‘Gucci is Back’ เมื่อกุชชี่กลับมาฮอต…

“กุชชี่” (Gucci) แบรนด์เก่าแก่สัญชาติอิตาเลี่ยนที่โด่งดังทั้งเสื้อผ้าและเครื่องหนังมาตั้งแต่ปีค.ศ. 1921 ในฟลอเรนซ์ ก่อตั้งโดยกุซิโอ้ กุชชี่ (Guccio Gucci) เริ่มต้นจากเป็นธุรกิจแบบครอบครัวและมีลูกชาย 3 คนดำเนินธุรกิจต่อ แรกเริ่มทำธุรกิจกระเป๋าและเครื่องหนังหรูหรา จากนั้นก็มีสินค้าอื่นๆ เพิ่มเติมอย่างรองเท้า นาฬิกาและเครื่องใช้อื่นๆ ที่พวกเราคุ้นๆ กันก็อย่างกระเป๋าสะพายตกแต่งด้วยเหล็กคาดปากม้า (Snaffle-Bit) ปีค.ศ.1960, รองเท้าสวมตกแต่งเหล็กคาดปากม้า ออกขายปีค.ศ.1966, กระเป๋าหูหิ้วไม้ไผ่ (Bamboo) ปีค.ศ.1974 และของใช้อื่นๆ ที่ตกกแต่งด้วยโลโก้ G ไขว้

 

Gucci-01

 

และหลังจากธุรกิจสืบต่อมาพร้อมๆ กับความเปลี่ยนแปลงและเรื่องราวฉาวๆ ของคนในครอบครัว ในปี 1994 ธุรกิจได้เปลี่ยนมือมาสู่มือของ โดเมนิโก้ เดอ โซล (Domenico De Sole) ซีอีโอของกุชชี่กรุ๊ปในตอนนั้น ต่อมาทางแบรนด์ได้ว่าจ้างดีไซเนอร์สุดฮอต ทอม ฟอร์ด (Tom Ford) มาดูแลคอลเล็กชั่นเสื้อผ้า Ready-to-Wear ในปี 1990 และโปรโมตขึ้นเป็นครีเอทีฟไดเร็กเตอร์คุมการออกแบบทั้งหมดใน 4 ปีต่อมา การเข้ามาของฟอร์ดทำให้กุชชี่ขายดิบขายดีและปรับโฉมแบรนด์ให้ดูเซ็กซี่ เย้ายวนมากขึ้น หลังทอม ฟอร์ดพลิกโฉมหน้ากุชชี่ให้เป็นสาวสุดแซ่บได้ 14 ปี ก็ถึงเวลาโบกมือบ๊ายบายกันไปในปี 2004 โดยคอลเล็กชั่นฤดูใบไม้ผลิปีนั้นเป็นคอลเล็กชั่นหนึ่งที่ขายดิบขายดีสุดๆ ปีต่อมา ได้ดีไซเนอร์และครีเอทีฟไดเร็กเตอร์คนใหม่คือฟรีด้า เจียนนินี่ (Frida Giannini) ซึ่งทำงานกับกุชชี่มาตั้งแต่ปี 2002 แล้ว ฟรีด้ามาปรับลุคให้สาวๆ กุชชี่ลดความเย้ายวน เปิดเผยกลายมาเป็นสาวเจ็ตเซ็ตสวยหรู หลังร่วมงานกันเป็นเวาลา 9 ปี ฟรีด้าก็เอ่ยปากอำลากุชชี่ในเดือนธันวาคม 2014 และมีการคาดเดาและสงสัยกันว่าแล้วใครกันนะจะมาดำรงตำแหน่งหัวหอกสำคัญของแบรนด์ที่กระแสเริ่มแผ่วลง

 

Gucci-02

Gucci แบบ Tom Ford

 

Gucci-03

Gucci แบบ Frida Giannini

 

แล้วอัศวินม้าขาวก็มาถึง หลังคอลเล็กชั่น Ready-to-Wear Fall/Winter 2015 ที่มิลานตอนต้นปี 2015 จบลง มีแต่คนสงสัยและอยากรู้จักกับดีไซเนอร์ผู้ออกแบบเสื้อผ้าคอลเล็กชั่นนี้ แล้วชื่อของ อเลสซานโดร มิเชลลี่ (Alessandro Michelle) ก็ถูกเอ่ยออกมาว่าเป็นคนดีไซน์เสื้อผ้าที่ทุกคนฮือฮาและจับจ้อง เนื่องจากสไตล์ของเสื้อผ้าที่ผสมผสานกันระหว่างความเท่ของชายหนุ่ม กับความอ่อนหวานของหญิงสาว ไม่มีการแบ่งแยกเพศสภาพชัดเจนนัก และมีการเดินโชว์ผสมกันระหว่างนางแบบกับนายแบบซึ่งแตกต่างจากโชว์เดิมๆ ของกุชชี่ สไตล์เสื้อผ้าของฤดูใบไม้ร่วง-ฤดูหนาว 2015-2016 เลือกให้นางแบบสวมใส่สูท ส่วนนายแบบเลือกใส่เสื้อผูกโบหรือเสื้อผ้าลูกไม้ที่มีกลิ่นอายย้อนยุคสลับกัน

 

Gucci-05

Gucci-06

Gucci-04

 

แล้วอเลสซานโดร มิเชลลี่คือใคร?

