3 วิธีเวิร์คๆในการใช้ออยล์สู้ลมหนาว!!!

 

เฟเชียลออยล์คือสิ่งดีงามๆ ที่สาวๆทุกคนไม่ควรพลาด เพราะนอกจากจะช่วยให้ทุกสภาพผิวดูนุ่มนิ่มและอิ่มเอิบได้แล้ว มันยังช่วยให้ผิวหน้าดูเนียนใสแบบไม่เป็นมันเยิ้ม หรือทิ้งความเหนียวเหนอะหนะเอาไว้เลย ฉะนั้นในช่วงที่ลมหนาวเริ่มโชยมาแล้วนี้ ก็บำรุงและปกป้องผิวไม่ให้เกิดความแห้งกร้านซะ ด้วยวิธีการง่ายๆนี้

 

 

1. ใช้ทาเหมือนเซรั่ม

วิธีการใช้ออยล์บำรุงผิวหน้าแบบง่ายที่สุดคือทาลงผิวหน้าโดยตรงหลังจากทำความสะอาดผิวหน้าเสร็จใหม่ๆ เพราะเนื้อออยล์บำรุงผิวหน้าสมัยนี้จะมีความเบาบางมาก จึงสามารถซึบซาบเข้าไปในผิวได้ง่ายๆ ไม่ผิดกับการใช้เซรั่มเลย ซึ่งถ้าใครใช้วิธีนี้ก็ควรตามด้วยมอยส์เจอไรเซอร์ที่คุณใช้ตามปกติด้วย

เราชอบ: Red Earth Brighten Concentrate Oil with Kakadu Plum ราคา 1,250 บาท

 

facial002

 

นี่เป็นน้ำมัน Elixir ที่อุดมไปด้วยโปรวิตามินเอจากเบต้า แคโรทีน และกรดแอสคอร์บิก ที่ช่วยให้ผิวเปล่งประกายสดใสได้แบบโดนใจมากๆ เนื้อออยล์จะซึมวับหายเข้าไปในผิวเลย จึงไม่ทิ้งความเหนียวเหนอะหนะเอาไว้ซักนิดเดียว แถมยังมีกลิ่นหอมชวนผ่อนคลายด้วย เริ่ดมาก!

 

 

2. ผสมกับมอยส์เจอไรเซอร์

ส่วนสาวคนไหนที่กลัวว่าเฟเชียลออยล์จะสร้างความชุ่มฉ่ำให้กับผิวหน้ามากเกินไป ก็สามารถผสมเข้ากับมอยส์เจอไรเซอร์ที่คุณใช้อยู่ก็ได้นะ โดยหยดลงไปในครีมหนึ่งถึงสองหยดบนฝ่ามือ แล้วจึงค่อยนำมาแตะและเกลี่ยลงบนผิวหน้าตามปกติ วิธีนี้จะช่วยป้องกันอาการผิวแห้งแตกในช่วงหน้าหนาวได้เป็นอย่างดี

เราชอบ: Panpuri Face Treatment Oil ขนาด 50 มล. ราคา 2,300 บาท

 

facial004

 

น้ำมันบำรุงผิวหน้าขวดนี้นอกจากนะมีส่วนผสมของน้ำมันเลอค่า 5 ชนิด คือน้ำมันมะกอก โจโจบา มารูลา โบราจ และรำข้าวแล้ว ยังมีสารสกัดจากดอกบัว ดอกแดนดิไลออน เมล็ดลูพิน สาหร่ายสีแดง และสารสกัดจากกระบองเพชร ที่ช่วยเติมความชุ่มชื้น เพิ่มความแข็งแรง และเพิ่มความเปล่งปลั่งกระจ่างใสจากภายใน เนื้อออยล์เบาบางสมคำร่ำลือจริงๆ

 

 

3. ผสมกับครีมรองพื้น

ขอบอกว่าเบื้องหลังเวทีแฟชั่นในต่างประเทศนั้น เมคอัพอาร์ติสระดับแถวหน้ามักจะเติมเฟเชียลออยล์ลงในครีมรองพื้นหรือบีบีครีม เพื่อช่วยให้ผิวหน้าของนางแบบดูฉ่ำโกลว์ขึ้นมาแบบที่ดูเป็นธรรมชาติ ซึ่งในช่วงที่ลมหนาวกำลังโชยมานี้ นับเป็นโอกาสอันดีที่สาวไทยจะได้โชว์ความฉ่ำโกลว์แบบนั้นบ้าง

เราชอบ: Guerlain Abeille Royale Youth Watery Oil ขนาด 50 มล. ราคา 5,900 บาท

 

facial003

 

คงจะเรียกเฟเชียลออยล์ขวดนี้ว่า น้ำมันได้ไม่เต็มปาก เนื่องจากให้สัมผัสบางเบาดุจน้ำมากๆ แถมยังใช้เทคโนโลยี่ “Black Bee Repair” ด้วยส่วนผสมจากผลผลิตของผึ้ง 3 ชนิด ที่ช่วยฟื้นฟูผิวที่เสียหายให้กลับมาเนียนนุ่มและอิ่มเอิบได้อีกครั้ง เราสามารถใช้เป็นพรีเซรั่มได้แบบสบายๆเลย!

 

เครดิตรูป: นางแบบ

เลือกเฉดสีแป้งผสมรองพื้นยังไงให้สวยเป๊ะ!!!

 

ถึงแม้แป้งผสมรองพื้นจะช่วยให้สาวๆที่มีปัญหาหน้ามันเยิ้มทั้งหลาย สามารถรอดพ้นจากความหายนะเมื่อเจอสภาพอากาศร้อนๆ อย่างสภาพอากาศในบ้านเราได้ แต่ถ้าใครเลือกเฉดสีแป้งผิด สาวคนนั้นก็มีโอกาสดับจากสภาพ หน้าวอกได้เหมือนกัน ฉะนั้นก่อนที่จะซื้อแป้งตลับใหม่ ก็ลองศึกษาเคล็ดลับดีๆพวกนี้ซะก่อนนะ

 

 

1. อย่าดูแค่เฉดสีในตลับ

การเลือกสีแป้งก็เหมือนการเลือกแฟนนั่นแหละคุณ ถ้าดูแค่รูปลักษณ์ภายนอกจะไปได้เรื่องอะไร ผู้เชี่ยวชาญหลายต่อหลายคนจึงแนะนำให้ลองใช้จริงๆเลย เพราะมีตัวอย่างให้เราเห็นมานับไม่ถ้วนแล้ว ที่ซื้อโดยไม่ลองแล้วใช้ไม่ได้!!!

