กาแฟเป็นมากกว่าเครื่องดื่มช่วยเพิ่มพลังความสดใสประจำวัน

กลายเป็นภาพที่ดูชินตาของทุกเช้าไปซะแล้วล่ะค่ะ ได้เห็นแต่คนทำงานมีกาแฟร้อนควันพุ่งอยู่ในมือ เดินเข้าออฟฟิศแบบสวยๆ ถัดไปอีกหน่อยมีคู่รักเดินคุยกันส่งตาหวานยิ่งกว่าไซรัปในถ้วยกาแฟ สาวแฟชั่นแต่งตัวจัดประคองกาแฟในมือราวกับเป็นเครื่องประดับซีซั่นใหม่

 

celebrity-coffee-story-2

celebrity-coffee-story-3

 

หรือจะเรียกได้ว่าการดื่มกาแฟกลายเป็นไลฟ์สไตล์ที่ดูแนบเนียน ใช่ ! นี่คือวัฒนธรรมทางการดื่มชัดๆ  ดื่มได้อย่างไม่ต้องใช้เหตุผล เข้าร้านกาแฟเป็นเรื่องปกติของชีวิต เช้า สาย บ่าย ค่ำ นัดเจอนัดเม้าส์ก็เลือกร้านที่ดูเก๋มีคอนเซ็ปต์ เพิ่มอรรถรสได้อย่างไม่น่าเชื่อ

นอกจากความพึงพอใจในกลิ่น รสชาติ และความรู้สึกตื่นตัวนั้น คุณได้อะไรจากการดื่มกาแฟอีกบ้าง สิ่งที่ได้อาจไม่ใช่ผลดีเพียงอย่างเดียว หากไม่รู้จักควบคุมปริมาณการดื่มให้เหมาะสม แน่นอนว่าคุณอาจได้รับผลอันไม่พึงปรารถนาจากการดื่มกาแฟไปด้วย เพราะกาแฟมีสารที่เรียกว่า ‘คาเฟอีน’ เป็นองค์ประกอบสำคัญนั้น มีผลต่อร่างกายและอารมณ์ความรู้สึก

 

 

ปริมาณของคาเฟอีนที่มีผลต่อร่างกายและอารมณ์ คาเฟอีนขนาดต่ำ (50-200 มก.)  จะกระตุ้นให้ร่างกายตื่นตัว กระปรี้กระเปร่า สดชื่น ไม่ง่วงนอน คาเฟอีนขนาดปานกลาง (200-500 มก.)  อาจทำให้ปวดศีรษะ เครียด กระวนกระวาย มือสั่น นอนไม่หลับ คาเฟอีนขนาดสูง (1,000 มก.) จะเริ่มทำให้เกิดคาเฟอีนเป็นพิษ (Caffeinism) ซึ่งจะมีอาการกระสับกระส่ายอยู่นิ่งไม่ได้ หัวใจเต้นเร็ว คลื่นไส้ เบื่ออาหาร ปัสสาวะบ่อย

การเปลี่ยนแปลงของร่างกายและอารมณ์หลังจากดื่มกาแฟ คาเฟอีนในกาแฟถูกดูดซึมได้หมดและค่อนข้างเร็วในระบบทางเดินอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งขณะท้องว่างการดูดซึมจะยิ่งเร็วขึ้น ภายหลังจากการดื่มกาแฟ 30-60 นาที ความเข้มข้นของคาเฟอีนในเลือดจะขึ้นสู่ระดับสูงสุด และหลังจากคาเฟอีนถูกดูดซึม จะกระจายตัวไปตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะอวัยวะที่มีเลือดไปเลี้ยงมาก เช่น หัวใจ ตับ ไต และสมอง นอกจากนี้ คาเฟอีนยังสามารถกระจายสู่รกและน้ำนมได้บ้างประมาณร้อยละ 0.06 การขับคาเฟอีนออกจากร่างกายจะแตกต่างกันในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับอายุและสภาพร่างกาย โดยทั่วไปแล้ว ผู้ใหญ่จะใช้เวลา 5-6 ชั่วโมงในการขับคาเฟอีนปริมาณครึ่งหนึ่งที่ได้รับออกจากร่างกาย

 

coffee-story-1

 

