนวกีฬาแต่ไม่ดูน่าเบื่อ ดูสวยๆ หวานๆ แอบมีดีเทลแถมยังใช้ใส่ไปโน้นนี่ได้อีกด้วย ใช้ได้หลายโอกาสปรับได้หลายไอเดีย วางขายเมื่อไหร่อย่าลืมช้อปไว้ซะหน่อยนะคะ

 

ภาพ: tomandlorenzo.com; thedapifer.com; fashionmagazine.com; popsugar.com; thefashionspot.com; instyle.com; superselected.com; pausemag.co.uk; hypebae.com; vh1.com

เมื่อซูเปอร์โมเดล Kate Moss ลาแคตวอล์กเปิดโมเดลลิ่งเอง

คำว่า ‘ล้างมือในอ่างทองคำ’ ใช้กับผู้มีอำนาจชื่อเสียงอำลาวงการ ถ้าเป็นนางงามก็ต้อง ‘ถอดมงกุฎ’ แต่ซูเปอร์โมเดลก็คงต้องบอกว่า ‘โบกมือลาแคตวอล์ก’ ข่าวล่าสุดมีว่า เคต มอสส์ (Kate Moss) ซูเปอร์โมเดลคนดังให้สัมภาษณ์ขออำลาวงการผันตัวไปเปิดเอเจนซี่ของตัวเอง แล้วเธอคิดอะไรยังไงถึงจะบ๊ายบายเวทีไปซะแล้ว มาอ่านกัน

 

kate-moss-04

 

สำหรับซูเปอร์โมเดลหน้าเก๋ แปลกไม่เหมือนใคร รูปร่างผอมบาง สูงแค่ 170 เซนติเมตร ในยุค ’90s หรือเมื่อกว่า 20 ปีที่ผ่านมาถือว่าเป็นคุณสมบัติที่ไม่น่าจะได้เป็นนางแบบได้เลย แต่ด้วยความที่ยุคไนน์ตี้ส์เป็นยุคเปลี่ยนผ่านจากสไตล์แฟชั่นเยอะๆ แน่นๆ ของยุค ’80s มาเป็นยุคเรียบๆ ง่ายๆ ยิ่งน้อยยิ่งดีหรือ Less is More นั่นเอง ที่ทำให้เคต มอสส์ สาวน้อยอายุ 14 ที่มีคุณสมบัติที่ว่าผ่านฉลุยมาเป็นนางแบบชื่อดังได้ ครั้งแรกที่เธอได้ทำหน้าที่นางแบบทำเอาทุกคนสงสัยและข้องใจกันเป็นแถวๆ ว่าสาวหน้าแปลกคนนี้คือใครกัน? แต่กระแสความฮอตของเธอก็แรงดีไม่มีตก กระทั่งเดี๋ยวนี้ก็ยังขายได้

 

kate-moss-03

 

เคต มอสส์ได้รับการทาบทามเข้าสังกัดโมเดลิ่งสุดดังอย่างสตรอม โมเดลส์ (Strom Models) เคตที่มีอายุแค่ 14 ปีถูกพบเจอที่สนามบิน JFK โดยผู้ก่อตั้งสตรอมโมเดลส์ ซาร่าห์ ดูย์กาส์ (Sarah Doukas) และชวนเธอมาเป็นนางแบบที่นี่ตั้งแต่ตอนนั้นจนปัจจุบันนี้ก็ 27 ปีแล้ว และเธอกลายเป็นนางแบบที่ใครๆ ต่างต้องการ ทั้งมาขึ้นปกแมกกาซีน เดินแฟชั่นโชว์หรือเป็นพรีเซนเตอร์ และตอนนี้เธอก็เป็นหนึ่งในไอคอนของวงการแฟชั่นที่ทุกคนชื่นชม ดูได้จากการที่เคตไปร่วมงานกับแบรนด์แฟชั่นต่างๆ ไม่ว่าจะ Top Shop, Longchamp และล่าสุดร่วมออกแบบคอลเล็กชั่นเสื้อเชิ้ตกับ Equipment ต่างก็ขายดิบขายดี

 

kate-moss-02

 

 

ล่าสุด เธอตัดสินใจลาออกจากสังกัดสตรอม โบกมือลาแคตวอล์กชั่วคราวหรือตลอดไป (อันนี้คงต้องรอดู) เพื่อมาโฟกัสกับการเปิดโมเดลิ่งของตัวเองในชื่อ ‘เคต มอสส์เอเจนซี่ (Kate Moss Agency)’ เธอให้สัมภาษณ์ว่า “ชั้นได้แรงบันดาลใจมาจากบทเจ้าของโมเดลิ่งที่เฟย์ ดันนาเวย์ (Faye Dunnaway) เล่นในเรื่อง Gia ชั้นอยากทำแบบนั้นบ้างไม่ใช่แค่เป็นโมเดลิ่งนางแบบนะคะ แต่อยากดูแลจัดการอาชีพให้ผู้คนได้ทำงาน ชั้นไม่ได้คัดเลือกแค่คนที่สวยดูดีเท่านั้น โมเดลิ่งของชั้นจะมีคนที่อยากเป็นนักร้อง นักแสดงหรือนักเต้นด้วยค่ะ ชั้นต้องการสร้างคนที่เป็นสตาร์” และนอกจากเปิดบริษัทไปเมื่อไม่กี่อาทิตย์ที่ผ่านมาแล้ว เธอยังเปิด Instagram เป็นครั้งแรกอีกด้วยในชื่อของบริษัท (เคตไม่เคยมี instagram มาก่อน) โดยจะมีทีมงานอย่างอดีตคนดูแลคิวงานของเธอ ลูซี่ แบ็กซ์เตอร์ (Lucy Baxter) และผู้จัดการ คามิลล่า จอห์นสัน-ฮิลล์ (Camilla Johnson-Hill)

