เก๋ ง่าย อร่อย “Wagu Yakiniku with Kimchi Soup”

***พิเศษสุดสำหรับแฟนเพจเฟสบุ๊คและ Website ของ The Editors Society เมื่อช้อปปิ้งผลิตภัณฑ์ของ Passion Dilivery ผ่านทาง Website ของ The Editors Society จะได้ส่วนลด  200 บาท (สำหรับการช้อปขั้นต่ำ 1,000 บาทจากการสั่งของครั้งแรก) เพียงใส่ code PDEDITOR ในช่องลดราคาก่อนเซ็คเอ้าท์จาก Website Passion Delivery***

 

มีเสียงมาจากท่านผู้อ่านบางท่านว่า “ที่บอกว่าง่ายๆ น่ะ ไม่เห็นง่ายจริง”

 

เอ้า! มา! คราวนี้เลยลดระดับความง่ายลงมาอีกหลายขีด สลับกันไปบ้างเอาใจทุกๆท่านค่ะ เมนูนี้ใช้ Thai Wagu Beef สั่งจาก Passion Delivery ราคาเบาๆสบายกระเป๋า เค้าตัดเป็นแผ่นบางกำลังเหมาะมาให้เลยค่ะ แบบนี้ ขนาดทานได้ 2-3 คนค่ะ

 

wagu001

 

เวลาทานปิ้งย่างให้อร่อยน่าจะปิ้งไปทานไป มีเรื่องให้คุยกันไป ส่วนซุปนั้นทำไว้ล่วงหน้าได้ค่ะ แค่เอามาอุ่นให้ร้อน ทานไปด้วยกัน มีอะไรร้อนๆซดคล่องคอ อากาศเริ่มเย็นลงแบบนี้ เหมาะนักเลย

 

พร้อมแล้ว มะ! เริ่มกัน ทำซุปไว้ก่อนนะคะ

 

 

ซุปกิมจิ จักรพรรดิ (ตั้งชื่อหรูหราไว้ก่อน ^_^ เราใส่ของดีๆหลายอย่างน้อ..) สำหรับ 2-3 คน

ปีกไก่ 4-5 ชิ้น

ไส้กรอกเผ็ด Chorizo 2-3 ชิ้น (Passion Delivery)

หัวไชเท้า หั่นชิ้นหนา

กิมจิ (ตามชอบ)

เต้าหู้ไข่ (ตามชอบ)

 

 

วิธีทำ

ต้มปีกไก่ กับน้ำเปล่า หรือน้ำซุปไก่ (ถ้ามี) เติมไส้กรอกChorizo ที่หั่นชิ้นหนาๆลงไปต้มด้วยกัน ตักฟองทิ้งไป ปีกไก่ทำให้น้ำซุปมีความหวาน ส่วนไส้กรอก ให้รสเผ็ด และให้น้ำซุปมีรสชาติดีขึ้น

 

ตักฟองแล้วเติมหัวไชเท้าที่หั่นชิ้นหนาลงไปต้มด้วยกันจนหัวไชเท้าเป็นสีใส เติมผักกิมจิ เลือกเจ้าที่เราชอบ ปริมาณที่ใส่ก็แล้วแต่คนรับประทาน ว่าจะชอบเข้มข้นขนาดไหน จากนั้นเติมเต้าหู้ไข่ ชิมปรุงรส อ่อนรสใด ก็เติมรสนั้น ในรูปนั้นใส่ปลาหมึกยักษ์ญี่ปุ่นที่ต้มแล้ว มีขายตามซุปเปอร์มาร์เก็ตที่ใหญ่หน่อย ใส่ก็ได้ไม่ใส่ก็ไม่ขาดรสสำคัญแต่อย่างใด ผักคึ่นไช่ที่โรยหน้านั้น เป็นความชอบส่วนตัวของคนทำ ใครไม่ชอบก็ไม่ต้องใส่

 

wagu004

 

 

จากนั้นก็เรียกสมาชิกมาให้พร้อมหน้า เตรียมลงมือปิ้งย่างเนื้อกัน (คนที่จะต้องกินอยู่คนเดียวไม่ต้องน้อยใจนะคะ ปิ้งเองกินเองบางทีอร่อยกว่า ปวดหัวน้อยกว่าต้องตามเรียกสมาชิกให้มาให้ครบเสียด้วยซ้ำนะคะ)

 