ดื่มกาแฟอย่างไรให้เกิดประโยชน์มากที่สุด และเกิดผลเสียน้อยที่สุด

1.ควรสังเกตว่าตัวคุณเอง มีความไวของการตอบสนองต่อปริมาณกาแฟกี่ถ้วย มีอาการอย่างไรบ้าง เพื่อหาปริมาณที่เหมาะสมสำหรับตัวเอง

2.หากมีอาการนอนหลับยาก ควรหลีกเลี่ยงการดื่มกาแฟในช่วงบ่ายหรือช่วงหัวค่ำ

3.ไม่ควรดื่มกาแฟขณะท้องว่าง เนื่องจากคาเฟอีนเร่งการหลั่งกรดในกระเพาะอาหาร

4.ไม่ควรดื่มกาแฟเพื่อหักโหมทำงาน และอดนอนติดต่อกันหลายๆ คืน แม้ว่าคาเฟอีนช่วยให้ร่างกายตื่นตัวจริง แต่สมองต้องการเวลาพักผ่อนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการรับรู้

5.หากคุณเป็นผู้ที่ดื่มกาแฟเป็นประจำ ควรกินอาหารที่เป็นแหล่งของแคลเซียมเพิ่มเติม เช่น นม โยเกิร์ต ปลาเล็กปลาน้อย คะน้า บรอกโคลี เป็นต้น เพื่อทดแทน แคลเซียมที่สูญเสียไปกับปัสสาวะ และลดความเสี่ยงต่อโรคกระดูกพรุน หรืออาจปรับเปลี่ยนโดยการชงกาแฟใส่นมแทนครีมเทียม เป็นต้น

6.เนื่องจากในกระบวนการคั่วเมล็ดกาแฟจะมีอนุมูลอิสระเกิดขึ้น ดังนั้นการหมั่นรับประทานผักผลไม้อยู่เป็นประจำ ร่างกายก็จะได้รับวิตามินซี วิตามินอี และเบต้าแคโรทีนในผักผลไม้ เช่น มะเขือเทศ แครอท ผักใบเขียว ฝรั่ง ส้มเขียวหวาน เป็นต้น จะช่วยกำจัดอนุมูลอิสระที่ไม่มีประโยชน์ออกจากร่างกายได้

7.ดื่มน้ำสะอาดมากๆ เพื่อชดเชยการสูญเสียน้ำจากฤทธิ์ในการขับปัสสาวะของคาเฟอีน

ข้อมูล : หมอชาวบ้าน

 

coffee-story-3

coffee-story-6

 

20 ข้อดีที่ได้จากการดื่มกาแฟ

1.ลดอัตราเสี่ยงโรคหัวใจในผู้หญิง 25%

2.ลดอัตราเสี่ยงการเป็นเบาหวาน 60%

3.ชะลอภาวะความจำเสื่อม 65%

4.ลดอัตราเสี่ยงโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ 50%

5.ลดอัตราเสี่ยงโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก

6.ลดอัตราเสี่ยงการเป็นอัลไซเมอร์ 65%

7.ลดอัตราเสี่ยงการเป็นตับแข็ง 80%

8.ลดอัตราเสี่ยงการเป็นนิ่วในถุงน้ำดี 50%

9.ลดอัตราเสี่ยงการเกิดอุดตันเส้นเลือดในผู้หญิง 43%

10.ลดอัตราเสี่ยงการเกิดอาการสั่นของอวัยวะจากระบบประสาท

11.ลดอัตราเสี่ยงการฆ่าตัวตายในผู้หญิง 60%

12.มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง

13.ช่วยให้เรารู้สึกไม่ง่วง และตื่นตัว

14.ช่วยลดความรู้สึกหนาว

15.ลดการเกิดโรคหืด

16.ลดอาการปวดหัว

17.บรรเทาอาการปวด

18.ช่วยทำให้อารมณ์แจ่มใสขึ้น

19.ช่วยทำให้ความสามารถทางการกีฬาสูงขึ้น

20.ป้องกันฝันผุ (ในกาแฟมีสารชื่อว่า Trigonelline เป็นสารที่ทำให้กาแฟมีกลิ่นหอม และรสขม มีประสิทธิภาพช่วยป้องกันและการก่อตัวของแบคทีเรีย)

ข้อมูล : Oknation

เครดิตภาพ : 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9, 10, 11, 12