ตามที่รัฐบาลมีนโยบายพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางทางการแพทย์นานาชาติ หรือ Medical Hub เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจในอนาคตและยกระดับคุณภาพบริการด้านสาธารณสุขและสุขภาพของประชาชน รวมไปถึงการมุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางสุขภาพในระดับสากลนั้น ปัจจุบันมีการขยายนโยบายดังกล่าวให้ครอบคลุมถึงการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์และสุขภาพ (Medical and Wellness Tourism) ถือเป็นโอกาสอันดีในการยกระดับด้านการท่องเที่ยวผสมผสานกับด้านการแพทย์ ซึ่งเป็นจุดเด่นและข้อได้เปรียบของประเทศไทย
สอดคล้องกับข้อมูลการจัดอันดับของ Global Wellness Institute รายงานว่าอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของประเทศไทยติดอันดับ 13 ของโลก สามารถสร้างรายได้มากกว่า 9.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่ The International Healthcare Research Center (IHRC) ระบุว่า อุตสาหกรรมท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ของประเทศไทยติดอันดับ 6 ของโลก โดยมีจำนวนนักท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ร้อยละ 38 ของจำนวนนักท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ในภูมิภาคเอเชียทั้งหมด และตลาดมีแนวโน้มเติบโตราวร้อยละ 14 ต่อปี
(จากซ้าย-ขวา) วรสิทธิ์ โภคาชัยพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน), เภสัชกรหญิงอาทิรัตน์ จารุกิจพิพัฒน์ ผู้อำนวยการด้านบริหาร (CEO) โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์, วิลเลี่ยม อี. ไฮเน็ค ผู้ก่อตั้ง และประธานกรรมการ บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน)
ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ปักธงผู้นำด้าน Medical & Wellness Tourism ชูบริการใหม่ ไวทัลไลฟ์ @บางกระเจ้า ผนึกความร่วมมือกับมั่นคงเคหะการและไมเนอร์ เปิดตัวโครงการ ‘RAKxa’ ‘รักษ’ ศูนย์บูรณาการสุขภาพและการแพทย์แบบองค์รวมแห่งแรกในเอเชีย และเป็นที่หนึ่งระดับ World-Class Medical Wellness Destination
เภสัชกรหญิงอาทิรัตน์ จารุกิจพิพัฒน์ ผู้อำนวยการด้านบริหาร (CEO) โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ เปิดเผยว่า “การร่วมผนึกกำลังครั้งสำคัญของศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ในด้าน Medical &Wellness Tourism Hub ที่ร่วมกับ บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ในครั้งนี้ ถือเป็นอีกก้าวของความสำเร็จในการริเริ่มโครงการขนาดใหญ่ระดับประเทศ ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือจากพันธมิตรที่ดีเยี่ยม และมีวิสัยทัศน์การดำเนินงานในทิศทางเดียวกันเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์และสุขภาพของไทยสู่ระดับสากล ซึ่งก็สอดคล้องกับนโยบายระดับประเทศ ที่ต้องการยกระดับให้ไทยกลายเป็น Medical & Wellness Resort of the World ซึ่งศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์ ในเครือของโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยผลักดันให้ประเทศก้าวสู่จุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์และสุขภาพในระดับโลก”