บางคนชอบหมักเนื้อไว้ก่อน บางคนก็ย่างแล้วค่อยมาใส่ซอส อันนี้ก็แล้วแต่ความชอบ ความถนัดของแต่ละคน มีข้อควรทราบอย่างเดียวเท่านั้นว่า อย่าใส่เกลือลงบนเนื้อแล้วหมักทิ้งไว้นานๆ เพราะเกลือจะดูดน้ำออกจากเนื้อ ทำให้เนื้อแห้ง เอามาปรุงแบบไหนก็ไม่อร่อยทั้งสิ้น (ยกเว้นเนื้อแดดเดียว ที่เราอยากให้เนื้อแห้ง) ก่อนย่างเนื้อ เราก็โรยเกลือ พริกไทยเสียตอนนั้น (ใช้กระทะก็ได้ค่ะสำหรับเนื้อชิ้นเล็กๆแบบนี้ โดยทาน้ำมันบางๆแค่พอเคลือบผิวกระทะ) ย่างไฟกลางค่อนข้างแรง กลับข้างแป๊บเดียว เดี๋ยวก็ใช้ได้แล้ว ลองทานแบบที่ไม่ย่างนานจนเนื้อสุกมากนะคะ เนื้อจะยังคงรสชาติดีเอาไว้ และไม่เหนียวค่ะ จากนั้นก็จิ้มน้ำจิ้มญี่ปุ่น ที่มีขายสำเร็จรูปทั่วไป เลือกเอายี่ห้อที่เราชอบ จะเป็นของไทยทำ ของนอกนำเข้า หรือจะเป็นน้ำจิ้มแจ่วรสแซ่บ ใครจะมาว่าอะไรเราได้

 

wagu002

 

เลือกจานชามสวยๆ ที่เก็บไว้โอกาสพิเศษออกมาใช้เสียเลย จะนั่งล้อมวงรับประทาน หรือจะสบตากันสองคน หรือจะนั่งกินคนเดียวแบบสุขใจว่าได้ทำอะไรดีๆให้ตัวเอง ได้ทั้งนั้น

 

ง่ายกว่านี้คงต้องไปซื้อเซเว่น แต่ความอร่อยเขาคงสู้เราไม่ได้แน่ๆ!

Cheese Soufflé

 

***พิเศษสุดสำหรับแฟนเพจเฟสบุ๊คและ Website ของ The Editors Society เมื่อช้อปปิ้งผลิตภัณฑ์ของ Passion Dilivery ผ่านทาง Website ของ The Editors Society จะได้ส่วนลด  200 บาท (สำหรับการช้อปขั้นต่ำ 1,000 บาทจากการสั่งของครั้งแรก) เพียงใส่ code PDEDITOR ในช่องลดราคาก่อนเซ็คเอ้าท์จาก Website Passion Delivery***

 

เริ่มๆคิดเริ่มๆซ้อมทำอาหารสักอย่างสองอย่าง ไว้สำหรับปาร์ตี้ปลายปีนี้กันเถอะค่ะ

 

เอาสูตรทำขนมที่อร่อยมาก ดูดี น่าประทับใจ แต่ทำได้ไม่ยากมาฝากค่ะ

 

ที่ว่าดีสำหรับการจัดงานเลี้ยง ก็เพราะบางส่วนสามรถเตรียมไว้ล่วงหน้าได้ มาประกอบร่างตอนไกล้ๆจะเสิร์ฟ ใช้เวลาอบแค่แป๊บเดียวก็เสริฟได้แล้ว เป็นขนมที่สนุก (ลุ้น) กันตั้งแต่ตอนทำ และสนุกสำหรับผู้รับประทานที่ต้องรับประทานเดี๋ยวนั้นก่อนที่มันจะยุบตัวแฟบลง

 

เห็นหน้าตาแบบนี้อย่ากลัวไปก่อนว่าจะยาก ถ้าคนไม่เคยเข้าครัวและหยิบหย่งอย่างคุณหนูอลิน (จากสูตรเสน่หาที่ช่อง ๓ เอามาฉาย) ทำได้ เราก็ทำได้ค่ะ!