 

kate-moss-01

 

มารอดูนางแบบนายแบบหรือนักแสดงในสังกัดเคตมอสส์เอเจนซี่กันว่าจะโดดเด่นและโด่งดังแบบเจ้าของรึเปล่า? เอาใจช่วยแฟชั่นไอคอนคนนี้กันนะคะ อ้อ! นอกจากทำหน้าที่เจ้าของเอเจนซี่แล้วยังจะมีแบรนด์ข้าวของไลฟ์สไตล์ที่จะออกวางขายในปีนี้อีกด้วยค่ะ

 

 

เครดิตภาพ: nymag.com; buzzfeed.com; indepedent.co.uk; backstageedit.wordpress.com; huffingtonpost.co.uk; peregrinesalon.com; eonline.com; uniontimes.org; dailymail.co.uk; letusstyle.com; bbc.com

มองของชิ้นเด็ดจากงาน “The View From Her”

อาทิตย์ก่อนได้พาไปสัมผัสบรรยากาศงาน The View From Her งานกึ่งนิทรรศการ และงานแสดงคอลเล็กชั่นฤดูใบไม้ร่วงและหนาว 2016 ของ Hermes (คลิ๊กอ่าน “The View From Her” มองโลก Hermes ผ่านดวงตาเธอ ) และสัญญาว่าจะนำของชิ้นเด็ดจากงานนี้มาให้ชมกัน นี่ก็ถึงเวลาแล้ว ตามมาชมกัน

 

theviewfromher-01

theviewfromher-02

กระเป๋า Baton de craie ปรับประยุกต์จากทรงอานม้า เวอร์ชั่นนี้ใช้หนังจระเข้ และตัวล็อกเป็นหินหายาก

 

theviewfromher-03

นาฬิกา Faubourg Malachit ตัวเรือนโรสโกลด์ หน้าปัดหินเขียว

 

theviewfromher-04

นาฬิกา Cape Cod Onyx ล้อมเพชรรอบตัวเรือน สายจระเข้พันสองรอบ

 

theviewfromher-05

เดรส และเสื้อโค้ทประดับหมุดเงิน

 

theviewfromher-06

ดีไซน์ใหม่ของกำไลหนังประดับหมุดเงิน

 

theviewfromher-07

theviewfromher-08

theviewfromher-09

theviewfromher-10

theviewfromher-11

theviewfromher-12

คอลเล็กชั่นเครื่องเงิน และอัญมณี ออกแบบโดย Pierre Hardy

 

theviewfromher-13

เสื้อและเสื้อหนัง ที่ออกแบบให้ทั้งรูปทรงและสีสันเข้ากับธีม Gallop

 

theviewfromher-22

(ซ้าย) น้ำหอมกลิ่นใหม่ Gallop ที่ได้แรงบันดาลใจจากการขี่ม้า ตัวขวดได้แรงบันดาลใจจากโกลนม้า เมืองนอกจำหน่ายแล้ว แต่เมืองไทยกำหนดการณ์ล่าสุดยังเป็นปีหน้า (ขวา) กระเป๋าสะพายทรงหกเหลี่ยม ที่นำมาโชว์คู่กับน้ำหอม

 

theviewfromher-14

ผ้าพันคอลาย Palmes Royales ลายเด่นของงาน

 

theviewfromher-15

Twillaine คือเทคนิคการพิมพ์ลายลงบนผ้าไหม และนำไปออกแบบเป็นเสื้อผ้าและเครื่องประดับต่างๆ

 

theviewfromher-16

(ซ้าย) กระเป๋า Maxiboxทรง tote สีคาราเมล หูจับและขอบข้างเป็นหนังสีเหลืองมาสตาร์ด เช่นเดียวกับ (ขวา) กระเป๋าทรงรุ่นเดียวกัน แต่เป็นทรง duffle ตัวกระเป๋าสีน้ำตาล หูจับและขอบข้างเป็นหนังสีเหลืองมาสตาร์ด

 

theviewfromher-19

กระเป๋าใสธนบัติซิบข้าง เย็บลายจ๊อกกกี่ลงบนหนัง

 

theviewfromher-17

ขาดไม่ได้สำหรับแอร์เมส คือกำไลลงยาแบบต่างๆ

 

theviewfromher-18

กระเป๋า Constance พิมพ์ลาย tattersall วัสดุแคนวาสและหนัง

 