 

 

เราชอบ: La Mer The Sheer Pressed Powder ราคา 4,000 บาท

 

pressedpowder004

 

แป้งตลับนี้นอกจากจะมีเนื้อเนียนละเอียด ที่ให้ลุคแมตต์และเบาสบายแล้ว ยังมีคุณประโยชน์ของน้ำสกัดเข้มข้น Miracle Broth ที่ช่วยดูแลผิวไปพร้อมๆกันด้วย ขอบอกว่าแป้งผสมรองพื้นตลับนี้ช่วยควบคุมความมันวาวให้ผิวได้อย่างยาวนานด้วยนะ

 

 

2. ลองทาหลายๆเฉดสี

ซักสามเฉดสีก็เป็นอะไรที่กำลังดีนะ! โดยเลือกเฉดสีที่ดูใกล้เคียงกับสีผิวตามธรรมชาติของคุณมากที่สุด แล้วทาเรียงจากสีอ่อนสุดไปหาสีเข้มสุดบริเวณแนวขากรรไกร สีไหนที่ดูกลืนหายไปกับสีผิว ก็แสดงว่าสีนั้นแหละที่เป็น สีที่ใช่

 

 

เราชอบ: M.A.C Studio Fix Powder Plus Foundation ราคา 1,600 บาท

 

pressedpowder003

 

สาวๆที่เป็นแฟนพันธุ์แท้ของ M.A.C จะรู้กันดีว่า แป้งผสมรองพื้นในตระกูล Studio Fix ของ M.A.C นั้นเป็นอะไรที่เลอค่ามาก ใครได้ลองใช้แล้วเป็นต้องติดใจกันทุกราย ค่าที่มีเนื้อเนียนละเอียด และปกปิดได้ดีมาก ที่สำคัญคือมีเฉดสีให้เลือกเยอะมาก สาวคนไหนที่หาเฉดสียาก ไปหาที่เคาน์เตอร์ M.A.C จะไม่ผิดหวังแน่นอน!

 

 

3. ลองทาบริเวณแนวขากรรไกรเสมอ

อย่าลองทาบนผิวในบริเวณแขน แผ่นอก หรือแม้แต่ผิวบริเวณคอ เพราะผิวในบริเวณนั้นมักจะมีสีที่ดูต่างจากสีผิวบนใบหน้าไม่มากก็น้อย ฉะนั้นการลองทาในแนวบริเวณขากรรไกร ก็จะได้เฉดสีที่ดูเป๊ะกว่าแน่นอน และสามารถใช้แป้งตลับเดียวกันนั้น เกลี่ยในส่วนต่างๆของร่างกายให้ดูมีสีเดียวกันได้!

 

 

เราชอบ: Bobbi Brown Skin Weightless Foundation ราคา 1,950 บาท

 

pressedpowder002

 

ขอบอกว่าแป้งผสมรองพื้นตลับนี้มีเนื้อเนียนนุ่มมากๆ พอทาปุ๊บจะรู้สึกเหมือนเนื้อแป้งจะหลอมละลายเข้าไปในผิวเลย แถมยังมีเม็ดสีที่แน่นมาก จึงช่วยปกปิดได้เป็นอย่างดี โดยอาจใช้แปรงขนนุ่มๆ ทาให้ทั่วใบหน้า เพื่อให้ดูนวลเนียนเป็นธรรมชาติ แต่ถ้าต้องการการปกปิด ก็ใช้พัพฟ์ในตลับค่อยๆเพิ่มระดับการปกปิดที่ต้องการ

 

เครดิตรูปนางแบบ: https://i.pinimg.com/

3 วิธีแก้ปัญหาความงามที่พบได้บ๊อย…บ่อย!!!

เลิกกลุ้มใจกับปัญหาความงามต่างๆของคุณได้แล้ว เพราะได้รวบรวมวิธีแก้ปัญหาเบื้องต้นสำหรับปัญหาความงามที่พบได้บ่อยๆมาฝากคุณแล้ว

 

 

beautysos002

 

ปัญหา: ริมฝีปากแห้งแตก ส่งผลให้ทาลิปติกหรือลิปกลอสแล้วดูขรุขระไม่สวย

 

วิธีแก้: ถ้าริมฝีปากของคุณแห้งแตก ลอก หรือแห้งตึงเป็นประจำ ก็ควรขัดริมฝีปากเป็นประจำทุกสัปดาห์ โดยใช้แปรงสีฟันของเด็กที่มีขนนิ่มๆ จุ่มลงในน้ำมันมะกอกแล้วแตะเกลือเล็กน้อย จากนั้นก็นำไปขัดริมฝีปากเบาๆ เพื่อให้สะเก็ดผิวหลุดลอกออกมา เสร็จแล้วก็ล้างออกด้วยน้ำอุ่น แล้วใช้ผ้าขนหนูซับให้แห้ง

 

เคล็ดลับ: ถ้าคุณอยากทาลิปสติกให้ดูเนียนสวย ก็ควรทาลิปสติกลงบนบริเวณกึ่งกลางริมฝีปากก่อน แล้วเกลี่ยออกไปทางด้านนอกตามรูปปาก และทำแบบเดียวกันกับริมฝีปากล่าง

 

beautysos006

 

ลองใช้: M.A.C Lip Serubtious กลิ่น Candies Nectar ราคา 850 บาท ลิปสครับใหม่ล่าสุด มีส่วนผสมของเกล็ดน้ำตาลอณูละเอียด ที่ช่วยขจัดเซลล์ผิวเสื่อมสภาพออกไปอย่างอ่อนโยน พร้อมมีส่วนผสมที่ช่วยบำรุงริมฝีปากอย่างเข้มข้นด้วย

 

 

beautysos003

 

ปัญหา: สีผิวดูไม่เรียบเสมอกันทั่วทั้งใบหน้า

 

วิธีแก้: เสน่ห์อย่างหนึ่งของผู้หญิงคือผิวหน้าที่ดูเรียบเนียนและกระจ่างใส แต่ถ้าคุณเกิดมีจุดด่างดำ หรือสีผิวไม่เรียบเสมอกัน ทางเลือกที่ดีที่สุดของคุณคือใช้ครีมรองพื้นหรือแป้งผสมรองพื้น  โดยควรเลือกเฉดสีที่เข้ากับสีผิวของคุณเป๊ะๆ ซึ่งสาวเอเชียส่วนใหญ่มักจะเหมาะกับโทนสีอมเหลือง (อย่าเลือกโทนอมชมพู เพราะคุณมีโอกาสจะกลายเป็นสาวหน้าวอกหรือหน้าเทาได้ง่ายๆ)

 

เคล็ดลับ: คุณควรทาครีมรองพื้นจากบริเวณกึ่งกลางใบหน้าออกไป โดยใช้ปลายนิ้วแตะแต้มลงไปเล็กน้อย แล้วเกลี่ยออกไปให้ทั่ว และควรใช้ให้น้อยที่สุดในบริเวณรอบดวงตา ร่องแก้ม และมุมปาก เพราะเนื้อสีอาจเลื่อนลงมากองจนเกิดเป็นรอยยับได้

 

beautysos007

 

ลองใช้: YSL Fusion Ink Compact Foundation ราคา 2,600 บาท แป้งคอมแพ็คต์สูตรใหม่ ที่ให้การปกปิดที่ดีมากๆ แถมยังติดทนนานด้วย ขอบอกว่าเนื้อแป้งเนียนนุ่ม และเบาบางจริงๆ

 

 

beautysos004

 

ปัญหา: ดวงตาดูอ่อนล้าและไม่มีชีวิตชีวา

 

วิธีแก้: คุณจะอยู่ห่างไกลจากคำว่าเซ็กซี่ ถ้าดวงตาขอคุณไม่เปล่งประกายสดใส หรือเผยให้เห็นรอยคล้ำใต้ตา วิธีง่ายๆที่ช่วยแก้ปัญหาให้คุณได้ทันทีคือใช้คอนซีลเลอร์ ซึ่งควรเลือกแบบที่มีสีอมเหลือง เพื่อปกปิดรอยเขียวคล้ำบริเวณใต้ตาเอาไว้ นอกจากนี้คุณอาจเพิ่มความเปล่งปลั่งให้ดวงตาดูสดใสขึ้น โดยใช้อายชาโดว์สีเรืองรองอย่างสีทองไล้บริเวณหัวตาและขอบตาล่าง