 

จริงๆ แล้วเขาทำงานในกุชชี่มาเป็นเวลา 12 ปีแล้วแต่งานแรกเขาทำกับเฟนดิ (Fendi) ในตำแหน่ง Senior Accessories Designer แล้วจึงย้ายมาที่กุชชี่เมื่อปี 2002 หลังถูกชักชวนจากทอม ฟอร์ด ด้วยความที่มิเชลลี่เป็นดีไซเนอร์เอ็กเซสซอรี่มาก่อนทำให้เขาสนใจ และให้ความสำคัญกับบรรดาข้าวของเครื่องประดับมากๆ ก่อนหน้ามารับตำแหน่งมือหนึ่งของแบรนด์ เขาช่วยให้กุชชี่ทำกำไรจากการขายเครื่องหนัง เพราะแบรนด์เนมดังๆ ต่างอยู่ได้จากรายได้ของสิ่งเหล่านี้ หลังจากผู้คนสงสัยว่าใครคือคนที่ดีไซน์ หลังจากโชว์ 2 วันก็เปิดตัวว่าเขาคือผู้ออกแบบคอลเล็กชั่นพลิกประวัติศาสตร์ที่ทำให้แวดวงแฟชั่นฮือฮา จากนั้นทุกสายตาของแฟชั่นนิสต้าต่างคาดเดาและฟันธงว่าไอเท็มทุกชิ้นต้องเป็นของฮอต และมิเชลลี่ก็ทำสำเร็จ สไตล์ผสมผสานของเขาให้ความรู้สึกเซนชวลไม่ได้เซ็กซี่ เป็นแบบเรโทรยุคหลุยส์ที่ 13 แหวนวงโตๆ เสื้อฮู้ดใส่กับสูทลายดอก เสื้อผ้าโปร่งบาวพลิ้วกับกระโปรงหนังสีสดที่ไม่เหมือนใคร เหมือนที่เราเห็นในหนังของ Wes Anderson ทำให้มีแต่คนจับจ้องสิ่งที่เขาจะดีไซน์ออกมาในซีซั่นต่อไปว่าจะเป็นยังไง?

 

Gucci-12

Gucci-11

Gucci-10

 

นับว่ามิเชลลี่เหมือนคุณหมอที่มากระตุ้นปลุกชีพจรของแบรนด์อิตาลีแบรนด์นี้ที่เกือบจะอ่อนแรงให้กลับมาเต้นแรงเต้นเร็วกระชุ่มกระชวยได้อีกครั้ง ไอเท็มต่างๆ ที่เขาออกแบบต่างเป็น Must-Have ทั้งกระเป๋า รองเท้าและเอ็กเซสซอรี่อื่นๆ ต่างกลายเป็น IT Items ที่ทุกคนอยากเป็นเจ้าของ เพราะเขาไม่ใช่แค่ดีไซน์ให้ตื่นตาแต่เขาทำให้โดนใจทุกคนที่พบเห็นและใช้ได้จริงต่างหาก นั่นคือสิ่งที่มิเชลลี่ทำให้เราเห็นและสัมผัสได้ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเขาจึงเป็นหนึ่งในดีไซเนอร์ที่ใช่ในตอนนี้! และเขายังมีเหล่าดารา นักร้องและนางแบบที่ติดใจผลงานจนกลายมาเป็นลูกค้าไปแล้วอย่างจอร์เจีย เมย์ แจ็กเกอร์ (Georgia May Jagger) ฟลอรเนซ์ แอนด์ เดอะ แมชชีน (Florence and The Machine) ลูปิต้า ยงโง (Lupita Nyong’o) และจาเรด เลโต้ (Jared Leto)

 

Gucci-13

 

แต่เขาก็มีแรงกดดันไม่น้อยเพราะต้องทำโชว์ให้ดีไม่มีตกและยังต้องทำให้ยอดขายไปได้ดีเช่นกัน “Great Power Comes Great Responsibility” เอาใจช่วยเขาต่อไปค่ะ

 

 

เรื่อง: ลลิดา สันพินิจสุนทร

 

(เครดิตภาพ: style.astroawani.com; www.telegraph.co.uk; fashionista.com; www.nytimes.com; www.papermag.com; weirdent.com; www.zimbio.com; variety.com; www.pinterest.com; luxurylaunches.com; www.gucci.com; milandesignagenda.com; www.hollywooddreporter.com; i-d.vice.com; www.thefashionlaw.com; fashionweekdaily.com; ikifashion.com; www.thefashionspot.com; www.popsugar.com; www.purseblog.com; theboyandthebag.com; www.bragmybag.com; www.guccimuseo.com; www.hitthefloor.com; fashionsizzle.com; www.franciscolachowski.com; in.pinterest.com)