 

(ภาพ: Arno Frugier และ Veraphol W)

ก้าวใหม่ของ Donna Karan และ Makeup Backstage ฝีมือคนไทย

ดอนน่า คาราน (Donna Karan) ดีไซเนอร์ฝีมือเก๋าที่สร้างแบรนด์ของตัวเองเมื่อ 31 ปีที่แล้วในชื่อของตัวเอง Donna Karan หลังฝึกปรือฝีมือเป็นผู้ช่วยดีไซเนอร์กับห้องเสื้อ Anne Klein อยู่หลายปี จนปี 1974 แอนน์ ไคลน์เสียชีวิตมีการเปลี่ยนหัวหน้าดีไซเนอร์ คารานจึงลาออกมาเปิดห้องเสื้อของตัวเองชื่อว่า Essential ในปี 1985 ต่อมาปี 1988 เธอสร้างแบรนด์ของตัวเองในชื่อ Donna Karan New York และ DKNY ไลน์เสื้อผ้าสายวัยรุ่น อีก 2 ปีก็มี DKNY Jeans และ DKNY Men ในปี 1992

 

dkny-01

dkny-02

dkny-03

 

เธอลาออกจากการเป็นซีอีโอแต่ยังคงเป็นดีไซเนอร์และประธานบริษัทอยู่หลัง Moët Hennessy Louis Vuitton (LVMH) เข้าซื้อเมื่อปี 2001 พอปี 2015 เธอก็ตัดสินใจอำลาตำแหน่งทั้งหมดเพื่อไปทุ่มเทให้กับแบรนด์ใหม่ ‘Urban Zen’ ที่จริงๆ แล้วริเริ่มทำมาตั้งแต่ปี 2008 กับดีไซเนอร์ซอนย่า นัททอล (Sonja Nuttall) โดยล่าสุดได้เดินโชว์ครั้งแรกที่ New York Fashion Week ไปเมื่อกลางเดือนกันยายนที่ผ่านมา เสื้อผ้าแบรนด์นี้นำเสนอในสไตล์เรียบง่ายแต่ทันสมัย มีกลิ่นอายตะวันออกผสานตะวันตก มีทั้งชุดกระโปรงเจอร์ซี่, กางเกงทรงจ๊อดปูร์หลวมๆ, เสื้อกิโมโนผ้าไหมพองๆ, ผ้าพันคอผืนโตและเครื่องดับทำจากหนัง ส่วนใหญ่ดีไซน์มาในโทนสีน้ำตาลช็อกโกแลต, สีแดงไวน์ และสีดำคลาสสิก

 

dkny-04

dkny-05

 

แต่มีอะไรมากกว่าการโชว์เสื้อผ้าครั้งแรกในชื่อใหม่ของดอนน่า คารานก็คือความภาคภูมิใจของคนไทยอย่างเราๆ เพราะเบื้องหลังการสร้างสรรค์สีสันบนใบหน้านางแบบตาน้ำข้าวทั้งหลาย หัวหน้าเมกอัพอาร์ติสท์ (Head Makeup Artist) ที่ควบคุมและดูแลสไตล์การแต่งหน้าทั้งหมดของนางแบบเป็นคนไทย (จะดีใจและภูมิใจน้อยกว่านี้ได้อย่างไร?) และเมกอัพอาร์ติสต์คนไทยคนนั้นชื่อว่า แบงค์ ณัฐดนัย บุณยรัตผลินหรือ Bank Natdanai โดยแบงค์ได้ประชุมและปรึกษาคอนเซ็ปต์กับดอนน่า คารานว่าต้องการสไตล์ไหน ซึ่งคอนเซ็ปต์เมกอัพคือ ‘Ethnic’ ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากผู้หญิงอินเดียที่ใช้ดินสอเขียนขอบตาสีดำเข้มหรือที่เรียกว่าคาจาล (Kajal) เขียนขอบตานางแบบ ส่วนผิวหน้าก็ให้ดูเนียนเป็นธรรมชาติ ไม่ใช้แป้ง ปัดแก้มเบาๆ ด้วยสีน้ำตาลอมชมพู เรียวปากใช้สีน้ำตาลอมชมพูเช่นกัน นอกจากทำแบ็คสเตจที่แบงค์เลือกใช้ทีมงานผู้ช่วยเป็นคนไทยทั้งหมดแล้ว ได้ยินมาว่าดอนน่ายังให้แบงค์ไปแต่งหน้าให้กับนางแบบเพื่อทำ Look Book อีกด้วยนะคะ ปลื้มใจแทนแบงค์จริงๆ หลายคนคงสงสัยว่าแบงค์ ณัฐดนัยเป็นใครถึงได้ไปร่วมทำงานที่นั่น

 

dkny-08

dkny-07

dkny-06

dkny-10

 