 

เคล็ดลับ: เพิ่มความเปล่งปลั่งด้วยการทาไฮไลท์ลงในบริเวณที่จะกระทบแสงตามธรรมชาติ อย่างเช่นโหนกคิ้ว สันจมูก โหนกแก้ม หรือปลายคาง นอกจากนี้ก็หาผ้าพันคอสีขาวมาพันให้เข้ากับชุดที่ใส่ ซึ่งจะช่วยให้ผิวของคุณดูเปล่งปลั่งสดใสขึ้นมาได้ทันที

 

beautysos008

 

ลองใช้: Kanebo Selection Colors Eyeshadow ราคา 1,300 บาท อายแชโดว์ 5 สีในตลับเดียว เนื้อพาวเดอร์ให้สัมผัสชุ่มชื้น จนแทบหลอมละลายไปกับผิวเลย

 

เครดิตรูป: 1, 2, 3

เทรนด์ความงามใหม่ล่าสุดจากเกาหลี #jamsu #matteskin

 

ถ้าคุณคิดว่าการแต่งหน้าสไตล์เกาหลีนั้นผิวหน้าจะต้องดูเป็นเงาวิ้งๆล่ะก็ คุณคิดผิดแล้วล่ะ! เพราะเทรนด์การแต่งหน้าของเกาหลีในวินาทีนี้ ผิวหน้าจะต้องดูแมตต์ โดยใช้เทคนิคการจุ่มหน้าลงในน้ำ หรือ “Jamsu” ในภาษาเกาหลีนั่นแหละ ซึ่งวิธีการนี้กลายเป็นที่นิยมชมชอบไปทั่วโลกแล้วล่ะคุณเอ๊ย!

 

korea002

 

คุณสาวๆจะลองทำบ้างก็ไม่เสียหายอะไรนะ วิธีการก็คือหลังจากคุณทาไพร์เมอร์ คอนซีลเลอร์ และครีมรองพื้นลงบนผิวหน้าที่แห้งและสะอาดเรียบร้อยแล้ว ก็ตบแป้งเด็ก (หรือแป้งฝุ่นที่คุณชอบก็ได้) ลงไปเยอะๆ ให้หน้าดูขาวเหมือนผีปอบกันไปเลย! หลังจากนั้นก็จุ่มหน้าลงในอ่างที่ใส่น้ำเย็นเอาไว้ประมาณ 30 วินาที ซึ่งหลังจากยกหน้าขึ้นมาจากน้ำ คุณก็จะรู้สึกได้เลยว่าผิวหน้าดูนวลเนียนขึ้นเลย

 

korea004

 

วิธีการอันน่าทึ่งนี้นอกจากจะช่วยให้ผิวหน้าดูแมตต์แล้ว ยังช่วยให้ครีมรองพื้นอยู่ในร่องในรอยโดยไม่ไหลเยิ้มได้เป็นชั่วโมงๆเลยนะ แถมยังทำให้แต่งหน้าได้ง่ายขึ้นด้วย แต่ถ้าคุณไม่ชอบวิธีการจุ่มหน้าลงในน้ำแบบนี้ คุณก็อาจปรับเปลี่ยนโดยการฉีดสเปรย์น้ำแร่ลงไปเยอะๆแทนก็ได้ #ขอให้มีผิวหน้าที่นวลเนียนไม่มันเยิ้มในซีซั่นนี้กันนะจ๊ะ

 

ถ้าคุณอยากเห็นวิธีการแบบที่เป็นภาพเคลื่อนไหว ก็ตามไปดูที่นี่ได้เลย เธอคนนี้ทำเป็น Tutorial ไว้ดีมาก

 

 

เครดิตภาพ: 1, 2, 3, 4

5 กฎการดูแลความงาม…ที่คุณไม่ควรเชื่อเป็นอย่างยิ่ง!

 

คุณอาจได้ยินได้ฟังกฏการดูแลความพวกนี้มาบ่อยๆ แต่จงรู้เอาไว้ด้วยนะว่ามันไม่เป็นความจริงเลย ฉะนั้นก็ศึกษาข้อเท็จจริงพวกนี้ใหม่ แล้วบันทึกในหน่วยความจำของคุณซะ คุณจะได้ไม่ต้องหลงเชื่อข้อมูลลวงโลกพวกนี้อีก

 

 

1. แสงแดดช่วยฟื้นฟูผิวที่มีจุดด่างดำได้ง่าย

รังสียูวีมีสรรพคุณในการยังยั้งการอักเสบ ฉะนั้นสิวเม็ดแดงๆมักมีอาการดีขึ้นในช่วงแรกๆ แต่ในระยะยาวแล้ว แสงแดดจะทำให้ผิวชั้นนอกหนาขึ้น ซึ่งเอื้อต่อการเกิดรูขุมขนอุดตันและเกิดการอักเสบ ฉะนั้นเลือกใช้ครีมกันแดด ชนิดที่ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ และไม่มีส่วนผสมของน้ำมันซะ จะดีต่อชีวิตของคุณมากกว่า

 

 

2. เครื่องสำอางชนิดกันน้ำเป็นอะไรที่ล้างออกยาก

เมื่อก่อนนี้เครื่องสำอางชนิดกันน้ำมักทำจากน้ำมันและขี้ผึ้งข้นๆ ทำให้รู้สึกเหนียวเหนอะหนะ แต่ในปัจจุบันจะมีส่วนผสมของซิลิโคนซึ่งมีน้ำหนักเบา และล้างออกง่าย คุณไม่ต้องกังวลว่าซิลิโคนจะทำให้รูขุมขนเกิดการอุดตัน ตราบใดที่คุณล้างเครื่องออกให้หมดก่อนเข้านอน

 

 

3. คุณไม่ควรฉีดน้ำหอมเมื่ออยู่กลางแสงแดด

โอกาสที่น้ำหอมจะทำปฎิกิริยากับแสงแดด แล้วส่งผลเสียหายอย่างร้ายต่อผิวนั้นมีอยู่น้อยมาก มีแต่ส่วนผสมบางอย่างเท่านั้นแหละ ที่อาจก่อให้เกิดอาการแพ้ได้ อย่างเช่นน้ำมันหอมระเหยกลิ่น Lemon และ Bergamot ฉะนั้นเลือกใช้น้ำหอมกลิ่นผลไม้หรือกลิ่นเบาๆ จะปลอดภัยกว่า

 

 

4. การหมักผม 20 นาที จะช่วยชุบชีวิตเส้นผมที่เสียได้

แน่นอนว่าการหมักผมเป็นประจำนั้นจะช่วยป้องกันปัญหาผมเสียจากแสงแดด น้ำทะเล และคลอรีนได้เยอะ แต่การหมักทิ้งไว้ 20 นาทีหรือนานกว่านั้นเป็นเรื่องโกหก ครีมหมักผมหรือคอนดิชันเนอร์โดยทั่วไป จะซึบซาบลงสู่แกนผม พร้อมกับมอบความชุ่มชื้นและสารบำรุงได้ในเวลาเพียง 30 วินาทีเท่านั้น คุณจึงไม่จำเป็นต้องหมักไว้นานขนาดนั้น