ด้วยประสบการณ์การดำเนินการมา 20 ปี ของศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์ ซึ่งเป็นศูนย์ดูแลสุขภาพและเวชศาสตร์ชะลอวัยแห่งแรกในภูมิภาคเอเชีย เรามุ่งมั่นและยึดถือในการส่งมอบการส่งเสริมสุขภาพเชิงป้องกัน ด้วยหลัก 3 ประการ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของไวทัลไลฟ์ 1. TOTAL PERSONALIZATION การดูแลสุขภาพโดยออกแบบโปรแกรมเฉพาะบุคคล ซึ่งการออกแบบเฉพาะบุคคล เพื่อความแม่นยำในการดูแลรักษาและฟื้นฟูสุขภาพที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล เนื่องจากแต่ละคนมีพันธุกรรม มีสภาพร่างกาย รวมถึงไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกัน 2.SCIENTIFIC BASED การยึดหลักทางวิทยาศาสตร์ที่สามารถพิสูจน์ได้ อธิบายถึงที่มาที่ไปได้ มีเหตุผลรองรับ ซึ่งถือเป็นจุดเด่นของเราในเรื่องของกระบวนการรักษา และการดูแลสุขภาพ และ 3. TRUSTWORTHY PARTNERSHIP เป็นพันธมิตรที่วางใจได้ ไวทัลไลฟ์เรามีการดูแลอย่างใกล้ชิดและอยู่เคียงข้างเสมือนเป็นพันธมิตรสร้างสัมพันธ์อันดีต่อผู้มาใช้บริการด้วยความเท่าเทียมกัน และทำงานด้วยความโปร่งใส สามารถไว้วางใจได้ พร้อมมีทีมที่คอยให้คำปรึกษาแนะนำในการใช้ชีวิตประจำวัน เพื่อเป้าหมายของการมีสุขภาพที่ดี
เภสัชกรหญิงอาทิรัตน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “และด้วยองค์ประกอบ 3 ประการ ที่มีความโดดเด่นของไวทัลไลฟ์นี้ เราจึงได้นำมาพัฒนาต่อยอดเพื่อสร้างความแตกต่าง ภายใต้ชื่อบริการใหม่ว่า “ไวทัลไลฟ์ @บางกระเจ้า” เพื่อให้เป็น Medical & Wellness Retreat ที่พร้อมให้บริการเป็นแห่งแรกในประเทศไทย ด้วยการมอบการบริการที่ผสมผสานระหว่างการแพทย์ตะวันออกและแพทย์ตะวันตก รวมถึงผสมผสานระหว่าง Medical และ Lifestyle Modification เข้าด้วยกันอย่างลงตัว”
ด้านของการให้บริการ นพ. นรินทร สุรสินธน ผู้อำนวยการด้านการแพทย์ ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์ บางกระเจ้า และผู้อำนวยการด้านปฏิบัติการ ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์ อธิบายว่า การดูแลสุขภาพแบบองค์รวมของไวทัลไลฟ์ @บางกระเจ้าที่โครงการรักษ (อ่านว่า รัก-ษะ) นั้นมีความแตกต่างจากแห่งอื่นๆ เนื่องจากเราได้ออกแบบการดูแลสุขภาพแบบ Personalize หรือเฉพาะรายบุคคล ด้วยการตรวจพันธุกรรมแล้วนำมาวิเคราะห์โปรแกรมที่ตรงกับผู้เข้าพัก พร้อมมี Lifestyle Coaching คอยให้คำปรึกแนะนำแนวทางในการปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี ทั้งในเรื่องของอาหาร การออกกำลังกาย และพฤติกรรมการใช้ชีวิตอย่างเหมาะสม
โดยขอเปรียบเทียบสุขภาพของมนุษย์เรากับต้นไม้ เริ่มจากทุกคนจะมีเมล็ดพันธุ์ของตัวเอง และมีพันธุกรรมที่แตกต่างกัน บางคนมีพันธุ์ของโรคต่างๆ บางคนมีพันธุ์ของโรคมะเร็ง โรคเบาหวาน โรคไขมัน โรคหัวใจ ซึ่งส่วนนี้จะอยู่ในพันธุกรรมอยู่แล้ว และเราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ซึ่งจากเมล็ดพันธุ์เหล่านี้ กว่าจะเติบโตขึ้นมานั้น จำเป็นจะต้องมีน้ำ มีดิน มีปุ๋ย ที่ใส่เติมเข้าไป เปรียบได้กับร่างกายของเรา สิ่งที่เราเติมเข้าไป มี 2 ส่วน คือ Lifestyle factor และ External factor
ในส่วน Lifestyle factor ก็คือเรื่องของอาหาร สารอาหาร หรือวิตามินต่างๆ ที่ทานเข้าไป การออกกำลังกาย การพักผ่อนนอนหลับที่เหมาะสม การจัดการกับความเครียด ซึ่งก็เปรียบเหมือนปุ๋ย ที่จะใส่เข้าไปในเมล็ดพันธุ์ และอีกด้านหนึ่งก็คือ External factor เปรียบได้กับ ดิน น้ำ ที่อาจมีสารพิษปะปน มีโลหะหนัก มี PM 2.5 หรือแม้กระทั่งโรคระบาด อย่างโรคโควิด-19 ก็ถือเป็นปัจจัยภายนอก ซึ่งจะเข้ามาทำให้ภายในร่างกายของเราเกิดการเปลี่ยนแปลง และอาจส่งผลกระทบถึงพันธุกรรมของเราได้