แบงค์เป็นหนึ่งในคนที่ไปตามล่าหาฝันที่ตั้งใจว่าอยากเป็นช่างแต่งหน้าฝีมือดี หลายปีแล้ว (ไม่ต่ำกว่า 6-7 ปี) ที่แบงค์ไปตามล่าฝันไกลถึงนิวยอร์กกว่าจะมาได้ถึงจุดนี้ นอกจากแบงค์จะทำงานที่นิวยอร์กแล้วเวลากลับมากรุงเทพก็มาร่วมทำงานกับนิตยสารที่นี่อย่าง L’Officiel Thailand, Women’s Health Thailand, Harper’s Bazaar Thailand, Lips และอีกมากมาย แถมยังเป็นครูสอนแต่งหน้าอีกด้วย

นอกจากชื่นชมยินดีกับหนึ่งความสำเร็จของคนไทยแล้วแฟชั่นโชว์ครั้งนี้ของ Urban Zen ที่มีคอนเซ็ปต์ See-Now-Shop-Now จบโชว์ช้อปได้ รวดเร็วทันใจ ซึ่งเป็นคอนเซ็ปต์ใหม่สุดฮิตของหลายๆ แบรนด์ที่นิวยอร์ก หลังจากมีคอนเซ็ปต์นี้ไปแล้วเมื่อต้นปีที่ผ่านมาค่ะ

 

(ภาพ: Bank Natdanai; richestcelebrities.org; livingly.com; observer.com; chaos-mag.com; wwd.com )

พาชมคอลเล็กชั่นจากนอกโลก โดย Charlotte Olympia …และ Berbie!

charlotte-olympia-05

charlotte-olympia-06

charlotte-olympia-08

แว็บเห็นความวิบวับของรองเท้า Charlotte Olympia แล้วก็ได้แต่แสบตา ระคนความตื่นเต้น แต่พอได้ยินได้ฟังเท่านั้น ความตื่นตาตื่นใจก็มาปะทุ เพราะคอลเล็กชั่นหน้าหนาวนี้ ชาลอตต์ โอลิมเปีย ออกแบบมาจากนอกโลก โดยมีมนุษย์ต่างดาวชื่อ ซีโอน่า เป็นลูกมือ!

ก็เขียนให้เว่อร์วังไปอย่างนั้นเอง เพราะที่จริง ซีโอน่า เป็นชื่อของกระเป๋าใส่สตางค์รูปเอเลี่ยนน่ารัก ซ่อนอยู่ในยานยูเอฟโอ ซึ่งก็คือกระเป๋าเป้ ที่ออกแบบเป็นรูปจานบินสุดจะมุ้งมิ้ง และเพื่อให้เข้ากับกระเป๋าเป้เอเลี่ยน หรือจะเป็นกระเป๋าคลัทซ์ที่ออกแบบงาน 3D เป็นรูปจรวด โดดเด่นท่ามกลางหมู่ดาว และถ้าจะให้ดี ต้องสวมคู่กับรองเท้าส้นสูงดาวเด่นของซีซั่น มีชื่อเรียกเก๋ไก๋ว่า Miss Universe ความพิเศษคือส้นรูปดาวเคราะห์ต่างดาวสีชมพู ที่สเปรย์สีด้วยมือทุกคู่ เรียกว่า มีครบทั้งกระเป๋าและรองเท้า ก็พร้อมบินไปนอกโลก

charlotte-olympia-01

charlotte-olympia-02

charlotte-olympia-07

คอลเล็กชั่นหน้าหนาว 2016 ชาลอตต์ ตั้งชื่อให้ว่า “The Girl Who Feel To Earth” ในเมือสาวจากต่างดาวจะมาฟีลโลก เลยทำให้หลายๆ ไอเท็ม เต็มไปด้วยความวิบวับกลิตเตอร์แบบกาเล็กซี่ แน่นอนที่สุดคือรองเท้าที่ประดับด้วยคริสตัสและผงเพชรหลากสี เมทาลิกเงิน ผงทอง และอเมทิสต์

charlotte-olympia-03

charlotte-olympia-04

ปิดท้ายกันด้วยคอลเล็กชั่นที่ ชาลอตต์ นำคาแรกเตอร์ของเธอเอง ขมวดเกลียวกลายร่างเป็นตุ๊กตาบาร์บี้ ที่ผลิตออกมาจำนวนจำกัดสุดๆ เพียง 2700 ตัวทั่วโลก และนำมาจำหน่ายที่บูติกชาลอตต์ โอลิมเปีย เพียง 18 ตัว โดยบาร์บี้ชาร์ลอตต์ หิ้วกระเป๋าโบการต๋สีแดงสด รองเท้าส้นสูงรุ่นดอลลี และรองเท้าคิตตี้ และรองเท้ารุ่นอีฟมาให้สลับสับเปลี่ยน กระเป๋าคลัชต์ใสรุ่นแพนโดรา กระเป๋ารุ่นบานาน่า เครื่องสวมศรีษะโลโก้ใยแมงมุม ต่างหูใยแมงมุม แว่นกันแดดแคตอายและกล่องรองเท้า พร้อมกับเสื้อดาวบรูซคาบถุงช้อปปิ้ง

charlotte-olympia-09

 