 

 

5. แสงแดดทำให้เล็บยาวขึ้นและแข็งแรงขึ้น

แสงแดดจะช่วยกระตุ้นให้มีระดับวิตามินดีเพิ่มขึ้น ซึ่งช่วยให้กระดูกแข็งแรงแต่ไม่ใช่เล็บ เล็บจะดูสวยเริ่ดในช่วงฮอลิเดย์ได้หรือไม่ ก็อยู่ที่ดูการดูแลรักษามากกว่า นอกจากนี้เม็ดทรายและน้ำทะเล ก็มีส่วนช่วยให้เล็บดูขาวสะอาดขึ้นด้วย แต่ควรระวังเรื่องสีเล็บด้วยนะ ฉะนั้นหลังทาสีเล็บเสร็จแล้ว ก็อย่าลืมลงสีเคลือบเล็บเป็นขั้นตอนสุดท้ายด้วยทุกครั้ง

 

เครดิตภาพ: 1, 2, 3, 4, 5, 6

5 Steps to Stop an Oily Face

 

5 Steps to Stop an Oily Face

ถึงแม้ช่วงนี้กรมอุตุฯจะประกาศว่าเมืองไทยได้เข้าสู่หน้าหนาวอย่างเป็นทางการแล้ว แต่สภาพอากาศในกรุงเทพมหานครของเรายังร้อนตับแลบอยู่เลย! ปัญหาหน้ามันย่องจึงยังไม่หมดไปซะที แต่ไม่ต้องเป็นกังวลไปนะ เรามีวิธีจัดการกับปัญหานี้มาบอกคุณแล้ว แค่ทำตาม 5 ขั้นตอนง่ายๆนี้

1. ล้างหน้าให้ถูกวิธี: พยายามอย่าล้างหน้าบ่อยเกินไป เพราะจะยิ่งทำให้ผิวหน้าสร้างน้ำมันออกมาชดเชยมากขึ้น คุณควรล้างหน้าแค่วันละสองครั้งก็พอคือเช้า (ตอนเช้าแค่ล้างน้ำเปล่าก็ได้) และเย็น โดยใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดชนิดอ่อนโยน ล้างทำความสะอาดสิ่งสกปรกต่างๆ บนผิวหน้าออกไป

2. อย่าลืมใช้โทนเนอร์: นี่เป็นขั้นตอนที่สำคัญมากในการเตรียมผิวให้พร้อมสวย และช่วยป้องกันปัญหาความมันเยิ้มในระหว่างวัน เนื่องจากโทนเนอร์จะช่วยทำให้ค่า pH บนผิวเกิดความสมดุล เลือกแบบที่ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์นะ เพราะแอลกอฮอล์จะทำให้ผิวแห้ง จนผิวอาจสร้างน้ำมันออกมาชดเชยอีก

3. ทามอยส์เจอไรเซอร์: คุณควรเลือกใช้มอยส์เจอไรเซอร์แบบที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำมันนะ เพราะถ้ามีน้ำมันก็อาจจะยิ่งสร้างปัญหาให้หน้ามันย่องมากขึ้นได้

4. แต่งหน้าให้น้อยๆ: ยิ่งแต่งหน้าเยอะก็ยิ่งเรียกความมันเข้ามาเยือนผิวหน้า ฉะนั้นถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ต้องใช้ครีมรองพื้น ใช้แค่คอนซีลเลอร์แตะแต้มโน่นนี่นิดหน่อยก็พอ ถ้าอยากแต่งจริงๆ ก็ควรเน้นเฉพาะดวงตา และปัดแก้มให้ดูมีเลือดฝาดนิดนึงก็พอ

5. พกกระดาษซับมัน: เพื่อช่วยซับความมันส่วนเกินที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างวัน หรือถ้าจะให้ยิ่งง่ายและสะดวกกว่านั้น ก็พกสเปรย์ซับมัน (อย่างที่เห็นในรูปล่าง) ติดตัวไปด้วย พอรู้สึกว่าหน้ามันก็แค่ฉีดลงบนผิวหน้าเหมือนฉีดน้ำแร่ ทิ้งไว้ซักครู่ แล้วใช้กระดาษทิชชูซับน้ำส่วนเกินออก

 

อาวุธลับใหม่!!! สเปรย์ซับมัน

shinyface002

La Roche-Posay Serozinc ขนาด 150 มล. ราคา 590 บาท และขนาด 50 มล. ราคา 240 บาท

 

La Roche-Posay เปิดตัวสเปรย์ซับความมันส่วนเกินบนใบหน้า ที่มีส่วนผสมจากซิงค์ที่ช่วยลดความันส่วนเกินบนใบหน้าได้เวิร์คมากๆ นอกจากจะช่วยให้ความมันวาวบนผิวดูลดลงแล้ว ยังช่วยกระชับรูขุมขน และช่วยให้เมคอัพติดทนนานขึ้นด้วย เวิร์คมากเราขอท้าให้ลอง!

 

เครดิตภาพนางแบบ: glowpink.com 

คุณเรียงลำดับการใช้สกินแคร์และเมคอัพได้ถูกต้องหรือยัง?

 

ดูเหมือนว่าเทคโนโลยี่ทางด้านความงามที่เจริญรุดหน้ายิ่งกว่าใดๆในโลกหล้านั้น ทำให้เรามีข้าวของไว้ปรนเปรอความงามเพิ่มขึ้นสัปดาห์ละขวดสองขวดก็ว่าได้ รวมๆแล้วโต๊ะเครื่องแป้งของสาวๆสมัยนี้ น่าจะมีผลิตภัณฑ์ความงานโน่นนี่ไม่ต่ำกว่าสิบขวด ซึ่งบางครั้งก็ชวนให้สับสนซะเหลือเกินว่าควรจะใช้อะไรก่อนหรือหลังดี?

 

ซึ่งการเรียงลำดับการใช้โน่นนี่ให้ถูกต้องนั้นนับว่ามีความสำคัญมากๆเลยนะ เพราะถ้าคุณเรียงลำดับได้อย่างถูกต้อง ก็จะช่วยให้คุณรับผลประโยชน์จากผลิตภัณฑ์ความงามแต่ละตัวไปเต็มๆ อย่างเช่น คุณควรทาครีมกันแดดหลังมอยส์เจอไรเซอร์ เพื่อช่วยปกป้องผิวได้อย่างเต็มที่ และควรทาอายแชโดว์ก่อนลงรองพื้น เพื่อที่จะได้หลีกเลี่ยงปัญหาผงอายแชโดว์หลุดร่วงลงมาติดอยู่บนครีมรองพื้น

 

ถ้ากองทัพเครื่องสำอางบนโต๊ะเครื่องแป้งทำให้คุณหัวหมุนติ๊วๆ ไม่รู้ว่าจะใช้อะไรก่อนหลังล่ะก็ เรามีแนวทางในการเรียงลำดับสกินแคร์และเมคอัพที่ถูกต้องมาบอกคุณแล้ว…

 

applyingskincare005

 

การเรียงลำดับการใช้สกินแคร์

คุณควรเริ่มต้นด้วยผิวหน้าที่สะอาดๆเสมอนะ! และควรรอให้แห้งหรือซึมเข้าผิวก่อน แล้วจึงค่อยทาผลิตภัณฑ์ตัวต่อไป หลักการง่ายๆคือ เริ่มจากอะไรที่เบาๆ บางๆ ไล่ไปจนถึงอะไรที่หนาๆ หนักๆ เพื่อช่วยให้สารบำรุงต่างๆ สามารถซึมเข้าผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนในตอนกลางคืน แน่นอนว่าคุณไม่ต้องทาครีมกันแดด ฉะนั้นก็แทนที่ครีมกันแดดด้วยไนท์ครีมซะ โดยเรียงตามนี้เลย

 

– เคลนเซอร์

– สครับผิวหน้า หรือผลิตภัณฑ์ขัดลอกผิวหน้าชนิดอื่น (อย่าลืมอ่านคำแนะนำในการใช้ให้ดีด้วยล่ะ!)