สำหรับในส่วนเมล็ดพันธุ์ที่จะงอกเติบโตไปเป็นต้นไม้นั้น ก็ต้องหมั่นดูแล เปรียบได้กับเรื่องของฮอร์โมน การกำจัดสารพิษ การดีท็อกซ์ร่างกาย เรื่องของทางเดินอาหาร เรื่องของความจำ สมอง ความอ่อนล้า เรื่องของกระดูก ข้อต่อ กล้ามเนื้อ และเรื่องภูมิคุ้มกัน เป็นต้น ไวทัลไลฟ์ @บางกระเจ้ามีหน้าที่เข้ามาช่วยปรับปรุงฟังก์ชั่นภายในร่างกายก่อนที่จะเกิดอาการหรือสัญญาณเตือนต่างๆ เนื่องจากบางคนมองว่าการที่ท้องผูกหรือท้องเสียนิดหน่อย เป็นเรื่องปกติ หรือบางคนมองว่าการเป็นไมเกรน ไม่สามารถแก้ไขได้ หรือบางคนมักมีอาการง่วงตอนบ่ายๆ รู้สึกอ่อนเพลีย เป็นเรื่องปกติ ซึ่งจริงๆ แล้วเป็นเรื่องที่ไม่ปกติ และสามารถจัดการดูแลได้ ด้วยวิธีการดูแลเชิงป้องกัน ซึ่งเป็นเทรนด์การดูแลสุขภาพในปัจจุบันและในอนาคต ซึ่งมีความคุ้มค่ามากกว่าการรักษาตัวจากอาการเจ็บป่วยในภายหลัง
ด้วยคอนเซ็ปต์นี้ ไวทัลไลฟ์ จึงได้พัฒนาโปรแกรมในการดูแลสุขภาพทั้งหมด 9 โปรแกรม อาทิ โปรแกรมการดูแลทางเดินอาหาร หรือโปรแกรม Gut Health Program สำหรับคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับทางเดินอาหาร อาหารไม่ย่อย ท้องอืด ขับถ่ายไม่ดี, โปรแกรม Immune Booster สำหรับคนที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ หรือคนที่ติดเชื้อบ่อยๆ รวมถึงคนที่เป็นภูมิแพ้, โปรแกรม Detox ที่จะทำการตรวจหาว่ามีโลหะหนัก มีสารพิษในร่างกาย มีการอักเสบของร่างกาย ซึ่งเป็นต้นเหตุของความแก่ชรา และโรคภัยต่างๆ โดยจะสามารถกำจัดสารพิษเหล่านี้ออกไปได้ หรือโปรแกรม Mobility สำหรับคนที่มีอาการปวดต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับกระดูก ข้อต่อ กล้ามเนื้อ โดยทั้งหมดนี้ไวทัลไลฟ์ @บางกระเจ้า ถูกดีไซน์ขึ้นมาเพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดี ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคเรื้อรัง โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน ความดัน ไขมัน หัวใจ หรือโรคต่างๆ
นอกจากโปรแกรมของไวทัลไลฟ์@บางกระเจ้าจะให้การดูแลรักษาสุขภาพที่ดีแล้ว ยังมีการให้ข้อมูลความรู้ และสร้างความเข้าใจให้กับผู้มาใช้บริการ รวมถึงมีโค้ช (Lifestyle coach) ที่คอยให้คำปรึกษาแนะนำในการปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ รวมถึงให้ตระหนักรู้ถึงความสำคัญของสุขภาพตนเองมากยิ่งขึ้น ยกตัวอย่าง ในการปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ หรือ Lifestyle Factor อันดับแรกคือ เรื่องของอาหาร ถ้าผู้มาใช้บริการสามารถเรียนรู้ถึงวิธีการเลือกอาหารได้อย่างเหมาะสม ทางรักษจะเป็นฝ่ายจัดเตรียมตั้งแต่การคัดสรรวัตถุดิบอาหารที่ปลอดสารพิษ รวมถึงมีเชฟและนักโภชนาการ (Nutritionist) ของไวทัลไลฟ์ มาร่วมให้คำแนะนำในทุกมื้อที่“รักษ” เพื่อจะได้นำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ ซึ่งแค่เพียงยารักษาโรค หรือการฟื้นฟูร่างกายเพียงอย่างเดียว ไม่สามารถทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้นได้ จึงจำเป็นที่ทุกคนต้องมีส่วนร่วมในการดูแลสุขภาพของตัวเอง