 

cheesesouffle002

 

สมัยเป็นนักเรียน ที่ Le Cordon Bleu สูตรทำ ชีส ซูฟเฟล่ นี้เป็นสูตรที่สอนในขั้นพื้นฐาน ในชั้นเรียนแรกๆเสียด้วยซ้ำ ตอนที่เชฟทำมาให้ชิมในห้องเรียน ก็อื้อหือ ว่าอร่อยกันใหญ่ แต่เนื่องจากเชฟที่โรงเรียนใช้ Quark Cheese ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา หาซื้อไม่ได้ จึงยังไม่ได้ลองทำ มาบัดนี้ เห็นว่า Website Passion Delivery  นำเข้าชีสตัวนี้ ดีใจมาก รีบลองทำดูบ้าง ได้ผลถูกใจ จึงจะมาชักชวนให้ลองทำกันนะคะ

 

เครื่องปรุง

– นม ๑๐๕ กรัม

– ไข่แดง ฟอง

– น้ำตาล ๒๕ กรัม (แบ่งเป็น ๒ ส่วน)

– แป้งข้าวโพด ๑๕ กรัม

– ชีส (Quark cheese) ๑๐๐ กรัม

– ไข่ขาว ๗๐ กรัม

– น้ำตาล ๒๕ กรัม

 

วิธีเตรียมพิมพ์

ใช้ถ้วยเซรามิคแบบในรูป ทาเนย (ที่วางไว้ในอุณหภูมิห้องจนนุ่ม) ด้วยแปรง (ปัดตั้งขึ้น้นทางเดียวกัน) แล้วแช่ตู้เย็นไว้ จนเนยเซ็ทตัว เอาออกมาทำซ้ำอีกครั้ง ใส่กลับไปในตู้เย็น จากนั้นจึงนำมาใส่น้ำตาล แล้วหมุนถ้วยไปรอบๆให้น้ำตาลเกาะทั่วดี เคาะส่วนที่เกินออก พักไว้ในตู้เย็น

 

วิธีทำ

อุ่นเตาอบไว้ที่ ๑๖๐ องศาเซลเซียส

ร่อนแป้งข้าวโพดลงในชามที่มี ไข่แดง กับน้ำตาล ครึ่งหนึ่ง ใช้ตะกร้อมือตีจนขึ้นฟูขาวนวล ระหว่างนั้นต้มนมจนเดือด

แล้วเอานมร้อนนั้นค่อยๆรินลงในชามไข่ (ใช้ตะกร้อมือตีส่วนผสมไข่ ให้ผสมกับนมทีละน้อย อยู่ตลอดเวลา)

เอากลับไปตั้งไฟ จนเดือดปุดๆ (ถ้ามีเทอร์โมมิเตอร์ ก็วัดให้ได้ ๘๒๘๕ องศาเซลเซียส)

จากนั้นให้เทลงชาม ใช้ตะกร้อมือตีต่อให้หายร้อน

ระหว่างนั้น ทำเมอแร็ง โดยตีไข่ขาวกับเครื่อง ปริมาณตามสูตร โดยเริ่มจากช้าก่อน ค่อยๆใส่น้ำตาลทีละน้อย จนไข่ขาวตั้งยอดอ่อน (soft peak)

นำไข่ขาวครึงหนึ่งตะล่อมลงในไข่แดงที่อุ่นๆ ใช้พายยางค่อยๆตะล่อม จนเข้ากันดี แล้วจึงใส่ไข่ขาวที่เหลือ ตะล่อมให้เข้ากันอีกครั้ง จากนั้นให้ยีแรงๆเป็นครั้งสุดท้าย

ใส่ถุงบีบ หัวบีบเบอร์ ๑๐ หรือ ๑๖ แล้วบีบลงไปตรงๆใส่ถ้วยกระเบื้อง ใช้ paletta หรือสันมีดปาดผิวหน้าให้เรียบ เอานิ้วเช็ดขอบวนไปรอบๆ ให้เกิดข่องว่างระหว่างเนื้อส่วนผสม กับขอบถ้วย

โรยน้ำตาลไอซิ่งเพียงเล็กน้อย แล้วเข้าเตาอบ เวลา ๘๙ นาที กลับถาด เพิ่มเวลาไปอีก ๒ นาที

เอาออกจากเตา แล้วรีบเสิร์ฟทันที เพราะซูเฟล่ จะยุบอย่างรวดเร็วเมื่อออกจากเตา

 

ลองทำดูสักครั้ง สองครั้งก็ทำได้แล้วค่ะ

ขอให้สนุกกับการทำ และรับประทานซูเฟล่นี้นะคะ