– ผลิตภัณฑ์มาส์กผิวหน้า

– โทนเนอร์หรือเอสเซ้นซ์

– ผลิตภัณฑ์แต้มสิว

– เซรั่มที่ช่วยต่อต้านริ้วรอย

– อายครีม

– มอยส์เจอไรเซอร์

– น้ำมันบำรุงผิวหน้า

– ครีมกันแดด

– ลิปบาล์ม (ถ้าใช้แบบที่มี SPF ด้วยก็จะดีมาก)

 

applyingskincare003

 

การเรียงลำดับการใช้เมคอัพ

ถึงแม้ว่าการใช้ครีมรองพื้นกับคอนซีลเลอร์ จะยังมีการถกเถียงอยู่กว่าควรใช้อะไรก่อนหลังดี แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านการแต่งหน้าหลายต่อหลายคน ต่างเห็นพ้องกันว่าควรใช้คอนซีลเลอร์ก่อนแล้วตามด้วยครีมรองพื้น และถึงแม้การทาอายแชโดว์ก่อนลงครีมรองพื้นจะฟังดูตล๊กตลก แต่เชื่อเราเถอะว่า มันช่วยประหยัดเวลาในการซ่อมหน้าให้คุณได้มากจริงๆ! ฉะนั้นก็เรียงลำดับตามนี้เลย

 

– ไพร์มเมอร์ (รวมทั้งไพร์มเมอร์สำหับเปลือกตาด้วย)

– อายไลเนอร์

– ขนตาปลอม และมาสคาร่า

– ผลิตภัณฑ์ตกแต่งคิ้ว ไม่ว่าจะเป็นดินสอ เจอ หรือผงฝุ่นอัดแข็ง

– คอนซีลเลอร์

– ครีมรองพื้น

– ผลิตภัณฑ์สำหรับคอนทัวร์ใบหน้า

– บรอนเซอร์

– บลัชออน

– ผลิตภัณฑ์ทำไฮไลท์

– แป้งฝุ่น

– ดินสอเขียนขอบปาก

– ลิปสติก

– ลิปกลอส

– สเปรย์ฉีดหลังแต่งหน้า เพื่อช่วยให้เมคอัพต่างๆ ติดทนนาน

 

เครดิตภาพ: 1, 2, 3, 4

12 ผลิตภัณฑ์ความงาม #ที่คุณไม่ควรใช้มากเกินไป

 

ก่อนที่จะเอื้อมมือไปหยิบไพร์มเมอร์หรือดรายแชมพูครั้งต่อไป คุณควรศึกษารายละเอียดพวกนี้ไว้ซะหน่อยนะ เพราะข้าวของบางอย่างถ้าใช้บ่อยเกินไปก็อาจกลายเป็นโทษได้ ลองมาดูซิว่ามีข้าวของอะไรบ้างที่คุณไม่ค้วรไม่ควรใช้บ่อยเกินไป!!!

 

overuse004

 

1. ไพร์มเมอร์

ไพร์มเมอร์ส่วนใหญ่มักมีส่วนผสมของซิลิโคน ซึ่งถึงแม้จะช่วยอำพรางรูขุมขนได้เลิศเลอ หรือช่วยดักจับเหงื่อและน้ำมันให้คุณได้ แต่มันคือตัวต้นเหตุที่ทำให้มีสิวอุดตันเกินขึ้นด้วย ฉะนั้นจึงควรเก็บไพร์มเมอร์ไว้ใช้ในโอกาสพิเศษจริงๆ หรือในเวลาที่ผิวของคุณมีปัญหาแล้วต้องการตัวช่วยเป็นครั้งคราว และอย่าลืมหาเคลนเซอร์ดีๆ ที่สามารถสลายคราบซิลิโคนออกไปได้อย่างหมดจดด้วยล่ะ

 

overuse003

 

2. เรตินอล

เรตินอลมักจะมีมากมายหลายสูตร และมีวางขายเกลื่อนกลาดอยู่ในโลกของความงาม แต่ถ้าไม่ได้อยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผิวหนังล่ะก็ เรตินอลก็อาจจะมีฤทธิ์แรงเกินไปสำหรับผิวบางประเภท และอาจทำให้เกิดอาการข้างเคียง อย่างเช่นแดงหรือลอกได้ ซึ่งถ้าคุณเป็นคนผิวแห้งอยู่แล้ว ก็อาจเสี่ยงที่จะเกิดอาการผิวแห้งเป็นขุยได้ ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังแนะนำให้เริ่มต้นใช้ด้วยเรตินอล 0.5% และใช้แค่สัปดาห์ละหนึ่งหรือสองครั้งเท่านั้น รวมทั้งควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผิวหนังด้วย

 

overuse005

 

3. การต่อขนตา

ถึงแม้การแต่ขนตาจะช่วยให้ขนตาของคุณดูดีงามในโอกาสพิเศษ อย่างเช่นงานแต่งงาน แต่การต่อขนตามักจะต้องติดกาวเข้ากับขนตาจริงๆของคุณ ซึ่งนั่นคือตัวการที่ทำให้ขนตาจริงของคุณเกิดความเสียหายจนถึงขั้นหลุดร่วงได้ ฉะนั้นจำกัดการต่อขนตาเอาไว้เฉพาะเวลาต้องไปงานหรือเป็นโอกาสพิเศษจริงๆ ส่วนเวลาปกติก็ควรใช้ขนตาปลอม เพื่อเพิ่มความคมเข้มเวลาที่คุณต้องออกงานหรือไปปาร์ตี้ในยามค่ำคืน

 

overuse006

 

4. ดรายแชมพู

การใช้ดรายแชมพูมากเกินไปจะทำให้เกิดสารตกค้างอยู่บนเส้นผม ซึ่งนั่นจะทำให้การทำความสะอาดเส้นผมและหนังศีรษะด้วยแชมพูตามปกติเป็นไปได้ยากขึ้น และยิ่งถ้ามีสารตกค้างมากๆ หนังศีรษะก็จะรับออกซิเจนได้น้อยลงด้วย ซึ่งนั่นจะทำให้ต่อมรากผมอ่อนแอลง จนถึงขั้นหยุดการงอกของเส้นผมได้ ฉะนั้นจึงควรใช้ดรายแชมพูเมื่อจำเป็นจริงๆ (ไม่ควรใช้เกินสัปดาห์ละครั้ง) และอย่าลืมทำความสะอาดให้หมดจด อย่าให้มีสารตกค้างหลงเหลืออยู่ด้วยล่ะ

 

overuse002

 