และเพื่อเอาใจคนรักบาร์บี้ให้ยิ่งรักขึ้นไปอีก ชาลอตต์ จึงออกแบบรองเท้าส้นสูงสีชมพูประดับขนนกมาราบูและรูปหน้าบาร์บี้ ให้ชื่อว่า Barbie Girl พร้อมกับกระเป๋าคลัชต์สีชมพู ประดับชิ้นแม่เหล็กที่เป็นเครื่องสำอางของบาร์บี้ ให้ชื่อว่า Barbie World

เข้าไปที่บูติกชาลอตต์ โอลิมเปียทีไร ต้องมีเรื่องสนุกๆ ติดไม้ติดมือกลับมาทุกครั้ง!

charlotte-olympia-10

 

 

คู่หูดีไซเนอร์หน้าใหม่แต่ฝีมือเก๋ารับช่วงต่อ Oscar de la Renta

พักนี้ กระแสดีไซเนอร์หน้าใหม่ ไฟแรงแต่ฝีมือเก๋ามาแรงจริงๆ ค่ะ ขนาดห้องเสื้อตำนานอย่างออสการ์ เดอ ลา เรนต้าก็ไม่พ้นกระแสฮอตนี้ไปด้วย ล่าสุดมีอัพเดทข่าวออกมาถึงคนคุมบังเหียนคู่ใหม่ออกมาแล้ว

หลังจากดีไซเนอร์ผู้เป็นหนึ่งในตำนานของวงการแฟชั่นอย่างออสการ์ เดอ ลา เรนต้า (Oscar de le Renta) เสียชีวิตไปและคนที่รับช่วงต่ออย่างปีเตอร์ คอปปิ้ง (Peter Copping) ครีเอทีฟ ไดเร็กเตอร์ที่ได้รับเลือกมาดูแลแทนเมื่อกว่าสองปีที่แล้ว

 

oscar-de-la-renta-02

oscar-de-la-renta-01

 

แต่ล่าสุด มีข่าวอัพเดทออกมาว่าปีเตอร์จะอำลาตำแหน่งพร้อมส่งมอบมงกุฎนี้ให้กับสองดีไซเนอร์หน้าใหม่แต่ฝีมือไม่ใหม่ที่จะมาเป็นโค-ครีเอทีฟ ไดเร็กเตอร์ ลอร่า คิม (Laura Kim) และเฟอร์นานโด้ การ์เซีย (Fernando Garsia) แล้วสองคนนี้เป็นใครมาจากไหนถึงได้รับความไว้วางใจให้คุมแบรนด์ใหญ่และมีตำนานยาวนานแห่งนี้ ทั้งสองคนตอนนี้เป็นดีไซเนอร์ของห้องเสื้อมอนเซ (Monse) แบรนด์เสื้อที่เพิ่งเปิดได้แค่ 9 เดือนเท่านั้นแต่ได้รับการตอบรับมากมายจากบรรดาบรรณาธิการ บายเออร์และลูกค้าอย่างนักร้องสาว เซเลน่า โกเมซ (Selena Gomez) เลดี้กาก้า (Lady Gaga) หรือดาราสาว เจสซิก้า บีล (Jessica Biel) บรี ลาร์สัน (Brie Larson) อลิสัน วิลเลี่ยมส์ (Allison Williams) ก็เป็นแฟนคลับ

 

oscar-de-la-renta-04

oscar-de-la-renta-03

 

สองคนไม่ใช่ดีไซเนอร์มือใหม่นะคะ ลอร่าเคยทำงานให้กับเดอ ลา เรนต้ามาตั้งแต่ปี 2003 แล้วในตำแหน่งดีไซน์ ไดเร็กเตอร์ ส่วนเฟอร์นานโด้เข้ามาทำงานกับเดอ ลา เรนต้าเมื่อปี 2009 เป็นผู้ช่วยดีไซเนอร์ อีกทั้งยังรับตำแหน่งที่ปรึกษาให้กับแบรนด์คาโรลิน่า เฮอร์เรร่า (Carolina Herrera) อีกด้วย โดยจากนี้ไปทั้งคู่จะมารับหน้าที่อันยิ่งใหญ่จริงๆ แล้วล่ะ อเล็กซ์ โบเลน (Alex Bolen) ซีอีโอเผยว่า “ทั้งคู่ทำงานกับห้องเสื้อนี้มานานและมีฝีมือที่มร.เดอ ลา เรนต้ายอมรับ” โดยหน้าที่รับผิดชอบดูคอลเล็กชั่น Ready-to-Wear, เอ็กเซสซอรี่, เสื้อผ้าเด็กและชุดเจ้าสาว

 

oscar-de-la-renta-06

Monse Fall 2016

 

oscar-de-la-renta-05

Monse Resort 2017

 

