7 ความหอม จาก 5 ทวีป กว่าจะเป็น น้ำหอมหลุยส์ วิตตอง “Les Parfums Louis Vuitton”
August 24th, 2016
ตั้งแต่มีข่าวลือเมื่อหลายปีก่อนว่า Louis Vuitton จะครีเอทน้ำหอมกลิ่นใหม่ในรอบหลายทศวรรษ ก็เดาไปต่างๆ นานา หน้าตาจะเป็นอย่างไร และกลิ่นจะหอมล้ำลึกเพียงใด ส่วนใหญ่จะผิด
แต่สิ่งที่หลายคนเดาถูก คือ กลิ่นของหลุยส์ วิตตอง ในสหัสวรรษใหม่นี้ ย่อมไม่พ้นการเดินทาง อันเป็นแก่นของแบรนด์มาตั้งแต่ก่อเกิด แต่การเดินทางของกลิ่นหอมของ “น้ำหอมหลุยส์ วิตตอง” (Les Parfums Louis Vuitton) เป็นการเดินทางของความรู้สึก …งงไปอีก!
ความรู้สึกที่ว่านี้ เป็นความรู้สึกที่มีต่อกลิ่นหอม ที่ ฌาคส์ กาวาลิเย่ร์ แบลทรูด (Jacques Cavallier Belletrud) เพอร์ฟูเมอร์เที่ยวเสาะหากลิ่นหอมจาก 5 ทวีป และประสบการณ์ความหอมของเขาเอง มาสร้างสรรค์เป็นกลิ่นหอม ที่แตกต่างกันถึง 7 กลิ่น ได้แก่
1 โรส เดส์ วองต์ส (Rose des Vents)
ความบางเบาดุจแพรไหม ชวนให้นึงถึงกลิ่นละมุมของกุหลาบที่เก็บเกี่ยวเดือนพฤษภาคมในเมืองกราส ที่นอกจากจะเป็นบ้านเกิดของเพอฟูเมอร์ ยังเป็นถิ่นของ เซนทิโฟเลีย โรส ที่ถูกลมพัดไหว กรุ่นกลิ่นหอมไปตามลม ผ่านการสกัดด้วยคาร์บอนไดออกไซด์ ขั้นตอนการดึงความหอมแบบพิเศษเฉพาะของหลุยส์ วิตตอง ร่วมกับกุหลาบตุรกี และกุหลาบบัลแกเรีย และเพื่อให้กลิ่นมีมิติมากยิ่งขึ้น จึงมีส่วนผสมความหอมจาก ฟลอเรนไทน์ ไอริส เวอร์จิเนียร์ ซีดำร์ และเพิ่มความสไปซี่ด้วยพริกไทย เป็นกลิ่นหอมเริ่มต้นสำหรับทุกการเดินทาง
2 ตูร์บิวลองซ์ (Turbulences)
ความรู้สึกวูบขึ้นลงของการเดินทางบนท้องฟ้า ทำให้เกิดอาการวูบวาบ ใจเต้นรัว ความรู้สึกนี้ได้นำมาตีความให้กับรู้สึกวูบวาบของรักแรกพบ เพอร์ฟูเมอร์นำความรู้สึกที่ติดใจกลิ่นหอมของดอกซ่อนกลิ่น ที่ครั้งหนึ่งเขาเคยหยุดชะงักในความหอมของซ่อนกลิ่น ครั้งเดินผ่านประตูสวนในหน้าร้อนกับพ่อของเขา
จึงนำความประทับใจต่อซ่อนกลิ่นในครั้งนั้น มาผสมผสานเข้ากับความเอ็กโซติกของมะลิ แกรนดิฟลอรัม จากเมืองกราส มะลิแซมบัค ที่ชาวจีนนิยมปลูกสำหรับชงชาหายาก แมกโนเลียจีน และเมย์ โรส บวกกับกลิ่นหนักอ่อนๆ สร้างมิติให้น่าหลงใหลยิ่งขึ้น มำให้การเดินทางเต็มไปด้วยแรงปรารถนา