5. สครับ

สครับส่วนใหญ่มักจะทำขึ้นจากผงขัดชนิดต่างๆ ซึ่งผงขัดนี่แหละที่อาจเป็นอันตรายต่อผิวหน้าหรือผิวกายของคุณได้ เพราะมันอาจทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้น และทำให้ผิวเปราะบางจนอาจเกิดปัญหาสิวจากเชื้อแบคทีเรีย เกิดความเสียหายจากการโดนแสงแดด และถึงขั้นเกิดรอยขีดข่วนที่อาจถึงขึ้นกลายเป็นแผลเป็นได้ ฉะนั้นคุณจึงไม่ควรใช้สครับเกินสัปดาห์ละสองถึงสามครั้ง ถ้าจะให้ดีก็ควรพึ่งแพทย์ผิวหนังในการขัดลอกผิวแบบมืออาชีพ

 

overuse0012

 

6. แชมพูชนิดทำความสะอาดล้ำลึก

ถึงแม้แชมพูชนิดนี้จะช่วยขจัดสารพิษและสารตกค้างบนเส้นผมออกไปได้อย่างยอดเยี่ยม แต่ถ้าคุณใช้บ่อยเกินไป มันก็จะเข้าไปทำลายน้ำมันตามธรรมชาติบนศีรษะ ส่งผลให้เส้นผมมีปัญหาแห้งกรอบจนถึงขั้นหักขาดได้ ฉะนั้นใช้แค่เดือนละสองครั้งก็พอ หรือถ้าจำเป็นจริงๆ ก็สัปดาห์ละครั้ง

 

overuse0013

 

7. กระจกส่องภาพขยาย

การส่องกระจกที่ช่วยขยายภาพให้ใหญ่ขึ้นหลายๆเท่านั้น มีผลต่อความงามของคุณจริงๆนะ เพราะมีการศึกษากันมาแล้วว่า มันจะทำให้คุณรู้สึกอยากถอนคิ้วออกมากขึ้น รวมทั้งอยากบีบสิวบ่อยขึ้นด้วย ฉะนั้นใช้ตรวจตาดูคิ้วแค่สัปดาห์ละครั้งก็พอ และอย่าส่องกระจกชนิดนี้เวลาที่คุณมีสิวขึ้นเด็ดขาด!

 

overuse0011

 

8. ปิโตเลี่ยมเจลลี่

ถึงแม้ปิโตเลี่ยมเจลลี่จะช่วยเยียวยาอาการผิวแห้งได้ดี แต่ตามความเป็นจริงแล้วมันไม่ได้ซึมเข้าไปในผิวนะ มันจะเคลือบผิวเอาไว้ไม่ให้ความชุ่มชื้นระเหยออกมาจากผิว รวมทั้งขวางกั้นไม่ให้ความชุ่มชื้นจากภายนอกซึมเข้าไปในผิวด้วย จึงอาจส่งผลให้ผิวแห้งยิ่งขึ้นเมื่อใช้ไปนานๆ ฉะนั้นมองหาตัวช่วยอย่างอื่นในการช่วยคืนความชุ่มชื้นให้ผิวในแต่ละวันดีกว่า อย่างเช่นน้ำมันมะพร้าว

 

overuse0010

 

9. ครีมหมักผมชนิดฟื้นฟูผมแห้งเสีย

ครีมหมักผมชนิดนี้เป็นอะไรที่ช่วยฟื้นฟูผมแห้งเสียได้ดีจริงๆ เพราะหลังใช้คุณจะรู้สึกว่าผมนิ่มและมีความชุ่มชื้นขึ้นทันที แต่คุณก็ควรระวังไว้ด้วยนะ เพราะถ้าคุณใช้เกินกว่าสัปดาห์ละครั้งล่ะก็ มันอาจทำให้เส้นผมของคุณลีบแบน และแต่งทรงได้ยากขึ้นด้วย

 

overuse009

 

10. ลิปมันชนิดผสมตัวยา

ลิปมันชนิดนี้จะช่วยเยียวยาริมฝีปากที่มีอาการแห้งแตกขั้นรุนแรงได้อย่างรวดเร็ว แต่ถ้าคุณใช้เป็นประจำ มันก็อาจทำให้ริมฝีปากของคุณเกิดอาการ ติดยาขึ้นมาได้ พูดง่ายๆว่าถ้าวันไหนไม่ได้ใช้ ริมฝีปากก็จะแห้งผากไปเลย ฉะนั้นควรใช้เมื่อจำเป็นจริงๆ และเมื่อริมฝีปากหายดีแล้ว ก็หันกลับมาใช้ลิปมันแบบธรรมดาแทนซะ

 

overuse008

 

11. ลิปสติกสีแมตต์ชนิดลิควิด

ลิปสติกชนิดนี้มีชื่อเสียงเป็นที่เลื่องลือถึงสีสันที่สดชัดและความติดทนนาน แต่คุณรู้หรือเปล่าว่าส่วนผสมที่ทำให้สีสันติดทนนานนั้น อาจก่อให้เกิดความเสียหายขั้นรุนแรงให้กับริมฝีปากได้ ฉะนั้นถ้าคุณยังใช้อยู่ ก็ควรทำความสะอาดให้ดีโดยใช้น้ำมันมะพร้าว และควรพักริมฝีปากบ้าง อย่างเช่นทาวันนึงก็หยุดพักวันนึง ในวันที่หยุดพักก็อาจใช้ลิปมันชนิดเจือสีแทนก็ได้

 

overuse007

 

12. คอนดิชันเนอร์

การใช้คอนดิชันเนอร์แบบรีบๆ ตั้งแต่โคนจรดปลาย แล้วล้างออกไม่หมดนั้น ก็อาจส่งผลให้เส้นผมของคุณลีบแบน เป็นมันเยิ้ม และอาจทำให้เกิดการตกค้างบนเส้นผมได้ เคล็ดลับในการใช้คอนดิชันเนอร์อย่างปลอดภัยก็คือ หลังจากสระผมเส้นผมเสร็จแล้ว ก็มัดเป็นหางม้าเอาไว้ จากนั้นก็ลงคอนดิชันเนอร์เฉพาะส่วนที่เป็นหางม้า แล้วล้างน้ำออกเป็นเวลา 1 นาทีเต็ม

 

เครดิตภาพ: 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9, 10, 11, 12

12 Beauty Products That Will Make Mondays Easier

 

อย่ามัวเกลือกกลิ้งอยู่บนที่นอนอยู่เลยคุณสาวๆจ๋า รีบตื่นมาใช้ผลิตภัณฑ์เริ่ดๆพวกนี้ซะเถอะ แล้วเช้าวันจันทร์ของคุณจะไม่หม่นหมอง ไม่สิ้นหวัง หรือชวนให้คุณต้องลางานอีกต่อไป

 

1. M.A.C Lipstensity Lipstick สี Toast and Butter ราคา 1,100 บาท

monday009

ลิปสติกสูตรใหม่ทีมีเม็ดสีแน่นมากกกก! แค่ปาดไปครั้งเดียว ริมฝีปากก็ดูสวยฉ่ำขึ้นมาอย่างรวดเร็วแล้ว แถมยังมีส่วนผสมของเชียร์บัตเตอร์ที่ทำให้ริมฝีปากชุ่มชื้นอยู่ตลอดเวลาด้วย มีให้เลือกตั้ง 24 เฉดสีแน่ะ แต่สีที่ขายดีคือสี Toast and Butter ซึ่งเป็นสีพีชอมน้ำตาลอบเชย (ที่เห็นอยู่ตรงกลางสุดนั่นแหละ)