ถึงจะมารับตำแหน่งสำคัญแต่ก็ยังคงทำห้องเสื้อมอนเซควบคู่ไปด้วย ลอร่าและเฟอร์นานโด้บอกว่า “เราตื่นเต้นมากที่จะได้กลับไปที่ออสการ์ เดอ ลา เรนต้าอีกครั้งที่ๆ เราได้เรียนรู้แฟชั่นพร้อมๆ กับรู้เรื่องการตลาดจากอเล็ก เราจะใช้ความรู้จากสิ่งที่ได้รับมาก่อนหน้ามาทำให้ห้องเสื้อแห่งนี้มีอะไรที่น่าสนใจมากขึ้นและเป็นที่ยอมรับ”

อดใจรอชมฝีมือของทั้งสองอีกนิดกับคอลเล็กชั่นฤดูใบไม้ร่วง/ ฤดูหนาว (Fall/Winter 2017) ของออสการ์ เดอ ลา เรนต้าที่จะโชว์เดือนกุมภาพันธ์ปีหน้าว่าจะสมการรอคอยหรือไม่ ส่วนตุลาคมนี้จะเป็นฝีมือจากดีไซเนอร์ห้องเสื้อไปก่อนค่ะ

 

 

เครดิตภาพ: www.fashionisers.com; www.vanityfair.com; fashionista.com; www.thefashionlaw.com; fashionunited.es; www.pinterest.com; fashionbombdaily.com; stylecaster.com; www.livingly.com

“The View From Her” มองโลก Hermes ผ่านดวงตาเธอ

คลิปวิดีโอแนะนำ The View From Her

 

the-view-from-her-29

อุโมงค์สีส้ม ทางเข้างาน The View Form Her

 

the-view-from-her-43

 

แอร์เมส (Hermes) นำเสนอเรื่องราวของเสื้อผ้า เครื่องหนัง และเครื่องประดับคอลเล็กชั่นฤดูใบไม้ร่วงและหนาว 2016 ผ่านมุมมองจากผู้หญิงในแบบแอร์เมส ผ่านงานแสดง และนิทรรศการ “The View From Her” ที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน

ทุกคอลเล็กชั่น นอกเหนือจากแสดงแฟชั่นในตารางปารีสแฟชั่นวีคแล้ว แอร์เมส ก็ยังจะได้จัดงานแสดงคอลเล็กชั่นเสื้อผ้า เครื่องหนัง และเครื่องประดับ หมุนเวียนเปลี่ยนไปตามเมืองหลักต่างๆ ภายใต้โปรเจ็กต์ Women’s universe สะท้อนถึงโลกของผู้หญิงในแบบของแอร์เมสนั้นเป็นอย่างไร เพื่อให้แฟนคลับแอร์เมส สื่อมวลชน และคนทั่วไป ได้เข้าในถึงความเป็นแอร์เมส คราวนี้ถึงคิวของกรุงปักกิ่ง ที่ซึ่ง The Editors Society จะพาไปชมโลกของแอร์เมส ผ่านมุมมองของเธอ The View From Her ซึ่งก็คือการตีความว่าเธอคนนั้น มองแอร์เมสไว้ว่าอย่างไรบ้าง ไม่ใช่แค่เสื้อผ้า เครื่องหนัง และเครื่องประดับ หากรวมถึงบรรยากาศ การตกแต่ง และอาหารการกิน ภายใต้การควบคุมของ Bali Barret ผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์ของโปรเจ็กต์ Women’s Universe

 

the-view-from-her-31

บริเวณโถงรับรอง หรือ Vision Room

 

เริ่มต้นการเดินทางครั้งนี้ ยังสถานที่จัดงาน Beijing Minsheng Art Museum ซึ่งก็ถือว่าอยู่ในย่านเดียวกับ 798 Art District ศูนย์กลางและย่านอยู่อาศัยของผู้นิยมงานศิลปะของกรุงปักกิ่ง ใครรักงานศิลปะ ขอให้พุ่งตัวมาที่นี่ เพราะมีงานศิลป์แทบทุกรูปแบบที่นึกออก อัดแน่นกันอยู่ในย่านนี้ อันนี้ต้องยอมเขาในเรื่องความทุ่มเท และความอยากให้คนของเขาอุดมศิลปะจริงๆ ตัวพิพิธภัณฑ์โมเดิร์นมาก เสียดายที่มาถึงมืดค่ำเพราะฝนตกแบบไม่ลืมตา ปักกิ่งน้ำท่วมก็ได้เห็นคราวนี้ สถานที่จัดถูกเนรมิตให้รู้สึกว่ากำลังเข้าไปในโลกของแอร์เมส ผ่านอุโมงค์ทางเข้าสีส้มแบบอสมมาตร เมื่อเข้าไปแล้ว จะพบห้องโถงรับรองขนาดใหญ่ เรียกว่า Vision Room มีจุดเด่นที่เสารูปดวงตา ประหนึ่งสารบัญบอกว่า โลกของเธอคนนี้จะมองอะไรบ้าง

 

the-view-from-her-32

the-view-from-her-33

ดีเทลงานออกแบบเครื่องแต่งกาย Hermes โดย Nadege Vanhee-Cybulski ภายในห้อง Secret Drawers

 

the-view-from-her-05

"Ensemble for Nine Dresses", created by Lucinda Childs #TheViewFromHer

A video posted by THE EDITORS SOCIETY (@theeditorssociety) on

การแสดง Ensemble for Nine Dresses ออกแบบโดย Lucinda Childs และคลิปวิดีโอการแสดงจากอินสตาแกรม The Editors Society