ฉะนั้น Lifestyle Coach จึงมีความจำเป็นต่อการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอย่างมาก จากประสบการณ์ที่หมอพบ คือ หลายๆ คนเวลากลับไปใช้ในชีวิตประจำวันแล้ว ด้วยหน้าที่การงาน ภารกิจและครอบครัว ที่ต้องเจอทุกวัน ทำให้ในระยะแรกๆ การที่จะปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์นั้น ไม่สามารถทำได้ 100% จึงจำเป็นต้องมีโค้ชที่ช่วยคอยกำกับดูแล ในเรื่องของคำแนะนำอาหารการกิน การออกกำลังกายในแต่ละวัน ที่ทางแพทย์ของไวทัลไลฟ์จะคอยให้คำแนะนำการดูแลสุขภาพได้หลังจากกลับไป นอกจากนี้ สิ่งที่บำรุงราษฎร์ และไวทัลไลฟ์ ได้พัฒนาอยู่ในขณะนี้ คือเรื่องของ teleconsultation ที่จะเข้ามาเชื่อมโยงระหว่างแพทย์และผู้มาใช้บริการ เสมือนมีโรงพยาบาลอยู่ในมือถือมีแพทย์ประจำบ้านที่สามารถติดต่อได้ตลอดเวลา โดยไวทัลไลฟ์จะใช้ระบบนี้ เข้ามาเสริมจากโปรแกรมไวทัลไลฟ์ @บางกระเจ้า เพื่อการดูแลสุขภาพที่ดีอย่างต่อเนื่อง
ด้านของ นพ. รัฐภรณ์ อึ๊งภากรณ์ แพทย์ผู้ชำนาญการด้านผิวหนังและความงามศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์ บางกระเจ้า กล่าวเสริมว่า “นอกจากในส่วนของการดูแลความงามจากภายใน (Beauty from the inside out)แล้ว ไวทัลไลฟ์ @บางกระเจ้า ยังมี unit ที่ดูแลในเรื่องของความสวยความงาม (Aesthetics) ซึ่งจะดูแลความงามจากภายนอกด้วยเช่นกัน ซึ่งจะสัมผัสได้จากประสาทสัมผัสทั้ง 5 – รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส เข้ามาผสมผสานกัน โดยที่รักษจะให้การดูแลทั้งในส่วนของการดูแลสุขภาพและความงามแบบองค์รวม ซึ่งข้อแตกต่างและโดดเด่นจากแห่งอื่นๆ คือ ไวทัลไลฟ์ เรามีทีมแพทย์มืออาชีพประจำอยู่ในรักษ รวมถึงมีสหสาขาวิชาชีพที่เกี่ยวข้อง และเรามีบรรยากาศสิ่งแวดล้อมที่แตกต่าง เรียกได้ว่าเป็นคลินิกที่ใหญ่ที่สุดในประเทศด้วยพื้นที่เกือบ 200 ไร่ ถือเป็นการเปิดประสบการณ์ที่แปลกใหม่ที่ต้องมาสัมผัส ลิ้มรสอาหารที่ปรุงแต่งเพื่อสุขภาพพร้อมกับรังสรรค์ความงามได้หลากหลายโปรแกรม อาทิ Thermage, Ulthera, Botox, Filler และอื่นๆ มีความเป็นส่วนตัวสูง ท่ามกลางธรรมชาติ ทั้งต้นไม้นานาพันธุ์ โอบล้อมด้วยทะเลสาบ และแม่น้ำเจ้าพระยา ได้ที่โครงการรักษ @บางกระเจ้า จังหวัดสมุทรปราการ ส่งผลให้ผู้มาใช้บริการรู้สึกผ่อนคลาย และสามารถปฎิบัติตามโปรแกรมได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด”
(จากซ้าย-ขวา) นพ. รัฐภรณ์ อึ๊งภากรณ์ แพทย์ผู้ชำนาญการด้านผิวหนังและความงามศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์ บางกระเจ้า, เภสัชกรหญิงอาทิรัตน์ จารุกิจพิพัฒน์ ผู้อำนวยการด้านบริหาร (CEO) โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์, นพ. นรินทร สุรสินธน ผู้อำนวยการด้านการแพทย์ ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์ บางกระเจ้า และผู้อำนวยการด้านปฏิบัติการ ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์
เภสัชกรหญิงอาทิรัตน์ กล่าวปิดท้าย “สำหรับความร่วมมือในการเปิดตัว Medical & Wellness Retreat แห่งแรกในเมืองไทยและเอเชียครั้งนี้ ถือเป็นการยกระดับการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ (Medical Tourism) ในประเทศไทย และไวทัลไลฟ์เองก็มีความภาคภูมิใจที่มีส่วนสำคัญสนับสนุนให้ประเทศไทยกลายเป็น World-Class Medical & Wellness Destination ของคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติจากทั่วโลก หลังโควิด-19 คลี่คลายลง และช่วยสร้างรายได้ให้กับประเทศชาติได้อีกครั้ง”
สามารถศึกษาข้อมูลรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.vitallifeintegratedhealth.com/Bangkrachao
Copy right © 2016 The Editors. All right reserved.
For Advertising Contact
086-3260374
, 081-7856188