 

2. Bobbi Brown Art Stick Duo ราคา 2,150 บาท

monday001

ลิปสติกรูปแบบดินสอ 2 เฉดสีชมพูระเรื่อ ให้สีสดชัดแบบเนื้อแมตต์ จึงสามารถทำเป็นลิปไลเนอร์ได้ด้วย แถมเวลาที่คุณรีบๆ อย่างในเช้าวันจันทร์ คุณก็สามารถใช้นิ้วเกลี่ยลงบนเปลือกตาหรือโหนกแก้ม เพื่อเพิ่มสีสันให้ดูสดใสแบบเร่งด่วนได้ด้วย

 

3. Guerlain Lingerie De Peau Concealer ราคา 1,580 บาท

monday002

ถ้าในเช้าวันจันทร์คุณไม่มีเวลาลงครีมรองพื้นอย่างเต็มรูปแบบ แต่ไม่อยากเปลือยผิวหน้าให้ใครๆเห็นมากเกินไป เราก็ขอแนะนำให้คุณหาคอนซีลเลอร์หลอดนี้มาใช้ซะ โดยแค่แตะแต้มในบริเวณที่คุณอยากจะปกปิดรอยหมองคล้ำ หรือจุดบกพร่องต่างๆ คอนซีลเลอร์เนื้อบางเบาหลอดนี้ก็จะช่วยปิดบังอำพรางได้อย่างเป็นธรรมชาติมากๆ

 

4. Bobbi Brown Extra Repair Nourishing Milk ราคา 3,650 บาท

monday004

นี่เป็นอะไรที่จะช่วยให้ผิวหน้าในเช้าวันจันทร์ของคุณ ดูอิ่มเอิบสดใสขึ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากมีส่วนผสมของโซเดียมไฮยาลูโรเนท ที่ช่วยดึงดูดความชุ่มชื้นเข้ามาไว้ในผิว แถมเนื้อน้ำนมบางบายังทำให้ผิวรู้สึกอิ่มเอิบและชุ่มชื้นขึ้นได้ทันที ใช้แล้วช่วยให้เครื่องสำอางต่างๆติดทนนานขึ้นมากๆ

 

5. Her Highness Instant Bright Hydrating Tone-Up Cream with Royal Jelly SPF50/UVA UVB PA+++ ราคา 890 บาท

monday006

ถ้าคุณอยากย่นระยะเวลาในการทาครีมในตอนเช้าๆลงล่ะก็ ครีมกระปุกนี้เป็นอะไรที่เหมาะมาก เพราะทาครีมกระปุกนี้กระปุกเดียว ก็ช่วยปรับโทนผิวให้ดูเปล่งปลั่งกระจ่างใส ช่วยฟื้นฟูผิวอย่างล้ำลึก และช่วยปกป้องผิวจากรังสียูวีในแสงแดดด้วยค่า SPF ถึง 50 จึงประหยัดเวลาในการทาครีมไปได้หลายผลิตภัณฑ์เลย แถมถ้าคุณซื้อในช่วงเดือนตุลาคมนี้ Her Highness ก็จะนำเงิน 50 บาทจากการขายผลิตภัณฑ์แต่ละชิ้น ไปช่วยสมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีด้วยนะ

 

6. Dermalogica Charcoal Rescue Maskขนาด75มล. ราคา 2,700 บาท

exfoliation0010

มาส์กหลอดนี้มีส่วนผสมของถ่านขาวบินโจตัน ซึ่งสกัดมาจากไม้โอ๊คอุบาเมะ ที่มีแหล่งกำเนิดในประเทศญี่ปุ่น ที่ช่วยดูดซับสิ่งสกปรก สารพิษ และน้ำมันส่วนเกินออกจากผิว นอกจากนี้ยังมีส่วนผสมของซัลเฟอร์ 5% ที่ช่วยต่อต้านการเกิดสิว ต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย และกระตุ้นการย่อยสลายเคราตินด้วย ฉะนั้นถ้าคุณใช้มาส์กหลอดนี้ในคืนวันอาทิตย์ ก็จะช่วยให้ผิวหน้าของคุณรู้สึกเบาสบาย รวมทั้งยังดูเปล่งปลั่งและโดดเด้งในเช้าวันจันทร์อันน่าเบื่ออีกด้วยนะ!!!

 

7. Bobbi Brown New Long-Wear Liquid Liner ราคา 1,400 บาท

monday008

ถ้าคุณอยากดูสวยพร้อมทำงานในเช้าวันจันทร์อย่างรวดเร็วล่ะก็ แค่กรีดอายไลเนอร์สูตรใหม่นี้ลงไปในบริเวณขอบตาบน อายไลเนอร์ที่ผสมผงมุกแวววาวนี้ ก็จะช่วยทำให้ดวงตาของคุณเปล่งประกายสดใสขึ้นมาทันที ขอบอกว่าพู่กันที่ติดมาในขวดนั้นช่วยให้เขียนอายไลเนอร์ได้ง่ายมากๆ แถมเมื่อแห้งแล้วก็ยังติดทนนานอีกด้วยนะ

 

8. Givenchy Eyebrow Pencil ราคาสอบถามที่เคาน์เตอร์

monday0011

แค่คิ้วสวยได้รูปเพียงอย่างเดียว ก็จะช่วยให้ชีวิตในเช้าวันจันทร์ของคุณเป็นอะไรที่ง่ายขึ้นแล้ว เพียงแต่ต้องมองหาตัวช่วยเริ่ดๆ อย่างดินสอเขียนคิ้วแท่งนี้ ที่มีปลายเรียวแหลม ซึ่งช่วยเก็บรายละเอียดของโค้งคิ้วได้แบบเป๊ะมาก แถมยังมีเม็ดสีแน่นและให้แนื้อสัมผัสเหมือนฝุ่นแป้งหลังทาด้วย

 

9. Majolica Majorca Expander Long Long Long Mascara ราคา 490 บาท

monday0010

มาสคาร่าสูตรใหม่ที่ช่วยเพิ่มความยาวได้ถึงขีดสุด ฉะนั้นสาวๆที่มีขนตาสั้นก็ไม่จำเป็นต้องทุ่มเทหาเทคนิคในการปัดมาสคาร่าให้ขนตาดูยาวเฟื้อยขึ้นอีกต่อไป แค่ปัดธรรมดาๆ ขนตาก็ยาวขึ้นแล้ว แถมยังกันน้ำ เหงื่อ และน้ำมันได้ด้วย แถมยังมีแปรงปัดแบบหวีอันเล็กๆ ที่ปัดได้ง่ายมาก จึงไม่ต้องเสียเวลาปัดมาสคาร่าในตอนเช้าๆอีกต่อไป

 

10. Jill Stuart Relax Fragrance Gloss Spray Mini Size (Limited Edtion) ขนาด 40 กรัม ราคา 550 บาท

monday005

การเดินไปไหนมาไหนโดยมีเส้นผมหอมๆในเช้าวันจันทร์น่ะ นอกจากจะช่วยให้ตัวเองรู้สึกกระฉับกระเฉงขึ้นได้แล้ว ยังทำให้คนรอบข้าง (โดยเฉพาะหนุ่มๆ) รู้สึกกระชุ่มกระชวยขึ้นมาได้เหมือนกัน ฉะนั้นก็อย่าลืมหาสเปรย์ฉีดผมขวดนี้มาใช้ซะ เพราะนอกจากจะทำให้ผมหอมชวนดมแล้ว ยังทำให้เส้นผมดูเป็นเงางามขึ้นด้วยนะ