3 ด็องส์ ลา โป (Dans la Peau)
กลิ่นหอมจากพลังเร้าอันแรงกล้า ผสมผสานกลิ่นหนังธรรมชาติจากเวิร์คช็อปของหลุยส์ วิตตอง ลงไป เกิดเป็นกลิ่นหอมแตกต่าง แต่ก็เบรกความเข้มข้นด้วยความหอมหวานของผลแอพริคอท ความละมุนของดอกมะลิจากเมืองกราส และมะลิแซมบัค จากประเทศจีน
โดยเพิ่มความเร้าอารมณ์ด้วยกลิ่นเย้ายวนจาก ดอกนาร์ซิสซัส ตามด้วยความเย้ายวนอันร้อนแรงจากมัสก์ 4 แบบ ได้แก่ พำวเดอรี่มัสก์ คลีนมัสก์ มัสก์จำกสัตว์ และมัสก์จำกดอกไม้ ให้มิติกับกลิ่นอันเต็มไปด้วยเสน่หา แต่ก็เบรกความเร้าร้อนอีกครั้งไว้แต่พอดีด้วยแมกโนเลียจีน เป็นการเดินทางที่เต็มไปด้วยแรงปรารถนา
4 อะโปเช่ (Apogée)
การเดินทางไปยังดินแดนที่เต็มไปด้วยธรรมชาติ ป่าเขา ท้องทะเล หรือยอดเขา เพื่อค้นพบสิ่งใหม่ น้ำหอมกลิ่นนี้จึงมอบสัมผัสแห่งธรรมชาติ โดยเลือก ลิลลี่ ออฟ เดอะ แวลเลย์ มาเป็นกลิ่นเปิด เพราะมีความหมายถึง “การเกิดใหม่” ให้ความรู้สึกสดใสอยากออกไปค้นพบโลกใหม่อย่างเต็มเปี่ยม
จากนั้น เป็นหน้าที่ของดอกมะลิเมืองกราส แมกโนเลียจีน และเมย์โรส เมืองกราส ผสมผสานกันไปอย่างมีชั้นเชิง โดยมีกลิ่นอบอุ่นจากไม้หอมอย่าง ไม้กวาแอค และแซนดัลวูด มาเป็นกลิ่นปิดท้ายการเดินทาางอันน่าหลงใหส ที่จะมอบการเข้าถึงธรรมชาติอย่างแท้จริง
5 ก็งทร์ มัว (Contre Moi)
เหมือนกับการปลดปล่อยอะไรบางอย่างออกมา เพอร์ฟูเมอร์ จึงนำกลิ่นวานิลลา กลิ่นที่เขารัก และรู้จักดีที่สุด มาตีความใหม่ให้ไม่ซ้ำใคร โดยเลือกเอากลิ่นมาดากัสการ์ ที่ให้ความรู้สึกคล้ายหนัง ผสมกับ ทาฮิเทนสิส วานิลลา ตามมาด้วยกลิ่นสดชื่นคลุกเคล้ากับกลิ่นหวานๆ ทั้งจาก ออเร้นจ์ บลอซซัม กุหลำบเซนทิโฟเลีย จากเมืองกราส และแมกโนเลีย
ปิดท้ายตามด้วยกลิ่นขมของโกโก้ ให้ความรู้สึกท้าทาย และกลิ่นเหล้าหมักจากลูกแพร์ และกลิ่นมัสก์ เป็นความหอมที่ หลุยส์ วิตตองบอกว่า ทำให้รู้สึกอยากจูงมือใครสักคน และหนีไปด้วยกัน!
