พฤติกรรมการท่องเที่ยวของคนไทยมีแนวโน้มเช่นไร ไม่ใช่แค่รู้ไว้เพื่อการเตรียมตัวไปเที่ยว แต่ผู้ประกอบกิจการต่างๆ เกี่ยวกับการท่องเที่ยวก็ควรรู้ ว่าแนวโน้มพฤติกรรมการท่องเที่ยวของคนไทยในปีที่ผ่านมาเป็นอย่างไร และในปี พ.ศ.2560 จะเป็นเช่นไร แต่ที่ไม่ผิดความคาดหมายก็คือ เรื่องกินคือเรื่องใหญ่ของนักเเที่ยวชาวไทย
จากการสำรวจ Booking.com เผยผลสำรวจพฤติกรรมการเดินทางของคนไทยในปี 2560 ที่กำลังจะมาถึง อีกทั้งเผยปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจออกท่องเที่ยวของพวกเขาในปี 2559 จากกลุ่มตัวอย่างที่เป็นคนไทยกว่า 1,000 คน พบว่าคนไทยร้อยละ 89 มีการทำกิจกรรมหรือประสบการณ์ด้านอาหารระหว่างการเดินทาง ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของนักท่องเที่ยวทั่วโลกกว่าร้อยละ 52 นอกจากนี้ยังพบว่าคนไทยร้อยละ 91 สนใจที่จะรวมกิจกรรมด้านอาหารเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในการท่องเที่ยวปี 2560 ด้วยเช่นกัน

คนเขียนเคยฟังสัมนาเรื่องแนวโน้มของอาหารโลกที่นครแอดิเลด(adelaid) ประเทศออสเตรเลีย แต่คนมากล่าวสุนทรพจน์กลับเป็นบรรณาธิการออนไลน์ของนิตยสารท่องเที่ยวชั้นนำของโลก แต่สิ่งที่เธอนำเสนอนั้นทำให้คนฟังทั้งหมดฟังอย่างตั้งใจ เพราะเธอบอกว่านักเดินทางมีแนวโน้มที่จะให้เรื่องปากะศิลป์(ศาสตร์แห่งการประกอบอาหาร)เป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจว่าจะเดินทางไปจุดหมายใดๆ เช่นเมืองที่มีร้านอาหารระดับดาวมิชลินมากมาย หรือเมืองที่มีการครัวท้องถิ่นที่น่าสนใจ
อย่างเช่นการไปปารีสเพื่อลิ้มรสอาหารจากภตตาคารที่ได้ดาวมิชลิน หรือการมาเที่ยวเมืองไทยเพื่อลิ้มลองอาหารข้างทาง street food ซึ่งเจ้าอร่อยอพยพเข้าไปอยู่ในศูนย์การค้าและราคาก็ไม่อาหารริมทางดังแต่ก่อน ซึ่งนักท่องเที่ยวที่มาบ้านเราไม่ได้ต้องการเช่นนั้น เราจึงเห็นแผงขายอาหารริมถนนที่เยาวราชยามค่ำคืนมีความคึกคักเสมอ

สำหรับปี 2560 นักท่องเที่ยวชาวไทยตั้งใจจะเดินทางท่องเที่ยวบ่อยขึ้นและไกลขึ้นกว่าปีนี้ คิดเป็นร้อยละ 68 และ ร้อยละ 67 ตามลำดับ ทั้งต้องการท่องเที่ยวต่างประเทศมากขึ้น โดยคงมุ่งความสนใจไปที่ประเทศในภูมิภาคเอเชีย (ร้อยละ 86) รองลงมา ได้แก่ ยุโรป (ร้อยละ 44) และอเมริกาเหนือ (ร้อยละ 14) นอกจากนี้ร้อยละ 71ตั้งใจจะเดินทางท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดิมในปีนี้ที่ร้อยละ 47 มีการเดินทางท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศ ส่วนนักท่องเที่ยวที่ต้องการท่องเที่ยวในประเทศอย่างเดียวในปี2560 จะลดลงเหลือร้อยละ 20 จากเดิมร้อยละ 46 ในปี 2559