 

ไม่มีเวลาลำไย เพราะผลพวงรถติดหนัก จึงเลี้ยวซ้ายเข้าห้องแสดงแรก Secret Drawers จัดแสดงเดรส 9 ชิ้นจากคอลเล็กชั่นฤดูใบไม้ร่วงและหนาว 2016 ออกแบบโดย Nadege Vanhee-Cybulski ดีไซน์เนื้อเสื้อผ้าสตรีแอร์เมส ที่แต่ละชิ้นนั้นมีการทอลายในตัวเดรสอย่างมีชั้นเชิง และแสดงเทคนิค bias-cut อันเกิดจากทักษะการออกแบบอย่างเชี่ยวชาญอย่างใกล้ชิดแบบลูบได้ คลำได้ด้วย (แต่หยิบขึ้นมาลองไม่ได้) จากนั้นเข้าไปชมการแสดงในห้องติดกัน Ensemble for Nine Dresses ที่นำเดรสทั้ง 9 ชิ้นนั้น มาแสดงให้เห็นความพลิ้วไหวยามเคลื่อนไหว บนร่างของนักบัลเลย์ร่วมสมัย ผสมผสานกับไปภาพวิดีโอในเทคนิคสามมิติอย่างน่าตื่นตา ภายใต้การสร้างสรรค์ของ Lucinda Childs โคโรกราฟเฟอร์ชื่อดังชาวอเมริกา

 

the-view-from-her-40

กระเป๋าทรงโค้งอานม้าหนังจระเข้ประดับหินมีค่า ภายในห้อง Mineralogy Unmined

 

the-view-from-her-03

the-view-from-her-07

สื่อผสมวิดีโอ และผ้าพันคอผ้าไหม ภายในห้อง Hypnotic Square

 

จบการแสดงราว 20 นาที ก็มาต่อกันที่ห้อง Mineralogy Unmined อันเป็นห้องแสดงกระเป๋า นาฬิกา และจิลเวลรี่สุดหรูของแบรนด์ ที่แยกกันไปตามธาตุดินน้ำลมไฟ ห้องนี้จัดแต่งราวกับดูงานศิลปะชิ้นสำคัญในมิวเซียมสุดหรู ซึ่งต้องขอเล่าเพิ่มว่า ทุกปีแอร์เมส จะกำหนดแนวทางการสร้างสรรค์และการสื่อสารที่แตกต่างกันไป ทำให้ทุกปี เวลาเราเห็นตั้งแต่การออกแบบเสื้อผ้า เครื่องประดับ ตลอดจนวินโดว์ดิสเพลย์ หรือแคมเปญโฆษณา จะต้องมีกลิ่นของแนวทางหลักนั้น เช่นกันปีนี้แอร์เมสกำหนดให้เป็น Nature at Full Gallop ทำให้ทุกอย่างที่เห็นในงานนี้ เต็มไปด้วยกลิ่นอายธรรมชาติ และเรื่องราวการขี่ม้า ที่จะได้เห็นต่อไป

ไม่ไกลกันคือห้อง Hypnotic Square จัดแสดงวิดีโอกราฟิก คู่กันกับคอลเล็กชั่นผ้าพันคอผ้าไหม 10 ผืน ผ้าพันที่นำมาจัดแสดงขนาด 90 x 90 ซม อันเป็นขนาดมาตรฐานของผ้าพันคอแอร์เมส ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด โดยคัดสรรลายเด่นๆ จากฤดูกาลล่าสุดมาจัดแสดง

 

the-view-from-her-01

the-view-from-her-15

the-view-from-her-16

the-view-from-her-06

การแสดงดนตรีโดย Sophie Auster (รูปบน) และบรรยายกาศภายในห้อง Studs in Space

 

เดินย้อนกลับออกมา เพื่อไปยังห้องจัดแสดงฝั่งขวามือ ทางเข้าเล็กๆ สีเขียวๆ แต่สุดทางกลับเจอพื้นที่ขนาดใหญ่สุด Studs in Space ที่ตกแต่งพื้นผนังทั้งหมดด้วยหมุดโลหะ แบบเดียวกับคอลเล็กชั่นเสื้อผ้า กระเป๋า และเครื่องประดับหนัง ที่ตกแต่งด้วยหมุดโลหะเช่นกัน พื้นที่ตรงกลางเป็นเวทียกพื้นเตี้ยเพื่อรอการแสดงดนตรีของ Sophie Auster นักร้องชาวอเมริกัน

 

the-view-from-her-35

ปีนป่ายกับการแสดง ณ Vertical

 

the-view-from-her-13

the-view-from-her-18

การแสดงภายในห้อง Twillaine Techniques แสดงการสร้างสรรค์ลายผ้าไหม

 