6 มาติแยร์ นัวร์ (Matière Noire)
เมื่อนึกถึงการเดินทางอันน่าตื่นเต้น เพอร์ฟูเมอร์ จึงนึกถึงความลี้ลับเกินคาดเดา จึงเป็นการจับคู่ระหว่าง แพทชูลี และพรรณไม้ที่หายากที่สุดในโลกแห่งการทาน้าหอม คือ ไม้หอมอำกำร์ จากลาว ผสมให้มีรายละเอียดมากขึ้นด้วย แบล็กเคอร์แรนท์ และไวท์นำร์ซิสซัส ผสมมะลิแซมบัค ราวกับการนำความมืดคู่กับความสว่าง ด้วยสิ่งสองแบบที่แตกต่าง แต่ผสมกันแล้ว อืมมม ลงตัว และลึกลับ
กลื่นกุหลาบเซนทิโลเลียที่สกัดด้วยกรรมวิธีคาร์บอนไดอ็อกไซด์ตามแบบฉบับเฉพาะของหลุยส์ วิตตอง เป็นกลิ่นกลางคืน และไซคลำเมน ก็เหมือนหยาดน้าค้างยามเช้า ปิดท้ายด้วยกลิ่นที่ดูลึกลับยิ่งขึ้นด้วย ธูป และเบนโซอินบาล์ม เป็นการเดินทางที่เต็มไปด้วยปริศนา
7 มิลล์ เฟอซ์ (Mille Feux)
ฉาบหนทางและตึกรามด้วยความสว้างไสว ไม่ว่าจะเป็นแสงทองของดวงอาทิตย์ ประกายพร่างพราวของหมู่ดาว และแสงเหนือ กลิ่นนี้มีที่มาจากเมื่อเพอร์ฟูเมอร์ ไปพบช่างฝีมือของหลุยส์ วิตตอง กำลังผลิตกระเป๋าสีราสเบอร์รี่ ใช่เลย! ประกายเจิดจรัสในไอเดียเกิดขึ้นทันที
เขานำกลิ่นหนังของหลุยส์ วิตตอง มาปรุงให้เข้ากับดอกออสแมนธัสจากจีน ดอกไม้สีขาวที่มีกลิ่นของสัตว์ และผลแอพริค็อต เน้นกลิ่นหนังให้ชัดเจนยิ่งขึ้นด้วย ดอกไอริส และหญ้ำฝรั่น จากนั้นเป็นกลิ่นหวานๆ เปรี้ยวๆ จากราสเบอร์รี่แทรกเข้ามาในผืนหนัง นับเป็นครั้งแรกที่นำราสเบอร์รี่ มาผสมกับผืนหนัง ความอัศจรรย์บังเกิดขึ้นแล้ว!
Packageing
ความพรีเมี่ยมของการเดินทางของความรู้สึกยังไม่จบเพียงเท่านี้ หากไม่เอ่ยถึงบรรจุภัณฑ์ ซึ่งก็ มีที่มาไม่ต่างจากกลิ่นหอมทั้ง 7 งานนี้ ผู้รับหน้าที่ออกแบบบรรจุภัณฑ์ได้แก้ มาร์ค นิวสัน (Marc Newson) โปรดักส์ดีไซน์ชื่อก้อง เขานึกถึงความเรียบง่ายและบริสุทธิ์ ขวดน้ำหอมจึงออกแบบให้เรียบใสราวกับหยดน้ำ ชื่อแบรนด์ก็สลักนูนไปพร้อมขวด มีเพียงชื่อน้ำหอมที่เป็นสีดำ ฝาขวดสีดำประทับโลโก้ LV
กล่องน้ำหอมทำจากกระดาษสีขาวและทองนั้น คล้ายรูปทรงกระบอกของ เฌอ ตู อิล (Je, tu, il,) น้ำหอมของหลุยส์ วิตตอง เมื่อปี 1928 ปัจจุบันไม่มีจำหน่ายแล้ว น้ำหอมมี 2 ขนาด คือ 200 ml (ราคาขวดละ 13,200 บาท) และ 100 ml (ราคาขวดละ 9,300 บาท)
นอกจากนี้ยังมีขนาดพกพาสำหรับการเดินทาง หนึ่งเซ็ตมี 4 ขวดๆ ละ 7.5 ml สามารถเปลี่ยนน้ำหอมเล็กๆ ด้านในได้ (ราคา 9,300 บาท และรีฟิล 4 ขวด 5,200 บาท)
ขณะที่ก็มีน้ำหอมหลุยส์ วิตตอง ในขนาดกะทัดรัดสำหรับนักสะสม ครบเซ็ต 7 ขวดๆ ละ 10 ml (ราคาเซ็ตละ 9,300 บาท)
แน่นอนว่า หลุยส์ วิตตอง ไม่ลืมออกแบบหีบสำหรับใส่น้ำหอมเพื่อการเดินทางลายโมโนแกรม ที่ได้แรงบันดาลใจการกระเป๋าเครื่องสำอางสตรีในทศวรรษที่ 20 หีบออกแบบให้บรรจุน้ำหอมได้ 3 ขวด พร้อมช่องเก็บอุปกรณ์เครื่องหอม (ราคา 185,000 บาท)
เป็นความอภิรมย์สำหรับการเดินทางในแบบฉบับ หลุยส์ วิตตอง
(พร้อมจำหน่ายในไทย 15 กันยายน เฉพาะที่หลุยส์ วิตตอง ดิ เอ็มโพเรียม)
ภาพ: ลิขสิทธิ์แบรนด์