ดังนั้นภาครัฐอาจจะต้องมาช่วยเพิ่มปัจจัยต่างๆ ที่ทำให้คนสนใจที่จะมาเที่ยวไทยกันให้คึกคักดังแต่ก่อน เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ผลสำรวจ ยังพบว่าคนไทยส่วนใหญ่นิยมเดินทางท่องเที่ยวร่วมกับครอบครัวแบบพ่อแม่ลูก (ร้อยละ 55) และแบบคู่รักมากที่สุด (ร้อยละ 54) และมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น ในปี 2560 ที่จะถึงนี้
สื่อสังคมออนไลน์จะเป็นช่องทางหลักในการค้นหาข้อมูลและแรงบันดาลใจในการเดินทางในปี 2560 คนไทยส่วนใหญ่ คือร้อยละ 64ค้นหาไอเดียและแรงบันดาลใจในการเดินทางครั้งต่อๆ ไปจากเฟซบุค รองลงมาได้แก่บล็อกด้านการท่องเที่ยว (ร้อยละ 55) คำบอกเล่าหรือการบอกต่อ (ร้อยละ 45) รายการท่องเที่ยวทางโทรทัศน์ (ร้อยละ 41) และนิตยสารหรือหนังสือเกี่ยวกับการท่องเที่ยว (ร้อยละ 40)
การสำรวจโดย Booking.com ยังพบว่าคนไทยร้อยละ 29 เริ่มวางแผนการท่องเที่ยวล่วงหน้านาน 2-4 สัปดาห์ และอีกร้อยละ 28 เริ่มต้นวางแผนการท่องเที่ยวล่วงหน้านาน 1-2 เดือน และสิ่งที่นักท่องเที่ยวชาวไทยกำลังมองหาสำหรับการเดินทางในปี 2560 คือ การเดินทางเพื่อฟื้นฟูความอ่อนเยาว์หรือสุขภาพองค์รวม (ร้อยละ 76) และการผจญภัยเล็กๆ น้อยๆ (ร้อยละ 74) จากผลการสำรวจเดียวกันยังชี้ให้เห็นว่านักท่องเที่ยวไทยวางแผนที่จะทำกิจกรรมด้านศิลปะ/วัฒนธรรม และชายหาดระหว่างการท่องเที่ยวในอัตราที่เท่ากันคือร้อยละ 69 ในขณะที่ร้อยละ 63 ตั้งใจจะท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์

เอาละ ใครเป็นเจ้าของกิจการใดที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวคงจะต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ นอกจกาเรื่องกินเรื่องใหญ๋ เรื่องของการฟื้นฟูความอ่อนเยาว์และสุขภาพองค์รวมก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจ ไม่แปลกใจใช่ไหมที่ใครๆ ก็อยากไปเที่ยวญี่ปุ่นเพื่อไปออนเซ็น แม้การเข้าไปใช้ออนเซ็นสำหรับคนไทยจะประดักประเดิดในช่วงหลายปีก่อน แต่ปัจจุบันนี้กลายเป็นเรื่องเก๋ที่ได้ไปพักเรียวกังดีๆ มีออนเซ็นที่มีน้ำแร่ที่มีประสิทธิภาพต่างๆ แก่ร่างกาย โดยเฉพาะเรื่องผิวพรรณ
คงเหมือนกับการที่นักท่องเที่ยวมาเมืองไทยก็ต้องมาใช้บริการของสปาต่างๆ ที่มีชื่อเสียงและมีมาตรฐาน เพียงแต่ส่วนใหญ่จะขลักแน่นอยู่ในกรุงเทพฯ หรือตามจังหวัดที่เป็นจุดหมายของการท่องเที่ยวใหญ่ๆ เช่นเชียงใหม่ ภูเก็ต ถ้าเรามาดูภูมิปัญญาเรื่องสมุนไพรไทยเพื่อสุขภาพและความงามของผิวพรรณ เราจะเห็นว่ายังมีการต่อยอดไปได้อีกมากมาย เพียงแต่ว่าจะสามารถทำได้อย่างมีมาตรฐานหรือไม่เท่านั้นเอง