ติดกันกับห้องหมุดเงิน เป็นพื้นที่จำลองแบบหน้าผา Vertical จัดแสดงรองเท้ากีฬาหนังในแบบคลาสสิกของแอร์เมส พร้อมการแสดงผาดโผนโชว์การไต่ผนังและรองเท้ากีฬา อันว่าสนีกเกอร์แอร์เมส เลื่องลือกันไปทั่วว่านุ่มเท้าเป็นที่สุด ถัดมาเป็นห้องเล็กๆ มีการแสดงและจัดแสดงงานสร้างสรรค์ลวดลายบนผ้าไหมที่เรียกว่า Twillaine Techniques อันเป็นเทคนิคเฉพาะของแอร์เมส ที่ใช้กับงานผ้าไหมทั้งกับผ้าพันคอ หรือที่นำมาออกแบบเครื่องแต่งกาย ออกแบบการแสดงโดย Lucinda Childs สำหรับลวดลายที่ใช้บนการแสดงนี้มีชื่อเรียกว่า Palmes Royales เป็นรูปใบปาล์ม และดวงดาวน่าสอยนัก!

 

the-view-from-her-08

the-view-from-her-20

the-view-from-her-25

เครื่องหนังและเครื่องประดับที่ได้กลิ่นอายจากม้า สัญลักษณ์แบรนด์แอร์เมส

 

ถัดมาคือ Thoroughbred เขานำคอกม้ามาจัดแสดงครบทั้งโรงม้า และกลิ่นคอกม้า! ทำเอาเวียนหัว! ในแต่ละคอกม้า ตกแต่งด้วยเครื่องหนังคอลเล็กชั่นล่าสุด ให้พินิจกันแบบเพลินๆ พื้นที่ทั้งหมดของห้องนี้ อุทิศให้ความเป็นแอร์เมส ที่มาพร้อมกับตำนานของม้า สะท้อนผ่านเสื้อผ้า เครื่องหนัง นาฬิกา รองเท้า ผ้าพันคอ ไปจนถึงน้ำหอม Gallop ที่จะเปิดตัวปีหน้า แต่ที่เด่นสุดเห็นจะไม่พ้นเครื่องประดับ จากการสร้างสรรค์ของ Pierre Hardy

 

the-view-from-her-11

the-view-from-her-44

the-view-from-her-28

สีสัน และกิจกรรมแข่งม้า ภายในบริเวณ At The Races

 

At the Races ชื่อห้องก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นเรื่องของความเร็ว ตกแต่งให้เหมือนงานวัดแบบฝรั่งที่เต็มไปด้วยสีสัน ไฮไลต์คงหนีไม่พ้นเครื่องประดับลงยาหลากสีสัน ลวดลายผ้าพันคอจี๊ดจ๊าด รวมทั้งกระเป๋าหลากหลายสี และเกมแข่งม้าให้ร่วมประลองฝีมือความไวและความแม่น

 

the-view-from-her-38

the-view-from-her-09

the-view-from-her-37

เต็มไปด้วยลายตารางสีส้มส้ม ภายในบริเวณ Tattersall Vroom Room

 

ห้องสุดท้าย Tattersall Vroom Room เป็นห้องเล็กๆ ต้องสังเกตจึงจะเห็นทางเข้า ห้องนี้ออกแบบพื้น ผนัง และเครื่องแต่งห้องทั้งหลาย อาทิ รถยนต์ และมอเตอร์ไซค์ เป็นลายตารางสีส้มทั้งหมด ให้อารมณ์ย้อนกลับไปยังยุค’50s เพื่อนำเสนอเทรนด์ลายตาราง และลายทางในแบบฉบับของแอร์เมส

 

the-view-from-her-19

the-view-from-her-36

ขนม และเครื่องดื่มส่วนหนึ่งภายในงาน ที่ออกแบบมาสำหรับผู้หญิงแอร์เมส (ผู้ชายก็ทานดื่มได้เช่นกัน)

 

เดินดูจนทั่วก็พบว่า ไม่เพียงแต่เครื่องแต่งกายสตรี หรือบรรยากาศการตกแต่ง จะเป็นมุมมองของสาวแอร์เมส แต่ยังรวมถึงอาหาร และเครื่องดิ่มที่เตรียมไว้ภายในงานก็ต้องคิดแล้วว่า เธอคนนี้จะทานอาหารแบบไหน ดื่มเครื่องดื่มแบบใด เรียกว่าเป็นงานที่พาสาวๆ (และหนุ่มๆ) ไปรู้จักกับอีกหนึ่งตัวตนของสาวแอร์เมสแบบถึงส่วนลึกสุดของหัวใจ

อ่านมาจนถึงตอนนี้ คงรู้สึกอีดอัดว่าทำไมไม่ค่อยจะเห็นอะไรจากแอร์เมสเลย ยัง! ยังไม่จบเพียงเท่านี้ เพราะตอนหน้า จะนำเสื้อผ้า เครื่องหนัง เครื่องประดับ จากงาน The View From Her มาให้ชมกันแบบเต็มๆ ตา ว่ามีชิ้นไหนเด็ดดวง และเข้าตาเราบ้าง ติดตามชม

 

 

(ภาพ: Arno Frugier และ Veraphol W)