 

11. Estee Lauder Pink Perfection Color Collection ราคา 2,100 บาท

monday003

เซ็ตเมคอัพพาเล็ตต์และลิปสติกสุดหรูเซ็ตนี้ นอกจากจะช่วยเติมสีสันให้คุณดูเปล่งปลั่งสดใสในเช้าวันจันทร์หรือในเช้าวันไหนๆได้ง่ายๆแล้ว ยังทำให้คุณรู้สึกอิ่มอกอิ่มใจได้อีกต่างหาก เนื่องจาก Estee Lauder จะนำรายได้ส่วนหนึ่งจากการจำหน่ายไปสนับสนุนงานวิจัย ของมูลนิธิศูนย์มะเร็งเต้านม และสถาบันมะเร็งแห่งชาติด้วย

 

12. Kanebo Lunasol Sheer Light Loose Foundation ราคา 1,500 บาท

monday007

ถ้าคุณเหลือเวลาแต่งหน้าในเช้าวันจันทร์เพียงน้อยนิด ชนิดที่ทาแป้งได้เพียงอย่างเดียว เราก็ขอแนะนำให้คุณใช้แป้งฝุ่นตลับนี้ซะ เพราะมีเนื้อสัมผัสที่บางเบาและโปร่งแสง แต่ให้การปกปิดได้เหมือนแป้งผสมรองพื้นเลยนะ ทาแป้งฝุ่นตลับนี้แล้วผิวหน้าดูนวลเนียนขึ้นโดยไม่ต้องทาครีมรองพื้นก่อนเลยด้วย

4 วิธีเรียกความเปล่งปลั่งสดใสกลับคืนมา

คุณสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงอะไรเกี่ยวกับผิวหรือเปล่า? นั่นไม่ใช่ภาพฝันหรอกนะคะ เวลาที่คุณอยู่ในวัย 20 กว่านั้น ความเปลี่ยนแปลงอาจมีแค่เล็กน้อย แต่ถ้าคุณย้อนกลับไปดูรูปใน Facebook ห้าปีให้หลังล่ะก็ คุณก็อาจจะต้องทอดถอนใจ และนี่คือวิธีที่จะช่วยเรียกความเปล่งปลั่งสดใสนั้นกลับคืนมา

1. เติมความชุ่มชื้น

ดูเหมือนว่าผิวที่ขาดน้ำหล่อเลี้ยง ค่าความเป็นกรดด่าง (Ph) ของผิวจะสูงขึ้น ส่งผลให้การทำหน้าที่ปกป้องตัวเองของผิวลดลง ผิวจึงขาดความอิ่มเอิบและความเปล่งปลั่งสดใส ฉะนั้นคุณจึงจำเป็นต้องเติมความชุ่มชื้นให้ผิว เพื่อช่วยให้ผิวมีสุขภาพแข็งแรง จนสามารถทำหน้าที่ต่างๆ ตามกลไกธรรมชาติได้อย่างราบรื่น

 

เราชอบ: La Mer The Moisturizing Soft Lotion ขนาด 50 มล. ราคา 10,900 บาท

ดียังไง?: มอยส์เจอไรเซอร์สูตรใหม่ล่าสุดนี้ มีส่วนผสมของน้ำสกัดเข้มข้น Miracle Broth และส่วนผสมเข้มข้นจากไลม์ที (Lime Tea Concentrate) ที่ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิวรู้สึกชุ่มฉ่ำขึ้นได้ทันที ขอบอกว่าเนื้อสัมผัสนุ่มนวลและเบาบางมาก

2. มอบความเนียนเรียบ

คุณจะมองเห็นความเสียหาย หลังจากโดนรังสียูวีทำร้ายผิวผ่านไป 20 ปี ฉะนั้นผิวที่ไหม้แดดตอนอายุ 7 ขวบ อาจโชว์ให้คุณเห็นเอาตอนอายุ 27 ปี ซึ่งน่าจะมาในรูปของผิวหยาบกร้าน และมีปัญหาเรื่องริ้วรอย ฉะนั้นก็มองหาตัวช่วยดีๆ มาใช้ซะ

 

เราชอบ: DrGL Skin Repair ขนาด 10 มล. ราคา 3,300 บาท

ดียังไง?: มีส่วนผสมของสารสกัดสเต็มเซลล์จากพืช ที่สามารถซ่อมแซมลึกถึงเซลล์ผิว เนื้อเซรั่มเบาบางมาก ซึมซาบลงสุ่ผิวได้อย่างรวดเร็ว ขอบอกว่าเซรั่มขวดนี้ขึ้นชื่อมากในเรื่องการป้องกัน และซ่อมแซมเซลล์ผิวเก่า

3. เติมความแน่นกระชับ

การสูญเสียคอลลาเจนและอีลาสตินจะทำให้ผิวหน้าขาดความแน่นกระชับจนเกิดการหย่อนยานลงมาได้ แต่การใช้มาส์กสูตรใหม่ล่าสุด ที่มีส่วนผสมของ Guarana, Bacchais และ Zerumbet จะช่วยให้คุณมีรูปหน้าที่เรียวลงในระยะเวลาอันรวดเร็ว

 

เราชอบ: Clarins V-Facial intensive Lift Wrap ขนาด 75 มล. ราคา 2,600 บาท

ดียังไง?: มีส่วนผสมจากธรรมชาติอันเลื่องชื่อ “Total V Contouring Power” ที่สามารถจัดการกับน้ำและไขมันส่วนเกินบริเวณใบหน้าได้เริ่ดมากๆ แค่ทาทิ้งไว้ 10 นาที ก็เห็นเลยว่าหน้าดูเรียวลง!

4. ปรับสีผิว

ความเสียหายจากแสงแดดหรือการกินยาคุม จะส่งผลทำให้มองเห็นเส้นเลือดได้ง่าย แถมยังมีโอกาสเสี่ยงที่จะเกิดฝ้าบริเวณหน้าผาก โหนกแก้ม และเหนือริมฝีปากได้มากขึ้นด้วย ถึงแม้ว่าตอนนี้คุณจะไม่ได้กินยาคุมแล้ว แต่ความเสี่ยงที่จะเกิดฝ้าหรือจุดด่างดำก็ยังไม่หมดไป เนื่องจากความผันแปรของฮอร์โมนจากการกินยาคุมจะยังส่งผลต่อไปอีกเป็นปีๆหลังหยุดกินยา จึงควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยยับยั้งเม็ดสีเมลานินซะ

 

เราชอบ: Avene Sensitive White Fluide ขนาด 50 มล. ราคา 1,850 บาท

ดียังไง?: อุดมไปด้วยสาร Polyphenols และ Flavonoids ที่ช่วยควบคุมการเกิดฝ้า และเม็ดสีผิดปกติจากแสงแดด ขอบอกว่าเนื้อฟลูอิดเบาบางมาก ไม่เหลือความเหนอะหนะเอาไว้เลย สาวผิวมันต้องชอบแน่!

เครดิตภาพ: 1